วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ G-dragon จากนิตยสาร K& Magazine (part1)


"พอถึงจุดจุดนึง ผมมีความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นครับ ผมสามารถพูดได้ว่าผมมีมากเกินกว่าที่ตัวเองควรจะมีทั้งในเรื่องของดนตรีและในเรื่องการใช้ชีวิตแล้ว" 

ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีน้อย ถึงแม้ว่าผมยังจะไม่ได้โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ผมอยู่ในช่วงที่กำลังเดินไปหาจุดจุดนั้นครับ"

ผมเคยบอกกับตัวเองว่า "ผมจะต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะพยายามไปให้ถึงสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตให้ได้ " เป็นเพราะผมตั้งใจกับตัวเองเอาไว้แบบนั้นทำให้ผมสามารถรับมือได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง

หนึ่งประโยคที่ศิลปินชื่อดัง จีดราก้อน อยากจะพูดกับจียงในวัยเด็ก คือ "จียงเป็นคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักจริงๆนะ"

Q1) คุณหนักใจบ้างไม๊ครับเมื่ออัลบั้มนี้ออกมา???
GD: แค่นิดเดียวเท่านั้นครับ เวลาที่ผมทำงานเพลงมีบางครั้งที่จะผมจะมีอาการเหมือนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำครับ คือจะคิดว่า จะต้องทำงานเพลงให้แปลกใหม่ออกมาเสมอ ผมคิดว่าที่ผมมีความคิดแบบนี้เป็นเพราะผมรู้สึกได้ถึงความต้องการจากผู้คนที่คอยมองมาที่ผม ถ้าผมพยายามอย่างหนักเพียงเพราะความคาดหวังนั้น ผมคงไม่สามารถที่จะทำเพลงตามแบบที่ตัวเองต้องการออกมาได้หรอกครับ 
ดังนั้นอัลบั้มนี้จะทำออกมาโดยปราศจากความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น ผมทำมันออกมาอิสระตามความตั้งใจของตัวเองเลย

Q2: ความแตกต่างระหว่างอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกกับชุดนี้ ตรงไหนที่แตกต่างกันมากที่สุดครับ??
GD: ผมรู้สึกผ่อนคลาย มากในครั้งนี้ครับ ในตอนที่ผมทำงานในอัลบั้มเดี่ยวคราวที่แล้ว ผมเอาแต่คิดต้องการที่จะถ่ายทอดข้อความบางอย่างผ่านลงไปในเสียงเพลง และหลังจากที่ได้ลองทำงานเพลงในแนวต่างๆมากขึ้น ผมก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไปและต้องการที่จะถ่ายทอดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองในเรื่องราวของความรู้สึกในชีวิตประจำวันลงไปในเพลงมากกว่า ผมต้องการที่จะบรรยายถึงความรู้สึกที่ทุกคนล้วนต่างก็ต้องเคยรู้สึกมาแล้วผ่านลงไปในเพลงของผม และคนก็จะได้มีความรู้สึกร่วมไปในเพลงของผมด้วย

เป็นเพราะผมทำงานเพลงในชุดนี้ด้วยความตั้งใจแบบนั้น ผมจึงรู้สึกพอใจกับงานในอัลบั้มนี้มากกว่าเมื่อเทียบกับงานในอัลบั้มที่แล้ว หากคะแนนเต็มคือ 100 คะแนน อย่างน้อยผมคิดว่าผมจะให้คะแนนอัลบั้มนี้ 85 คะแนนดีไม๊ฮะ??? (หัวเราะ)

Q3: สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวของจีดราก้อนคืออะไรครับ ?
GD:เมื่อเทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อน ดูเหมือนว่าผมจะสามารถรับมือกับงานของตัวเองได้ดีกว่าแต่ก่อนครับ ก่อนหน้านี้ผมมักจะไล่ตามแต่ความคิดของตัวเองเสมอโดยที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังถึงผลกระทบที่จะตามมา แต่ในตอนนี้ผมคิดว่าผมรู้จักวิธีที่จะควบคุมมันมากขึ้น ถึงแม้ว่าความคิดแบบนั้นจะทำให้คนคิดว่าผมกำลังคำนวณถึงสิ่งที่ผมจะได้รับจากการที่ลงมือลงแรงไป แต่ผมคิดว่าผมฉลาดขึ้นในการทำงานเพลง ผมคิดว่ามันจะช่วยลดโอกาสที่จะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ดีด้วยเช่นกัน

ตอนที่ผมย้อนกลับไปฟังเพลงในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ผมมักจะคิดว่า " ทำไมเราถึงทำเพลงออกมาแบบนั้นนะ ??" และมีบางครั้งผมถึงกับไม่อยากจะฟังมันเลยละครับ แต่ยังไงก็ตามหลังจากนี้อีก 3 ปี ผมคิดว่าผมก็อาจจะมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันกับอัลบั้มชุด 2 นี้  เวลาที่ผมทำงานเพลงผมคิดว่าตัวเองได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วยเช่นกัน ใช่ไม๊ละครับ??

Q 4: คอนเซ็บของอัลบั้มชุดนี้คืออะไรครับ?
GD: พูดตามตรงคือ อัลบั้มชุดนี้ไม่ได้มีคอนเซ็บซ์อะไรเป็นพิเศษครับ ผมแค่สอดแทรกสิ่งที่อยู่ในใจของจีดราก้อนในวัย 24 ลงไปก็เท่านั้นความคิดที่จีดราก้อนคนนี้ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน นอกจากนี้ผมก็อยากจะมองเห็นตัวเองผ่านสิ่งที่ผู้คนคิดด้วยนะครับ อย่างเช่นเมื่อคุณฟังแล้ว คุณจะคิดว่า "จีดราก้อนเค้ามีความคิดแบบนี้สินะ" " เส้นทางในการใช้ชีวิตของเค้าเป็นแบบนี้เองสินะ"

Q5: คุณเป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนองของเพลงทุกเพลงในอัลบั้มนี้ใช่ไม๊ครับ??
GD: ครับ แต่ผมก็เจอกับความยากลำบากในฐานะที่เป็นคนต้องถ่ายทอดแปลทุกอย่างออกมาเองแบบนี้เหมือนกัน ผมมักจะคิดว่า จากนี้ไปผมจะไม่ยอมให้ใครมาคิดว่าผมเป็นเพียงมือสมัครเล่นได้อีกแล้ว ทำให้ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมพอจะมีเวลาผมมักจะเขียนเพลง แต่งเนื้อร้องออกมาเสมอ จนในตอนนี้เพื่อนๆของผมที่เป็นนักร้อง มักจะพูดว่า " เพลงแบบนี้มีแต่จีดราก้อนเท่านั้นที่จะทำออกมาได้" 

นอกจากนี้ เป็นเพราะตอนนี้โลกทั้งโลกกำลังหันมาสนใจในเรื่องของ KPOPมากขึ้น ผมก็ยิ่งอยากจะทำเพลงที่ดีมากขึ้นไปอีกออกมา เพลงที่ดีถึงขั้นที่เราสามารถเรียกมันว่าเป็นเพลง คลาสลิก เป็นเพลงอมตะได้  

Q6: ช่วยแนะนำเพลงที่ใช้ในการโปรโมทหลักในอัลบั้มนี้ คือเพลง Crayon ให้ฟังหน่อยครับ??
 GD: เพลงนี้เป็นส่วนผสมระหว่างคำว่า เครซี่กับจียง ครับ มันจะมีหมายความว่า มาบ้าคลั่งไปกับจียงกันเถอะ  เหมือนกับเวลาที่คุณกำลังคลั่งไคล้อะไรซักอย่าง หรือเวลาที่คุณแค่อยากจะสนุกสุดเหวี่ยง

ในตอนที่ผมกำลังทำเพลงนี้กับพี่เท็ดดี้ ผมเขียนเนื้อร้องคำว่า "why so serios ?? ลงในกระดาษเปล่าๆ คำพูดนี้เป็นคำพูดที่โด่งดังของตัวโจ๊กเกอร์ในภาพยนตร์เรื่อง  ‘the Dark Knight’ ผมชอบคำพูดนี้มากๆ ผมอยากจะพูดกับคนหลายๆคนเลยว่า "ทำไมคุณถึงได้จริงจังนัก??" และผมก็อยากให้ผู้คนคิดว่า "เด็กคนนี้นี่มันก็บ้าเอาเรื่อง" เวลาที่พวกเค้าเห็นการแสดงของผมบนเวที และ โชคดีนะครับผมสามารถทำทั้งหมดนี้ได้อย่างที่คิดเอาไ้ว้เลย MVเพลงนี้ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆด้วยนะครับ ผมชอบมันมากเลยจริงๆ

Q7: ทำไมคุณถึงเลือกเพลงนี้เป็นเพลงโปรโมทครับ??
GD: ท่านประธานยางฮยอกซอก บอกกับผมว่าผมควรจะเลือกเพลงที่น่าสนใจมาเป็นเพลงหลักที่ใช้ในการโปรโมทครับ ในช่วงระยะเวลาที่จะทำเพลงแบบนั้นออกมาได้มันยากมากทีเดียวละครับ ในตอนเริ่มแรกเป็นเพราะผมมัวแต่ไปคิดถึงสิ่งที่ทุกคนอยากให้ผมทำ จนผลสุดท้ายก็จบลงที่ผมไม่สามารถเขียนเพลงอะไรออกมาได้เลย ผมรู้สึกกังวลมากๆด้วยในตอนนั้นเพราะผมไม่สามารถเขียนเนื้อร้องใดๆออกมาได้เลยด้วย แต่ก็สามารถทำออกมาจนได้เมื่อได้ออกไปเที่ยวกับพี่เท็ดดี้ ในตอนที่ผมลงมือทำเพลง Crayon นี้เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมจะสามารถทำงานเพลงออกมาได้ก็ต่อเมื่อตัวเองสบายใจและตอนที่ตัวเองรู้สึกมีความสุขที่จะทำมันออกมาเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่ได้บอกนะครับว่าถ้ามีความรู้สึกกังวลมากๆจะไม่สามารถแต่งเพลงดีๆออกมาได้ 

Q8: คุณสวมชุดหลายชุดมากใน MV เพลง Crayon ชุดไหนที่ชุดชอบที่สุดครับ??  
GD:ชุด frankenstein ที่ผมใส่ในช่วงที่ 2 ของMV ครับ เพราะชุดนั้นเป็นของขวัญจากดีไซเนอร์ที่ผมรักมันมากครับ ผมตัดสินใจที่จะสวมมันใน MV ผมสวมมันเต้นด้วยนะครับ แต่ใน MV มันถูกตัดไป ผมสวมกระโปรงแบบผู้หญิงใน MV ด้วยครับจะมีฉากนึงที่จะถ่ายด้านหลังของผู้หญิงสวยคนนึง เป็นเพราะ ผมก็สวมชุดนั้นด้วยเข้าฉากทำให้มีคนหลายคนมาถามผมว่า ผู้หญิงที่เห็นคนนั้นเป็นผมด้วยรึเปล่า?? คือด้านหลังนั้นเป็นผู้หญิงจริงๆครับ แต่ตอนตัดมาด้านหน้าตอนนั้นเป็นผมแล้ว มันคือการตัดต่อครับ แต่อาจจะเป็นเพราะผมตัวผอม ทำให้เกิดการเข้าใจผิดนี้ขึ้น 

ผมได้ใส่ทุกชุดที่ผมอยากจะใส่ดังนั้นผมรู้สึกพอใจอย่างมากเลยจริงๆครับ

Q9: ในเพลง One of a kind ทั้งเพลงและ MV ต่างก็มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์นะครับ
GD:ผมอยากจะแสดงออกถึงด้านที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองให้ทุกคนได้เห็นให้สมกับที่เป็นเพลงหลักของอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองครับ เพลงนี้เป็นเพลงที่อย่างที่บอกคือ เป็นเพลงที่เฉพาะจีดราก้อนเท่านั้นถึงจะทำได้ ผมอยากจะมอบความรู้สึกอิสระและความเลือดร้อนให้แก่ผู้ฟัง เพราะมันเป็นอัลบั้มเดี่ยวหลังจากที่ห่างจากอัลบั้มเดี่ยวแรก 3 ปี ผมหวังว่าผมจะสามารถเป็น ศิลปินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้ 

Q10: เพลง tha XX’ แต่งมาจากประสบการณ์จริงๆของคุณไม๊ครับ??
GD: จริงๆเพลงของผมไม่ใช่ทั้งหมดจะมาจากประสบการณ์ของตัวผมเองหรอกนะครับ
ผมว่าทุกคนคงจะเคยมีประสบการณ์ในเรื่องของรักสามเส้ามาก่อน ผมอยากจะใช้คำที่ค่อนข้างกระทบกับความรู้สึกมาใช้ในเนื้อเพลงเพื่ออธิบายความรู้สึกนั้นออกมา ถ้าคุณต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่คนรักของคุณกำลังนอกใจคุณคงจะไม่ใช้คำสุภาพๆแน่ใช่ไม๊ละครับ??

source: pizarstar xXxX at weibo
chinese to english translation by ricekwon
english to thai translation by mew

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น