วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สัมภาษณ์ ทาบิและจูริ จาก Modelpress



Q:ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานร่วมกัน ช่วยบอกให้พวกเรารู้เรื่องความประทับใจต่อกันและกันหน่อยค่ะ

จูริ:ครั้งแรกที่ได้ยินว่าต้องทำงานกับคุณซึงฮยอนฉันก็เริ่มๆคิดกังวล ว่าเราจะเข้ากันได้ไม๊?(หัวเราะ) 
ครั้งแรกที่ฉันได้พบเค้า วันนั้นเค้าสวมเสื้อโค้ทที่ทันสมัยและมีกล้องอยู่ในมือ นี่แหละใช่อูฮยอนจริงๆ!!
ฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจอย่างมากกับความจริงที่ว่าท็อปแห่งวงบิกแบงได้เก็บซ่อนความเป็นดาราใหญ่ของตัวเอง และได้กลายมาเป็นอูฮยอนจริงๆในขณะที่ถ่ายทำละคร

TOP:ผมมาที่ญี่ปุ่นเกือบจะทุกปีเพราะมีคอนเสริ์ตแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำงานร่วมกับนักแสดงชาวญี่ปุ่น ผมคิดเอาไว้กับตัวเองว่าผมก็อยากจะลองทำงานร่วมกับนักแสดงขาวญี่ปุ่นแบบนี้ดูบ้าง และก้ได้รับข้อเสนอให้มาทำงานร่วมกับคุณจูริซึ่งเป็นนักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่นที่ผมชื่นชอบอยู่ครับ ผมชอบงานที่มีคุณจูริร่วมแสดงเสมอและการแสดงของเธอก็มีเอกลักษณ์ ทุ่มเท และน่ารัก ไปพร้อมๆกัน ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานร่วมกับเธอ ครั้งแรกที่ผมพบเธอ เธอก็มีบุคคลิกต่างๆตามที่ผมจินตนาการเอาไว้เป๊ะเลย และกระบวนการการถ่ายทำก็เต็มไปด้วยความสนุกครับ 

จูริ:มีคำชมเยอะเลยนะคะ (หัวเราะเขินๆ)ในละครมีฉากออกเดทเยอะเลยและคุณซึงฮยอนก็ตั้งใจมากๆใส่ใจในรายละเอียดบทพูดที่ต้องการจะใช้คำพูดตลกๆหรือเล่นมุขที่เป็นที่นิยมจริงๆที่เกาหลีเพื่อเราจะได้หัวเราะกัน ฉันรู้สึกทึ่งกับทัศนคติของเค้าในการทำงานอย่างหนักโดยไม่มีปล่อยผ่านไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าเวลาจะจำกัดมากก็ตาม

Q:ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายและผู้หญิงที่ตกหลุมรักกันผ่าน Line ทั้งๆที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน คุณคิดว่าความรักแบบนี้ โอเครึเปล่าคะ?

จูริ:ถ้าเรื่องราวเป็นไปแบบในละคร มันก็โอเคนะคะแต่ว่าในชีวิตจริงคงหาได้ยากมากๆมีอะไรหลายๆเรื่องให้ต้องคำนึงถึง เช่น เค้าจะมีรูปร่างหน้าตายังไงหรือความคิดของเค้าอาจจะเป็นเรื่องโกหกก็เป็นได้  

TOP:อูฮยอนเค้าเป็นผู้ชายที่เคยอกหักอย่างรุนแรงจากความรักครั้งที่ผ่านมาผมแสดงตัวละครนี้ออกมาโดยมีบางอย่างที่ผมสามารถเชื่อมโยงตัวเองกับบทนี้ได้ ดังนั้นการที่ตกหลุมรักในสถานการณ์แบบนี้บางทีมันอาจจะเป็นไปได้นะครับ เมื่อคนนึงกำลังเจ็บปวด การได้คุยและได้บทสนทนาที่มาคอยปลอบประโลม มันกลายเป็นช่วงเวลาที่คนเราจะกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นคู่รักใหม่ในที่สุด


Q: ฉันได้ยินมาว่าตารางการถ่ายทำนั้นจวนตัวและยุ่งมากๆ มีเหตุการณ์อะไรที่เป็นความทรงจำในช่วงที่ตารางงานยุ่งๆบ้างไม๊คะ??

จูริ:ฉากการเต้นแบบละครใบ้ค่ะ ทีแรกฉันได้รับการแนะนำจากคุณครูสอนเต้นชาวเกาหลีแต่ว่ามันยากเกินไปสำหรับฉัน ฉันคิดว่าฮารูกะจะต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการเต้นเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจเรียนกับคุณครูที่ญี่ปุ่นซึ่งเคยช่วยฉันมาก่อนหน้านี้ 

ฮารูกะต้องเดินทางไปเกาหลีโดยที่ไม่สามารถพูดคุยภาษาเกาหลีได้ เธอจะเงอะๆงะๆแต่ก็พยายามที่จะบรรยายความอ่อนแอของตัวเองผ่านท่าทาง ฉันพยายามที่จะวาดภาพความรู้สึกที่แท้จริงของฮารูกะออกมา ซึ่งฉากเต้นนั้นเป็นฉากที่อยู่ในความทรงจำของฉันเพราะผู้กำกับเลือกที่จะทำให้ละครสมบูรณ์ด้วยการเต้นนี้ของฉันค่ะ

TOP: ของผมจะเป็นช่วงเวลาที่ได้เข้าไปถ่ายทำในตึกโบราณในญี่ปุ่นครับ ผมสนใจเรื่องของตึกรามบ้านช่อง ผมรักตึกญี่ปุ่นโบราณและตึกแบบเกาหลี ผมรักบ้านที่เราใช้ถ่ายทำละครเรื่องนี้มากๆครับ 
ในตอนนั้นผมเหนื่อยล้ามากๆกับตารางงานที่ยุ่งมากแต่ผมก็ได้รับแรงกระตุ้นอย่างดีจากบ้านหลังนั้น แต่ถึงยังไงตารางงานในตอนนั้นก็ยุ่งมากเกินไปครับ ผมมีเวลานอนเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นผมคิดว่าตั้งแต่ทำงานมา10ปีไม่เคยยุ่งแบบนี้มาก่อนเลย เวลาที่ไม่มีคนคอยมองอยู่ ผมจะแอบหลบไปร้องไห้ในห้องน้ำ (ยิ้มแบบ เบะปาก)

จูริ:คุณร้องไห้เลยเหรอคะ?? (หัวเราะ) น่าจะหลบไปนอนแล้วค่อยร้องไห้สิ 
 
Q: คุณซึงฮยอนทำงานทางด้านแสดงและในเรื่องของงานเพลงได้ดีทั้งคู่เลยนะคะ คุณมีแผนการยังไงต่อไปกับอาชีพนี้คะ?

TOP:ผมไม่มีแผนอะไรเลยครับ (หัวเราะ)เป็นเพราะว่าสิ่งที่ผมได้ประสบการณ์มาทั้งจากงานเพลงและงานแสดงล้วนเป็นไปเพราะพรหมลิขิตทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่ผมคิดว่าอยากจะแสดงบทอะไรผมมักจะไม่มีเวลาที่จะรับงานนั้นได้หรืออาจจะไม่มีบทแบบนั้นมาเสนอให้รับแสดงเลยหรือ บางทีมีบทเข้ามาเสนอแต่ผมกลับไม่สนใจอยากจะทำงานนั้นๆเอง

ในเรื่องของงานเพลง ทั้งงานของบิกแบงและงานเดี่ยวของผม เราไม่เคยคิดวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องให้มันออกมายิ่งใหญ่ ไม่ได้วางแผนและลงมือทำพร้อมกับความคิดที่จะกอบโกยละโมบแบบนั้นเลย มันมีบางอย่างที่ออกมาดียอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบแต่ก็มีช่วงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเช่นกัน หนทางของผมคือการต้องเผชิญหน้ากับความยากนั้น ดังนั้นผมคิดว่าถ้าเจอความยากลำบากเมื่อไหร่ก็รับมือกับมันก็แค่นั้นครับ 
 
จูริ:ของฉันก็เช่นกันค่ะ การได้ทำงานเหมือนการได้รับพระพรอย่างหนึ่งมากกว่าการไปฉกฉวยคว้ามันมาฉันไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจกับงานที่ทำมาเลยละค่ะและฉันก็ได้รับรางวัลกับงานที่ตัวเองอยากจะทำเสมอ
ดังนั้นฉันก็จะขอทำงานที่ส่งมาให้ฉันในตอนนั้นๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจิตวิญญาณของการทำงานบริการเป็นอะไรที่สำคัญที่สุดและเพียงพอแล้วสำหรับฉันค่ะ

===========================

Interview source http://mdpr.jp/interview/detail/1541965
Eng Translation by mmvvip http://mmvvip.tumblr.com/post/133459708176/trans-bigbang-top-and-juri-ueno-interview-on
Thai Translation by miss mew