Shout of the World GD
(shout1) ความคิดเห็นของ GD ที่มีต่อสมาชิกวง บิกแบง
(shout2) ย้อนไปเมื่อผมยังเป็นศิลปินฝึกหัด
(shout3) ทำไมตอนนั้นผมถึงต้องเข้มงวดกับพวกเค้าขนาดนั้น
(shout4) ผมเป็นคนยังไงกันนะ
(shout5) อะไรที่แย่ไปกว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว
(shout6) เรายิ่งทอแสงสว่างยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกัน 5 คน
=========================
เราต้องใช้ชีวิตตลอดจากนี้ไปเปรียบประหนึ่งว่าเรายังคงเป็นศิลปินฝึกหัด
ครับ เราืคือบิกแบง วงที่มีการแสดงบนเวทีที่ดียอดเยี่ยม แต่ัยังไงก็ดีส่วนตัวแล้วเราไม่เก่งเรื่องที่จะต้องเข้าสังคมกันเลย ผมรู้นะครับว่าฟังดูแล้วเหมือนกับว่าเรากำลังหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง แต่นี่เป็นเรื่องจริงนะครับเพราะเราใช้เวลามากมายหมดไปในห้องซ้อม
เราใช้เวลาทั้งหมดของเวลาที่เรามีในการซ้อมดังนั้นเราจึงแทบจะไม่ได้เข้าสังคมเลย เมื่อเราอยู่ด้วยกัน 5 คนเราจะเล่นแกล้งกันและหัวเราะจนท้องแข็งไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนเราก็หาแง่มุมตลกๆออกมาได้เพียงแค่เห็นสมาชิกในวงทำอะไรต่อหน้าเราออกมา ขนาดแค่รองเท้าแปลกๆคู่นึงที่สมาชิกในวงซื้อมามันก็ทำให้เราหัวเราะกันได้ แต่พอเราต้องไปอยู่กับคนแปลกหน้า เรากลับไม่รู้ว่าจะยกบทสนทนาอะไรออกมาพูดคุยกับพวกเค้า เราเป็นพวก เข้าสังคมได้ห่วยมากเลยจริงๆ
ผมยอมเผชิญหน้ากับผู้ชมเป็นพันๆคนดีกว่าที่จะต้องไปพูดกับใครซักคนแบบตัวต่อตัวโดยลำพัง ผมจะหน้าแดงทันทีถ้าผมถูกปล่อยให้ออกไปพูดกับแฟนๆคนเดียว ขนาดแดซองเค้ายังบอกเลยว่าเค้าเพิ่งจะเคยชินกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับแฟนๆเมื่อไม่นานมานี้เอง
ถ้าจะให้ผมบอกจุดอ่อนของบิกแบงออกมาละก็ ผมก็ต้องบอกว่าเราเป็นพวกไม่เข้าสังคม เมื่อเราเจอรุ่นพี่ในวงการ ผมอยากที่จะพูดออกไปมากๆว่า " พี่ครับ อัลบั้มของพี่สุดยอดจริงๆ " แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมกลับพูดได้แค่ว่า " สวัสดีครับพี่ เป็นยังไงบ้างครับ??" ผมรู้สึกจริงๆว่าเราบกพร่องในเรื่องนี้เอามากๆ
ยังไงก็ตามแต่ผมได้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะพยายามให้หนัก เพราะผมก็ไม่ชินกับการที่จะพูดว่า " ผมไม่สามารถทำนี่ได้หรือนั่นได้" ผมเชื่อว่าถ้าผมตั้งใจมากพอผมจะสามารถเอาชนะปัญหานี้ได้ นอกจากนี้ เราต่างก็รู้ว่าถึงแม้ว่าเราจะเริ่มต้นก่อนหน้าคนอื่นและเราสามารถทำได้ดีกว่าคนอื่นนิดนึง แต่เราก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะถูกปัดตกได้ถ้าเราไม่พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายของเราต่อไป
ในตอนที่เราเป็นศิลปินฝึกหัด เราจำเป็นต้องรับผิดชอบในแทบจะทุกเรื่องด้วยตัวของเราเอง เราต้องจัดการว่าจะสวมใส่อะไรและจะเดินทางไปสถานที่ที่จะไปแสดงยังไง ก็เหมือนกับคนอื่นแหละครับ เราต้องขึ้นรถเมล์ที่มีคนอัดกันอยู่ในช่วงเวลาเร่งรีบ และหากว่าเราเห็นว่ามีสิ่งไหนที่เราจะพอช่วยกันได้ เราก็จะยินดีที่จะช่วยเหลือกันด้วยสองมือของเราเองนี่แหละ
จนถึงกระทั่งตอนนี้ ผมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งของและสถานการณ์ต่างๆเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ในตอนนี้เรามีดีไซนเนอร์คอยเลือกว่าเราควรจะสวมใส่ชุดไหน และดูแลเรื่องต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปไม่สามารถที่จะเปลี่ยนคุณภาพเบื้องลึกในใจของพวกเราได้ เรารู้ว่าเราต้องถ่อมตัวอยู่เสมอและตั้งใจแน่วแน่ในการทำงานให้หนักไม่ว่าเราจะไปไกลแค่ไหน การที่ได้ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงถือว่าเป็นโบนัสผลพลอยได้เท่านั้น
เราต้องใช้ชีวิตตลอดจากนี้ไปเปรียบประหนึ่งว่าเรายังคงเป็นศิลปินฝึกหัด
[Note: If you want to repost it elsewhere, please include the following disclaimer:
I am not doing close translation of every word in the book, just quoting here and there from the sections. And I have paraphrased and summarized so it might contain errors. I am just sharing to spread the love, not hate. If you don’t feel comfortable reading it, please ignore me.And my works has nothing related to any profit making purpose. You are not allowed to reproduce it in any material forms for such a purpose. Thanks for your understanding.]
Source: Shout To The World (Chinese Version)
Eng Translated by: godlovesrice@tumblr.com/rice@bbu
Thai Translation by mew mini museum
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น