วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

10ASIA:GD: ไพ่โจ๊กเกอร์ของจีดราก้อน [Part2-End]


ตอนนี้คุณอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น ในเพลง Crayon คุณร้องออกมาว่า " ผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่สูญเสียความหลงใหลและแรงบันดาลใจเอง" ผมคงต้องบอกว่าคำพูดนี้ดูจะมั่นใจมากไปหน่อยไม๊ครับสำหรับคนในวัยคุณ คุณจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นยังไงครับ??
ผมเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่าผมอยากจะเป็นศิลปินอย่าง Seo Taeji & Boys, DUEX และ Roo'Ra ความชื่นชอบในแบบธรรมดาสามัญนั้นนำผมให้อยากมาเป็นนักดนตรีในทุกวันนี้ ให้เหมือนกับความประทับใจที่แสนจะสดใหม่ที่ผมมีต่อนักร้องเกาหลีเหล่านั้น ผมต้องการที่จะทำให้ผู้คนตกตะลึงเมื่อเห็นไอดอลที่มีอายุยังน้อย (ไปได้สวยและทำได้ดีในวงการเพลง) ผมอยากให้พวกเค้าคิดว่า " ถ้าเค้าทำได้แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้กันละ" ??

“Why so serious.” ประโยคนี้ตั้งใจจะพูดให้คนอื่นหรือพูดให้ตัวเองครับ??
ทั้งคู่แหละฮะ ผมทิ้งการตีความนี้ให้กับคนฟังครับ (ให้คิดไตร่ตรอง) ผมก็เป็นผมแบบนี้และผมแค่บรรยายสิ่งที่ผมต้องการจะแสดงออกก็เท่านั้น แต่บางครั้งผู้คนก็ประเมินค่าและเข้าใจผิดในสิ่งต่างๆที่ผมทำลงไป ผมแค่กำลังทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและผู้คนก็แค่มีความสุขไปกับมัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกครับ  “Why so serious” (จริงจังมากไปทำไม??)คำพูดนี้เหมือนเป็นข้อความเสียดสีไปถึงคนที่ชอบทะเลาะถกเถียงและสร้างกรณีปัญหาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง คำพูดนี้ ของโจ๊กเกอร์ ยังเป็นคำพูดที่ให้กำลังใจผมด้วยนะครับ ผมชอบคำพูดนี้ครับ เค้าเป็นตัวร้าย เค้าน่ากลัว แต่เค้าพูดอะไรบางอย่างให้โลกได้คิด ผมคิดว่าเค้าเท่กว่าแบทแมนเยอะเลยละฮะ

ในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก “Heartbreaker” คุณร้องเพลงเกี่ยวกับความเจ็บปวดและความเศร้าโศกที่คุณมีในตอนที่ยังเป็นเด็ก ในอัลบั้มชุด “ONE OF A KIND” คุณร้องเพลงเกี่ัยวกับการเลิกราอย่างสะเทือนอารมณ์ คุณตั้งใจเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เพื่อที่จะให้สาธารณชนรับรู้โดยเฉพาะรึเปล่าครับ??? เพราะคุณเคยพูดในการสัมภาษณ์ครั้งก่อนว่าคุณอยากจะทำเพลงที่ผู้คนฟังได้ไม่รู้เบื่อ
ผมเป็นศิลปินเพลงป็อปครับ ดังนั้นผมจำเป็นต้องทำในสิ่งที่สาธารณชนรู้สึกไม่ติดขัดและสบายใจเวลาที่ฟังเพลงของผม นอกจากภาพลักษณ์ที่ผมถูกมองบนเวที ผมว่าเพลงของผมเข้าถึงง่ายและปลอบใจผู้คน ดังนั้นผมจึงพยายามคิดให้มันเรียบง่ายมากขึ้น แต่นั่นเป็นส่วนที่ยากที่สุด ท่านยางเป็นคนจับลำดับเพลงในขั้นตอนสุดท้ายและดูเหมือนว่าเค้าจะมุ่งความสนใจไปยังความลื่นไหลในแต่ละเพลงให้มันเหมือนกับการดูคอนเสริต์หรือดูหนัง เพลงจะมีการเริ่มเปิดตัวอย่างงดงามยิ่งใหญ่ ไหลอย่างราบรื่น จนไปถึงใจความสำคัญและค่อยๆถอนตัวออกไป

คุณคิดว่าตัวคุณบนเวทีหรือตัวคุณในแบบที่ไม่ได้อยู่บนเวที คนไหนเท่กว่ากันครับ??
คนที่อยู่บนเวทีแน่นอนอยู่แล้วสิครับ ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนเท่ถึงขนาดนั้นเวลาที่ไม่ได้อยู่บนเวที ผมมีข้อผิดพลาดและผมคิดว่าตัวเองเหมือนเด็ก แต่.....พูดก็พูดเถอะครับผมเอาอยู่จริงๆบนเวที

ประโยค “wild and young” (เลือดร้อนและอายุยังน้อย)ที่ถูกร้องออกมาในเพลง  “ONE OF A KIND.” ฟังแล้วมันเหมือนกับเป็นคติพจน์ประจำใจสำหรับคุณเลยนะครับ คุณคิดว่าในด้านความป่าเถื่อนความเป็นกบฐ (wild)ในตัวคุณมีอะไรที่ยังจะต้องปรับปรุงไม๊ครับ??
บางทีอาจจะมีนะครับ ผมชอบคำพูดนี้ มันเป็นคติพจน์ให้กับชีวิตของผมครับ แต่มันเป็นเรื่องยากอยู่ซักหน่อยที่จะทำอะไรสุดโต่งในสังคมที่มีวิถีแบบนี้ มันย่อมจะมีขอบเขตในการที่จะทำตัวโลดโผนและผมก็ชินแล้วละครับ ผมกำลังต่อสู้กับขอบเขตที่ถูกขีดไว้นี้อย่างลับๆแต่ก็ยังไม่ได้แสดงออกอะไรนะครับ ผมกังวลในสิ่งที่ผมจะทำและวิธีที่ผมจะทำมันออกมาในอนาคต แต่ในตอนนี้ผมจะทำในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาไปเรื่อยๆครับ



พูดก็พูดนะครับ คุณมีลักษณะตรงกับคำว่า  “young and rich” (ร่ำรวยและอายุยังน้อย) [ท่อนแร๊พในเพลง "ONE OF A KIND"] บางคนมีความคิดว่าคุณอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในสาขาอาชีพนี้แล้ว เป็นเพราะคุณพึ่งพูดว่าคุณรู้สึกกังวลว่าจะประสบความสำเร็จรึเปล่า?? ผมจึงอยากจะถามว่าคุณมองเห็นว่าตัวเองในอนาคตจะเป็นยังไงครับ?? และมีแผนการณ์สำหรับอนาคตยังไง??
อย่างที่ผมมักจะพูดเสมอๆครับ คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น นี่อาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นหรือเป็นจุดสิ้นสุดแล้วก้ได้ (สำหรับความนิยมชมชอบมากมายที่ผมได้รับ) หากผู้คนคิดว่าผมทำจนสุดความสามารถของผมแล้ว ผมก็จะชมเชยตัวเองที่ทำได้ดีแล้ว หากมันได้เดินทางมาสู่จุดสูงสุดแล้ว นั่นก็หมายความว่าผมทำให้ฝันของตัวเองเป็นจริงได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และนั่นหมายความว่าผมไม่มีอะไรจะต้องกลัวว่าจะสูญเสียไปและผมสามารถที่จะฝันให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีก

แม้ว่าผมจะไม่สามารถมองเห็นอนาคตข้างหน้า ผมก็จะเตรียมการณ์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ผมคิดว่าตัวเองบ้านะครับเมื่อมองดูตัวเองในช่วงนี้ ผมสามารถเห็นตัวเองบ้าคลั่งและโลดโผนบนเวที  พวกเรา (ผมและเจ้าหน้าที่บริษัท YG) รู้สึกชอบมากๆ พลังที่จะทำตัวบ้าคลั่งนั้นมันระเบิดออกมาทุกครั้งที่ผมยืนอยู่บนเวที เหมือนอะไรบางอย่างที่อยากจะหนีออกมาจากภายใน แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกแหละครับ ผมไม่รู้ว่าพลังงานแบบนี้จะอยู่กับผมไปอีกนานเท่าไหร่??ดังนั้นผมจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เมื่อถึงเวลาที่เพลงและสไตล์ของผมไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจใดๆให้กับผู้คนผมคิดว่านั่นคงจะถึงเวลาที่ผมควรจะออกจากแสงสปอต์ไลท์นี้และไปช่วยสนับสนุนนักดนตรีหน้าใหม่ๆให้เติบโตต่อไปจะดีกว่า แต่ในตอนนี้ พลังงานที่ว่ากำลังพุ่งพล่านทีเดียวละฮะ

เริ่มจากการใฝ่ฝันที่จะอยากจะเป็นนักร้อง มาจนถึงการบรรลุเป้าหมายในวันนี้ทุกอย่างล้วนเกิดอย่างรวดเร็วจริงๆหากมองเทียบกับอายุของคุณ คุณผ่านช่วงเวลาที่ดีและเลวร้ายมากมายกว่าจะมาถึงตรงนี้ และต้องมีช่วงเวลานึงแน่ๆที่คุณมองสำรวจตัวเองอย่างจริงจังในช่วงทำงานเดี่ยวครั้งนี้  ผมอยากจะรู้ว่าในตอนนี้ความเป็นควอนจียง มีสัดส่วนเท่าไหร่ในชีวิตของ จีดราก้อนครับ ??
เมื่อ 2-3 ปีก่อน ยองเบกับผม มักจะปรึกษากันว่า เราอยู่ในร่องในรอยที่ถูกต้องแล้วใช่ไม๊?? หรือว่า เราครรจะทำยังไงถ้าเราเกิดตกจากทางที่เราตั้งใจจะเดินไป  บทสรุปที่ผมมีคือ นี่คือสิ่งที่ผมเป็น ผมไม่สามารถที่จะแยกควอนจียงและจีดราก้อนออกจากกันได้ งานของผมคือการที่จะต้องเชื่อมสะพานระหว่างชื่อ 2 ชื่อนี้ หากผมต้องแยกชีวิตของผมออกเป็นควอนจียงและจีดราก้อน ผมคงจะรู้สึกเศร้าและสับสนหมดหวัง การที่ยอมรับว่านี่เป็นสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่ยังเป็นเด้กและเป็นสิ่งที่ผมได้ดีซะด้วย มันทำให้ผมมีความสุข ผมอยากจะบอกตัวเองว่า " นายทำได้ดีแล้วนะ " (หัวเราะ)

Lee Tae-ho (myenclavies@10asiae.co.kr) contributed to this interview
Source: 10asia
Thai Translation by mew mini museum 

※ Any copying, republication or redistribution of 10Asia's content is expressly prohibited without prior consent of 10Asia. Copyright infringement is subject to criminal and civil penalties.

สามารถตามอ่านตอนแรกได้ ทีนี่ค๊า 
http://mew-mini-museum.blogspot.com/2012/09/g-dragon-part1.html

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

10ASIA:GD: ไพ่โจ๊กเกอร์ของจีดราก้อน [Part1]

จากหัวจรดปลายเท้า , มาดแสนเนี้ยบ จีดราก้อนกลับมาพร้อมกับพลังที่มากขึ้นให้ทุกคนตกตะลึง 

สีสันสดใส บ้าคลั่ง และสนุกสนาน เป็นหลายๆคำที่ดีที่สุดที่จะสามารถบรรยายอัลบั้ม One Of a kind ของจีดราก้อนในครั้งนี้ได้ หลังจากสามปีที่เค้าออกค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง วันนี้ในฐานะนักดนตรีวัย 25 ปี จีดราก้อนได้ข้อสรุปที่เค้าสามารถอธิบายได้ผ่านเพียงสีเทียนกล่องนึงกับกระดาษเปล่าที่พร้อมให้แต้มสี

เมื่อถามถึงอะไรในตัวเค้าที่เค้าคิดว่า เป็น One of a kind (สิ่งพิเศษที่ไม่เหมือนใคร) หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่เค้านั่งเท้าคางและตอบว่า " ผมก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ มันยากเกินไป "

ในช่วงเวลา 5-10 วินาทีที่เค้าเงียบไปเพื่อพิจารณานั้นมันสามารถอธิบายทุกอย่างได้ว่าทำไมผู้คนมากมายถึงต้องใช้เวลานานมากๆกว่าที่จะเข้าใจ ข้อความที่แท้จริงที่ MV เพลง CRAYON ซึ่งเป็นเพลงโปรโมทของอัลบั้มนี้ ต้องการที่จะสื่อออกมา 

แร๊พเปอร์ผู้นี้ไม่สามารถที่จะบ่งบอกความเป็นตัวเค้าเองผ่านคำเพียงแค่คำเดียวได้ การที่จะต้องแสดงออกให้เห็นถึงความกว้างของศักยภาพของตัวเค้า เค้าโยนไพ่ โจ๊กเกอร์ออกมาจากสำรับด้วยท่าทีแสนเก๋ ด้วยบุคลิกคล้ายตัวการ์ตูน เป็นตัวป่วนบ้าคลั่ง ขาประจำงานปาร์ตี้ รวมไปถึง สาวสุดเซ็กซี่ ที่จู่ๆก็กลายเป็นตัวร้ายชื่อดังจากภาพยนตร์  แบทแมน "Dark Knight" 

จีดราก้อนนั่งลงพร้อมนิตยสารในมือที่ตึกบริษัท YG Entertainment ในโซลเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเพื่อที่จะแสดงให้เราเห็นว่าสิ่งที่เค้ามีมาเสนอนั้นมันมีมากกว่า แสงไฟและการแต่งตัวด้วยสีสันแสบตา


เพลงเกริ่นนำเข้าอัลบั้มในครั้งนี้อย่างเพลง  “ONE OF A KIND” มีแนวเพลงดูจะเป็นแนวที่ออกมาลองเชิงตลาดกระแส KPop ก่อนรึเปล่าครับ ?? มีเหตุผลพิเศษอะไรรึเปล่าที่หันมาเลือกทำเพลงในแนวฮิบฮอบในครั้งนี้
จริงๆผมทำเพลงแบบนี้มาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กแล้วละครับและมันเป็นสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดด้วย ผมคิดว่ามันคงจะ เป็นแบบนี้ต่อไป การที่ผมอยู่ในวงบิกแบงและการทำงานเดี่ยวนั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างกันนะครับ บิกแบงเป็นวงใหญ่ที่ควรจะต้องเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังที่กว้างกว่า ในขณะที่การทำเพลงเพื่องานเดี่ยวเปิดโอกาสให้ผมได้ทดลองทำอะไรหลายๆอย่าง ผมกำลังทำในสิ่งที่ผมฝันอยากจะทำมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และทุกอย่างที่ผมทำ (แม้ว่ามันจะดูแปลกและดูไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่) ผู้คนก็จะเริ่มยอมรับว่านี่คือสิ่งที่ผมเป็นครับ 

มีเหตุผลพิเศษอะไรรึเปล่าครับที่ทำปกอัลบั้มออกมาดูคล้ายกับคัมภีร์ไบเบิล??
ผมทำอัลบั้มออกมาหลายอัลบั้มทุกอัลบั้มล้วนดีไซน์แตกต่างกันออกไปครับ คัมภีร์ไบเบิลหรือหนังสือเก่า จะให้ความรู้สึกในแบบตำนานเรื่องเล่าเทพเจ้า ผมรู้สึกว่ามันมีพลังงานพิเศษในคัมภีร์ไบเบิลและผมต้องการให้อัลบั้มของผมให้ความรู้สึกแบบนั้น ส่วนเนื้อหาในเพลงที่มีอารมณ์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของคัมภีร์ไบเบิลผมแค่ใช้การปรับเปลี่ยนจากสิ่งที่อยู่ในบทพระธรรมจริงๆ ครับ

คุณมักจะนำเสนอในสิ่งที่ใหม่ๆเสมอ ชื่อของคุณกลายเป็นสัญลักษณ์ของความแปลกใหม่ ในอัลบั้มนี้เพลงต่างๆมีอะไรใหม่บางครับในครั้งนี้??
ผมทิ้งความกดดันและทำในสิ่งที่สดใหม่และแปลกใหม่ออกมาในครั้งนี้ฮะ ผมยอมรับว่าผมได้รับความเครียดมากมายจากการทำอัลบั้มตลอดมาจนถึงอัลบั้มชุดล่าสุดนี้  แต่ตอนนี้ผมมาคิดว่า " มันจำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องแปลกใหม่?? ไม่ว่าจะเป็นเพลงเดี่ยวหรือเพลงของบิกแบง ผมไม่คิดว่าตัวตนของเพลงควรจะเปลี่ยนแปลงไปนะ แค่เพลงออกมาเพราะ มันก็ดีแล้วนี่ สิ่งที่สำคัญก็มีแค่นั้นนี่นา ......เพลงในอัลบั้มนี้มีหลายแนวครับ ตัวเพลงฮิบฮอบเป็นเพลงที่มีแนวร่วมอยู่ด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจังหวะช้าๆหรือการที่นำเอามันไปมิกซ์กับแนวอิเลคโทรนิค อย่างเพลง Crayon ผมหาความสนุกไปกับมันด้วยส่วนผสมที่ผมมีครับ 

เพลง “CRAYON” เป็นเพลง ที่ใช้โปรโมท แทนที่จะใช้เพลง “ONE OF A KIND,” ซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้มด้วย ทำไมเป็นแบบนั้นครับ??
ตั้งแต่แรกที่ผมลงมือทำเพลง “ONE OF A KIND,” ผมรู้เลยว่าผมจะต้องใช้เพลงนี้เป็นเพลงเกริ่นนำเข้าอัลบั้ม มันเป็นเพลงแรกที่ผมทำเพื่อการบันทึกเสียง และเป็นเพราะชื่อเพลงมีความหมายที่ดีด้วยผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าตั้งชื่ออัลบั้มว่า “ONE OF A KIND" มันเป็นคำที่ลงตัวมากๆและตรงกับสิ่งที่ผมต้องการจะนำเสนอผ่านอัลบั้มชุดนี้ ก็เท่านั้นแหละครับ และเหนือสิ่งอื่นใด ก็เพื่อจะทำให้ผู้คนรู้สึก ว่านอกจากจีดราก้อนแล้ว นี่เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถจะทำได้ มันเป็นอะไรบางอย่างที่มีแต่ผมเท่านั้นที่จะทำได้ครับ 

 
นี่เป็นอัลบั้มเดี่ยวของคุณในช่วงเวลา 3 ปี คุณต้องมีความรู้สึกหรือความคิดต่างๆที่อยากจะบอกออกมามากมายแน่ๆ คุณสามารถบรรยายออกมาได้หมดไม๊ครับ?? ถ้าจากคะแนน 100 คุณพอใจจะให้คะแนนอัลบั้มนี้ด้วยตัวเลขไหนดี??
88ครับ......สำหรับผม เลข8เป็นตัวเลขที่เต็มไปด้วยความหมายครับ และผมก็มี 8 คอนเซ็บซ์สำหรับอัลบั้มนี้ด้วย ( จีดราก้อนเกิดวันที่ 18 เดือน 8 ปี 1988 )

ไม่ใช่แค่เพลงของคุณเท่านั้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น แต่ในเรื่องแฟชั่นของคุณก็ด้วย ในเพลง Crayon ชุดไหนเป็นชุดที่คุณชอบที่สุดครับ?? 
ยากที่จะต้องเลือกแค่ชุดเดียวนะครับ ผมเแค่สวมใส่ในสิ่งที่ผมต้องการอยากจะใส่ ก็เหมือนกับวิธีที่ผมทำเพลงแหละครับ บางชุดเป็นชุดที่ผมเคยเห็นแต่ไม่สามารถที่จะสวมใส่ไปไหน เข้าใจไม๊ครับ?? อย่างชุดที่ผมดูเหมือนเฟรงเกนสไตล์ ชุดนั้นเป็นหนึ่งในผลงานของดีไซเนอร์ที่ผมชื่นชอบและเค้าก็มอบชุดนี้ให้กับผมเองกับมือเลยเป็นการส่วนตัว ดีไซน์ของชุดสวยดีครับแต่การต้องมาเต้นในชุดแบบนั้นมันออกจะดูตลกไปหน่อย 

ชุดกระโปรงสีดำก็เป็นชุดที่คุณอยากจะใส่ด้วยงั้นเหรอครับ?? (หัวเราะ)
จริงๆผมตั้งใจจะใส่ชุดนั้นให้ดูตลกนะครับ ผมพยายามที่จะให้มิวสิควีดีโอไปในทิศทางที่เหมือนฉากในการ์ตูน เป็นพิน็อคคีโอที่กลายมาเป็นสาวสวย แต่ในชอตถ่ายด้านหลังนั้นไม่ใช่ตัวผมนะครับ ผมไม่รู้ทำไมถึงเข้าใจผิดกันมาก ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็นเซอร์ในทีมครับ ผมขอบอกคุณอีกทีนะครับ ไม่ใช่ผมนะครับ (หัวเราะ)

คุณแสดงออกถึงหลายๆด้านของตัวเองผ่านบทต่างๆใน MV Crayon แน่นอนว่าทุกบทถูกเซตมาให้เข้ากับภาพรวมทั้งหมดของMV ก็จริง แต่ความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไรครับ??
ครับเนื้อเรื่องดูเหมือนจะผสมปนเปกันไปหมด สิ่งที่ผมตั้งใจจะนำเสนอคือ คนบ้าคนนึงฝันเห็นอะไรหลายๆอย่าง มันเป็นเรื่องราวที่ชายสติไม่ดีคนนี้ต้องเจออะไรมากมายในความฝันเป็นเพราะแบบนี้ผมถึงต้องแสดงหลายๆบทบาทใน MV จริงๆแล้วเรามีอะไรที่อยากจะแสดงออกมามากกว่าที่เห็นกันใน MV อีกนะครับ เพราะ ชื่อเพลงคือ Crayon มันทำให้นึกถึงภาพที่สดใสและอะไรที่มีสีสันออกมา ผมต้องการจะให้ผู้คนรู้สึกถึงบทบาทที่แตกต่างกันออกไปและสีสันมากมาย และผมคิดว่ามันบ้าบอมาก ผมชอบมากจริงๆที่มันออกมาแบบนี้ ในขณะที่ MV  “ONE OF A KIND” จะมีการคุมโทนและอารมณ์ ส่วนในเพลง  “That XX,” ผมรับบทเป็นผู้ชายสองคนซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันครับ

Lee Tae-ho (myenclavies@10asiae.co.kr) contributed to this interview
Source: 10asia
Thai Translation by mew mini museum 

※ Any copying, republication or redistribution of 10Asia's content is expressly prohibited without prior consent of 10Asia. Copyright infringement is subject to criminal and civil penalties.

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

G-dragon ขอโทษในสิ่งที่ผ่านมา พร้อมตั้งใจทำงานหนัก


วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาจีดราก้อนได้ให้สัมภาษณ์พูดถึงเรื่องที่เค้าข้องเกี่ยวกับกรณีเสพกัญชา แดซองเกี่ยวข้องกับเรื่องอุบัติเหตุและล่าสุด น้องเล็กของวง ซึงรี มีข่าวอื้อฉาวกับนักแสดงชาวญี่ปุ่น 

จีดราก้อนกล่าวว่า "มีเหตุการณ์และสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมายกับวงของเราครับ และผลที่ตามมาไม่ได้เป็นเรื่องที่ทุกคนจะสามารถเข้าใจมันได้โดยง่าย ดังนั้นในฐานะที่ผมเป็นคนของประชาชน ผมคิดว่ามันเป็นความผิดของพวกเราครับ " 

 “แต่ยังไงก็ตามเราเป็นเพียงมนุษย์คนนึงเท่านั้น เราต่างก็มีแนวโน้มที่จะทำผิดได้ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองยังไง แต่พวกเราก็ยังเด็ก และยังคงต้องผ่านเรื่องต่างๆและข้อผิดพลาดมากมายต่อไป สมาชิกทุกคนในวงเริ่มทำงานในวงการนี้ตั้งแต่พวกเรายังเด็กมาก ดังนั้นบางครั้งเราทำอะไรลงไปทั้งๆที่มันผิด เราจะพยายามให้มากขึ้นจากนี้ไปที่จะระมัดระวังให้มากขึ้นครับ " 

"ช่วงนี้เวลาที่เรามาอยู่ด้วยกัน เรามักจะพูดว่า "ถ้าเรายังคงทำตัวแบบนี้ต่อไป อะไรๆก็คงจะต้องลำบากขึ้นแน่ ดังนั้นมาพยายามให้มากกว่านี้เถอะนะ " 

ในฐานะที่จีดราก้อนเป็นหัวหน้าวงเค้ากล่าวว่า" เมื่อก่อนเวลาที่มีใครบางคนทำผิด ผมจะต้องพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่พอถึงจุดจุดนึงผมกลับสูญเสียพลังที่จะทำเรื่องแบบนี้ และตัวผมเองก็ยังไม่สามารถที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพวกเค้าได้เลย ดังนั้นจากนี้ไปผมควรจะต้องจริงจังและยึดหลักหัวหน้าวงที่ผมเคยเป็นในสมัยก่อนกลับคืนมา"   

นอกจากนี้จีดราก้อนยังพูดถึงเพลง That XX ที่ได้เรท 19+ มาว่า " จริงๆมันไม่ใช่คำที่หยาบคายรุนแรงนะครับแต่มันไม่ใช่คำที่ดีที่สุดที่จะให้คนในยุคเก่าฟังแล้วรื่นหู และการจัดเรทก็ถูกตัดสินออกมาแล้ว ผมไม่สามารถที่จะทำอะไรออกมาตรงๆแบบชัดเจนได้เพราะตัวเองก็ยังเป็นนักร้องไอดอลอยู่ ดังนั้นเพลงจึงออกมาอย่างที่เป็นครับ " 

"การที่เพลงได้เรท 19+ อาจจะดูร้ายแรงนะครับแต่ผมไม่คิดว่าเพลงของผมจะชักนำวัยรุ่นไปในทางที่ไม่ดี  ในตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมได้ฟังเพลงที่มีเนื้อหาตรงๆ เพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างเพลงของ DJ DOC ผมคิดว่า "คนพวกนี้แค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเค้าออกมาก็เท่านั้น""

สุดท้ายจีดราก้อนยังได้พูดถึง เพื่อนร่วมค่ายอย่าง PSY ที่ตอนนี้สร้างกระแสไปไกลในระดับโลกกับเพลง กังนัม สไตล์ จีดราก้อนกล่าวว่า " ตอนที่พี่ไซเอาเพลงนี้มาให้เพลงเป็นครั้งแรกผมไม่คิดว่ามันจะดังขนาดนี้ พูดตามตรงผมรู้สึกอิจฉานิดๆนะครับแต่ก็รู้สึกภูมิใจมากด้วย " 

credit to soompi 
Thai Translaton by mewmini museum 

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ เดนนี่ 1TYM จาก SOOMPI


ฉันกำลังอ่านข่าวจากสื่อเกี่ยวกับรายการใหม่ของทางช่อง Mnet อยู่ สิ่งที่เข้ามาสะดุดตาของฉันมากที่สุดคือ รายการ Danny From LA ที่มี  Danny Im หรือ แทบิน หนึ่งในสมาชิกวงฮิบฮอบ 1TYM จากค่าย YG entertainment มันทำให้ฉันเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่า เดนนี่เป็นยังไงบ้างหลังจากที่วง 1tym หยุดงานในวงการบันเทิงไปในปี 2006 เราได้ยังพอได้ยินเรื่องของ Teddy อยู่ตลอดเวลา ในฐานะที่เป็น นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ แต่นักร้องนำและแร๊พเปอร์หน้าหวานประจำวงละเป็นยังไงทำอะไรอยู่กันน้า

ถ้าคุณต้องการการรื้อฟื้นความจำละก็ นี่เป็น MV เพลง   “One Love” จากอัลบั้มชุดที่สองของพวกเค้าในปี 2000



ฉันทำงานที่ soompi มาได้ 14 ปีแล้วละค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะไปสัมภาษณ์ใครด้วยตัวเองเป็นพิเศษ แต่คราวนี้ฉันกลับพบว่าตัวเองรู้สึกประหม่าจริงๆในการคุยกับเดนนี่ทางโทรศัพท์ ทั้ง soompi และ 1TYM ต่างก็เดบิวในปีเดียวกันคือ 1998 และฉันก็มีความผูกพันเป็นพิเศษกับพวกพ้องเราเกาหลีที่ถือสัญชาติอเมริกันที่เป็นส่วนหนึ่งของยุค Kpop ที่ฉันตกหลุมรัก 

เป็นปกติที่ฉันจะกังวลว่าเค้าจะตอบคำถามแบบส่งๆขอไปที หรือ ตอบคำถามเหล่านั้นแต่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่โชคดีจริงๆที่เค้าตอบได้เหนือความคาดหมายของฉันมาก เราได้ปรึกษาถกเถียงกันอย่างจริงจังในเรื่อง ความสัมพันธ์ที่ยาวนานของเค้ากับ YG Entertainment และวงการอุตสาหกรรมเพลง kpop และเรื่องสมัยก่อนจนกระทั่งบัดนี้และเรื่องที่เค้าวางแผนสำหรับอนาคต ด้วย 

ช่วงหลายปีที่ผ่านมาคุณทำอะไรอยู่คะ?? เกือบๆจะ 7 ปีแล้วละนะจากที่ 1tym ออกอัลบั้มสุดท้ายออกมา 
ผมทำงานในวายจีแหละครับ เป็นงานเบื้องหลังในส่วนของ การพัฒนาพรสวรรค์ (talent development department) ผมมีส่วนร่วมในการออดิชั่นศิลปินของค่ายในประเทศไทย ทำงานเป็นครูที่ปรึกษาศิลปินหน้าใหม่ เด็กๆเดี๋ยวนี้เก่งกันมากๆจากสมัยของพวกเรานะครับ ถ้าย้อนกลับไปในตอนนั้นเรายังไม่มีระบบที่ดีให้กับเรื่องแบบนี้ ก็นะ 1tym เป็นวงที่2 ของค่ายเองนี่ครับหลังจากที่มีวงแรกของค่าย คืออ Jinusean

ในตอนนั้นคุณมีวิธียังไงที่ทำให้ตัวเองถูกค้นพบและได้เดบิวคะ?? สมัยนั้นระบบการออดิชั่นในระดับนานาชาติก็ดูจะมีแข่งขันกันอย่างรุนแรงเหมือนกับสมัยนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ?? 
จริงๆแล้วคือเราโชคดีนะครับ เท็ดดี้และผมถูกแนะนำให้รู้จักกับ ท่านยางในตอนที่เค้าเดินทางมาที่ LA เราเป็นแค่เด็กธรรมดาๆจาก  โรงเรียน Diamond Bar ที่จู่ก็ได้เข้ามาสู่วงการ Kpop เป็นเพราะในย่านนั้นมีคนเอเซียอยู่กันเยอะ มันไม่ใช่ว่าเราตั้งเป้าหมายว่าอยากจะเป็นนักร้องในวงการ Kpop ไปตลอดชีวิต แต่โอกาสมันอยู่ตรงหน้าแล้ว และกระบวนการต่อจากนั้นก็ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สำเร็จครับ

แล้วคุณพ่อคุณแม่ของคุณมีความเห็นยังไงบ้างคะที่จู่ๆคุณก็ถูกชักนำให้กลับประเทศเกาหลีในวัย 17 ปีเพื่อกลับไปเป็นนักร้อง?? 
พวกเค้าสนับสนุนเต็มที่ครับ จริงๆแล้วผมถูกเลี้ยงมากับความคิดที่ว่าครอบครัวอยากจะย้ายกลับมาที่ประเทศเกาหลีอยู่แล้วครับ ว่ากันว่ามันเป็นที่ที่จะทำให้ผมไม่ออกนอกลู่นอกทางได้ (หัวเราะ)
[NOTE:ระบบโรงเรียนมัธยมในประเทศเกาหลีมีความเป็นระเบียบและเข้มงวดอย่างมาก]

คุณยังคงติดต่อกับสมาชิกในวง 1TYM อยู่บ้างไม๊คะ?? 
จริงๆคือ วายจีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเราไปกว่าครึ่งนึงแล้วละครับ เราเหมือนกับเป็นคนในครอบครัว แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน แต่พอถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วละก็เราก็พูดคุยกันได้เหมือนเดิม จริงๆแล้วผมพึ่งจะได้คุยกับ Baekyung ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะครับ

นี่เป็นการบอกใบ้รึเปล่าคะว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของวง 1TYM??
เราไม่มีแผนการณ์ในเรื่องนี้ครับ แต่เป็นเพราะวงของเราไม่เคยมีการยุบวงอย่างเป็นทางการด้วย เรื่องที่จะกลับมารวมตัวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เลยนะครับ

มีเรื่องสนุกๆเล่าให้ฟังบ้างไม๊คะในฐานะที่คุณก็เป็นไอดอลชาวเกาหลีสัญชาติอเมริกันคนนึง ฉันชอบคิดว่าพวกคุณมีการรวมกลุ่มกันแบบลับๆกับพวกศิลปินเกาหลีสัญชาติอเมริกันด้วยกันเองรึเปล่า?? อย่าง Eric และ Andy จากวง Shinhwa, Yoo Seung Jun,  Tony An จากวง H.O.T’s, Mickeyและ Eun Ji Won จาก Sechs Kies, Mikey จาก Turbo, และอีกหลายๆคนเลย?? 
เท็ดดี้และผม จริงๆแล้วพวกเราเป็นพวกไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ครับ หนึ่งในอุปสรรคของเราคือ เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ดื่ม และอย่างที่คุณรู้ที่เกาหลีทุกคนทำความรู้จักกันผ่านแอลกฮอลล์ แล้วอีกอย่างนะครับถ้าเราไม่อยู่ในช่วงโปรโมทหรือมีงาน เราก็จะกลับอเมริกาไปอยู่ครอบครัวของเราครับ

ในตอนนั้น การไปออกรายการวาไรตี้สร้างความกดดันให้กับเหล่าไอดอลเหมือนในสมัยนี้ไม๊คะ?? 
สิ่งนึงที่ทำให้วงเราไม่ได้ดังระเบิดในช่วงนั้นเหมือนกับวงอื่นๆน่าจะเป็นเพราะเรื่องการไปออกรายการวาไรตี้นี่แหละครับ แน่นอนว่าในช่วงแรกที่เราเดบิวเราไม่มีทางเลือกก็ต้องไปบ้าง แต่พอเราเริ่มตั้งตัวได้และเริ่มคุมเกมได้เราก็เลือกที่จะไม่ไปออกครับ ข้อดีของมันคือ เป็นเพราะเราไม่ออกรายการทีวีเยอะคนก็ยังจำหน้าเราไม่ค่อยได้เราก็ยังสามารถเดินตามท้องถนนได้อยู่โดยที่ไม่มีใครมาคอยสังเกต แต่แน่นอนว่าข้อเสียก็คือ เราจะต้องเริ่มการโปรโมทใหม่ทั้งหมดทุกครั้งที่เราออกอัลบั้มใหม่  มันทำให้เราต้องทำงานอย่างหนักและตั้งใจมากๆ บางทีมันก็ดีเหมือนกันนะครับที่จะไม่รู้สึกสบายๆเกินไป

เรามาคุยกันเรื่องประเด็นร้อนๆใน KPOP ตอนนี้กันดีกว่านะคะ คุณคิดยังไงบ้างกับการที่ศิลปิน KPOP ตอนนี้กำลังพยายามที่จะเข้าไปบุกตลาดที่อเมริกา?? อย่าง Wonder Girls และ Girls’ Generation?
คืออย่างงี้นะครับ การที่จะกลายเป็นศิลปินที่เป็นที่รู้จักในอเมริกา คุณจำเป็นต้องรู้วัฒนธรรมและจังหวะการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันด้วย ความเฉลียวฉลาดและพรสวรรค์ความสามารถทุกคนล้วนพกไปเต็มกระเป๋า แต่พวกเค้าจะไม่สามารถจับคนฟังได้ถ้าไม่เข้าใจว่าอะไรจะทำให้พวกเค้าหันมาสนใจได้ 
อีกอย่างคือ พวกเค้าพยายามที่จะทำเพลงในแบบ ชาวอเมริกันทำกัน ซึ่งเอาเข้าจริงๆสุดท้ายก็ถูกมองว่า เราเป็นพวกชาวต่างชาติที่พยายามตะเกียดตระกายจะเอาอย่างพวกเค้า ในกรณีของ  Girls’ Generation แรงเชียร์สาวๆวงนี้ถือว่าน่าพอใจนะครับ  แต่ต้องยอมรับนะครับว่า สำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองแค่ว่า พวกเธอเป็นสาว 9 คนที่ดูเหมือนกันไปหมด มันทำให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แต่ละคนมีเปล่าประโยชน์ไปเลย

คุณคิดยังไงกับกระแสปรากฏการณ์ Gangnam Style ในตอนนี้คะ?? 
สิ่งที่ผู้คนไม่รู้เกี่ยวกับไซ คือ เบื้องหลังท่าทางเปิ่นๆฮาๆนั้น ผู้ชายคนนี้มีพรสวรรค์ในหลายๆด้าน เค้าเป็นคนที่ทุ่มเทความคิด เวลา และพลังงานมากมายลงไปในเพลงของเค้า เค้าจับจังหวะของชาวเกาหลีได้ เค้าผูกพันธ์เกี่ยวเนื่องกับผู้คนและผู้คนก็เชื่อมโยงกับเค้าได้ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่ารายการ reality และรายการวาไรตี้ถึงเป็นรายการที่ได้รับความโด่งดังมาก มันทำให้ผู้คนมองว่า ศิลปินดาราก็เป็นคนเหมือนกับพวกเค้า กระแสที่ไซไปโด่งดังนอกเกาหลีนั้นเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ไซเค้ามอบสิ่งที่แปลกใหม่และแตกต่างสู่ชาวโลก  สิ่งที่ไม่ทำให้ชาวเกาหลีต้องขายหน้า

คุณมีความคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องกรณีพิพากษาที่สมาชิกคนนึงของวง T-ara โดนกลั่นแกล้งคะ?? 
ขนาดเรา 1TYM มีกัน 4 คนเรายังมีความเห็นไม่ตรงกันเยอะครับ วงที่มีขนาดใหญ่กว่าก็ต้องมีความยากลำบากมากขึ้นอีกที่จะให้เข้ากันได้ดีตลอดเวลา คุณจำเป็นต้องอยู่กับคนกลุ่มนี้ไปตลอด 24 ชั่วโมงอาทิตย์ละ 7 วัน อยู่ในสถานการณ์ที่เครียดมากๆบ่อยๆและอดหลับอดนอน ความขัดแย้งต่างๆย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น เรื่องแบบนี้ขนาดเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด เป็นสามีภรรยาก็ยังมีปัญหานี้ เรื่องจริงก็คือว่าพวกเราคนนอกไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นยังไง ไม่รู้ในรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้น เราเป็นเพียงคนนอกที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงครับ

คุณมีรายการใหม่ที่กำลังจะออกอากาศทาง  Mnet America ในชื่อรายการ Danny From LA ใช่ไม๊คะ?? ไปยังไงมายังไงถึงได้มาทำรายการนี้ได้คะ??
ระยะหลังนี้ผมย้ายกลับไปอยู่ที่อเมริกาครับตั้งใจว่าจะอยู่ที่นั่นพักใหญ่ๆเลย ผมจะได้ไปอยู่กับครอบครัวและใช้ชีวิตในแบบธรรมดาๆอีกครั้ง นอกเหนือจากคนในวายจี ผมได้คุยกับโปรดิวเซอร์รายการ  2NE1TV ซึ่งในตอนนี้เค้าก็อยู่ที่ LA เหมือนกัน และเราก็ตัดสินใจที่จะทำรายการร่วมกัน เราจะนำเสนอเรื่องสุดยอดต่างๆในวัฒนธรรมป็อปและวงการบันเทิงฝั่งเอเซียในมุมมองของคนที่อยู่ในวงการเอง รายการจะเริ่มออกอากาศในวันพฤหัสที่ 13 กันยายน ตอน 1 ทุ่มตรงทาง Mnet ครับ




เท่านี้แหละคะ ฉันหวังว่าพวกคุณจะชอบงานสัมภาษณ์งานแรกและอาจจะเป็นงานสุดท้ายของฉันนะ ฉันคงต้องยอมรับว่าสิ่งที่ฉันปลื้มมากคือ ตอนที่ฉันบอกเดนนี่ว่าฉันในนามsoompiและ 1tym เริ่มเดบิวพร้อมกัน  เค้าตกใจและ บอกว่าเค้านึกว่าจะมีคนอื่นมาสัมภาษณ์เค้าไม่ใช่ฉันซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเวปไซด์ลงมาสัมภาษณ์เอง คริคริ อยากลืมติดตามรายการของเค้าและfollow เค้าได้ทาง facebook และทวิตเตอร์นะคะ

source:Soompi
Thai Translation by mew mini museum

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ Choice 37 กับ Gumship



ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมยังคงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการโต้เถียงกันในเรื่องที่ว่ากันไปว่า " เพลง hiphop ดีกว่าเพลงป็อป หรือ เพลงแบบไหนถึงเรียกได้ว่าเป็นดนตรีที่แท้จริง " จนถึงบัดนี้ เอาจริงๆนะ ไม่ใช่ DJ Premier เหรอที่ทำเพลงให้กับ Christina Aguilera? แล้วแร๊พเปอร์อย่าง Timbaland ก็มีอัลบั้มในตำนานร่วมกับ Justin Timberlake ไม่ใช่เหรอ?? จบบทสนทนาเรื่องนี้กันได้แล้วละนะ ช่างแม่ง แต่ในตอนนี้ข้อโต้เถียงนี้ได้ขยายวงไปสู่เพื่อน KPOP ของเราแล้วเหมือนกัน Choice 37 คือตัวจริงและเค้าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตในวงการ KPOP ในช่วงปีที่ผ่านมามากมาย

ก่อนที่จีดราก้อนจะไปตะโกนชื่อเค้าออกสื่อ  (“Choice, drop it on me“) เค้าได้ทำงานร่วมกับวงอินดี้ที่เป็นที่ชื่นชอบอย่าง Blu และ Aloe Blacc ในตอนนี้เค้าทั้งขยายขอบเขตกลุ่มงานที่ทำและส่งเพลงในขอบเขตเสียงต่างๆที่กว้างขึ้นสู่คุณผู้ฟัง เค้านำเอารากฐานเพลงของเค้าที่เป็น hiphop นำมาใช้สร้างเพลงฮิตภายใต้สังกัด YG Entertainment (Big Bang, 2NE1) 

ตามมาอ่านบทสัมภาษณ์กันครับว่าเค้าไปทำยังไงถึงได้มาหยุดลงที่สังกัดนี้ มีบล็อคเพลง Hiphopไหนบ้างที่บิกแบงเข้าไปดูบ่อยๆ และ เราจะไปหากางเกงที่เค้าสวมใน MV  “One of a Kind” ได้จากที่ไหนกัน มาอ่านจากบทสัมภาษณ์กันครับ 

Q: ช่วยบอกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคุณเองให้เราฟังหน่อยนะครับ และเป็นมายังไงถึงได้มาทำเพลงได้ ?
สวัสดีครับ ผมชื่อ Choice37 เกิดและโตที่แคลิฟอเนียใต้ ผมเริ่มทำเพลงเพราะผมอยากจะใช้มันเป็นจังหวะให้ผมแร๊พกับเพื่อนๆของผม ฝากทักทายไปยัง StresOne และ Dj Rel แห่ง Longevity Crewด้วยฮะ 

Q: เพลงของคุณในตอนนี้ดูเป็นการเดินทางมาไกลมากจากครั้งที่ทำเพลงในอัลบั้ม  Diligence นะครับ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบากน่าดูเหมือนกันรึเปล่า?? 
ไม่เชิงนะครับ ท่อนบางท่อนที่ถูกนำไปใช้ก่อนหน้านี้ก็มาจากเพลง ที่ผมตัดออกมาจาก Diligence เพราะมันทำยังไม่เสร็จนะครับ เช่นในเพลง “Butterfly”.
[หมายเหตุ: Diligence เป็นอัลบั้มที่ Choice 37 ทำอกมาวางขายในปี 2007]

Q: แล้วเป็นยังไงมายังไงถึงได้มาอยู่ที่ YG ได้ครับ?
ในตอนนั้นที่ LA ปี 2008 ผมรู้สึกหลงทางและติดขัดกับชีวิตของตัวเองมาก ผมเลยตัดสินใจเก็บกระเป๋าพร้อมเงินติดตัว เดินทางมาที่เกาหลีมาอยู่กับเพื่อนผม teddy และ teddy ก็พาผมเข้ามาครับ

Q: ดูคุณมีเคมีเข้ากันได้ดีกับจีดราก้อนนะครับ เริ่มมาทำงานร่วมกันได้ยังไง?? 
เท็ดดีได้ฟังจังหวะเพลงที่ผมแต่ง แล้วก็นำมันไปให้ วายจีและจีดราก้อนฟังครับ

Q: พูดจริงๆนะถ้าผมได้ยินเพลง  “A Boy” ละก็ผมต้องฟังมันติดต่อกันเป็น 10 ๆเที่ยวก็ว่าได้ ผมบ้ารึเปล่าเนี่ย?? 
ก็ไม่รู้สิครับ เรื่องนั้นคุณต้องบอกผม แต่ผมคิดว่าผมบ้านะ

Q: คุณใช้เวลาอยู่ในสตูดิโอยาวนานมากน้อยแค่ไหน?? และสิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องมีในสตูดิโอมีอะไรบ้างครับ?? โทรทัศน์??? ตู้เย็นพร้อมเครื่องดื่มผสมเกือแร่ Pocari ???
เราอยู่ในสตูดิโอกันเกือบจะทั้งวันครับ ประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวันได้ เรามีห้องพักผ่อนที่มีโทรทัศน์และโต๊ะพูล ในตู้เย็นของเรา เรามี น้ำวิตามิน และ กระทิงแดง

Q: ในตอนนีั้โปรดิวเซอร์คนโปรดของคุณคือใครครับ ?
ตอนนี้ชอบ Diplo, Bangladesh, และ Hit Boy.ครับ

Q: ในตอนนี้คุณยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของพวก hip hop ทางฝั่งอเมริกาอยู่บ้างไม๊ครับ ? ถ้าติดตามอยู่ในตอนนี้ฟังเพลงของใครอยู่บ้าง??
เวลาส่วนใหญ่ผมฟังแต่เพลงฮิบฮอบฝั่งอเมริกานะครับ ผมฟัง Blu, Kendrick Lamar ทุกอย่างจาก TDE, A$AP Rocky, Danny Brown, Childish Gambino, G.O.O.D music, MMG, แล้วก็ Riff Raff

Q: เราได้ยินข่่าวลือมาว่า บิกแบงไปป่วนในบล็อคเพลง HipHop ด้วยใช่ไม๊ครับ?? จริงไม๊ครับ??
ใช่เลยฮะ พวกเค้ามักเข้าไปดูบล็อค OnSmash และ Worldstar.

Q: เวลาว่างคุณทำอะไรบ้างครับ?
ก็พักผ่อนสบายๆกับภรรยาของผมและครอบครัวครับ 

Q: คุณกลับไปอเมริกาบ่อยไม๊ครับ ?? ถ้าได้กลับไปมักจะทำอะไรบ้าง??
ไม่บ่อยเท่าที่ใจอยากจะไปครับ น่าจะประมาณ 1 ครั้งต่อปี ผมชอบที่จะใช้เวลาพักผ่อนสบายๆกับครอบครัวและเพื่อนฝูงไปทานอาหารแม็กซิกันและเบอร์เกอร์ที่ร้าน In-N-Out ให้ได้มากที่สุดเ่ท่าที่จะทำได้

Q: เพลงฮิตล่าสุดของคุณคือเพลง  “One of a Kind” คุณทำเพลงนี้โดยคิดว่าจะทำให้จีดราก้อนหรือว่าคุณทำสำเร็จออกมาแล้วแล้วเค้าก็เลือกเอาเพลงนี้ไปใช้ครับ??
เพลงนี้ ท่านยางเป็นคนเลือกเองครับ แล้วก็ส่งให้จีดราก้อนอีกที

Q: คุณเป็นนักแสดงรับเชิญใน MV ได้แจ่มแจ๋วทีเดียวนะครับ  สำหรับคนที่อยากจะเป็นแบบ  Choice 37 คุณพอจะบอกได้ไม๊ว่า เครื่องมืออะไรที่คุณถือใน MV ?? แล้วจะไปหาซื้อกางเกงที่คุณสวมใน MV นี้ได้จากที่ไหนกัน??
เครื่อง mpc500 ที่ผมถือใน MV ไม่ใช่ของผมด้วยซ้ำครับ มันเป็นของท็อป ผู้กำกับอยากจะให้ผมถืออะไรบางอย่างเอาไว้และผมคิดว่าจะเอาเครื่อง Mpc3000 ของตัวเองมาถือคงดูไม่ดีเท่าไหร่ เพราะมันหนักมากและผมไม่บึกพอ พูดตามตรงนะครับผมไม่ได้ใช้เครื่องประดิษฐ์เสียงกลองแล้วละครับ ผมใช้ software และเสียง samples แทน ส่วนกางเกง เป็นของ Human Potential หรือรู้จักกันในนาม Hupot ยังไงก็มาเที่ยวเล่นและช่วยเชียร์กันในงานเปิดตัวได้นะครับ 

From http://gumship.com/choice-37-interview-smooth-transitions-and-choice-selects/
Thai Translation by Mew mini museum