วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ข้อความจากทาบิ เพื่อมีตติ้ง Alumni ครั้งที่ 2

 

สวัสดีครับ ผมท็อป ชเวซึงฮยอนครับ นานแล้วนะครับที่ไม่ได้มาทักทายทุกคนแบบนี้
ผมรู้สึกดีใจมากที่จะได้พบกับทุกคน ในวันที่ 28 มกราคมนี้ ผมเฝ้ารอวันนั้นครับ

การถ่ายทำภาพยนตร์ Alumni ในตอนนี้เสร็จสิ้นไปกว่า 90% แล้วและใกล้จะปิดกล้องกันแล้วครับ เวลาที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกสู่สายตาทุกคนใกล้เข้ามาทุกที ผมรู้สึกพอใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมได้ทำงานชิ้นนี้เพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน

ความคาดหวังที่ผมมีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นสูงมากทีเดียวครับ มันยอดเยี่ยมจริงๆ
ครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่พวกคุณจะได้ชมการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Alumniนี้
พบกันเร็วๆนี้นะครับ สุขสันต์วันปีใหม่ แล้วเจอกันครับ

Eng translated by ShrimpLJY
Thai translated by mewmew
Video credit on link

==============

รวบรวมไว้ให้อีกทีเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้นะคะ 

Fan Account: 2nd Alumni Meeting
โปรเจคเลี้ยงอาหารที่กอง Alumni กับ UTOPIA
Movie Week Magazine Preview : Alumni
[แปล] บางส่วนจาก DVD 1st Alumni Meeting
ข้อความจาก TOP เกี่ยวกับ Alumni ในงานมีตติ้งที่ Kobe

Fan-account: 2nd Alumni Meeting 28Jan2013


มีตติ้งกองถ่ายของทาบินี้ เป็นการซื้อทัวร์ของ แฟนๆชาวญี่ปุ่น มาทัวร์เกาหลีพร้อมมีตติ้งกับทาบิด้วย ซึ่งงานมีตติ้งแบบนี้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วค่ะ ราคาตั๋วทัวร์นี้มีราคา 150 000 เยน

จากแผนที่นั่งมี แฟนๆชาวญี่ปุ่นมาร่วมงานนี้ 232 คน มีการมอบรางวัลให้ผู้โชคดีด้วยประมาณ 7 รางวัล ซึ่งรางวัลเหล่านั้นจะเป็นของใช้ส่วนตัวของทาบิที่ใส่เข้าฉากในหนัง เช่น กางเกง รองเท้า เสื้อ กระเป๋าตัง และผู้ที่ได้รับรางวัลจะได้กอดจากทาบิไปด้วย >///<

นอกจากมีการจำลองฉากการแสดงต่างๆก็ยังมีช่วงพูดคุยถามคำถามต่างๆนะคะซึ่งคำถามที่แฟนๆเอาออกมาเล่าและเรื่องที่พูดคุยในงานมีตามนี้ค่ะ XD

- ทาบิและผู้กำกับอาจจะได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงที่หนังออกฉายเพื่อการโปรโมทหนัง
- ทาบิบอกว่าสิ่งที่เ้ค้าอยากทำในตอนที่ปิดกล้องคือ อยากไปเที่ยวเล่นที่อิตาลีซัก 3 เดือน

- ของขวัญที่นำมาแจกในงานสำหรับแฟนๆผู้โชคดี มี กางเกงยีนส์ เสื้อวอล์ม เสื้อยืด เสื้อแจ็คเก็ต รองเท้า กระเป๋าเงิน
- เสื้อที่แฟนเพลงคนนึงได้ เป็นเสื้อไหมพรม ยี่ห้อ Uniqlo สีกรมท่า ไซส์ M [ cr:balloting]
- หนึ่งในของขวัญคือ รองเท้าผ้าใบ ที่ทาบิสวมในหนัง เค้าเอาแต่พึมพัมๆเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า 
"รองเท้านี้ยี่ห้อไนกี้ ไม่ใช่อาดิดาสนะ" "มันยี่ห้อไนกี้" จนพิธีกรถามว่าคุณชอบรองเท้ายี่ห้อไนกี้เหรอ??
ทาบิจึงบอกว่า เมื่อพูดถึงรองเท้าผ้าใบแบบนี้ ของไนกี้จะยอดเยี่ยมที่สุด
-แฟนเพลงคนแรกที่ได้รับรางวัล เธอดีใจมากจนร้องไห้ ทาบิจึงแกล้งทำเป็นร้องไห้ด้วย แถมยังแกล้งเอาแขนเสื้อซับน้ำตาอีก 

- ซูชิหน้าที่ทาบิชอบที่สุดคือ หน้าหอยเม่น หน้าไข่ปลาแซลมอน หน้าปลาไหล 

- ภายในงานทาบิจะกอดกับแฟนเพลงที่พูดขอกอดออกมา นอกนั้นก็จะจับมือตามปกติ ในงานกอดคุณป้าไป 3 คนได้
- คนที่ได้จับมือมาเล่าว่า มือทาบินุ่มมาก และตอนจับมือทาบิจะมองเข้าไปในตาคนที่เค้าจับมือด้วย 
-มีแฟนเพลงเขียนกระดาษโน้ตแล้วยืนให้ทาบิ โน้ตนั้นเขียนว่า " เราไม่สามารถกอดคุณที่นี่ได้เรื่องนั้นฉันรู้ดี แต่คุณจะยอมกอดฉันรึเปล่าถ้าในเดือนหน้าฉันทำการผ่าตัดลุล่วงไปได้ด้วยดี ?? " หลังจากอ่านโน้ตนี้จบ ทาบิก็กอดแฟนเพลงคนนั้น  
-ในตอนถ่ายรูปหมู่ ทาบิทำท่าซูเปอร์แมน และทำมือเป็นรูปหัวใจวางไว้ที่หน้าอกซ้ายด้วย รวมถึงยังทำท่าดอกไม้บาน ด้วย 

- ผู้กำกับยื่นปืนให้เค้า เค้าก็เอาไปโพสท่าแบบซึงรีในเพลง Strongbaby ในคอนเสริต์ 
- ในวันนั้นทาบิอายมากๆ และไม่สามารถมองไปที่แฟนๆตรงๆได้ แต่มีอยู่ฉากนึงที่เค้าต้องเหม่อมองไปข้างหน้า ซึ่งก็ต้องมองไปที่แฟนๆ เค้าทำอยู่ได้แค่ 5 วินาทีเท่านั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และเอาปืนมาบังหน้าเอาไว้ 

Q: ใครที่คุณมักจะโทรหาบ่อยที่สุด ?
TOP: ผมไม่ค่อยโทรหาใครครับ นอกจากว่าจะโทรไปถามว่าอยู่ไหนกัน เช่นไปทานข้าวกันที่ไหน อะไรทำนองนี้เท่านั้นครับ [แต่แฟนๆกลับตะโกนตอบให้ว่า เป็นน้องแด ] [cr: ayana129]

Q. เสน่ห์ของคุณอยู่ตรงไหนบ้าง? 
TOP : ผมมีเป็นพันๆอย่างนะครับ (พอบังคับให้ตอบ) ผมมีดวงตาที่ไร้เดียงสา ดวงตาที่โกหกไม่ได้ ผมมีจังหวะชีวิตที่เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า ถ้าคุณรู้เสน่ห์ของผมทั้งหมดแล้วก็น่าเบื่อสิครับ

 Q. สิ่งที่น่าเบื่อและทำให้เหน็ดเหนื่อยที่สุดในระหว่างทัวร์คอนเสริต์?
TOP : การต้องพักอยู่แต่ในโรงแรมครับ ผมไม่อยากจะอยู่ในโรงแรมอีกต่อไปแล้ว

Q: คุณเคยไม่อาบน้ำนานที่สุดเป็นเวลานานแค่ไหน??
TOP: 3 วันครับ เพราะเป็นไข้ ในตอนที่ผมยังเป็นเด็กนะครับ 

- ตอนมิตติ้งจบ ทาบิเดินไปหลังเวทีแล้ว แต่แล้วก็กลับออกมาใหม่ วิ่งรอบเวที XD 



Source: BB_TOP_nami, marthapido, pinkymomo, ShrimpLJY, mystifize, Shenqii, MildSeven 的烟weibo, RiceKwon, fumcat, ayana129, 0401rurutic, Marina518_bb

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ซึงจังไดอารี่ 28 มกราคม 2013


เกาหลี ญี่ปุ่น ประเทศจีน สิงคโปร์ ไต้หวัน เมืองไทย ฮ่องกง อินโดนีเซีย 
ฟิลิปปินส์ อเมริกา ลอนดอน และเปรู 

มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ได้เลยครับ 
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถทำ world tour แบบนี้ได้จริงๆ
ผมรู้สึกดีใจมากจริงๆที่สามารถไปทำการแสดงสดในหลายๆประเทศภายในเวลา 1 ปีมานี้ 
ผมมีความคิดแบบนี้มานานแล้วนะครับ ว่าเราไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยตัวเราเองเลย
แต่เป็นเพราะพลังของแฟนๆตั้งหากที่ช่วยให้เราทำอะไรแบบนี้ได้ 

มีแฟนๆที่ เกาหลี ญี่ปุ่น เอเซีย และทั่วโลก อยู่กับพวกเรา 
เมื่ออยู่กับพวกคุณทุกคนแล้ว ผมไม่กลัวอะไรเลย 
ผมมั่นใจว่าจะสามารถก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดทุกๆข้อไปได้ 
เรามาเดินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะถึงจึงสุดท้ายร่วมกันนะครับ 
พวกคุณไม่รู้สึกคาดหวังเหรอครับ?? มาร้องเพลงในประเทศต่างๆให้มากขึ้นอีกในปีนี้กัน!!!!

ขอบคุณทุกคนที่รัก BIGBANG ALIVE WORLD TOUR ของพวกเราครับ 


Eng Translation by SHRIMPLJY
That Translation by mew 
Credit picture on picture


วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

G-dragon :Star Column เบื้องหลัง Alive World Tour

สวัสดีครับ ผมจียงแห่งวง Bigbang ครับ ^^ 
อาจจะช้าไปหน่อยนะครับ แต่สวัสดีปีใหม่และขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปครับ
ก่อนอื่นเลย ตอนนี้ทัวร์คอนเสริต์ของเราเหลือแต่ที่เกาหลีแล้วทัวร์นี้ก็จะจบลงอย่างประสบความสำเร็จ
ผมต้องขอบคุณแฟนๆและทีมงานทุกคนที่ช่วยเหลือเราครับ Clap clap clap!! (ปรบมือ)
ขอบคุณทุกคนสำหรับการทำงานหนัก~!! 
และผมรอคอยที่จะได้รับความช่วยเหลือเหล่านี้ของพวกคุณอีกในคอนเสริต์ของเราที่เกาหลีนะครับ^^


 Nah~ เรื่องสนุกๆอะไรน้าที่ผมจะสามารถมาเล่าให้ที่ Star Column ฟังได้เท่านั้น??
ขอผมคิดหน่อยนะครับ...... 
สำหรับผมแล้ว Bigbang world tour ไม่ใช่เป็นแค่งานในตารางงาน 
แต่มันเป็นทริปเดินทางที่แสนจะตื่นเต้นสำหรับผม 
เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว มีความทรงจำที่น่าสนใจมากมาย 
ผมกำลังจะเล่าเรื่องราวพิเศษๆให้ทุกคนฟังนะครับ 
มันอาจจะเป็นเรื่องสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยพลังน้า 
ยังไงก็โปรดตั้งใจรอคอยฟังกันนะครับ !^^


สิ่งแรกที่ผมสามารถคิดออกมาได้คือ เราได้ ดาร่า นูน่ามาอยู่กับเราด้วย 
เธอเดินทางมาที่คอนเสริต์ของเราที่ฟิลิปปินส์ครับ (นูน่าฮะ ~~~ขอบคุณครับ) 
พวกเราเอาแต่ขอให้เธอพาเราไปดูที่ต่างๆที่ดีๆน่าสนใจ
เพราะเราคิดว่าเธอรู้เรื่องประเทศฟิลิปปินส์เป็นอย่างดีเพราะเธอเคยอาศัยอยู่ที่นี่
ดังนั้นเธอบอกว่าเธอรู้จักร้านอาหารชั้นยอด  และชวนพวกเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า 
ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะออกไปทานอาหารกันข้างนอก
เราเอาแต่ถามเธอว่าร้านไหนดีที่ไหนดีมาโดยตลอด 
และตอนนี้แหละเป็นครั้งแรกในต่างประเทศที่เราสมาชิกในวงทั้ง 5 คนได้ออกไปทานอาหารด้วยกันข้างนอก รวมถึงพี่ผู้จัดการ ทีมงานและพี่การ์ดล้วนออกไปด้วยกันหมด 



เราต่างก็ตื่นเต้นกันมาก ต่างแต่งตัวกันอย่างดี และ ตามดาร่านูน่าไป
ในตอนแรกเรารู้สึกตื่นเต้นกันมาก พูดโน่นพูดนี่ และมองออกไปนอกหน้าต่างรถ 
นูน่าบอกว่าเรากำลังจะเดินทางไปที่ชานเมือง 
ดังนั้นพวกเราต่างก็รู้กันก่อนแล้ว ก็เดินทางไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ 
จนบางคนก็เริ่มเหนื่อย เริ่มที่จะง่วงนอน และพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน จนความมืดคืบคลานเข้ามา 
(เรามารู้ทีหลังจากดาร่านูน่าว่า ตอนนั้นเธอรู้สึกกังวลมาก แต่เราไม่รู้เลยเพราะนั่งรถคนละคัน...ㅠㅠ)


กว่าจะไปถึงร้านอาหาร เราใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง 
เราจะสามารถทานอาหารอย่างอร่อยและที่สำคัญสามารถมองพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมกันได้ด้วย ถ้าเรามาที่นี่ในตอนกลางวัน
แต่เราออกจากโรงแรมมาสายเกินไปและมาถึงที่ร้านเอาตอนที่ฟ้ามืดแล้ว 
ดังนั้นเราจึงนั่งทานกันอย่างมืดๆ Jeez~! (พูดแบบดาร่านูน่า.^^)
แต่ที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงดังนั้นเราจึงได้ทานอาหารรสเลิศที่ดาร่านูน่าแนะนำ
และพูดคุยกันในเรื่องโน่นเรื่องนี้ เรามีช่วงเวลาดีๆในตอนนั้นครับ 

(รูปที่ผมถ่ายมานี่คือถังเบียร์ที่ยาว~~ ผมเคยให้ทุกคนดูมาแล้ว จำได้ใช่ไม๊ฮะ??)

หลังจากที่เราทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย เราก็ได้ยินมาว่าที่ข้างโรงแรมของเรา
มีร้านอาหารเดียวกันนี้แหละตั้งอยู่ด้วย มันห่างจากโรงแรมแค่ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น .. Jeez...ㅋㅋ
แต่เราก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยละครับ เพราะเราได้ใช้เวลาทานอาหารอร่อยๆ พูดคุยกับคนดีๆ
อ้อ ขากลับเราก็ต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงโรงแรมนะครับ ...^^
ดาร่านูน่าครับ ขอบคุณที่สร้างความทรงจำดีๆให้กับเรานะครับ ขอบคุณครับ~!!!^^



จากนี้ก็ไม่ได้มีตอนไหนที่พิเศษแล้วครับ
ผมพักที่ลอนดอน2-3 วัน เป็นช่วงเวลาที่ดีหลังคอนเสริต์ 
ได้ดู ได้รู้สึกอะไรหลายๆอย่าง และได้พบกับแฟนๆที่รู้จักผมด้วย 
มันไม่ใช่ทริปที่ถูกยืนยันมาในตารางดังนั้นเราไม่ได้เตรียมการที่จะอยู่ที่นี่หลายวัน 
และเราก็ลองผิดลองถูก แต่มันก็ให้ความทรงจำที่ดีนะครับ 
ผมมักจะเดินทางด้วยรถยนต์และไปไหนมาไหนแบบเร่งรีบ ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยได้เดินเลยครับ
แต่ที่ลอนดอน ผมรู้สึกมีความสุขและมีความทรงจำที่ดีในการเดินเล่นไปช้าๆ
มองไปรอบๆ พูดคุยกับทีมงานและทานอาหารข้างถนนบ้าง ^^ 
ผมไม่สามารถจะอยู่ที่นั้นได้หลายวันเพราะมีงานต่ออีก 
ผมจะไปที่นั่นอีกนะครับถ้าผมมีโอกาส  ^^



พวกเราบิกแบงมักจะชอบอาหารที่อร่อยๆครับ 
ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เราได้เดินทางไปในประเทศต่างๆ
เราจะไปลองทานอาหารพิเศษในประเทศนั้นๆ 
ที่สิงคโปร์ ในทุกๆมื้อของเราจะต้องมีปูอยู่ด้วย ทานจนเราเบื่อปูกันไปเลยทีเดียว 
ทั้งๆที่ปูนั้นเป็นอาหารโปรดของพวกเราทุกคน 555  ^^; (แต่เราก็ยังทานได้อีกนะฮะ)
และร้านอาหารที่เราคมักจะไปคือ ร้านอาหารเกาหลี 
เราทานอาหารเกาหลีเหมือนกับที่เราเคยทานบ่อยๆที่ประเทศเกาหลี 
บางครั้ง เรารู้สึกประหลาดใจกันมาก 
เพราะ ร้านอาหารบางร้านทำอาหารอร่อยกว่าในร้านอาหารที่เกาหลีเสียอีก  ^^


ก่อนที่เราจะขึ้นเวที เรามักจะทานเครื่องเคียง ซึงก็คือ กิมจิที่เราเอามาจากเกาหลี 
และอาหารเกาหลีที่ทำมาเพื่อเราโดยเฉพาะ
ขอบคุณทีมงานอีกครั้งนะครับที่ช่วยให้เราพยายามอย่างเต็มที่กับการแสดงของเรา ^^



Ah!! นี่มันไม่ใช่ความทรงจำเกี่ยวกับประเทศที่เราได้ไป 
แต่เป็นความทรงจำเกี่ยวกับการเล่นคอนเสริต์
ที่หลังเวที มันเหมือนกับเป็นเขตสงครามเลยละครับ 
เราต้องแต่งตัว ทำผมให้เสร็จในเวลาเพียงไม่กี่วินาที 
ทีมงานและสมาชิกในวงต่างก็ประสาทจะกิน


แต่ในความวุ่นวายนั้น มีสิ่งนึงที่เรามักจะทำเสมอ
นั่นคือ การไปมุงดู โชว์โซโล่ของซึงรี 
โดยเฉพาะยองเบและแดซองจะหัวเราะเสียงดังไปทั่วห้องแต่งตัว 
และไปนั่งหน้าจอมอนิเตอร์แม้ว่าพวกเค้าจะยังเตรียมตัวไม่พร้อมสำหรับการแสดงของตัวเองก็ตาม
พวกเค้าดูน่ารักมากเลย ..^^ 
ซึงรียังคงเป็นน้องชายคนเล็กสำหรับเรา
และทุกอย่างที่เค้าทำล้วนน่ารักไปหมด 
ดังนั้นในตอนนี้มันดูเหมือนเป็นตารางงานที่เราเซตไว้ว่าต้องดูโซโล่สเตจของซึงรี 
เค้าปรากฏตัวด้วยท่าทีที่เท่มากแต่สำหรับเราแล้วมันดูน่ารักไปรึเปล่านะ  ~?^^ 
(แฟนๆของซึงรีอย่าเข้าใจผมผิดนะครับ สำหรับเรา ซึงรีก็ดูหล่อเสมอเหมือนกันนะฮะ !!^^)


หลังจากที่คอนเสริต์จบลง เราจะคุยกันเกี่ยวกับคอนเสริต์ในวันนั้นๆ
เราจะพูดคุยกันเกี่ยวกับปฏิกริยาของแฟนๆ
และเรื่องราวลับๆที่มีแต่พวกเราเท่านั้นที่รู้ 
เราไม่สามารถออกไปจากห้องคอยได้ และเราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกันหมด 
แต่เรากลับหยุดพูดไม่ได้เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน .^^
เรามักจะคุยกันว่า " เดินทางไปเที่ยวด้วยกันเถอะ" แต่เราก็ไปไม่ได้ 
แต่สำหรับผมแล้ว ผมได้เดินทางไปเที่ยวร่วมกับสมาชิกในวงผ่านทัวร์คอนเสริตนี้
ดังนั้น ทัวร์คอนเสริต์ครั้งนี้ จึงเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับผม 
เราไม่สามารถออกไปจากโรงแรมได้  ดังนั้นเราก็จะใช้เวลาว่ายน้ำและคุยกันในห้อง


ก่อนที่เราจะมีทัวร์คอนเสริต์ เราไม่สามารถใช้เวลาร่วมกันมากนัก
เพราะงานเดี่ยวของแต่ละคน และงานในต่างประเทศ 
ครั้งนี้ รู้สึกว่าเราใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกเพราะเราได้ใช้เวลาของเราร่วมกันมากขึ้น 
(แน่นอนว่าเราต่างก็สนิทกันมากจนเหมือนคนในครอบครัว หรือ บางครั้งออกจะมากกว่าคนในครอบครัวอีกด้วย ^^)

เมื่อได้อยู่กับคนดีๆ เดินทางไปในที่ดีๆ ได้ทานอาหารที่อร่อยๆ ร่วมพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวดีๆ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ผ่านการทำทัวร์คอนเสริ์ตในครั้งนี้ 
และผมอยากจะบอกว่าผมมีความสุขเหลือเกินกับสิ่งเหล่านี้ครับ  ^^

เรื่องราวของจียงจบลงแล้วละครับ ~!!! 
ลาก่อนครับทุกคน~~~
แล้วเจอกันที่คอนเสริต์ที่ โซลนะครับ ~!^^

Eng Translated by: @LueKim & BIGBANGGisVIP
Thai Translation by Mew

==============


สามารถตามอ่าน Star Column ของสมาชิกคนอื่นๆในวงได้ตามนี้นะคะ

ยองเบ:Star Column
แดซอง (ตอนที่ 1) : Star Column

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ท็อป : Star Column เบื้องหลัง Alive World Tour

สวัสดีครับ ผมท็อป จากวงบิกแบง
นานแล้วนะครับที่ผมไม่ได้มาทักทายพูดสวัสดีกับแฟนๆแบบนี้
โดยเฉพาะแฟนๆที่เกาหลี เพราะเราออกทัวร์คอนเสริต์ และผมก็มีถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Alumni
แต่สุดท้ายแล้ว เราก็กำลังจะมีคอนเสริต์ปิดทัวร์ที่เกาหลีในอีกไม่กี่วันนี้
ดังนั้น โปรดรอคอยชมกันด้วยนะครับ



ดูเหมือนว่าการออกทำ World Tour นี้ทำให้เราใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินเยอะมากๆ
พวกคุณคงสงสัยใช่ไม๊ครับว่าเราทำอะไรกันบ้างเวลาอยู่บนเครื่อง
สมาชิกบางคนก็จะเริ่มทานราเมงทันทีที่เราขึ้นมานั่งบนเครื่อง บางคนก็ดูหนัง ไม่ก็นอนหลับ
(โดยเฉพาะเที่ยวบินที่ใช้เวลายาวนาน ผมมักจะนอนหลับเพราะนอนไม่พอจากการถ่ายทำภาพยนตร์)  

แต่มีอีกอย่างนึงที่พวกเราทุกคนต่างก็ทำ นั่นคือ
การอ่านจดหมายจากแฟนๆที่เราได้รับจากพวกเค้าที่สนามบินครับ
แม้ว่าผมจะไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดในจดหมายได้
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องราวคอนเสริต์ของเราในประเทศต่างๆ
ข้อความที่ส่งกำลังใจ และเรื่องราวในชีวิตประจำวันของพวกเค้า 


ผมรู้สึกเสียใจจากการอ่านจดหมายที่น่าสนใจ ซับซ้อน น่ารัก 
จดหมายที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความรักจากแฟนๆ  
เพราะผมคิดว่าเราคงไม่สามารถตอบแทนความรักที่พวกคุณมีให้เราได้มากเท่ากับที่เราได้รับจากพวกคุณมาและกับทุกสิ่งที่พวกคุณทำให้กับพวกเรา  
หลังจากอ่านจดหมายเหล่านั้นมันทำให้ผมมีพลังในการขึ้นแสดงเพราะแฟนๆได้ส่งพลังที่ดีๆมาให้จดหมายจากแฟนๆเหล่านี้สนุกกว่าการอ่านหนังสือซะอีกครับ

ผมคิดว่าผมพูดคำว่า "ผมรักคุณ" บ่อยมากๆซึ่งมักจะเป็นคำสุดท้ายที่ผมพูดก่อนลงจากเวที 
จริงๆก่อนที่จะขึ้นไปบนเวทีผมมักจะคิดถึงสิ่งที่ผมจะพูดเอาไว้แล้ว 
บางครั้งผมจะพูดถึงความรู้สึกของตัวเองในขณะที่ก็จะคิดถึงผลตอบรับที่แฟนๆจะมีให้กลับมาด้วย 
ผมอยากจะจดจำสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลที่แฟนจ้องมา บนทุกๆใบหน้า
บางครั้งดูเหมือนว่าผมจะพูดเล่นๆ แต่เป็นความจริงนะครับ ที่ผมบอกว่า ผมรักพวกคุณ จริงๆ



พูดตามตรง เราไม่ค่อยมีความทรงจำในการออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกมากมายนักในระหว่างออกทัวร์ โดยเฉพาะในบางประเทศ เราใช้เวลาเกือบจะตลอดเวลาในโรงแรม 
เป็นเพราะต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของแฟนๆด้วย 
หากแฟนๆออกมารวมตัวกันก็อาจจะไม่ปลอดภัยได้

ในประเทศเขตร้อน สมาชิกในวงและทีมงานรวมถึงแดนเซอร์จะออกไปว่ายน้ำกันที่สระของโรงแรม 
แต่เพราะผมต้องถ่ายทำภาพยนตร์ ผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านบทและซ้อมบท 
นอกจากนี้ยังโทรศัพท์ประชุมกับผู้กำกับหลายต่อหลายครั้ง 
ผมยุ่งมากๆ จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว



แม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกเลย แต่หลังจากคอนเสริ์ตที่ LA
ผมได้บินล่วงหน้าไป NY เพื่อใช้เวลาตามลำพัง
ผมไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ
แต่ผมได้ไปตามร้านอาหารโปรดของผมทุกร้าน และนี่ก็สนุกแล้วสำหรับผม
ผมขอแนะนำร้านแฮมเบอร์เกอร์ SHAKE SHACK BURGERและร้าน Totto ราเมงนะครับ

ผมมักจะสนใจในเฟอร์นิจเจอร์ ดังนั้นผมจึงมีความทรงจำดีๆที่ได้ออกไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ NYด้วย
สำหรับคนอื่นเมื่อพูดถึงช้อปปิ้งก็มักจะเป็นการเลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้า
แต่สำหรับผมผมมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่เลือกหาเฟอร์นิเจอร์
จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวทีเดียว
(ขอโทษพี่ผู้จัดการด้วยนะครับที่ต้องไปกับผมในทุกๆที่เลย .^^;)


ยังมีอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ผมจดจำนิวยอร์กได้เป็นพิเศษ
ในตอนที่ผมเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ผมไม่ได้ไปคนเดียวหรอกนะครับ
คุณแม่และคุณป้าก็เดินทางมาดูคอนเสริต์บิกแบงที่นิวยอร์กด้วย
ทำให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันที่นิวยอร์กนี้
ในการทำงานโปรโมทร่วมกับบิกแบงผมไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวเลย
แต่ผมได้มีช่วงเวลาที่มีความหมายที่นิวยอร์กครับ

ในขณะที่เราทานอาหารค่ำกัน คุณแม่บอกว่ามีความสุขมากๆที่ได้นั่งรถม้าไปรอบๆเซ้นทรัลปาร์ก
ส่วนคุณป้าที่เป็นศิลปินก็เล่าว่ามีความสุขที่ได้ไปดูงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ MOMA
ผมรู้สึกดีใจมากๆแม้ว่าจะไม่ได้ไปเที่ยวในที่เหล่านั้นกับพวกเค้า ผมก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย    



ผมอยากจะขอบคุณพวกคุณทุกคนเลยครับที่ทำให้เราทำ WorldTour ได้อย่างสำเร็จลุล่วง
เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมตระหนักว่ามีคนมากมายที่รักผม
และผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการได้ไปพบปะกับแฟนๆในทุกๆประเทศ
ผมได้รู้ว่า วิธีที่แฟนๆแสดงออกให้เราประทับใจนั้น มันลึกซึ้งมากเพียงใด
เวลาที่ผมได้เห็นแฟนๆชาวต่างชาติเขียนจดหมายให้เราเป็นภาษาเกาหลี
หรือในตอนที่เห็นแฟนๆร้องไห้ 
 
มันยากมากๆที่จะจัดการตารางงานของผมที่มีทั้งทัวร์คอนเสริต์และการถ่ายทำภาพยนตร์
มันเป็นความยากลำบากที่เกือบจะทนไม่ไหว
แต่ผมสามารถที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นโดยการผ่านช่วงเวลานี้ไปกับแฟนๆของผม


อ่อ.. การถ่ายทำภาพยนตร์เกือบจะเสร็จสิ้นลงแล้วละครับ  ^^ 
ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้าผมจะพยายามที่จะเป็นท็อปที่ดีขึ้นเรื่อยๆและทำงานในฐานะบิกแบงให้หนักขึ้นอีก

ผมอยากจะแบ่งปันเรื่องราวที่สนุกๆให้มากกว่านี้นะครับ 
แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องพิเศษใดๆที่ควรค่าแก่การเล่าเกิดขึ้นระหว่างทัวร์หรือระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เลย
ขอโทษที่ไม่ได้เล่าเรื่องตลกๆสนุกๆเหมือนกับสมาชิกในวงคนอื่นนะครับ 
แต่ผมจะพยายามหามาเ่ล่าให้ได้ในการทัวร์คอนเสริต์ครั้งหน้าก็แล้วกันครับ  


ผมกำลังจะเดินทางไปถ่ายภาพยนตร์ต่อแล้วละครับ 
ผมอยากจะขอบคุณ Star Column ที่ทำให้ผมได้มาเล่าเรื่องราวความทรงจำดีๆในทัวร์นี้นะครับ 
ไปละครับ 
กรุณารอคอยภาพยนตร์เรื่อง Alumni ที่จะออกฉายในเร็วๆนี้ด้วยนะครับ 
ผมคาดหวังกับมันมากเลย (เป็นหนังที่ทำกันอย่างปราณีตจริงๆนะครับ ㅎㅎ)

==============================


เรื่องราวจากคุณแม่

สวัสดีค่ะ ฉันคุณแม่ของท็อปวงบิกแบง หรือ คุณแม่ของซึงฮยอนนะคะ
ฉันได้เดินทางไปที่นิวยอร์กเพื่อดูคอนเสริต์ของบิกแบง
และใช้เวลาอยู่กับลูกชายของฉันในวันเกิดของเค้า

ฉันรู้สึกตกใจมากที่ได้เห็นว่าลูกชายของฉันนั้นโตขึ้นมากเีพียงใด
และประหลาดใจกับความวิเศษน่าทึ่งของคอนเสริต์ของบิกแบง 
การแสดงที่สมบูรณ์แบบ ทรงภูมิ และ แน่วแน่นั้น เป็นเหมือนดั่งพรสวรรค์ที่น่าประทับใจ  
ความทรงจำที่ได้เห็นผู้คนต่างสีผิว คนชรา และเด็กๆ ร้องเพลงไปพร้อมกับบิกแบง
นั้นจะดำรงอยู่ในใจของฉันตลอดไป 

ฉันได้พักในบ้านของศิลปิน ที่ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบเล็กๆ 
และได้เข้าชมงานศิลปะที่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ 
เหล่านี้วางแผนโดยลูกชายของฉัน ซึงฮยอนที่มีจิตใจที่อบอุ่น 

ฉันจากนิวยอร์กมาพร้อมกับ พูด Fighting กับซึงฮยอนและสมาชิกในวงบิกแบง
แม่จะไม่มีวันลืมเลย ขอบคุณนะจ๊ะลูกชายของแม่  ♥


Source:http://news.naver.com/main/read.nhn?mode=LSD&mid=sec&sid1=106&oid=420&aid=0000000066
Eng Tranlation by LUCY+KRISTINE+SHRIMPLJY
Thai Translation by mew 

=============


สามารถตามอ่าน Star Column ของสมาชิกคนอื่นๆในวงได้ตามนี้นะคะ

ยองเบ:Star Column
แดซอง (ตอนที่ 1) : Star Column

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

ซึงจังไดอารี่ 20 มกราคม 2013


[จากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่]

ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่มีอายุครบ 20 ปีนะครับ 
ผมอยู่ตรงนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคนในการเดินตามความฝัน
ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจในอนาคตนะครับ 

เมื่อไม่นานมานี้ มีงานเทศกาลวันบรรลุนิติภาวะที่ญี่ปุ่น 
เพื่อเป็นการร่วมฉลองโอกาสนี้ ผมถูกเชิญให้ไปร่วมรายการเพลงที่มีการถ่ายทอดไปทั่วโลก
และเป็นรายการ สดด้วย ผมทำรายการ สด ด้วยนะครับ (หัวเราะ) 
มีวงร็อคไปร่วมงานเยอะมากเลยครับ แต่ท่ามกลางวงร็อค 
เหมือนเป็นดอกไม้เพียงดอกเดียวในงาน 
ผมแสดงเพลง What can i do ของผมอย่างสุดความสามารถ

ที่เกาหลี ในการฉลองวันบรรลุนิติภาวะ เราจะมอบดอกไม้ให้กันและฉลองกันเป็นการส่วนตัว 
ในตอนที่ผมโปรโมทเพลง  Strong Baby น้องเล็กสุดของวงซึงรีอย่างผมได้กลายเป็นผู้ใหญ่ 
ดังนั้นผมจึงปักดอกไม้ไว้ที่กระเป๋าเสื้อ และแสดงออกผ่านการเต้น และ อะไรทำนองนั้น (หัวเราะ) 
พูดแล้วก็ย้อนนึกถึงความทรงจำในตอนนั้นนะครับ〜〜

นอกจากนี้ผมยังได้เจอ Golden Bomberด้วย วงนี้กำลังดังมากๆเลยนะครับ 
พวกเค้าล้วนมีบุคคลิกที่ยอดเยี่ยม มันน่าทึ่งมากครับ 
เราได้ถ่ายรูปด้วยกันด้วยครับ

Eng Translation by whiddlesies.tumblr.com
Thai Translation by mew
Photo credit to LSH_CHICHI

mew's note : ที่ญี่ปุ่นนั้นเมื่อใครมีอายุ 20 ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและมีวันฉลองบรรลุนิติภาวะนี้ด้วยค่ะ  วันนี้เมื่อก่อนจะจัดในวันที่ 15 มกราคมแต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นจัดในวันจันทร์ที่สองของเดือนมกราคมแทน 

ใครสนใจเกี่ยวกับวันนี้ว่าชาวญี่ปุ่นจะทำอะไรยังไงกัน สามารถไปอ่านได้ตามบล็อคนี้นะคะ ข้อมูลเยอะเชียว 
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=whiteamulet&month=13-01-2010&group=5&gblog=32

 

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

ซึงจังไดอารี่ 19 มกราคม 2013


[สภาวะขาดซึงจัง]

วันนี้ผมมาถ่ายแบบให้กับนิตยสารครับ 
นานทีเดียวที่ผมไม่ได้มาถ่ายแบบแบบนี้ 
ผมได้เจอพวกคุณที่มารอดูผมในการถ่ายแบบ
และได้เจอพวกคุณที่คอยสนับสนุนผมมาตลอดในปีที่ผ่านมา 
มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริงๆครับ  ^__^

หลายคนที่มาในวันนี้ต่างก็ไปดูคอนเสริต์ Alive tour กันมาแล้ว 
และพวกเค้าก็เล่าแบ่งปันให้ผมฟังถึงความรู้สึกที่พวกเค้ามีต่อคอนเสริต์  
มีคนนึงพูดกับผมด้วยภาษาญี่ปุ่นบอกว่า
มีแฟนเพลงของซึงรีที่กังวลว่าจะติดเชื้อสภาวะ "ขาดซึงรี" นะ 

โอ้!!นี่มันเรื่องอะไรกันครับเนี่ย??
แฟนๆชาวญี่ปุ่นบอกว่าถ้าซึงรีไม่ได้ปรากฏตัวผ่านรายการทีวีในญี่ปุ่น
พวกเค้าคงจะต้องติดเชื้อสภาวะ "ขาดซึงรี"แน่ๆ 
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ผมก็ไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้นะครับ 
Wwwwwwww (*หัวเราะ) ผมรู้สึกดีใจมากจริงๆครับ 

ผมคิดว่าผมควรจะต้องเตรียมยาเอาไว้รักษาไอ้เจ้าอาการ "ขาดแคลนซึงรี"นี้จริงๆนะครับ
ผมจะเก็บเอาเรื่องนี้ไปคิดเสมอครับ แม้ว่าผมจะเกิดอาการเครียดมากๆในปีที่ผ่านมา
ขณะที่ต้องทำกิจกรรมคนเดียวที่ญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ผมก็ปรับตัวได้แล้วเล็กน้อยละครับ
รู้สึกมีความสุขจริงๆครับ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่ดีนะ  wwww

แล้ววันนี้ผมก็ได้ถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยละครับ ดังนั้นรอคอยดูกันนะครับ 
และอย่าลืมดูรายการเพลง  魁 (sakigake Eight!) คืนนี้ด้วยนะครับ

Source
: @seungriyacom and 餃子石頭剪子布yoy @weibo
Eng Translated by RiceKwon
Thai Translation by 

Via BBU
Photo credit to Partner VI

mew's note : คำว่า Deficiency (ขาดแคลน)ในไดอารี่วันนี้เอาไว้ใช้กับอาการขาดแคลนสารต่างๆในร่างกายเหมือนกับเป็นโรคนะคะ เช่น Vitamin C Deficiency = สภาวะร่างกายขาดวิตามินซี 
ดังนั้นตอนที่มีคนมาบอกว่า กลัวว่าจะเกิดอาการ ขาดซึงรี ( seungri deficiency) น้องซึงจึงฮาใหญ่เลยว่าจะหายามารักษาไอ้เจ้าอาการนี้นะคะ

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

โปรเจค เลี้ยงอาหารที่กอง Alumni กับ UTOPIA


เราได้ยินมาว่าเมื่อการถ่ายทำใกล้จะถึงวันปิดกล้อง 
เรื่องอาหารการกินก็มักจะเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามไป 
ดังนั้นเราจึงตั้งใจจะทำ โปรเจค เลี้ยงอาหารให้พวกเค้ากันค่ะ 

ด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็น 
ดังนั้นเราจึงเตรียมทำซุบกระดูกร้อนๆและสตูเนื้อ (Seolleongtang) ไปเลี้ยงที่กองกัน
Selleongtang ของเราไม่ธรรมดานะคะ มันเป็นซุปพิเศษที่มีเนื้อเยอะเป็นพิเศษ
ดังนั้นในอาหารจานนี้เราจึงต้องจ่ายเพิ่มอีกหน่อย

เราได้ยินมาว่าซึงฮยอนและทีมงานทุกคนต่างก็ชอบดื่มกาแฟ 
ดังนั้นเราจึงพยายามที่จะเตรียมหาหน่วยบริการที่จะไปชงให้ดื่มถึงที่
แต่เราก็ไม่สามารถหาได้ ดังนั้นเราจึงเตรียมการแฟสำเร็จรูป Starbucks Via จากสตาร์บัคไปแทน
เพื่อทีมงานทุกๆคน และแน่นอน มีกาแฟสำหรับซึงฮยอนด้วยเหมือนกัน

เราเตรียมถุงร้อนไปด้วย 400 ห่อ (ทั้งแบบแปะตัวได้และแบบธรรมดา)
แต่หัวหน้าทีมที่จัดการเรื่องแฟนคลับ บอกกับเราว่าเราเตรียมามากเกินไป 
ดังนั้นพวกเค้าจะเก็บที่เหลือเอาไว้ใช้ในช่วงคอนเสริต์ปิดทัวร์ที่โซลแทน ㅠ_ㅠ

นอกจากนี้เราอยากจะทำอะไรเพิ่มให้กับซึงฮยอนเป็นพิเศษ
ดังนั้นเราจึงถามไปว่าเค้าอยากได้อะไรเพิ่มไม๊ เช่น อาหารเสริม ของบำรุงต่างๆ 
เค้าตอบมาว่า เค้าไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติมเลย 
เค้าบอกให้เราไปเพิ่มเติมให้กับทีมงานแทนจะดีกว่า ㅠ_ㅠ

มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆที่ได้เห็นเค้าคอยเป็นห่วงเป็นใยทีมงาน 
เราจะมานิ่งดูดายอยู่เฉยๆได้ยังไง !!
ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะจัดอาหารมื้อดึกอีกมื้อให้กับทีมงานทุกคน 
แทนที่จะทำโปรเจคให้กับซึงฮยอนคนเดียว 
เราจะจัดเลี้ยงอาหารรอบดื้อในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ 
และแน่นอนเราก็จัดเตรียมของว่างไว้ให้ซึงฮยอนด้วยเหมือนกัน 

ยังไงก็ขอให้รออีกหน่อยนะค่ะ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในโปรเจคเลี้ยงอาหารนี้ 

เราใช้รายได้ที่ได้รับมาจากการจำหน่ายผ้า slogan ทั้ง 3 ครั้งของเรา
เพื่อโปรเจค Alumni และ โปรเจคในวันเกิดของซึงฮยอน 
ซึ่งนั่นหมายความว่า ทุกคนที่ซื้อผ้าเชียร์ก็มีส่วนร่วมในโปรเจคเหล่านี้ด้วย 

ขอบคุณทุกคนค่ะ  ^-^

!!รายได้จากการจำหน่าย ผ้า slogans จะนำไปใช้เพื่อซึงฮยอนทั้งหมด 

source: UTOPIA
Thai Translation by mew

Movie Week Magazine : Preview Alumni


[มีเพียงเพื่อนที่เคยร่วมชั้นเรียนด้วยกันคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจผม]

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ 
ตัวละครหลักของเรื่องคือชายคนนึงที่มาจากเกาหลีเหนือพร้อมกับภารกิจลับ 
แต่ชายคนนั้นกลับเป็นเพียงเด็กนักเรียนชั้นมัธยมที่ไม่เคยถูกฝึกในเรื่องการทหารมาก่อน
และเค้าไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะต้องกลายมาเป็นนักฆ่า 
จุดสำคัญในเรื่องที่คุณจะได้พบในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ
ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น เด็กผู้ชายคนนี้จะมีรักแรกได้ยังไง?? 
เนื้อเรื่องในภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้หัวใจของคุณปวดร้าวมากกว่าจะเป็นหนังบู๊ต่อสู้กันดุเดือด

เด็กผู้ชายคนนั้น ชื่อ  MyungHoon เค้าต้องฆ่าคนเพื่อปกป้องน้องสาวเพียงคนเดียวของเค้า 
เค้ามีอายุ 19 ปี ก่อนที่จะมาทำภารกิจที่เกาหลีใต้ เค้าไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะต้องมาเป็นนักฆ่า
เค้าเกิดในครอบครัวที่ดีมีฐานะ และมีความฝันว่าอยากจะเป็นนักเปียโน
แต่หลังจากที่คุณพ่อของเค้าเสียชีวิตเพราะการใส่ความอย่างไร้ความเป็นธรรม 
ความฝันของเค้าก็สลายไป

เค้าเดินทางไปที่เกาหลีใต้และกลายเป็นนักฆ่าเพื่อช่วยชีวิตน้องสาว 
วันคืนผ่านไปอย่างยากลำบากเค้าต้องลงมือฆ่าเมื่อได้รับคำสั่ง 

หนุ่มนักฆ่า  MyungHoon มีเพื่อนเพียงคนเดียวคือ Hyein 
หญิงสาวที่มีชื่อเหมือนกับน้องสาวของเค้า เค้าเปิดใจให้เธอ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ 
แต่ไม่ใช่เรื่องราวที่เกี่ยวกับความเชื่อทางการเมือง 
แต่เป็นเรื่องราวของคนรุ่นหลังที่ต้องมาเผชิญกับเรื่องราวต่างๆหลังที่มีการแยกประเทศ
ชีวิตของเด็กเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนแปลงไปเพราะประวัติศาตร์
เรื่องราวที่เค้าไม่ได้มีส่วนร่วมและไม่เคยได้ยินมาก่อน 
ดังนั้น เรื่องราวของพวกเค้าจึงน่าเห็นใจอย่างมาก 

ผู้ชมจะรู้สึกได้ถึงความน่าสงสารของเด็กชายคนนึงที่เค้าต้องลงมือฆ่าคน ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้ต้องการ
แทนที่จะนำเสนอถึงความตื่นเต้นกับบทแอคชั่นต่อสู้กัน 
ทางเราเน้นไปที่ความรู้สึกของ MyungHoonมากกว่าที่จะไปเน้นฉากต่อสู้

MyungHoon และ HyeIn กลายมาเป็นเพื่อนกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน 
และร่วมเสียสละเพื่อกันและกัน พวกเค้าพยายามที่จะค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
HyeIn ก็เป็นสาวน้อยที่โดดเดี่ยวและถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน
เมื่อคนเหงาสองคนมาพบกับ และได้รู้จักตัวเองและหาสิ่งที่จะมาเต็มเติมพวกเค้าทั้งคู่ร่วมกัน
ดังนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ การเสียสละและการช่วยเหลือ 


ชเวซึงฮยอนเป็นหนึ่งในนักเรียนทหารในภาพยนตร์เรื่อง 71 <Into the fire>
มาในเรื่องนี้ เค้ามารับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Alumni
เค้าเป็นคนที่แสดงออกความรู้สึกได้ดีมาก 
ในภาพยนตร์เรื่องนี้คุณจะได้เห็นเค้าในมาดนักแสดงฝีมือเยี่ยม

 

 Myunghoon:เมื่อทำภารกิจสำเร็จเค้ามองเห็นเลือดคนที่เค้าสังหารที่แขนเสื้อ 
เค้าคิดถึงโชคชะตาของตัวเอง "นี่เราคิดถูกแล้วใช่ไม๊ที่จะเดินหน้าทำสิ่งนี้ต่อไป??" 

=======================

Eng translation by Lucy
Thai Translation by mew 
photo scan by DCTOP 

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

ซึงจังไดอารี่ 18 มกราคม 2013


วันนี้ มีถ่ายรายการกับพิธีกรที่ผมชอบคุณ  Acasiya Sanma ครับ
การที่ต้องมาเจอพายุหนักในเดือนมกราคมนี้กับ  Sanma !! ผมเครียดมากเลยครับ 
เมื่อปีที่แล้วผมคิดว่า "ผมคุ้นเคยกับรายการวาไรตี้ที่ญี่ปุ่นมากขึ้นแล้ว 
ต้องขอบคุณคุณ Sanma ผมอยากจะเป็นได้เหมือนเค้าที่สามารถทำให้คนมีความสุขได้"
เค้าเป็นคนที่เต็มไปด้วยทักษะในการดึงเอาบุคคลิกเฉพาะตัวของคนออกมาไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร
ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ และก็อยากจะทำให้ได้แบบเค้า 
เค้าทำให้ผมทำงานได้ดีทั้งๆที่วันนี้ผมไม่ได้ใช้บทพูดอะไรที่เตรียมไว้เป็นพิเศษ 
ผมดีใจมากๆจนอยากจะร้องไห้เลยครับ 

คุณ Sakine, คุณ Jakiyama, และคุณ Hisamodo ต่างก็เอ็นดูผม T.T
นอกจากนี้ผมได้คุยกับคุณ Sanma เป็นการส่วนตัวในการประชุมช่วงปีใหม่ 
ผมบอกกับเค้าว่า "ถึงแม้ว่าผมจะเป็นนักร้อง 
แต่ผมก็ชอบที่จะทำให้คนพอใจและหัวเราะออกมาได้ ผมชอบทำงานนี้มาก"  
เค้ารีบพูดตอบผมว่า "ผมรู้สึกดีใจมากที่คุณมาทำงานในรายการของผมแต่คุณต้องพยายามให้มากขึ้นอีก" 
บางทีเค้าอาจจะรู้ถึงความรู้สึกของผมก็เป็นได้ ความรู้สึกในการอยากจะทำให้คนอื่นมีความสุข


ในการประชุมเมื่อตอนปีใหม่ 

ผมบอกกับทุกคนว่า "ทุกคนครับ ขอบคุณที่ให้ผมได้ทำงานร่วมกับคุณและเหล่าทีมงานด้วยนะครับ 
ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ ผมก็จะพยายามให้มากขึ้นอีกเพื่อจะได้เป็นที่จดจำได้เหมือนคุณ Sanma ไม่วันใดก็วันหนึ่ง "

ทุกคนต่างก็พูดว่า "วีไอสู้ๆนะ"และปรบมือให้ผม 
ผมควรจะเรียนให้มากขึ้นอีกๆ ไม่ว่าผู้คนอยากจะเห็นอะไรผมจะทำออกมา
หัวใจของผมร้อนระอุด้วยแรงเชียร์จาก Sanma 
ซึงจังก็ยังเดินหน้าต่อไปเหมือนเดิมครับ 


EngTranslation by Shrimpljy
Thai Translation by mew
Photo credit to partner VI

ซึงรี : Star Column เบื้องหลัง Alive World Tour

สวัสดีครับ ผม น้องเล็กตลอดกาลจากวง Bigbang
[ในห้องรอที่นิวยอร์ก]

ผมมาทักทายทุกคนในวันนี้เพื่อจะมาบอกเล่า
เรื่องราวลับๆใน BIGBANG World Tourกับ Star Column ครับ 
ผมได้เดินทางไปในหลายๆประเทศผ่าน World tour นี้ 
ผมจะไม่เล่าให้พวกคุณฟังแค่ประเทศเดียวหรอกครับ 
แต่มีเรื่องราวเล็กน้อยๆเกิดขึ้นในหลายๆที่ที่เราไป
ผมจะเล่าแบบสั้นๆแต่เป็นเรื่องสำคัญที่ได้ใจความทั้งนั้น 
และนี่คือ เรื่องราวที่ผมอยากจะเล่าครับ 


[ด้านนอกโตเกียวโดม ก่อนที่คอนเสริต์จะเริ่ม มีแฟนๆมากมายอยู่ที่นี่ครับ] ^^

ก่อนอื่นเลย เรามีคอนเสริต์ในโดมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นถึง 3 โดม
ก่อนที่เราจะเข้าไปซ้อมกัน เราเดินทางไปที่โดมเพื่อสังเกตการณ์รอบๆก่อน 
ในตอนนั้นเอง ความทรงจำเมื่อครั้งที่เราแสดงที่ญี่ปุ่นครั้งแรกก็แว้บเข้ามาในใจผม 
ข้างๆโตเกียวโดมจะมีฮอลเล็กๆอยู่ครับ 
เราจัด showcase เปิดตัวเดบิวที่ญี่ปุ่นต่อหน้าแฟนๆ 2000 คนที่นั่น 
ในวันนั้นผมคิดว่า "ซักวันนึง BBจะต้องจัดคอนเสิติ์ที่โดมให้ได้"
ดังนั้นในวันที่เราจัดคอนเสริต์ที่โดมผมจึงรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจในตัวเองมากครับ 


[ภายในโตเกียวโดม]

[ขอบคุณอีกครั้งที่ฉลองวันเกิดให้ผมครับ  ^^]

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนั้นมีปาร์ตี้เซอร์ไพล์วันเกิดของผมที่โตเกียวโดมด้วย  ㅠㅠ
ผมเดาๆเอาไว้ว่าน่าจะมีปาร์ตี้เซอร์ไพล์ให้กับผมที่ฮ่องกง แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีที่ญี่ปุ่นเลย
ผมได้ยินมาว่าทีมงานที่ญี่ปุ่นเป็นคนจัดการเตรียมงานเพราะเห็นว่าผมทำงานหนักมาตลอดที่ญี่ปุ่น
ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมจะไม่ลืมทุกคนที่ร่วมฉลองวันเกิดกับผมในวันนั้นครับ 


[ถ่ายตอนที่ผมกำลังตามหาเทียนของผมบนเวทีที่ฮ่องกง] ^^;;

อ่า ~~ เมื่อพูดถึงวันเกิด ก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องนึงที่ฮ่องกงครับ 
เค้กนั้นมีขนาดใหญ่และน่ารักมาก ผมรู้สึกดีใจมากและอยากเป่าเทียน
แต่บนเค้กนั้นกลับไม่มีเทียนครับ ดังนั้นผมจึงตะโกนออกไปให้ช่วยเอาเทียนมาให้ผมที
ด้วยภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นของผมนี่แหละ 
ผมมาได้ยินทีหลังว่า เทียนนั้นหล่นตอนที่เข็นเค้กออกมาหน้าเวทีครับ 
“where is my candle!?!? where is my candle~~~~~!!”


ผมมีนิสัยอย่างนึงคือ ผมชอบที่จะไปเดินรอบๆเวทีที่ว่างเปล่าก่อนที่จะทำการซ้อม 
มันเป็นการรวบรวมกำลังใจอีกครั้งกับการแสดงบนเวทีก่อนที่จะได้ขึ้นไปบนเวทีที่สมบูรณ์แล้ว
ในระหว่างที่กำลังมอบไปรอบๆ ผมเห็นทีมงานเบื้องหลังมากมายที่ทำงานหนักเพื่อเรา 

ครั้งนึงที่สิงคโปร์ ระหว่างทางที่จะไปห้องรอ 
ผมผ่านไปเจอทีมงานคนนึง และทักทายสวัสดีเค้า 
จากนั้นทีมงานคนนั้นก็เรียกให้ผมหยุดผมถามเค้าว่ามีอะไรรึเปล่า??
เค้าก็พูดกับผมว่า " ซึงรีครับ เป็นเกียรติอย่างมากที่ผมได้ทำงานให้กับคอนเสริต์ของบิกแบงครับ"
ผมรู้สึกอึ้งไปเหมือนกันเมื่อได้ยินสิ่งที่เค้าพูดมา 
ผมขอบคุณทุกคนที่ได้ทำสิ่งต่างๆมากมายเพื่อเรานะครับ


จริงๆแล้ว การที่จะทำคอนเสริต์ได้ เราจำเป็นที่จะต้องมีทีมงานมากมายคอยช่วยเหลือ
ทีมงานที่คอยช่วยเหลือนำทางเราจากประเทศเกาหลีไปยังประเทศต่างๆ
ทีมงานพื้นถิ่นที่ประจำอยู่ในแต่ละประเทศที่เราไป และมีอีกหลายๆคน 
ผมรู้สึกขอบคุณพวกเค้ามาก เป็นเพราะพวกเค้าเราถึงสามารถแสดงได้อย่างราบรื่นให้แฟนๆได้ชมกัน
ผมขอโทษที่ไม่สามารถขอบคุณทุกคนแต่ละคนเป็นการส่วนตัวได้ 
แต่ผมก็อยากจะขอบคุณผ่าน Star Column นี้นะครับ ^^ 
 GoMabSeumNiDa. Thank you ! ありがとうございます~ 
谢谢 !! ขอบคุณ~ Terima kasih~ และอีกมากมายเลย^^

เมื่อพูดถึงทีมงาน ระหว่างคอนเสริต์ทัวร์ที่โดมเราเจอคนนวดคลายเส้นชาวญี่ปุ่นคนนึง
(เรามักจะมีคนนวดคลายเส้นประจำตัวในทุกๆประเทศ)
ก่อนคอนเสริต์ผมรู้สึกตัวเบาเหมือนจะบินได้เลยทีเดียวหลังจากได้นวดคลายเส้น
พี่ๆในวงเรียกเค้าว่าเป็น " หัตถ์เทพเจ้า" เราต่างแย่งกันเพื่อที่จะได้นวดกับเค้าก่อน

ตอนนี้ผมจะเล่าเรื่องราวคอนเสริต์ที่อเมริกานะครับ 
หลังจากที่เราเสร็จคอนเสริต์ที่ LA, New York, Peru 
(ซึ่งเที่ยวบินที่ใช้บินไปที่นิวยอร์กทำเอาเรารู้สึกกลัวกันมากอย่างที่แดซองได้เล่าไปแล้วㅠㅠ) 
ผมตัดสินใจที่จะเที่ยวเล่นที่ LA ให้มากขึ้น 
ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นผมจึงไปที่ร้านอาหารที่โรงแรมเพื่อทานอาหารเช้า 
(ผมจะไม่ใช้บริการ room service,ผมชอบที่จะไปที่ร้านเอง ถ้ามันไม่ได้อันตรายอะไร~^^) 
ระหว่างที่จะไปที่ร้าน ผมเห็นคนคนนึงคุ้นหน้ามากๆครับ 
ผมเลยแบบ "เอ??นั่นใครน้า โอ้ นั่นมัน Ashton Kutcher !!!นี่นา”

[กับ  Ashoton Kutcher ! พี่สบายนะครับ?? ? ^^]

มันเป็นเรื่องเซอร์ไพล์มากๆเลยครับ ผมเข้าไปหาเค้าและบอกว่าผมเป็นแฟนหนังของเค้า
และขอถ่ายรูปด้วย เค้าเต็มใจถ่ายรูปกับผม ขอบคุณนะครับ  Ashton Kutcher !!^^ 
ผมมักจะอยู่ในด้านที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมาตลอด
แต่ในครั้งนั้นผมกำลังมองดูผ่านด้านตรงข้าม ผมกำลังมองดูคนที่พิเศษ 
ผมคิดว่า "ผมควรจะใจดีกับแฟนๆของเราให้มากขึ้นอีกจากนี้ไป"


[ระหว่างคอนเสริต์ที่มาเลเซีย เราใช้เวลากับทีมงานในห้องรอ 
ทักษะเฉพาะตัวของแดซองทำให้ทุกคนพอใจ^^]

พวกคุณสงสัยกันใช่ไม๊ละครับว่าเรามักจะทำอะไรในห้องรอ~? 
ผมจะบอกให้ครับ~^^ 
เรามักจะทาน พูดเล่นกัน นอนหลับ ออกกำลังกาย และนวดคลายเส้น

[พี่แดซองกำลังออกกำลังกายเพื่อคอนเสริต์ที่ NY เค้าดูดีมากเลยใช่ไม๊ครับ??]

เพื่อการทัวร์คอนเสริต์นี้  มีการเตรียมเครื่องเกมส์เอาไว้ให้เล่นด้วยครับ 
สมาชิกในวงเล่นเกมส์ด้วยกันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนว่าพรุ่งนี้จะเป็นจุดจบของโลก
ครั้งนึงที่เมืองไทย พี่แทยังกับผมเล่นเกมกันอย่างผู้เล่นมืออาชีพทีเดียว 
[พี่ GD, YB กำลังบ้าคลั่งในการเล่นเกม]

ดูจากรูปนี้ คุณไม่รู้สึกเหรอว่าเราจริงจังกันมากเลย~? 
ㅎㅎ ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมเล่นชนะรึเปล่า?? (จริงๆเปอร์เซ็นต์ที่ผมจะชนะมีสูงมากเลยนะ) 

และนี่เป็นตอนสุดท้ายแล้วเกี่ยวกับ World Tour จาก SeungRi~!! 
ผมไปที่ตลาดนัดกับทีมงานที่ NottingHill ซึ่งย่านนี้ดังมากๆเพราะภาพยนตร์ 
ย่านนี้อยู่ใกล้กับลอนดอนในอังกฤษครับ อากาศเฉอะฉะเล็กน้อย 
(ผมไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง มันเป็นอากาศในแบบของลอนดอน ) 
ผมคิดว่าเป็นเพราะผมมักจะขับรถไปในที่ต่างๆจึงไม่ีมีโอกาสได้มีความสุขในการเดินเล่นแบบนี้
หลังจากที่กำลังผ่อนคลายเดินเล่นมีความสุข ผมก็รู้สึกหิวแล้วละครับ 
ผมหาร้านอาหารที่จะเข้าไปทานและเจอร้านเบอร์เกอร์จึงเข้าไปทานกัน 
เบอร์เกอร์อร่อยมากเลยครับ ~~^^)
หลังจากที่ทานกันเสร็จแล้ว ผมก็มีอารมณ์อยากจะถ่ายรูป 
และนี่คือรูปที่ผมถ่ายครับ รูปนี้วิเศษจริงๆ

[ที่ถนน NottingHill ]


  [กับกลุ่มคนที่NottingHill ~^^]

มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆที่ผมได้มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมระหว่าง Worldtour ในหลายๆประเทศ
ผมดีใจที่ได้มีโอกาสได้พบกับแฟนๆมากมาย 
ผมสัญญาว่าเราจะมี   World Tour อีกครั้งนะครับ 
แล้วเจอกันครับทุกคน อันยอง ~~^^



Eng Translation by ShrimpLJY+LUCY
Thai Translation by mew 

====================

สามารถตามอ่าน Star Column ของสมาชิกคนอื่นๆในวงได้ตามนี้นะคะ

ยองเบ:Star Column
แดซอง (ตอนที่ 1) : Star Column