วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สัมภาษณ์ G-dragon จาก Dazed Digital


การที่ชนะรางวัล EMA การที่ขายตั๋วคอนเสริ์ตได้หมดเกลี้ยงจนต้องเพิ่มรอบการแสดง ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเติบโตขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แต่ในทางกระแสหลักแล้ว จะว่าไปบิกแบงก็ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ในโลกตะวันตกถ้าเทียบกับวงอย่าง ColdPlay นะครับคุณมองเห็นตัวเองและบิกแบงอยู่ตรงไหนหากมองกันไปในระดับโลกครับ?? 
GD 답변: ผมคิดว่า เราโชคดีมากๆนะครับที่เป็นที่รู้จักนอกประเทศเกาหลี และผมขอยกความดีความชอบให้กับ อินเตอร์เนท และ youtube ที่ช่วยกระจายเรื่องราวออกไปว่าบิกแบงคือใคร พวกเรายังคงเป็นวงที่มาจากประเทศเล็กๆและสำหรับพวกเราแล้วการที่ได้ก้าวเท้าเข้าไปในประเทศที่เราไม่เคยไปมาก่อน ไม่เคยมีการโปรโมทมาก่อนด้วย และยังขายตั๋วการแสดงจนหมดได้ เรารู้สึกเป็นพรที่วิเศษครับ

แต่ในตอนนี้มีข่าวมากมายที่สนใจในตัวคุณแล้วนะครับ แต่ทัวร์คอนเสริต์กลับจบลงแล้วซึ่งในปี 2013 ตามแผนมีการวางงานในส่วนของงานโซโล่ของสมาชิกในวงมากกว่า คุณวางแผนยังไงในการที่จะจัดการกับความสนใจในตัวของบิกแบงที่เพิ่มมากขึ้นในขณะที่สมาชิกต่างก็แยกย้ายไปทำงานเดี่ยวของตัวเอง?? คุณรู้สึกรึเปล่าว่ามันเป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะคงความสนใจนี้เอาไว้ หรือคุณมั่นใจมากที่จะเดินหน้าทำไปตามแผนที่คุณต้องการ?? 
 GD 답변: เรามักจะมุ่งความตั้งใจของเราไปที่คุณภาพของเสียงเพลงนะครับ เพราะตราบใดที่งานออกมาดีจากนั้นความสนใจก็จะตามมาเอง  การที่เราได้รับความสนใจแบบนี้เป็นเพียงเพราะเราทำงานกันอย่างหนักที่จะให้ชิ้นงานออกมามีคุณภาพและผู้คนก็ชอบแบบนั้น บิกแบงทำให้แฟนๆต้องรอชิ้นงานของเรามาหลายต่อหลายครั้งในอดีต ดังนั้นความตั้งใจของผมคือ จะผลักดันผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาไม่ว่าจะเป็นงานในอัลบั้มเดี่ยวของผมหรือในอัลบั้มของบิกแบงก็ตาม และผมจะยังคงเดินหน้าทำตามตัวเองรอคอยจนกว่าเพลงนั้นจะพร้อมและชิ้นงานนั้นออกมาดีถึงจะปล่อยออกมาครับ

มีการพูดคุยกันมากในเรื่องของการที่ศิลปินชาวเกาหลีจะทำอัลบั้มภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มโอกาสในการที่จะบุกตลาดต่อไป บิกแบงเคยทำอัลบั้มที่ญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษมาแล้วแต่ก็นานมาแล้ว ในตอนนี้คุณเริ่มต้นได้ดีและมีพื้นฐานที่ดีในประเทศอย่างอเมริกาแล้วตอนนี้มีความจำเป็นที่จะต้องออกอัลบั้มเป็นภาษาอังกฤษออกมารึเปล่าครับ?? 
GD 답변:ผมคิดว่ามันก็เท่ดีถ้าจะแร๊พเป็นภาษาอังกฤษจากที่เราเคยทำนิดๆหน่อยๆมาแล้ว แต่ก็อีกครั้งแหละครับที่ผมจำเป็นต้องรู้สึกว่ามันใช่ มันเป็นก้าวที่ใช่ ในฐานะที่เป็นศิลปิน เราเคยทำมันมาแล้วและอาจจะทำมันอีกครั้ง แต่ผมจะทำเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆออกมาเมื่อผมรู้สึกว่ามันใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าทำเพราะถึงเวลาที่ควรจะทำแล้วครับ

คุณเคยบอกว่าคุณให้ความพิจารณาชิ้นงานที่จะออกมาในนามของบิกแบงว่า เป็นงานที่เป็นกระแสหลักมากกว่า ในขณะที่งานในฐานะศิลปินเดี่ยวของคุณให้โอกาสคุณในการที่จะทำในแบบที่ต้องการมากกว่า คุณสร้างสรรค์งานเหล่านั้นออกมาได้ยังไง?? และคุณสร้างความสมดุลให้กับงานใน 2 ส่วนนี้ยังไง มีด้านไหนไม๊??ที่ดูจะมีอิทธิพลต่อคุณมากกว่า??
GD 답변: ผมเป็นคนเขียนเพลง เป็นโปรดิวเซอร์ครับ ถึงแม้ว่าคุณจะทำงานและทำทุกอย่างออกมาเป็นตัวของตัวเอง แต่คุณก็มักจะต้องมองผ่านมุมมองของคนอื่นด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างนะครับ มีนักแต่งเพลงมากมายที่เป็นผู้ชายแต่กลับเขียนเพลงให้กับศิลปินผู้หญิง มันเป็นเรื่องที่สนุกและสร้างสรรค์ดีนะครับ แต่ผมคิดว่าผมชอบที่จะทำงานในงานเดี่ยวมากกว่า เพราะผมเป็นอิสระและปล่อยตัว ได้อิสระและสร้างสรรค์ในแบบที่ตัวเองต้องการอย่างเต็มที่ครับ 

 

ในช่วงที่คุณออกอัลบั้ม Alive บิกแบงได้ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงเรื่องราวความกังวลว่าพวกคุณจะเป็นที่ต้อนรับกลับมารึเปล่า??เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงก่อนที่อัลบั้มจะออกมา (ในตอนนั้นมีเรื่องของจีดราก้อนเสพกัญชา และมีเรื่องของอุบัติเหตุของแดซอง) แต่ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่พวกคุณเป็นที่ต้อนรับกลับมาเท่านั้นแต่ผลลัพท์ที่ได้กลับสูงท่วมท้นเลยทีเดียว คุณรู้สึกยังไงบ้างครับตอนนี้ ถ้าจะถามผมในมุมมองของคนภายนอกนะ เหตุการณ์นี้ทำให้คุณกลายเป็นศิลปินที่เป็น อมตะ แตะต้องไม่ได้ไปเลย  
GD 답변: ผมไม่อยากจะพูดว่าเรา เป็นศิลปินที่ไม่มีใครมาโค่นลงได้ เพราะถึงแม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จมากมายในปีนี้ ในฐานะที่เป็นศิลปินผมก็ยังอยากที่จะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ  มันเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆที่ผู้คนมากมายต่างก็สามารถอภัยให้กับเรา ให้เรากลับมาเร็วได้ถึงขนาดนี้ ผมคิดว่า หากไม่ใช่เพราะความรักที่พวกเค้ามีให้กับเสียงเพลงที่พวกเราทำ และความรักที่พวกเค้ามีให้กับพวกเรา ผมว่าผลลัพท์ก็อาจจะออกมาแตกต่างไปจากนี้  เรารู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาและดีใจที่ได้กลับมาเดินตามทางของพวกเราต่อไปครับ

ในตอนนี้ KPOP เริ่มหยั่งรากลึกลงทุกทีๆในตลาดต่างประเทศ และในตลาดเพลงตะวันตก จะต้องมี หลายสาขางาน มีนักวิจารณ์ มีสายตาจากสาธารณชน จับจ้องไปยังอุตสาหกรรมเพลงเกาหลีมากขึ้นแน่ๆ และเป็นที่วิจารณ์กันมากในอดีตถึง บางอย่างที่คนเรียกกันว่า "สัญญาทาส" ในความเห็นของคุณ มีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรตรงนี้ไม๊?? เพื่อให้มันดีขึ้น?? 
GD 답변: ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากเกี่ยวกับเรื่อง "สัญญาทาส" อะไรที่ว่านี้หรอกครับ เพราะผมสังกัดอยู่ในบริษัทที่เรียกว่าเป็น 1 ในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดคือ YG แต่พวกเราโชคดีที่ไม่ต้องรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นเลยครับ แต่ผมหวังว่า เงื่อนไขต่างๆจะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อศิลปินเพราะผมก็ได้ยินเรื่องนี้มาบ้างผ่านทางข่าว ก็อยากให้คนเหล่านั้นตระหนักและทำในสิ่งที่จะดีที่สุดเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเหล่าศิลปินนะครับ

มีคนนอกมากมายที่ไม่อาจจะทำใจเข้าใจได้เลยในเรื่องของกระบวนการฝึก ศิลปินฝึกหัด ถึงแม้ว่าในวงการนักร้องป็อปของฝั่งตะวันตกก็มีขั้นตอนหนักหนาไม่น้อยเหมือนกันในการสร้างศิลปินขึ้นมา ในฐานะที่คุณก็เป็นคนนึงที่ผ่านช่วงเวลาเป็นศิลปินฝึกหัดมาตั้งแต่อายุยังน้อย คุณมีความเห็นยังไงบ้างกับระบบนี้ครับ?? คุณว่ามันช่วยเลี้ยงดูขัดเกลาคนที่มีพรสวรรค์ให้ดีขึ้นหรือว่าเป็นการใช้แสวงผลประโยชน์ส่วนตัวมากกกว่ารึเปล่า?? 
GD 답변: มันเป็นช่วงที่ยากลำบากมากในตอนนั้นครับเพราะมันเป็นกระบวนที่ใช้เวลายาวนานและเรียกร้องมากในทุกอย่าง แต่การฝึกในตอนนั้นช่วยให้ผมกลายมาเป็นศิลปินอย่างที่ผมเป็นในปัจจุบันนี้ ดังนั้นผมรู้สึกขอบคุณนะครับ

หากคุณไม่ได้ผ่านช่วงเวลาที่เป็นศิลปินฝึกหัด คุณคิดรึเปล่าว่าคุณก็อาจจะสามารถเป็นศิลปินอย่างที่คุณเป็นในตอนนี้ได้เหมือนกัน?? คุณคิดว่าชีวิตคุณจะเป็นไปในทิศทางไหนถ้าไม่มี วายจี เข้ามาเกี่ยวข้อง?? 
GD 답변: ผมคิดว่า กระบวนการในการฝึกหัดนั้นช่วยดึงเอาด้านความคิดริเริ่มใหม่ๆที่ผมมีในตัวผมออกมา พวกเค้าช่วยผมในการฝึกหัดขัดเกลาและทำให้ทักษะที่ผมมีอยู่ทำให้มันสมบูรณ์แบบ นี่คือสิ่งที่กระบวนการในการฝึกหัดทำกับตัวผม ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงถ้าหากว่าผมไม่อยู่ที่ YG แต่ผมคิดว่าคงจะทำอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับศิลปะอยู่ดีครับ


คุณมักจะถูกนำไปอ้างอิงว่ามีอิทธิพลหรือเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินหน้าใหม่ๆเสมอ คุณมองเห็นสไตล์หรือแนวคิดของตัวเองในศิลปินเกาหลีรุ่นใหม่หรือวงดนตรีหน้าใหม่บ้างไม๊ครับ?? อย่าง Zico วง Block B ดูเหมือนจะต้องการเจริญรอยตาม ก้าวย่างของคุณมากทีเดียว
GD 답변:  ผมไม่รู้ว่ามันมีจำนวนมากน้อยแค่ไหนที่สิ่งเหล่านั้นจะมาจากอิทธิพลจากผมนะครับ แต่มันให้ความรู้สึกดีนะครับที่หากมันจะช่วยให้นักร้องหน้าใหม่ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากขึ้นและเริ่มเข้าไปมีส่วนในด้านของการผลิตเพลงมากขึ้น ตราบใดที่มีศิลปินที่ดีเพิ่มมากขึ้นและชิ้นงานออกมาดีขึ้น และยิ่งถ้ามันจะเป็นเพราะอิทธิพลจากผมมันก็เป็นเรื่องด้านบวกเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้นครับ

แฟนๆของบิกแบงดูจะเป็นแฟนๆที่ภัคดีและทุ่มเทมาก แทยังเคยเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่ไปเจอแฟนเพลงของคุณบนเครื่องบินและดูท่าทางจะเหนื่อยหน่ายกับมันเหลือเกิน แฟนๆ เหล่านั้นสร้างผลกระทบอะไรในชีวิตประจำวันในตอนที่ไม่ได้อยู่บนเวทีของคุณรึเปล่าครับ?? คุณสามารถที่จะเดินทางไปไหนมาไหนในโซลและใช้ชีวิตตามปกติได้รึเปล่า?? คุณรู้สึกโล่งใจเวลาที่ไม่มีแฟนๆมาห้อมล้อม หรือคุณโหยหาอยากให้มีแฟนๆมารุมล้อมรึเปล่า??
GD 답변:ก็เหมือนกับทุกๆคนแหละครับ ผมต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ผมก็เข้าใจว่าผมเป็นคนมีชื่อเสียง ผมมักจะรู้สึกพอใจกับแฟนๆของผมเสมอดังนั้นผมก็คิดว่ามันก็เยี่ยมจริงๆที่มีแฟนอยู่ด้วย  แต่ในขณะเดียวกันผมก็เป็นคนที่พอใจที่จะออกไปในที่สาธารณะในฐานะคนปกติธรรมดาด้วย คุณอาจจะไม่รู้เรื่องนี้นะครับแต่คุณสามารถจะพบผมในที่สาธารณะทำตัวเหมือนคนอื่นๆแต่ผมจะปิดหน้าเอาไว้  บางเวลาผมก็ต้องการอยากจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่สถานการณ์ในเกาหลีมันเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยละครับ

ในการสัมภาษณ์ในรายการ Danny from LA ดูเหมือนคุณจะอิจฉาแดนนี่ในเรื่องที่ว่าเค้าปักหลักสร้างครอบครัวและกลายเป็นคุณพ่อไปแล้ว ในฐานะที่คุณดูเหมือนจะเป็นคนมุ่งมั่นในเรื่องของอาชีพการงานมากหากจะต้องมีครอบครัวคุณจะมีเวลาในเรื่องนั้นเหรอครับ??คุณจะสามารถหาจุดสมดุลระหว่างเรื่องงานกับเรื่องครอบครัวได้ไม๊?? หรือคุณจะยอมเสียสละใช้เวลาในเรื่องของการงานให้น้อยลงเพื่อที่ได้มีเวลาในเรื่องของสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นมากกว่าครับ??  
GD 답변: ผมยังคงอายุน้อยอยู่ในเรื่องนี้ครับ แต่ผมอิจฉาพี่แดนนี่จริงๆที่เค้ามีครอบครัวแล้ว ผมต้องการอยากจะมีบ้างในวันนึงข้างหน้าแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้ผมมีความสุขที่จะมุ่งความสนใจของผมไปในเรื่องของอาชีพการงานและเมื่อวันนั้นมาถึง ผมคิดว่าผมคงต้องเรียนรู้ที่จะหาจุดสมดุลให้กับทุกๆเรื่องให้ได้ครับ

ศิลปินฮิบฮอบชาวอเมริกันตอนนี้ไปเป็นนักร้องรับเชิญในเพลงป็อปมากขึ้นทุกทีๆ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องหันไปทำเพลงป็อป แต่คุณจัดการความที่ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องเพลงป็อปให้มันดำเนินควบคู่ไปกับรากฐานฮิบฮอบของคุณและยังคงไว้ซึ่งความเป็นแร๊พเปอร์ของคุณได้อย่างเหนียวแน่น คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นๆครับ?
GD 답변: ผมเป็นแร๊พเปอร์ และนี่เป็นสิ่งที่ผมเป็นมาโดยตลอด บางทีสิ่งที่สามารถแยกผมให้แตกต่างไปคือ ผมเดบิวในวงไอดอลแต่ยังไงก็ตาม ผมเป็นแร๊พเปอร์ตลอดมาครับ

มีอะไรที่เป็นความฝันของคุณที่คุณยังไม่สามารถทำมันให้สำเร็จได้บ้างไม๊ครับ?? 
GD 답변: ผมมักจะฝันให้ยิ่งใหญ่ไว้ก่อนเสมอฮะ ถึงแม้ว่าในตอนนี้ผมจะยังไม่มีเป้าหมายอะไรที่ชัดเจนในใจในตอนนี้ แต่ผมมักจะสนใจในเรื่องของการให้การสนับสนุนและเสาะแสวงหาพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ออกมา ไม่ก็ชอบที่จะบุกเบิกเส้นทางใหม่ๆครับ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กผมมักชื่นชมคนที่มีพรสวรรค์และนักดนตรีที่น่าทึ่งผมต้องการที่จะเรียนรู้และเข้าถึงพวกเค้าว่าทำยังไงถึงได้กลายมาเป็นแบบทุกวันนี้ ผมอยากที่จะสร้างวัฒนธรรมป็อปออกมาด้วยเสียงเพลงและแฟชั่น เป็นอะไรบางอย่างที่สามารถสร้างสรรค์และครอบคลุมงานในสาขาต่างๆที่แตกต่างกันได้

คุณเป็นที่รู้จัก ในนาม เป็นคนนิยมความสมบูรณ์แบบเท่านั้น (perfectionist) นี่เป็นเหตุผลที่คุณไม่ยอมทำ mixtape แล้วไปปล่อยในอินเตอร์เนทใช่ไม๊ครับ?? คุณจะสามารถปล่อยผ่านแล้วยอมทำอะไรแบบนั้นออกมาได้รึเปล่าครับ??
GD 답변: ผมคิดว่า การทำ Mixtape ของที่นี่น่าจะแตกต่างจากที่ยุโรปและที่อเมริกาอยู่บ้างนะครับ ผมคิดว่ามันเท่ดีนะครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมต้องการที่จะปล่อยเพลงที่มีคุณภาพออกมาในทุกๆครั้ง ไม่ได้จะบอกว่า Mixtape เป็นงานที่ไม่มีคุณภาพนะครับ แต่ถ้าเพลงนั้นไม่สามารถที่จะเข้าไปบรรจุอยู่ในอัลบั้มได้ ผมรู้สึกพอใจที่จะเก็บมันเอาไว้ในเซฟไม่ให้ใครเห็นมันมากกว่า

Mick Jagger เคยพูดเอาไว้ว่าเค้าไม่เคยอยากที่จะร้องเพลง'Satisfaction' ในตอนที่มีอายุ 40 หรอกนะ แต่ในตอนนี้เค้าอายุเกือบๆจะ 70 แล้วแต่เค้าก็ยังคงวางมาดอยู่บนเวทีอยู่เลย คุณเคยคิดคร่าวๆถึงระยะเวลาของบิกแบงบ้างไม๊ครับ?? จะมีจุดไหนที่จะทำให้คุณหันมาคิดว่า "ฉันคงรู้สึกไม่ไหวที่จะมาส่ายสะโพกเต้นเพลง Fantastic babyบนเวทีแล้วละ" 
GD 답변: ผมเคยคิดเรื่องนั้นครับ แต่ผมยังคงอายุน้อยอยู่ ตอนนี้ผมยังอยู่ในช่วงอายุ 20 กลางๆอยู่เลยดังนั้นยังนานอยู่กว่าที่ผมจะอายุ 40 (ดังนั้นแน่นอนว่าผมยังไม่ทันคิดไปถึงตอนที่ผมอายุ 70 หรอกครับ ^^;)

Source: http://www.dazeddigital.com/music/article/15701/1/g-dragon
Thai Translation by mew 

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บิกแบง ย้อนพูดถึงเรื่องราวในทัวร์ในการสัมภาษณ์พิเศษ กับ บิลบอร์ด กุมภาพันธ์ 2013

"พวกเราเปล่งประกายจริงๆเวลาที่อยู่บนเวทีด้วยกัน เรารู้สึกเต็มเปื่ยมไปด้วยความหลงใหลมากที่สุดเวลาที่ได้ขึ้นแสดงเพลงของ "บิกแบง" มันเป็นความรู้สึกใหม่สำหรับพวกเราที่ได้ไปแสดงในประเทศที่แตกต่างกันหลายๆประเทศ" เจ้าชายแห่งวงการ K-pop กล่าวกับเรา 



จริงๆแล้วกระแสความดังของบิกแบงในวงการ KPOP นั้นโด่งดังแค่ไหนกันนะ?? วงบอยแบนด์วงนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อ ด้วยการเข้าไปครองอันดับในชาร์ตระดับสากลมากมายรวมทั้ง บิลบอร์ดชาร์ต 200 มาแล้ว ไหนจะเรื่องจำนวนคลิกในยูทูปที่มีมากกว่า500 ร้อยล้านวิว และยังมีเรื่องราวของข่าวฉาว (ซึ่งปกติแล้วจะเป็นตัวที่ฉุดคุณลงจากอาชีพนี้) แต่ สถิติต่างๆจากการทำทัวร์รอบโลกครั้งแรกนี้ของพวกเค้า สามารถสรุปถึงความโด่งดังของพวกเค้าได้ดีที่สุด 



ดูเหมือนว่า บิกแบงจะคว้าชื่อเสียงในการเป็นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์เกาหลีในยุคที่ปกครองโดยKPOPกับตำแหน่งวงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในการทำทัวร์รอบโลกในประวัติศาตร์ KPOP สมาชิกทั้ง 5 คน G-Dragon, T.O.P., Taeyang, Seungri และ  Daesung เริ่มการทำทัวร์รอบโลกครั้งแรกของพวกเค้า ภายใต้ชื่อทัวร์ "BIGBANG Alive Galaxy Tour," ในวันที่ 2 มีนาคม 2012.

ทัวร์ครั้งนี้มีขึ้นใน 24 เมือง 12 ประเทศมีการแสดงทั้งหมด 48 รอบ ( 19 รอบในญี่ปุ่น 6 รอบในประเทศเกาหลี 4 รอบในอเมริกา และในจีนกับฮ่องกงอย่างละ 3 รอบ ส่วนในสิงคโปร์ เมืองไทย อินโดนีเซีย ไต้หวัน และในอังกฤษมี 2 รอบ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เปรู มีประเทศละหนึ่งรอบ ) ภายในเวลา 10 เดือน วงดนตรีวงนี้เดินทาง 89000 ไมล์ผ่านทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซีย

ทัวร์ครั้งนี้ เกิดขึ้นใน arenas, domes และ stadiums ทั่วโลก สร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟนๆ กว่า 8 แสนคนด้วยการแสดงระดับมหึมาด้วยทีมงานการผลิตระดับมืออาชีพ พร้อมทั้งจอไฟ LED เวทีที่ตบแต่งอย่างดีและเครื่องแต่งกายที่ตระการตา ในตอนที่พวกเค้าเดินทางมาที่ East Coast นี้ ทางบิลบอร์ดได้เข้าไปสังเกตการณ์หลังเวทีและรู้สึกได้ถึงทีมงานการผลิตระดับยักษ์ใหญ่ 



บิกแบงจำหน่ายตั๋วหมดอย่างรวดเร็วจนต้องเพิ่มรอบรองรับความต้องการที่ล้นทะลักในการแสดงที่  New Jersey ใน California และ Peru สร้างผลตอบรับแบบเหลือเชื่อกับการแสดงในประเทศที่นอกเหนือจากแถบเอเซีย ในเปรู บิกแบงเป็นเหตุให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อยเนื่องจากแฟนๆ ที่รู้จักกันในนาม VIP ได้ไปรวมตัวกันหน้าที่พักของพวกเค้า ไม่ใช่แค่ VIP ชาวเปรูเท่านั้น แต่มีบางส่วนเดินทางมาจาก Brazil, Ecuador, Columbia, และในหลายๆประเทศทั่วทวีปอเมริกาใต้เพื่อพวกเค้า

ตามข่าวรายงานว่ามีแฟนๆกว่า พันคนรวมถึงสื่อท้องถิ่นได้อยู่คอยพวกเค้าหน้าโรงแรมและลงทุนตั้งเต๊นซ์เป็นอาทิตย์ๆก่อนวันที่จะมีคอนเสริต์จริงๆซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน

บิกแบงปิดทัวร์อย่างสมบูรณ์ด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นกับ3 วัน3รอบสุดท้ายในโซลในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการทัวร์ครั้งนี้ บิกแบงหาเวลาที่จะมารวมกลุ่มกันอีกครั้งและพูดคุยกับบิลบอร์ด ในการสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้ครับ



Billboard: สวัสดีครับ บิกแบง ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับที่จบการทัวร์คอนเสริต์ที่แสนจะยาวนานครั้งนี้ด้วยความสำเร็จอย่างท่วมท้น รู้สึกยังไงกันบ้างครับที่มันมาถึงจุดจบแล้ว??
BIGBANG:
เราตระหนักได้ผ่านการทัวร์ในครั้งนี้ว่าพวกเราเปล่งประกายจริงๆเวลาที่อยู่บนเวทีด้วยกัน เรารู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลมากที่สุดเวลาที่เราขึ้นแสดงเพลงของบิกแบง มันเป็นความรู้สึกใหม่สำหรับพวกเราที่ได้เดินทางไปแสดงในหลายๆประเทศที่ปตกต่างกันไป เรารู้สึกตื่นเต้นมากๆครับ

Billboard: คุณเดินทางไปในหลายๆประเทศ รวมกว่า 4 ทวีป คุณจะพอบอกเราได้ไม๊ครับถึงประสบการณ์ที่ได้ไปเยือนในประเทศที่แตกต่างกันแบบนั้น??
BIGBANG: ที่เปรู เราแทบไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่ามีแฟนๆกว่าพันคนมาตั้งแถวรอที่สนามบินและมารวมตัวกันที่โรงแรมและสถานที่ที่จัดคอนเสริต์ พวกเค้ารออยู่ข้างนอกร้องเพลงของพวกเรา ในขณะที่พวกเราพักผ่อนอยู่ในห้องของเราที่โรงแรม เรามีความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในสวนสนุกเพราะแฟนๆต่างส่งเสียงกรี๊ดกันตลอด เรารู้สึกขอบคุณแฟนๆทุกคนมากๆ มันเป็นความรู้สึกที่สุดวิเศษจริงๆที่ได้รับการต้อนรับถึงขนาดนี้

และคอนเสริต์ที่  New Jersey,เป็นเพราะพายุ (ตอนนั้นเป็นช่วงหนึ่งอาทิตย์หลังจากนิวยอร์กโดนเฮอร์ริเคน แซนดี้ถล่ม) เราต้องเปลี่ยนเที่ยวบินถึง 3 ครั้งและในที่สุดก็ได้เที่ยวบินสุดท้ายมา แต่ 30 นาทีก่อนที่เครื่องจะลงจอดกัปตันได้ประกาศว่าเราจะต้องลงจอดที่ Buffalo แทนเพราะที่ สนามบิน JFK นั้นมีสภาพที่ไม่ปลอดภัย คำประกาศนี้ทำให้เหล่าทีมงานตื่นตระหนกกันมากเพราะเราอยู่ในวันที่ 14 กันแล้วนั่นหมายความว่าเราจะต้องขึ้นแสดงคอนเสริต์ภายใน 1 ชั่วโมงนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเราจะต่อรถบัสไปแต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถไปที่สถานที่จัดคอนเสริต์และขึ้นเวทีได้ทันเวลา แต่หลังจากที่เราลงจอดที่ Buffalo มีโอกาสเพียง 50% เท่านั้นที่จะนำเครื่องขึ้นอีกครั้งและมุ่งหน้าไปยัง JFK หลังจากที่นั่งรอกันอย่างกระวนกระวายเกือบๆจะหนึ่งชั่วโมง เราก็ขึ้นเครื่องอีกครั้งและมุ่งหน้าไปยัง JFK การนำเครื่องลงจอดตอนนั้นเป็นเรื่องน่าอกสั่นขวัญแขวนและน่ากลัวมากแต่เราก็ลงจอดอย่างปลอดภัย และผู้โดยสารทุกคนต่างก็ปรบมือให้กับลูกเรือทั้งหมด

พวกเราต่างก็กังวลมากๆว่าผู้คนจะสามารถเดินทางมาดูเราแสดงคอนเสริ์ตได้รึเปล่่า?? แต่หลังจากที่เห็นสถานที่จัดงานเต็มไปด้วยผู้คนและได้เห็นแฟนๆของเราในวันนั้นมันให้ความรู้สึกซึ้งใจประทับอยู่ในใจพวกเราจริงๆครับ



Billboard:การแสดงหลายรอบของพวกคุณบัตรขายหมดอย่างรวดเร็วจนจำเป็นต้องเพิ่มรอบเพื่อความพอใจของแฟนๆ พวกคุณรู้สึกยังไงบ้างครับที่ได้รับการตอบรับในระดับสากลท่วมท้นขนาดนี้?? 
BIGBANG: มันชัดเจนว่าไม่ใช่แค่ในประเทศในเอเซียเท่านั้นแต่เป็นผู้คนจากหลายๆประเทศทั่วโลกที่ชอบเพลงของบิกแบงและ KPOP เรารู้สึกภูมิใจมากๆที่แฟนๆมากมายเดินทางมาชมคอนเสริต์ของเรา มีการเพิ่มรอบการแสดงเข้ามาเพราะรอบแรกนั้นบัตรขายไปหมดอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เราได้ยินข่าวแบบนั้น มันเป็นตอนที่เราตระหนักแล้วว่าเรากำลังอยู่ในการทัวร์คอนเสริต์อย่างแท้จริงจริงๆครับ

Billboard: มีแฟนๆประเทศไหนเป็นพิเศษไม๊ครับที่โดดเด่นออกมาเลยสำหรับพวกคุณ?? 
BIGBANG:จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องยากที่จะให้เลือกมาแค่หนึ่งประเทศนะครับเพราะมีหลายๆประเทศเลยที่เราได้ไปเป็นครั้งแรก ไม่ว่าคอนเสริต์ในประเทศนั้นๆจะเล็กหรือใหญ่ เราต่างก็รู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้พบกับแฟนๆของเราทั่วโลกและได้รับรู้ถึงพลังของพวกเค้าครับ

Billboard: พวกคุณมีพีธีการอะไรพิเศษที่ต้องทำในทัวร์ หรือ เรื่องตลกๆ ไม่ก็เรื่องราวหลังเวทีอะไรไม๊ครับที่อยากจะแบ่งปันให้เราได้ฟังกัน?? 
BIGBANG: คือ ตามปกติแล้ว เวลาเราร้องเพลงหนึ่งจบไป แล้วเวทีก็จะดับไฟมืดไปหมด ก็จะเกิดความโกลาหลขึ้นเพราะทุกคนต่างก็รีบจะกลับไปหลังเวทีเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่โซโล่สเตจของซึงรีเริ่ม พวกเราจะมาจับกลุ่มกันดู พอมีเสียงเฮลิค๊อปเตอร์และเสียงปืนเลเซอร์ที่จะขึ้นมาก่อนในโชว์ของซึงรีทุกคนจะหยุดทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่และมาดูโชว์ของซึงรีครับ จะพูดยังไงดีละครับ คือ ซึงรีเค้าน่ารักและดูสนุกมาก ในห้องแต่งตัวพวกเราจะพูดคุยกันหยอกกันเล่น พวกเราต่างก็เป็นคนที่พูดมากกันอยู่แล้วเราสามารถคุยกันได้ทั้งคืนเลยละครับ

Billboard:ในตัวของการแสดงมีส่วนไหนที่น่าจดจำมากที่สุดครับ ?? มีเพลงไหนที่เป็นเพลงโปรดที่ชอบขึ้นแสดงมากที่สุดรึเปล่า??
BIGBANG:
สิ่งที่ประทับใจเรามากที่สุดคือ เสียงเพลงทำให้แฟนๆทั่วโลกสามารถเต้นและมาสนุกร่วมกันได้โดยไม่ได้คำนึงภาษาหรือวัฒนธรรมที่ต่างกัน มันยากที่จะให้เลือกเพลงที่ชอบแค่เพลงเดียวนะครับเพราะทุกเพลงต่างก็พิเศษสำหรับพวกเรา แต่ในตอนที่แฟนๆจากต่างประเทศร่วมร้องเพลง HaruHaru พร้อมๆกันนั้น มันเป็นช่วงที่อบอุ่นในหัวใจมากเลยครับ



Billboard: การได้ทำงานกับนักออกแบบท่าเต้นคุณ Lauriann Gibsonเป็นยังไงบ้างครับ?
BIGBANG:
เราได้ยินมาว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คุณ  Laurieann Gibson ได้ร่วมงานกับศิลปินในเอเซียครับ เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังความหลงใหลในขณะที่เธอคิดถึงไอเดียที่จะทำออกมาในโชว์ของเราในครั้งนี้เธอถึงกับขนาดไม่ยอมพักเพื่อทานข้าวด้วยซ้ำ พวกเรารู้สึกว่าเราสามารถเรียนรู้อะไรมากมายได้จากเธอครับเนื่องจากว่าเธอเคยร่วมงานกับนักดนตรีที่เยี่ยมยอดมาแล้ว  

คุณ Laurieann รวมถึงทีมแสงสี วงดนตรี และฝ่ายจัดเวที ร่วมกันช่วยเหลือทำให้เพลงของพวกเรามีชีวิตขึ้นมาจริงๆและช่วยให้เราก้าวหน้าพัฒนาประสบการณ์ครั้งนี้เต็ม 120 เปอร์เซ็นต์เลยครับ

Billboard: สมาชิกในวงบิกแบงมีงานอะไรต่อครับในช่วงปี 2013 นี้?? 
BIGBANG: ปี 2013 นี้จะเป็นช่วงที่งานเดี่ยวของสมาชิกในวงก็จะเริ่มเติบโตขึ้น จีดราก้อนจะออกอัลบั้มใหม่และมีคอนเสริต์เดี่ยวในเกาหลีและที่ญี่ปุ่น แทยังก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของเค้าด้วย ท็อปก็พึ่งจะจบการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Alumni และก็กำลังรอช่วงที่ภาพยนตร์เข้าฉายในปีนี้ ส่วนแดซองก็มีอัลบั้มเดี่ยวที่ญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และเดบิวที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงนั้น ซึงรีก็ยังคงทำงานไปๆมาๆที่เกาหลีและญี่ปุ่นเพื่อเอาใจแฟนๆต่อไปครับ

Billboard: แดซองช่วยบอกเราถึงอัลบั้มเดี่ยวที่ญี่ปุ่นหน่อยครับ?? 
Daesung:อัลบั้มเดบิวของผมที่ญี่ปุ่นมีชื่อว่า“D’scover” ครับจะเป็นอัลบั้มที่มีเพลงป็อปญี่ปุ่นคลาสลิกๆนำมาทำใหม่บรรจุอยู่ คุณจะได้ ความอบอุ่นใจ ทรงพลัง และเพลงจังหวะเร็วๆในอัลบั้มใหม่นี้ มันเป็นความท้าทายอย่างนึงที่ต้องออกทัวร์พร้อมๆกับการทำอัลบั้มเดี่ยวไปด้วยกันแบบนี้ แต่เมื่อผมเห็นผลสุดท้ายที่ออกมาแล้ว ผมรู้สึกขอบคุณทีมของวงมากๆครับที่ทำให้มันกลายเป็นจริงได้ครับ 

 
Billboard: จีดราก้อนครับเร็วๆนี้คุณพึ่งมอบเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษให้กับ Nicola Formichetti นำไปใช้ในโชว์ของเค้าที่ Paris Fashion Week จะมีโอกาสไม๊ครับที่คุณไม่ก็บิกแบงจะออกเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษออกมาในเร็วๆนี้??? 
G-Dragon: เราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นจริงได้เสมอไม่ว่าจะเป็นงานในประเทศหรืองานในระดับสากลครับ ถ้าเราพร้อมและเป็นจังหวะเวลาที่ใช่ เราคิดและหวังด้วยครับว่าเราจะมีเพลงเป็นภาษาอังกฤษออกมาในอนาคต

ฺBillboard: พวกคุณจะมีการทำงานร่วมกับใครให้ตื่นเต้นกันอีกหรือมีเรื่องให้ประหลาดใจออกมาอีกบ้างไม๊ครับ??? 
BIGBANG:G-Dragon, Daesung, Taeyang จะมีเพลงใหม่ผ่านอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง นอกจากนี้ถ้าเราสามารถแบ่งปันพลังในด้านบวกและไปคลิกกับศิลปินคนไหนและมีการร่วมงานกันก็คิดว่าพวกคุณคงจะได้เห็นการร่วมงานกันเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แฟนๆจะต้องรอและคอยชมว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอนาคต ไม่อย่างนั้นก็จะไม่เซอร์ไพล์นะครับ

Billboard: อยากจะบอกอะไรเพิ่มเติมกับแฟนๆของพวกคุณทั่วโลกบ้างครับ??
BIGBANG: ทัวร์ "2012 BIGBANG Alive Galaxy Tour" เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำของพวกเราที่เราได้พบกับแฟนๆทั่วโลกครับ พวกเราอยากจะออกไปพบปะแฟนๆในหลายๆประเทศและเดินทางไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกต่อไปครับ และเพื่อที่เราจะสามารถทำแบบนั้นได้พวกเราจะต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องและต้องท้าทายตัวเองให้เติบโตขึ้นในฐานะศิลปินต่อไป ซึ่งเราหวังว่าพวกคุณจะสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ

=============

source:http://www.billboard.com/articles/columns/k-town/1549346/bigbang-reflect-on-their-world-tour-in-exclusive-qa
Thai Translation by mew 

===========

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ซึงจังไดอารี่ 22 กุมภาพันธ์ 2013


วันนี้ผมมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในรายการ  Karakuri TV
คู่กับอาจารย์ของผมคุณ  Akashiya Sanma^^ ด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีคุณ  Sekine และคนอื่นๆอีกมากมายเลยฮะ 
ในตอนนี้รายการฉายมาแค่ 4 ตอนเท่านั้นแต่ผมก็ได้ออกเยอะทีเดียวครับ
อย่างน้อยเดือนนึงต้องมีผมออกครั้งนึง ขอบคุณทุกคนนะครับ 
Sanmaซังบอกว่าผมทำได้ดีขึ้น 
แต่ทุกอย่างเป็นเพราะพวกคุณมอบความแข็งแกร่งนี้ให้ผมครับ ^^
ผมชอบฝากข้อความทางวีดีโอมากครับ ล่าสุดได้ไปถ่ายที่  Wakayama! 
ต้องขอบคุณทีีมงานทุกคนที่อยู่ที่นั่นกับผมด้วย
การทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นนี่สนุกจริงๆ ผมรู้สึกดีใจมากๆครับ 
ผมจะทำงานหนักต่อไป 

ภาพถ่ายวันนี้ผมถ่ายคู่กับแขกรับเชิญอีกท่านนึงคุณ Watanabe Boa
และอีกรูปนึงกับ Sekine, ผู้ซึ่งผมได้รับความช่วยเหลือเสมอมา จากเธอครับ 

รายการ Karakuri TV ของ Sanmaซังทางช่อง TBS ออกฉายแล้วว 
ได้เวลาไปดูกันแล้วครับ 

Japan to English translation by BigbangisVIP
English to Thai translation by mew 

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ซึงจังไดอารี่ 16 กุมภาพันธ์ 2013



 ที่นี่เป็นบ้านเกิดของคุณ Akashiya Sanma ซึ่งก็คือตำบล Wakayama ครับ
ผู้คนที่นี่ร่าเริงกันมากและมีอารมณ์ขันกันด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมครับ 
และก็เป็นอีกครั้งนึงแล้ว ที่ตำบล Wakayama นี้ 
ผมได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นมากมาย
และได้พบคนใหม่ๆเยอะแยะ มันสนุกมากเลยละครับ 

ที่ตำบล Wakayama นี้โด่งดังในเรื่องของ ส้ม และ ซีอิ๊วครับ 
ส้มนั้นเป็นส้มที่ดีที่สุดที่ผมเคยทานมาในชีวิตเลยละครับ มันอร่อยมาก 

บรรยากาศที่นี่ก็ดีมาก เป็นที่ที่ดีจริงๆ 
ถึงแม้ว่าผมจะเคยเดินทางไปที่ Shirohama มาก่อนแล้วแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มา Wakayama 
แต่ผมยังบอกไม่ได้หรอกครับว่าผมมาทำอะไรที่นี่ ..^^
ยังไงก็ตามแต่ผมมาที่นี่เพื่อมาเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนครับ 
ขอให้ตั้งตารอคอยมันด้วยนะครับ ตกลงไม๊??

ที่ Wakayama นี้สนุกมากเลยละครับ ผมจะกลับมาอีกแน่ๆ 

Japanese to English Translation by rurutic
English to Thai translation by mew
via officialBigbang tumblr and soompi


วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สัมภาษณ์ จีดราก้อน จาก Forbes:2013


จีดราก้อน นักร้องที่แม้อายุจะเติบโตขึ้นแต่แรงบันดาลใจไม่เคยจะสูญหาย 

หัวหน้าวงบิกแบงและโปรดิวเซอร์แห่งบริษัท วายจี จีดราก้อน ถูกเลือกให้เป็นสุดยอดลีดเดอร์ในด้านส่วนงานดนตรีจาก Forbes
ในงาน Golden Disk Award จีดราก้อนกวาดรางวัลมา กว่า 4 รางวัลคือ Ceci Popularity Award, Golden Disk Album Sales Bosang(ในงานเพลงsolo:Crayon และงานในนามบิกแบง: Fantastic Baby)และรางวัล MSN International Award
เพลงทั้งสองเพลงที่ได้รับรางวัล Bosang เป็นผลงานการเขียนทั้งเนื้อร้องและทำนองของเค้า นอกจากนี้เค้ายังมีส่วนร่วมในงานโปรดิว เพลง Lie, Haru Haru, Tonight ,และเพลงอีกมากมาย
เค้ามีเพลงกว่า 120 เพลง จดทะเบียนลิขสิทธิ์ผลงาน ใน Korea Music Copyright Association. (KOMCA) และเค้าได้รับค่าลิขสิทธิ์ในแต่ละปีเป็นเิงินกว่าพันล้านวอน 

จีดราก้อนเป็นหนึ่งในไอดอลเพียงไม่กี่คนที่มีพรสวรรค์ทั้งในเรื่องของการแต่งเพลงและโปรดิวเพลง การที่เค้าเป็นเจ้าของคุณสมบัติดังกล่าวดูเหมือนว่าจะทำให้เค้าต้องแบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้บนบ่าตลอดเวลา  ควบคู่ไปกับภาพลักษณ์ที่เค้าแสดงออกมาให้ผู้ชมเห็นบนเวที ทำให้บางคนบอกว่าเค้าเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ อย่างไรก็ตาม จีดราก้อนกลับตอบกลับคำชมเหล่านั้นด้วยประโยคง่ายๆเพียงประโยคเดียวที่ว่า " ผมแค่ทำงานเพลงของผมไปก็เท่านั้นครับ"
อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกของจีดราก้อน ‘Heartbreaker’ ที่ออกวางแผงในช่วงเดือนสิงหาคมในปี 2008 ขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตเพลงเกาหลีเป็นอัลบั้มแห่งปี และอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มที่ 2 ‘One of A Kind’ ที่เว้นช่วงห่างจากอัลบั้มแรก 3 ปีก็จำหน่ายได้มากกว่า 170000 แผ่นซึ่งก็เป็นที่ 1 ในชาร์ตอัลบั้มประจำปีอีกด้วย ในอัลบั้มจีดราก้อนมีส่วนร่วมในส่วนของการทำเพลงและเขียนเนื้อร้อง อัลบั้มนี้ดังไปไกลถึงอเมริกาและอยู่ในชาร์ต BillBoard อันดับที่ 161

วงดนตรีที่เค้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกคือ Bigbang ก็ถูกเลือกจาก Forbes เกาหลีให้เป็น หนึ่งใน 10ดาราไอดอลเกาหลีที่ทรงอิทธิพล  และ ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน 40 คนดังที่ทรงอิทธิพลในปี 2012 หนึ่งในคอมเม้นซ์หนึ่งได้กล่าวว่า เค้าทำเงินได้วันละ ยี่สิบล้านวอนและมีจำนวนผู้ติดตามผ่านทวิตเตอร์มากกว่า 1 ล้านคน
นอกจากนี้เป็นเพราะสไตล์แฟชั่นประจำตัวที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เค้าได้รับการติดต่อจาก เสื้อผ้ายี่ห้อดังๆมากมาย

วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์ คนดังคนนี้ จีดราก้อน หลังงานประกาศรางวัล  Golden Disk Award

1)ทำไมคุณถึงเดินทางมาที่ลอนดอนครับ ?
GD: ผมรู้สึกอยากจะพักผ่อนหน่อยครับนอกจากนี้ระหว่างทางก็อยากจะเดินทางไปที่ฝรั่งเศสด้วย

2)ในตอนนี้คุณได้รับการเลือกให้เป็น "ลีดเดอร์ผู้ทรงอิทธิพล"เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้วนะครับ
GD:มีผู้คนที่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากมายครับและผมก็รู้สึกดีใจมากๆที่ได้รับการเลือกในครั้งนี้ผมคิดว่าผมคงต้องทำงานให้หนักขึ้นอีกในอนาคตครับ

[ตอนนี้เป็นเวลา สี่ทุ่มยี่สิบ ของวันที่ 18 มกราแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะเวลาที่แตกต่างกัน (หลังจากที่ไปร่วมงาน GDA เค้าก็บินมาที่ลอนดอนนี้เลย) เสียงของเค้าแหบมาก และในตอนเริ่ม เค้าก็ตอบคำถามกับเราแบบเรียบๆแต่พอเวลาผ่านไปเมื่อเราเริ่มพูดเรื่องเสียงเพลง เค้าก็ดูสงบลงมากกว่าที่ผมคิด ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าตอบคำถามเสร็จเค้ามักจะเสริมต่อท้ายว่า "ยังไงก็ตามแต่ตอนนี้ผมยังเป็นเด็กอยู่ " หรือไม่ก็ " ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องก้าวต่อไป" และ " มันเป็นเรื่องน่าอายเหมือนกันสำหรับผมที่จะพูดเรื่องแบบนี้ในตอนนี้" ซึ่งกว่าจะตอบคำถามในแต่ละครั้งเค้ามักจะเว้นช่วงห่างให้ตัวเองได้คิดถึงคำตอบในเรื่องนั้นๆนานพอสมควรก่อนที่จะพูดออกมา]

3) คุณเคยพูดเอาไว้ว่า คุณได้ผ่าน" ความเป็นเพียงแค่ไอดอลธรรมดาไปสู่ความเป็นศิลปิน" แล้ว คุณคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหนในเรื่องของการทำเพลงครับ??
GD:ก่อนอื่นเลย ผมคิดว่า ไอดอล นักดนตรี และนักแสดง นั้นรวมเรียกว่าเป็นศิลปินเหมือนกันทั้งนั้นครับ พวกเค้ามีอย่างนึงที่เหมือนกันคือพวกเค้าต่างก็ล้วนแสดงออกถึงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองออกแสดงแก่ผู้ชม แต่ที่วงการเพลงเกาหลีดูเหมือนว่าจะมีการแบ่งแยก ไอดอล และศิลปิน ออกเป็นสองกลุ่มที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมคิดว่าเหตุผลที่ผมได้ัความชื่นชมมากน่าจะเป็นเพราะผมยังอายุน้อยแต่สามารถที่จะแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองลงไปในเพลงได้ นั่นเป็นเพราะเพลงของผมไม่ได้มาจากการสร้างสรรค์ของคนอื่นไม่มีใครมาสร้างให้ผมร้อง ผมทำงานเพลงของตัวเองออกมาเพื่อที่จะอธิบายถึงตัวตนของตัวผมเองครับ 

4) ทำไมคุณถึงเริ่มที่จะทำเพลงครับ?
GD:ผมไปบ้านเพื่อนสนิทของผมในตอนที่ผมเรียนอยู่ประมาณ ป.4-ป.5 นี่แหละครับ และผมได้ยินเพลง Cream ของ  Wu-Tang Clan(นักร้อง Hip-Hop ) ครับ ก่อนหน้านี้ผมมักจะเลียนแบบท่าเต้นและการร้องจากศิลปินในเกาหลีเท่านั้น ผมรู้สึกช็อคไปเลยหลังจากที่ได้เจอซีดีเพลงของศิลปินชาวต่างประเทศผมเลยเริ่มที่จะเขียนเพลงของตัวเองกับเพื่อนๆตั้งแต่ตอนนั้นและกลายมาเป็นแร๊พเปอร์ครับ

[ถึงแม้ว่าเค้าจะเริ่มเดบิวในฐานะเป็นหนึ่งในสมาชิกวง บิกแบง ในปี 2006 แต่จริงๆแล้วเค้าได้เข้าสู่วงการก่อนหน้านั้นแล้ว มีคนหลายคนที่เห็นถึงพรสวรรค์ของเค้าตั้งแต่เค้ายังเด็ก เค้าคือ "จียงตัวน้อย" ในรายการ bobobo นอกจากนี้เค้ายังเป็นคนที่ถูกเลือกให้เป็น  ‘little roora’ โดย Roora Lee Sang Min และทำงานในวงการอยู่ช่วงนึง หลังจากวงแยกทางกันไป เค้าก็ถูกค้นพบโดยท่านประธานบริษัท SMและเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ 5 ปี จากนั้นเค้าก็พบกับ YG

ท่านยางพอใจในตัวของจีดราก้อนมากในตอนนั้น เมื่อคุณแม่ของเด็กชายจีดราก้อนในตอนนั้นไปเข้าห้องน้ำ เค้าบอกกับจียงว่า เธอจะต้องทำทุกวิถีทางแนวโน้มคุณแม่ว่าเธออยากจะมาอยู่ที่บริษัท YG นี้จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น เค้าก็ต้องมารับการฝึกที่ YG อีก 6 ปีเต็มและได้เดบิวในนามบิกแบงในที่สุด] 


5) ในตอนนี้คุณฟังเพลงประเภทไหนอยู่ครับ ??
GD:มีอยู่อัลบั้มนึงที่ผมต้องฟังทุกวันเลยครับ มันเป็นอัลบั้มของแร๊พเปอร์ที่มีชื่อว่า Trinidad James.

6)ทำไมถึงชอบมันขนาดนั้นครับ??
GD:เค้าเป็นนักร้องที่พึ่งจะมาร้องแร๊พได้ไม่นานแต่ดูเหมือนว่าเพลงที่เค้าร้องได้กลายไปเป็นส่วนนึงในตัวของเค้าเรียบร้อยแล้วซึ่งผมรู้สึกว่าชอบมันมากเลยครับ เค้าไม่ได้หยิบเอาเสียงแบบอิเลคโทรนิกซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้มาใช้ในเพลงเลย และเ้ค้าไม่ได้ทำเพลงให้ซับซ้อนใดๆ เค้าทำเพลงที่ดูเรียบง่ายและดิบๆซึ่งมันยอดเยี่ยมจริงๆ ความรู้สึกเวลาที่ฟังเพลงของเค้าแล้วมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับตอนที่ตัวเองได้ค้นพบเพลงต่างประเทศเป็นครั้งแรกครับ

[ จีดราก้อนเคยพูดไว้ในสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ของเค้าว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าจะโปรดิวเพลงใหม่ของเค้าออกมา เค้าจะบังคับตัวเองให้เพิ่มส่วนประกอบที่แปลกใหม่ลงไปในเพลง ซึ่งมันทำให้เค้ารู้สึกเป็นทุกข์ เค้าบอกว่าเมื่อมองย้อนกลับไปเห็นตัวเองคนเก่าคนนั้นที่รู้สึกเป็นปลื้มกับพฤติกรรมของตัวเองแล้วในตอนนี้เค้ามีความรู้สึกที่เปลื่ยนไปแล้ว ] 

7) ควอนจียงคนธรรมดาในชีวิตประจำกับจีดราก้อนคนที่อยู่บนเวทีนั้นต่างกันยังไงครับ??
GD: ถึงแม้ว่าผมจะยังอายุน้อยอยู่แต่ผมก็ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตของผมบนเวที ผมต้องมีความมั่นใจให้ได้มากกว่าคนอื่นบนเวทีและผมต้องแสดงมันออกมา  แต่ในเวลาที่ผมอยู่ในชีวิตจริงหรืออยู่ในรายการวาไรตี้โชว์ ผมไม่ใช่คนที่จะตลกกว่านักแสดงตลกและไม่มีทางเลยที่ผมจะดีกว่าคนอื่นๆ มันทำให้ผมเขินอายและต้องแสดงออกด้านที่อ่อนแอของตัวเองต่อหน้าคนอื่นออกมาครับ

8) ช่วงเวลาไหนที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้ามากที่สุดในการใช้ชีวิตที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ครับ??
GD:ผมคิดว่าผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดเวลาที่แต่งเพลงครับแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่าอายที่ผมต้องพูดอะไรแบบนี้ในอายุเพียงเท่านี้แต่ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเคยประสบกับความรู้สึกแบบนี้กันมาบ้าง และระดับความเจ็บปวดก็ไม่ได้น้อยลงเพียงเพราะผมเขียนเพลงฮิตออกมาได้เยอะกว่าเดิม สำหรับนักร้องเพลงใต้ดิน เป็นเพราะพวกเค้าไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกของตัวเองส่งผ่านไปยังผู้ฟังได้ พวกเค้าจะรู้สึกถึงความเจ็บปวด แบบนั้นแหละครับ แต่ยังไงก็ตาม เมื่อผมเห็นแฟนๆของผมชอบเพลงที่ผมทำ ความทรมานนั้นกลับหายไปในพริบตาราวกับฝันไปเลยทีเดียว

9)คุณมีบุคคลแบบอย่างในชีวิตบ้างไม๊ครับ??
GD: ผมเรียนรู้เรื่องราวมากมายจาก เท็ดดี้ฮยองครับ เราจะไปขอคำแนะนำจากเค้าเสมอในทุกๆอัลบั้มของบิกแบงและอัลบั้มของจีดราก้อนครับ ถึงแม้ว่าผมจะมีบุคคลแบบอย่างในงานเพลงมากมาย แต่เพราะพี่เท็ดดี้เป็นคนที่อยู่กับผมตลอดในหลายปีมานี้ เค้ามีอิทธิพลต่อผมมากครับ

10) คุณมักจะทำอะไรเพื่อฆ่าเวลาในตอนที่มีเวลาว่างครับ??
GD: ก็เหมือนกับที่ผมกำลังทำอยู่นี่แหละครับ ผมชอบที่จะเดินทางท่องเที่ยวเพราะผมมีความสุขที่ได้ใช้เวลาในวันหยุดในขณะที่สามารถได้รับแรงบันดาลใจไปด้วยได้ เป็นเพราะการทำงานทำให้ผมได้เดินทางไปในหลายๆที่ต่างประเทศ วิวทิวทัศน์และวัฒนธรรรมที่แตกต่างทำให้ผมได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากเหมือนกัน ครับ 

[เค้าพูดว่า บทพูดบางบทจากภาพยนตร์ก็ทำให้เค้าเกิดแรงบันดาลใจด้วยเช่นกัน ]

11) มีอะไรอีกไม๊ครับในเรื่องของดนตรีที่คุณอยากจะรู้อีก??
GD:ผมหวังว่าผู้คนจะไม่ฟังเพลงของพวกเราเพียงเพราะมันเป็นเพลงของบิกแบงหรือเพลงของจีดราก้อนครับ ผมอยากจะสร้างเพลงที่ไม่ว่าคนฟังจะอยู่ที่ไหน พวกเค้าก็จะรักเพลงนั้นๆเพราะมันเป็นเพลงที่ดีจริงๆแล้วส่วนตัวผมไม่ได้เป็นคนที่จะมุ่งหน้าเดินตามจุดมุ่งหมายที่ตัวเองตั้งเอาไว้ท่าเดียวหรอกนะครับ แต่จุดมุ่งหมายของผมคือการเดินหน้าำทำงานเพลงที่ปราศจากข้อผิดพลาดและนั่นจะเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของผม อ่า~~~ผมหวังว่าเมื่อผมเริ่มแก่ตัวลง ผมคงจะไม่ทำความใฝ่ฝันเหล่านี้สูญหายไปไหนนะครับ

[พวกเราพยายามที่จะถามเค้าว่าเค้าเคยคิดที่จะเป็นนักร้องที่ลงมือมาจัดการในเรื่องธุรกิจด้วยตัวเองรึเปล่า และเค้าก็ตอบกลับมาว่า "ผมไม่เคยคิดถึงเรื่อนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวครับ" มีรายการทีวีเคยทำการเลือกให้เค้าเป็น ลีซูมาน หยางฮยอกซอก และ ปาร์กจินยอง แห่งวงการเกาหลีคนใหม่ แต่เค้ากลับพูดว่า " ผมรู้สึกกลัวครับ" เค้าเล่าว่าแม้ว่าเค้าจะอยู่กับวายจีมานานแล้ว เค้าก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะเอาดีทางด้านธุรกิจได้  เค้าบอกว่าถ้าเค้าอยากจะทำธุรกิจมันจะต้องจบลงที่เค้าต้องสูญเสียท่านประธานยางไปด้วยรึเปล่า?? (หัวเราะ) เค้ากล่าวว่าคนที่ทำงานเพลงก็จะดูหล่อที่สุดเมื่อได้ทำงานเพลงใช่ไม๊?? แต่แน่นอนละ มันคงจะเป็นการดีกับเค้ามากกว่าไม๊ถ้าเค้าธุรกิจนี้จะทำร่วมกับคนที่คอยสนับสนุนช่วยเหลือเค้า??

หลังจากที่คิดซักพัก จีดราก้อนกล่าวว่า " วันนึงหากผมจะต้องทำธุรกิจจริงๆ......เป็นเพราะผมคุ้นเคยกับเรื่องของวัฒนธรรมและแฟชั่นและหากว่าเพื่อนๆที่ผมรู้จักอยากจะร่วมทำธุรกิจนี้ด้วย ผมคิดว่าในตอนนั้นผมก็อยากที่จะก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเหมือนกันครับ" สมกับเป็นจีดราก้อนที่เป็นแฟชั่นนิสต้าตัวจริง ทุกครั้งที่เค้าออกอัลบั้มใหม่ สไตล์ของเค้าก็มักจะเรียกความสนใจเป็นอย่างมากเสมอ ]


12)ช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคุณคือช่วงไหน ครับ??
GD:ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตที่ผาสุกแล้วแม้กระทั่งในตอนนี้ครับ ตัวผมเองมีบางครั้งจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นเคยชินกับการที่มีทุกสิ่งทุกอย่างแต่พอเมื่อคิดแบบนี้ปุ๊บผมจะรู้สึกถึงความกดดันที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ไปด้วย ในครั้งที่ยังเป็นเพียงศิลปินฝึกหัด ผมสามารถที่จะยืนยันเดินหน้าตามความฝันและสามารถหาเส้นทางที่ตัวเองต้องการได้ ซึ่งไม่เหมือนกับที่ตอนนี้ที่ผมมีเรื่องที่ต้องกังวลมากมายเกินไป ดังนั้นผมรู้สึกว่าช่วงที่ผมมีความสุขมากที่สุดคือ ช่วงที่ผมเป็นศิลปินฝึกหัดครับ

13)สำหรับจีดราก้อนแล้ว ดนตรี คืออะไรครับ??
GD: อืม… ดนตรีคือ … จะพูดยังไงดีละครับ… ดนตรีคือดนตรีครับ…ผมไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆออกมาได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงหรือไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนผมจะยังคงสามารถมีความสุขกับมันและรู้สึกว่าได้ฟื้นคืนชีพได้เพราะเสียงเพลงครับ ไม่ว่าเพลงนั้นจะเป็นเด็กทารกร้องหรือรุ่นพี่คนไหนก็ตาม หากคุณสามารถบอกว่า " อ่า เพลงนี้เพราะจัง" นั่นก็ถือว่าเป็นเพลงที่ดีแล้ว และผมก็จะทำงานอย่างหนักเพื่อผลิตงานบบนี้ออกมาเท่านั้น นอกจากนี้มันเป็นเรื่องที่ดีที่เสียงเพลงจะสามารถหอบหิ้วข้อความได้มากมายส่งผ่านออกไป มันจะเป็นเสียงเพลงที่หากคุณนั่งรถเมล์และได้ยินเพลงนี้มันจะนำเอาความทรงจำของคุณกลับคืนมาใหม่ได้

[ จีดราก้อนวางแผนว่าจะกลับเกาหลีทันทีและจะร่วมซ้อมคอนเสริต์ อังกอร์ของบิกแบงในโซลและเค้าจะเริ่มทัวร์คอนเสริต์ของตัวเองในเดือนเมษายน 

ทางบริษัท วายจีกล่าวว่า "พวกเราจะเริ่มทัวร์คอนเสริต์รอบโลกของเค้าที่เมืองหลักๆในญี่ปุ่นและเค้าจะเริ่มเดินทางออกไปยังต่างประเทศอื่นๆต่อไป เค้าจะมีคอนเสริต์ที่  Fukuoka, Niigata และ Osaka และในการทัวร์คอนเสริ์ตครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ชมไม่ต่ำกว่า 2แสน 3 หมื่นคน

Source: 7仔 from www.bigbangnus.com
Chinese to English translation by RiceKwon
English to Thai translation by mew 


วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ซึงจังไดอารี่ 10 กุมภาพันธ์ 2013

[สวัสดีปีใหม่ครับ]

วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ของเกาหลีตามปฏิทินจันทรคติครับ
แม้ว่าวันขึ้นปีใหม่ที่ญี่ปุ่นนี้จะผ่านไปแล้วก็ตาม 
แต่ที่เกาหลีนั้น มันเป็นวันปีใหม่อีกครั้งนึง 

ทุกคนต่างก็มุ่งหน้าเดินทางกลับบ้านเกิด ไปเยี่ยมญาติๆ
และไปพบปะผู้คนที่ดูแลช่วยเหลือเรา 
คนสูงอายุก็จะมอบซองที่มีเงินอยู่ในนั้นมาให้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งต่างๆที่มีแต่คนตั้งตาคอย 
ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ได้รับเงินครับ แต่ตอนนี้กลายเป็นฝ่ายที่ต้องให้แทน
wwwwwwwww

ผมเดาเอาว่ามีพวกคุณบางคนอาจจะอยากรู้ว่าปีใหม่ของที่ญี่ปุ่นและที่เกาหลีต่างกันยังไง 
มาทางนี้ครับ ให้ผมได้อธิบายสั้นๆตามนี้

=========================

ก่อนอื่นเลย นี่เป็นชุดพื้นเมืองที่พวกเราจะใส่ในวันปีใหม่ครับ

ชุด Hanbok.ครับ 
ทุกคนรู้จักชุดฮันบกกันไม๊ครับ ^^
ผมคิดว่าคุณต้องเคยได้ยินชื่อนี้ไม่ที่ใดก็ที่นึงนะครับ 
ที่เกาหลี ผู้คนจะสวมใส่ชุดฮันบกเพื่อให้เกียรติและระลึกถึงบรรพบุรุษของเราครับ !!

===================================

ต่อไป!!

นี่ดูคล้ายซุบโมจิของทางญี่ปุ่นนะครับ 
นี่คือTokkukku!!
ในช่วงขึ้นปีใหม่นี้ ทุกคนจะต้องทาน Tokkukku ครับ ^^
มีเรื่องเล่าเล่าต่อกันมาเนิ่นนานมาก เล่าว่า หากเราทานอาหารชนิดลงไป
เราจะก็ได้มีชีวิตอยู่ต่อเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ปี , เป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียวใช่ไม๊ครับ??  

ในตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมทานลงไปเยอะเลยละครับ 
เพราะอยากจะโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ 
ซึ่งผมพบว่าเด็กๆในวัยนั้นก็มักจะคิดแบบนี้แหละครับ 

========================

สุดท้ายคือ

เกม Yunnori 
เกมส์นี้เป็นเกมที่ครอบครัวของผมและญาติๆมักจะมารวมตัวกันเล่นเกมส์นี้ครับ
เราต้องโยน Yuk ที่มีทั้งหมด 4 อันออกไป ขึ้นอยู่กับด้านที่โยนออกมา 
ว่าจะเป็น  Do (1) Ge (2) Gal (3) Yuk (4) Mo (5) 
เราจะสามารถเคลื่อนตัวม้าของเราได้ และถ้าม้าเราเดินไปครบ 4 รอบ เราก็ชนะ 

=====================

นอกจากนี้ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างนะครับ ^^
แต่ผมอธิบายให้พอหอมปากหอมคอสำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นยังไงบ้าง

ทุกคนครับ สุขสันต์วันปีใหม่ครับ  ^_^


(Note's ผู้แปลอิงค์ : คำบางคำมีการใช้ภาษาเกาหลี ตัวสะกดอาจจะมีการคลาดเคลื่อนคะ) 

Japanese to English translation by 0401rurutic
English to Thai translation by mew 
Photo credit to 饺子石头剪子布yoy

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทีมงาน : Star Column เบื้องหลัง Alive World Tour


สวัสดีครับ เราคือทีมงานที่ทำงานให้กับบิกแบงในการทำ world tour ในครั้งนี้ครับ
ท่ามกลางทีมงานมากมายที่ร่วมทำงานกับบิกแบงในครั้งนี้ ผมขอสัมภาษณ์เฉพาะคนที่ทำหน้าที่ใกล้ชิดที่สุด ถึงความความรู้สึกของพวกเค้าที่ได้ร่วมทำงานเคียงข้างกับบิกแบงและการแสดงที่ติดอยู่ในความทรงจำของพวกเค้า และอีกครั้งนะครับผมขอปรบมือดังๆให้กับทีมงานทุกคนที่ร่วมทำงานอย่างหนักเคียงบ่าเคียงไหล่กับบิกแบงหรือทีมงานที่ทำงานในส่วนที่ไม่มีใครมองเห็น 


ก่อนอื่นเลย ในการสัมภาษณ์บิกแบง ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าบิกแบงให้ความรักและขอบคุณทีมงานอย่างมากเลย พวกเค้าเป็นวงที่ปฏิบัติกับทีมงานเป็นอย่างดี ผมคิดว่าบิกแบงเป็นวงดนตรีวงเดียวที่ฝึกซ้อมว่าจะทำท่ายังไงให้ตลกๆหรือเตรียมเรื่องเล่าที่น่าสนใจมาเล่าเพื่อให้ทีมงานที่เหนื่อยล้าหัวเราะกันได้ถึงแม้ว่าพวกเค้าก็ยุ่งกันจะแย่อยู่แล้วกับการเตรียมการแสดงของตัวเอง 

ผมยังคงเห็นบิกแบงเป็นเด็กๆ ในตอนที่พวกเค้าไม่ได้ขึ้นเวที ผมไม่ได้จะบอกว่าพวกเค้าไม่มีความเป็นผู้ใหญ่แต่หมายถึงพวกเค้ายังเป็นเด็กที่มีความหลงใหลอันแรงกล้า พวกเค้าสร้างสรรค์การแสดงที่ยอดเยี่ยมออกมาได้เพราะความไร้เดียงสาของพวกเค้ายังไม่ถูกทำให้แปดเปื้อน ในฐานะที่ผมเป็นคนนึงในหมู่ผู้คนที่ยังไม่เคยพลาดการแสดงของพวกเค้าใน WorldTour นี้แม้แต่รอบเดียว บิกแบงเป็น ....... ผมไม่รู้จะหาคำมาอธิบายได้ยังไง แต่พวกเค้าเป็น วงที่ยอดเยี่ยมสุดเท่ที่สุด เวลาอยู่บนเวที 


Trainer คุณ HWANGSSABU

Q:คุณรู้สึกยังไงที่ได้ร่วมทำ World Tour ไปกับบิกแบงครับ 
A1: ก่อนอื่นเลยผมอยากจะพูดสรุปในคำคำเดียวว่า ผม"ภูมิใจอย่างสุดซึ้งจริงๆ" ในช่วงระยะเวลา 9 ปีที่ผมเริ่มอยู่กับพวกเค้าในตอนที่ยังเป็นศิลปินฝึกหัดกันอยู่นั้น ผมไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกทั้งหมดของพวกเค้าเป็นยังไง แต่ผมคิดว่าผมก็เป็นคนนึงที่มีส่วนร่วมมากมายในชีวิตของพวกเค้า

พวกเค้าเติบโตผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เศร้า เหนื่อยล้า เหงา ถูกทำร้าย เจ็บปวด และ ทรมานเป็นกังวล แม้ว่าพวกเค้าจะเหนื่อย แสนเหนื่อยมากแค่ไหนพวกเค้าก็ต้องเดินหน้ารับทุกอย่างไม่มีหยุด ในที่สุดผมก็รู้สึกได้ว่าพวกเค้าเต็มเติมการแสดงบนเวทีของพวกเค้าด้วยความหลงใหล ความสุข ความตื่นเต้น ความกระตือรือร้น ความพึงพอใจ ความหวัง และ เต็มไปด้วยความรักผ่านเสียงเพลงของพวกเค้าใน World Tour ครั้งนี้

การที่บิกแบงสร้างความประทับใจไปทั่วโลกได้ขนาดนี้ทำให้ผมรู้สึกอะไรหลายๆอย่างและมันถือเป็นเกียรติของผมครับ GD, Taeyang, TOP, Daesung, Seungri, ขอบคุณที่ทำทัวร์นี้จบลงอย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่มีใครป่วยนะ

Q:ประเทศหรือการแสดงที่ไหนที่น่าประทับใจที่ยังติดอยู่ในความทรงจำบ้างครับ
A2: แน่นอนว่าต้องที่เปรูครับ ความประทับใจแรกที่ สนามบินนั้นค่อนข้าง เฉยๆครับ เริ่มที่สนามบินกระเป๋าเดินทางของทีมงานนั้นขาด ไม่เป็นระเบียบ และสูญหาย แต่เราก็สามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงของแฟนๆทันทีที่มาถึงที่โรงแรม ปกติแล้วที่โรงแรมจะมีแฟนๆมารอกันอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ที่ลิม่า ในเปรูนั้นมีแฟนๆมากมายมหาศาลมารออยู่ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะมารอสมาชิกในวงก็ตาม คิดๆดูแล้ว การที่แฟนๆรอไปด้วยแล้วร้องเพลงของบิกแบงเพลงแล้วเพลงเล่า เหมือนเป็นการมอบแรงใจให้กับบิกแบง พวกเค้าร้องเพลงบิกแบงด้วยกันพร้อมถือป้ายเชียร์ต่างๆ ตะโกนและเต้นเป็นจังหวะในแบบ อเมริกาใต้ มันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากครับ ขอบคุณนะครับ เปรู

Q:กล่าวถึงบิกแบงที่ทำทัวร์ได้สำเร็จลุล่วงร่วมกันในครั้งนี้หน่อยครับ
A3:ผมอยากจะบอกกับพวกบิกแบงที่รู้ดีว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นว่า ห้ามป่วย ฉันรู้ว่าพวกนายต่างก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็นะฉันแค่ขอร้องเท่านั้นเอง Aja Aja~ Hwaiting!


สไตลิสต์  คุณ GEE EUN

Q:คุณรู้สึกยังไงที่ได้ร่วมทำ World Tour ไปกับบิกแบงครับ
A1. การเริ่มทำ World Tour พร้อมบิกแบงในตอนเริ่มแรกนั้นฉันรู้สึกกังวลมากว่าเราจะทำไปได้ด้วยดีในหลายๆประเทศไม๊ เริ่มต้นเลยว่า "เราจะสามารถขนเสื้อผ้ามากมายเหล่านี้บินไปในประเทศต่างๆโดยที่จะไม่มีปัญหาเลยหรือ??" ไหนจะเรื่องการซักทำความสะอาดอีก ฉันรู้สึกกังวลมาก
แต่ก็คิดว่านี่เป็น worldTour ครั้งแรก การได้เห็นบิกแบงบินไปในที่ต่างๆทำการแสดงไปเรื่อยๆ ฉันตัดสินใจที่จะปล่อยใจให้สนุกไปทีละน้อยๆ ต้องขอบคุณสมาชิกในวงนะคะ ฉันสามารถที่จะคาดหวังได้ต่อไปที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงในเมืองใหม่ๆต่อไปได้อีก

Q:ประเทศหรือการแสดงที่ไหนที่น่าประทับใจที่ยังติดอยู่ในความทรงจำบ้างครับ
A2. ฉันจำได้ว่าที่สนามบินเปรู นับว่าเป็นฝันร้ายทีเดียว กระเป๋าที่บรรจุเครื่องแต่งกาย 2-3 ใบหายไปดังนั้นทีมงานประมาณ 50 คนยังคงเดินทางไปที่โรงแรมไม่ได้ เราต้องรอและนับกระเป๋าทีละใบทีละใบ

ที่ที่น่าจดจำอีกที่คือที่นิวยอร์ก ฉันยังจำความร่าเริงที่สมาชิกในวงมีแม้กระทั่งตอนเข้ามาหลังเวทีพวกเค้ายังคงตื่นเต้นที่ผู้ชมนั้นมีความสุขอย่างแท้จริงทั้งร้องทั้งเต้นสนุกสนานไปพร้อมๆ แม้ตัวฉันเองยังอยากจะออกไปสนุกในที่นั่งผู้ชมด้วยเลย นอกจากนี้ยังมีที่ลอนดอนหลังจากจบคอนเสริต์ที่ลอนดอนแล้ว จียงและทีมงานอีกสองสามคนตัดสินใจพักต่อที่ลอนดอนซักสองสามวัน เราช้อปปิ้งกันอย่างอิสระและสนุกกันมาก

Q:กล่าวถึงบิกแบงที่ทำทัวร์ได้สำเร็จลุล่วงร่วมกันในครั้งนี้หน่อยครับ
A3. เหนือสิ่งอื่นใดเลย ฉันขอบคุณพวกเค้ามาก หลังจากที่จบคอนเสริ์ตเพื่อจะจากไปในที่ใหม่ๆ ฉันคิดถึงพวกเค้าและตั้งตารอคอนเสริต์ในครั้งต่อไป ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะยุ่งกับตารางงานส่วนตัวของแต่ละคนแต่พวกเค้ากลับพร้อมเสมอและเต็มไปด้วยพลังงานและความกระตือรือร้น ไม่ได้ปล่อยช่องว่างให้ทีมงานได้รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยเลย ฉันมักจะถูกกระตุ้นจากพวกเค้าเสมอ มุขตลกของพวกเค้าและความสุขจากพวกเค้าสร้างบรรยากาศที่ดีมากจริงๆให้แก่ทีมงาน

นี่เป็นอีกครั้งนึงที่ทำให้ฉันรู้สึกถึงเสน่ห์ของบิกแบง เสน่ห์ของบิกแบงที่มี "จิตใจของผู้เริ่มต้นใหม่"ฉันเคยบอกกับพวกเค้าในตอนที่เรามุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารในสมัยที่พวกเค้ายังคงเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ว่า ให้คงรสนิยมในแบบบิกแบงเอาไว้และัรักษา "จิตใจของผู้เริ่มต้น" ให้คงอยู่ ในฐานะที่ทำงานในห้องแต่งตัว ฉันตั้งหน้าตั้งตารอWorldTourครังหน้าที่จะยอดเยี่ยมกว่านี้ จนถึงตอนนั้นฉันก็ควรปรับปรุงทักษะความสามารถของตัวเองให้คู่ควรกับชื่อของบิกแบง และ ทำงานอย่างหนักเหมือนกับพวกเค้า BIGBANG hwaiting!!

(Mew's note: จิตของผู้เริ่มต้นใหม่ (Beginner’s mind) เป็นจิตที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะรับรู้ และตั้งคำถามกับทุกสิ่ง โดยปราศจากอคติ หรือกรอบของความคิดใดๆ ไม่ยึดติด ซึ่งก็คือจิตแห่งเซนที่แท้ หรือจิตของพุทธะนั่นเอง / jittapanya.com)


ช่างทำผม คุณ Kim Taehyun

Q:คุณรู้สึกยังไงที่ได้ร่วมทำ World Tour ไปกับบิกแบงครับ
A1. การได้ร่วมทำ WorldTour กับบิกแบงนั้น ฉันมักจะประทับใจที่ได้เห็นพลังเห็นความหลงใหล  การที่ได้รู้สึกถึงพลังแบบนั้นทำให้ฉันรู้สึกเด็กลง พวกเค้ายังอายุน้อยแต่ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพวกเค้า พวกเค้ามักจะทำให้ฉันรู้สึกตั้งใจมากขึ้น

Q:ประเทศหรือการแสดงที่ไหนที่น่าประทับใจที่ยังติดอยู่ในความทรงจำบ้างครับ
A2. ฉันจำได้แม่นเป็นพิเศษในการแสดงที่แทยัง มีเลือดกำเดาไหลที่อังกฤษ ฉันกำลังดูจอมอนิเตอร์อยู่และรู้สึกตกใจและกังวลอย่างมาก เค้าจัดการทำให้เลือดหยุดได้อย่างรวดเร็วและลุกขึ้น กระโดดโลดเต้นทำการแสดงที่สุดยอดออกมา ฉันคิดว่าเค้าช่างเป็นคนที่เหลือเชื่อจริงๆ นอกจากนี้ทุกครั้งที่ฉันดูการแสดงในเพลง encore ฉันคิดว่าพวกเค้าเป็นคนที่มีจิตวิญญาณที่เป็นอิสระที่สุดในโลกและฉันก็รักสมาชิกที่มีความหลงใหลแบบนี้จริงๆ

Q:กล่าวถึงบิกแบงที่ทำทัวร์ได้สำเร็จลุล่วงร่วมกันในครั้งนี้หน่อยครับ
A3. WorldTour ครั้งนี้จบลงไปแล้วแต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นใหม่ของบิกแบงเท่านั้น ฉันกำลังคิดทรงผมที่สวยกว่านี้ออกมาอีกและจะทำงานให้หนักขึ้นอีก ฉันรักพวกเธอนะ


ทีมรักษาความปลอดภัย , SUHODAE

Q:คุณรู้สึกยังไงที่ได้ร่วมทำ World Tour ไปกับบิกแบงครับ
A1. การที่ได้ไปร่วม WorldTour ด้วยนั้น ผมจำประเทศจีนและเปรูได้ครับ ที่จีนมีรถของแฟนๆมากมายไล่ตามสมาชิกในวงและการเคลื่อนไหวของแฟนๆทำให้เกือบเกิดอุบัติเหตุที่อันตรายเกิดขึ้นที่สนามบิน เพราะความที่แฟนๆมามากเกินไป ผมคิดในตอนนั้นว่าความหลงใหลของแฟนๆนั้นมีมากมายมหาศาลจริงๆ

ที่เปรูถนนที่หน้าโรงแรมถูกปิดกั้นเพราะแฟนๆชาวอเมริกาใต้ พวกเค้ายังตะโกนเรียกบิกแบงและร้องเพลงบิกแบงตลอดทั้งคืนเหมือนกับว่าพวกเค้าออกมาเที่ยวในงานเทศกาลกันที่ถนน ผมรู้สึกดีมากกับความหลงใหลแบบนี้ของแฟนๆครับ

Q:ประเทศหรือการแสดงที่ไหนที่น่าประทับใจที่ยังติดอยู่ในความทรงจำบ้างครับ
A2. การได้ไปเยื่ยมเยียนในแต่ละประเทศพร้อมกับบิกแบง พวกเราทีมรักษาความปลอดภัยรู้สึกดีมากเลยครับที่ความโด่งดังของพวกเค้าเหนือความคาดหมายของเราจริงๆ เรารู้สึกภูมิใจเมื่อนึกถึงคำว่า "ดาราระดับโลก" ซึ่งบิกแบงดูจะไม่ขัดเขินกับคำคำนี้เลย เวลาที่เราวิ่งไปพร้อมๆกับพวกเค้าในตอนที่พวกเค้าลงจากเวทีไปใกล้ชิดแฟนๆ ในตอนแรกๆก็มีความยากลำบากในการปกป้องพวกเค้าอยู่เหมือนกันครับแต่เราก็รู้สึกสนุกไปด้วยเ่ช่นกัน

Q:กล่าวถึงบิกแบงที่ทำทัวร์ได้สำเร็จลุล่วงร่วมกันในครั้งนี้หน่อยครับ 
A3. ผมคิดว่าบรรดาสมาชิกในวงคงรู้สึก ก่ำกึ่ง ครึ่งนึงคงรู้สึกว่าได้รับอิสระ อีกครึ่งนึงคงรู้สึกเศร้า เมื่อทัวร์จบลง ผมหวังว่าพวกเค้าจะดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างดีและมี WorldTour อีกครั้งในหลายๆประเทศมากกว่าเดิม ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทัวร์นี้ ทัวร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก  BIGBANG hwaiting!



MUSIC DIRECTOR คุณ Gil Smith [สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ]

Q:คุณรู้สึกยังไงที่ได้ร่วมทำ World Tour ไปกับบิกแบงครับ
A1. เป็นประสบการณ์ที่สุดวิเศษพิเศษจริงๆครับ ผมทำทัวร์มาก็เยอะนะครับ และผมคงต้องพูดว่ามีศิลปินไม่มากนักนะครับที่จะสามารถทุ่มเทและทำการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพออกมาได้ทุกครั้งทุกรอบอย่างที่บิกแบงทำให้กับแฟนๆของพวกเค้านะครับ

Q:ประเทศหรือการแสดงที่ไหนที่น่าประทับใจที่ยังติดอยู่ในความทรงจำบ้างครับ
A2.โชว์ที่น่าจดจำที่สุดของผมคือโชว์ที่ประเทศ มาเลเซียครับ เวทีเป็นเวทีกลางแจ้งและมีฝนโปรยๆตกลงมาด้วย แต่แฟนๆก็ยังคงมาดูกันเต็ม มันเจ๋งมากที่เดียวครับ

Q:กล่าวถึงบิกแบงที่ทำทัวร์ได้สำเร็จลุล่วงร่วมกันในครั้งนี้หน่อยครับ
A3. ขอบคุณสำหรับโอกาสนี้ครับและขอบคุณสำหรับการทำงานหนักและความทุ่มเทของพวกคุณ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับประสบการณ์นี้ และหวังว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายนะครับ


ผู้จัดการ Lee Byungyoung

Q:คุณรู้สึกยังไงที่ได้ร่วมทำ World Tour ไปกับบิกแบงครับ
A1. ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในทีมงานของ Worldtour ครั้งนี้ มันรู้สึกดีมากเลยครับที่ได้ไปในประเทศต่างๆและรู้สึกถึงความโด่งดังของบิกแบงและ KPOP ด้วยตัวเอง นอกจากนี้มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้ผมคิดได้ว่าผมควรจะทำงานให้หนักขึ้นในบางที่ที่เรายังมองไม่เห็นเพื่อบิกแบงจะได้ทำการแสดงอันยอดเยี่ยมต่อไปได้มากขึ้น มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากด้วยที่เราได้ประสบกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมในแต่ละประเทศที่เราไป ขอบคุณนะบิกแบง ♥

Q:ประเทศหรือการแสดงที่ไหนที่น่าประทับใจที่ยังติดอยู่ในความทรงจำบ้างครับ
A2.ที่ที่น่าจดจำมากที่สุดคือที่ นิวยอร์กครับ ผมไปที่โน่นที่นี่กับ ท็อป ได้พักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสั้นๆ มีอะไรให้ดูไปทั่วๆเยอะมากและผมก็ได้ดูหิมะแรกของปี 2012 ที่นิวยอร์กกับท็อป ที่นี่เป็นที่ที่มีความหมายสำหรับผมครับ

Q:กล่าวถึงบิกแบงที่ทำทัวร์ได้สำเร็จลุล่วงร่วมกันในครั้งนี้หน่อยครับ
A3. ผมเขินที่จะต้องพูดอะไรแบบนี้กับสมาชิกในวงที่ผมเจอหน้าทุกวันนะครับ แม้ว่าตารางงานจะยุ่งกันมากแต่มันเป็นเรื่องที่ดีที่เราเสร็จสิ้น WorldTour นี้กันอย่างปลอดภัยโดยที่ไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรงใดๆเกิดขึ้น ฉันจะทำงานให้หนักขึ้นอีกจากนี้เป็นต้นไปและหวังว่าสมาชิกในวงจะก้าวไปข้างหน้า ก้าวเดินต่อไปๆจนผู้คนทั่วโลกต้องตะโกนออกมาว่า  BIGBANG! Hwaiting. พวกนายทำงานหนักกันเหลือเกินและพวกนายเท่มาก   BIG! BANG!♥

English translation by Huisuyoon 
Thai Translation by mew 


=============================

สามารถตามอ่าน Star Column ของคนอื่นๆได้ตามนี้นะคะ

ยองเบ:Star Column
แดซอง (ตอนที่ 1) : Star Column