=========================
เริ่มปี 2007 เรียกได้ว่า ประเทศของเราเพิ่งจะเริ่มหายไข้จากโรค Yee Hyori และเรน ฟีเวอร์ พวกเรามีความสนใจในตัวของนักร้องเดี่ยวเพราะพวกเค้าเข้ามาวางกฏเกณฑ์ในโลกวงการบันเทิงของประเทศเรา ในขณะที่ฐานแฟนคลับวง TVQX จะหนักไปที่กลุ่มวัยรุ่นสาวๆ Hyori และเรน ก็โอบล้อมไปด้วยแฟนๆที่นอกเหนือจากกลุ่มผู้หญิงและวัยรุ่นในสังคม Epik High ได้เข้ามาสร้างกระแสในกลุ่มคนรักงานเพลงในฐานะที่พวกเค้าได้นำเอาเพลง HipHop ให้เข้ามาเป็นที่รู้จักในวงการเพลงกระแสหลัก Ivy ได้เข้ามาปั่นป่วนให้ประเทศเราเต็มไปด้วยกระแสแห่งความยั่วยวน แต่ Super Junior และ SS501 ก็ยังคงพยายาม พยายาม พยายาม พยายาม พยายาม อย่างหนักจริงๆ ฉันหมายถึงว่าหนักมากๆ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มีช่องว่างให้กับวงไอดอลชายอยู่ดี ไม่มีเลยแม้แต่น้อย
แต่พวกเราก็ยังคงรออยู่นอกตึกบริษัท วายจี แทบจะทุกคืนในเดือนเมษายน-กรกฏาคมในปี 2007 เรายังคงมอบแรงสนับสนุนและความภัคดีทั้งหมดของเราให้กับ บิกแบง เราคอยเชียร์พวกเค้า ถึงแม้ว่าโอกาสทุกอย่างจะริบหรี่เราก็ยังสู้กับพวกเค้า มีกลุ่มวัยรุ่นน้อยมากๆในหมู่วีไอพีตอนนั้นเพราะ สาวๆส่วนใหญ่ได้กลายเป็นสาวกของวง TVXQ ไปแล้ว ในแฟนคาเฟ่ของเรามีสมาชิกเพียง 50,000 คนเท่านั้นและช่วงที่สิ้นสุดการโปรโมทเพลง Dirty Cash ตัวเลขนี้ก็ลดลงวันต่อวัน จนแดซองมักจะพูดล้อเล่นว่า " อย่าทิ้งเราไปนะครับ มีหลายคนลาออกไปตาม FT Island กันแล้ว โปรดอยู่กับเราเถอะครับ " และ ซึงรีก็มักจะล้อเราว่า " เพราะว่า Jun Su ฮยองและ TVXQ ไปญี่ปุ่นใช่ไม๊ พวกคุณถึงมาเฝ้าเราตรงนี้ได้ " พวกเค้าเล่นมุขตลก แต่ฉันรู้ว่าในหัวใจของหนุ่มๆพวกนี้ พวกเค้าต้องกำลังกังวลมากๆแน่นอน เพราะ มีเราไม่กี่คนเท่านั้นจริงๆที่ตั้งใจจะเชียร์พวกเค้าอย่างจริงจัง
เราอยู่ผ่านช่วงใบไม้ร่วง ท่ามกลางสายฝน ท่ามกลางความร้อน ความเคลื่อนไหวของพวกเราในตอนนั้นคือ อยู่เคียงข้างหนุ่มๆของเราในขณะที่พวกเค้ากำลังเตรียมงานอัลบั้ม เรากำลังรอคอยซิงเกิลใหม่อีกซักซิงเกิลของพวกเค้า ตอนนั้นวายจีมีการออกข่าวให้กับทางสื่อว่า จียงและซึงฮยอนได้ช่วยในส่วนของการผลิตงานเพลงใหม่นี้ด้วยตัวของพวกเค้าเอง ถ้าคุณเข้าไปดูเสียงตอบรับของข่าวนี้ในอินเตอร์เนท คุณจะเห็นว่าผู้คนช่างโหดร้ายจริงๆ ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่วายจีพูดที่ว่าจียงกับซึงฮยอนอุปป้าเขียนเพลงเอง ทุกคนต่างสาปแช่งวงของเรา พวกสาวๆเลือดร้อนเรียกพวกเค้าว่าเป็น " วงฝันอยากเป็นดงบัง" "พวกหมาน่าเกลียด" "เตี้ยแล้วยังอยากเป็นไอดอล" "โกหกหน้าไม่อาย""พวกเกือบได้เป็นไอดอล" คำวิจารณ์เหล่านี้ล้วนมาจากการที่พวกเค้าหน้าตาน่าเกลียดเกินกว่าที่จะมาเป็นไอดอลได้
บทความต่างๆใน Daum ต่างเต็มไปด้วยคอมเม้นต์ในแง่ลบเหล่านี้ มันทำให้หัวใจของพวกเราเจ็บปวดและเราก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากปักหลักอยู่ที่ประตูบริษัทและแสดงให้พวกเค้าเห็นว่า แม้ในอินเตอร์เนทจะมีแต่พวก haterที่ใจร้าย แต่เรา เราวีไอพี อยู่ตรงนี้ ทุกๆครั้งที่สื่อปล่อยอะไรออกมาตั้งแต่ช่วงอัลบั้ม always เราจะได้คำต่อว่าเหน็บแหนมซัก 800 คอมเม้นซ์ และอีก 200 คอมเม้นซ์ที่มองในแง่บวก เราแทบจะไม่มีแรงอะไรไปต่อสู้หรือปกป้องหนุ่มๆของเราจากคอมเม้นซ์โหดร้ายพวกนั้นจากชาวเนทเลย
และเมื่อวันวางแผงผลงานเพลงใหม่ใกล้มาถึง วายจีเริ่มจะปล่อยข่าวอย่างแพร่หลายว่า อัลบั้มใหม่ของบิกแบงจะเป็นเพียง มินิอัลบั้ม และจะออกขายในราคาที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนคือ 10 000 วอน (เมื่อเทียบกับราคาซิงเกิลจะอยู่ที่ 8000 วอนและอัลบั้มเต็มๆตามทั่วไปจะมีราคา 13 000 วอน ) และมีเพลงบรรจุอยู่ในอัลบั้ม 6 เพลง(ซึ่งก็เป็นแบบเฉพาะอีกเนื่องจาก ซิงเกิลมักจะมี 3 เพลงอัลบั้มเต็มจะมี 10 เพลง) วายจีได้ให้คำสัญญากับเราอีกว่า " นี่จะเป็นการสร้างเทรนใหม่" " เรากำลังสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ให้กับวงการดนตรีเกาหลี" "บิกแบงจะเป็นผู้ปฏิวัติวงการเพลงไอดอล" และ โน่นนี่นั่น พวกเราแฟนๆรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันแต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้สึกกังวล เพราะวายจีให้คำสัญญาอีกแล้ว คำสัญญาที่ทำให้มี hater เพิ่มมากขึ้น hater ที่เคยตราหน้าวายจีว่า " ไหนละสัญญาที่เคยบอกว่าจะนำ Seotaji and boys กลับมาตอนนี้จะดันมังกรไร้ชีวิตมาแทนหรอกเหรอ?? " " วายจีที่ไร้น้ำยาออกมาสัญญาอีกแล้ว " ด้วยส่วนแบ่งแฟนๆที่น้อยนิดในกลุ่มคนต่างๆในสังคม ด้วยกลุ่มแฟนๆที่น้อยนิดมากเข้าไปอีกในกลุ่มวันรุ่นหญิงที่จะชอบไอดอล คนที่เชื่อในบิกแบงมีน้อยมากๆในตอนนั้น แล้วอนาคตของพวกเค้าจะเป็นยังไงละ?? พวกเรากับบิกแบงและบริษัทวายจีต่างภาวนาให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
และแล้ววันดีเดย์ก็มาถึง วันที่ 17 สิงหาคม 10 โมงเช้า มินิอัลบั้มก็ออกให้กดซื้อดาวน์โหลดออนไลน์ตามเวปไซด์ขายเพลงหลักๆทุกไซด์ และ มินิอัลบั้มก็ถูกปล่อยวางแผงตามร้านขายซีดีต่างๆ สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสถิติได้ไม่ได้เกิดขึ้นในวันแรกที่มินิอัลบั้มออกขาย แต่เพลง Lie ก็สามารถติดอยู่ใน top 15 ได้ใน 3 วันแรกที่ออกวางแผง ซึ่งนั่นนับว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของวงไอดอลชายแล้ว เพราะ TVXQ หรือ SS501 ยังไม่สามารถเข้ามาได้ถึง top 20 แต่บิกแบงได้เข้ามาอยู่ในโซน top 15 พวกเราดีใจกันเกือบบ้า ขึ้นtop 15 ภายในเวลา 3 วัน วีไอพีดีใจกันมากๆเพราะสิ่งนี้หมายความว่า ผู้คนชอบเพลงนี้
นั่นเป็นเหมือนกับลางดีลางแรกแห่งความประสบความสำเร็จ ที่กลายมาเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของบิกแบงเลยทีเดียว เมื่อพวกเค้าอยู่ที่อันดับ 14 ของชาร์ต MelOn อยู่ในอันดับ 15 ในชาร์ตMnet เราก็คิดว่านี่คงดีที่สุดที่เราจะทำได้แล้ว แต่ไม่เลย เป็นเพราะคำวิจารณ์และรีวิวทางอินเตอร์เนทกลายมาเป็นตัวเร่งให้เกิดความประสบความสำเร็จที่ยิ่งขึ้นไปอีก รีวิวที่มาเร็วที่สุดคือ มาในวันที่ 2 ที่ปล่อยเพลงออกมา และไม่มีคำวิจารณ์ไหนที่จะพูดในทางลบเลย ไม่มีเลยจริงๆ คุณ Kim Jiho นักวิจารณ์เรื่องโน้ตดนตรี จาก The Seoul Times กล่าวว่า
" คาดไม่ถึงจริงๆ เพลงที่เขียนโดยลีดเดอร์ของวง คือเพลง Lies และ Oh Ma Baby เป็นเพลงที่แข็งแกร่งที่สุดในอัลบั้มของวงน้องใหม่ที่เพิ่งออกมินิอัลบั้มออกมา มินิอัลบั้ม Always เป็นการผสมผสานระหว่างเพลง pop, rock และด้วยโทนที่แฝงความเป็น hip hop ไว้นี่เป็นโทนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวงบิกแบงและเป็นโทนที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนอีกด้วย "
ทางด้านหนังสือ Chosun Ilbo เรียก จีดราก้อนว่า เป็นอนาคตของวงการดนตรีไอดอล ทาง Korea Herald ยิ่งตอกย้ำว่า " จุดเปลี่ยนที่น่าตกใจที่แตกกิ่งก้านแตกต่างออกมาจากดนตรีเดิมๆที่คาดเดาได้ง่ายของยุควงไอดอลชาย ถ้าคุณจะเรียกเพลงจากวงเหล่านั้นว่าเป็นเพลงอะนะ" สื่อต่างๆและสื่อออนไลน์จู่ๆก็รีบประโคมข่าวและคำวิจารณ์ของนักวิจารณ์ต่างๆออกมาและยกย่องมินิอัลบั้ม ALWAYS กันอย่างมาก ในอาทิตย์นึงๆ จะต้องมีหนังสือพิมพ์หรือไม่ก็นิตยสารอย่างน้อย 2 ฉบับลงพรีวิวอัลบั้มและยกย่องเพลงโปรโมทอย่างเพลง Lies ออกมา เมื่อบิกแบงทำการแสดงคัมแบคบนเวที Inkigayo และ Music Core อันดับในการค้นหาคำว่า "บิกแบง" ในอินเตอร์เนทก้าวกระโดดไปถึง 2000% ตามที่ Daum ได้ออกข่าว ในอินเตอร์เนทที่เคยมีแต่พวก hater ครองอยู่ก็มี นักเล่นเนททั่วไปที่เข้ามาคอมเม้นซ์ว่าอัลบั้มวิเศษแค่ไหนและพูดถึงความพิเศษของเพลง Lies ตอนนั้นที่บิกแบงขึ้นแสดงในเวทีคัมแบครายการ Music Bank ในวันที่ 26 สิงหาคม เพลง Lies ก็สามารถ all-kill อยู่ในอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงทุกเพลงของเกาหลีซึ่งเป็นวันที่ 6 ที่อัลบั้มถูกปล่อยออกมา ทาง Music Bank บอกกับพวกเราวีไอพีในอาทิตย์ถัดมาว่า เรทติ้งของเวทีคัมแบคเมื่อคราวที่แล้ว ได้เรทติ้งถึง 6% ซึ่งเป็นเรทติ้งที่มากที่สุดในบรรดารายการเพลง 6 รายการเพลงในช่วงนั้น เราใช้เวลาเพียง 2 อาทิตย์นับจากวันที่ออกวางแผง บิกแบง เพลง Lies และมินิอัลบั้ม Always ก็สามารถครองความสุดยอดในหมู่นักวิจารณ์และสังคมออนไลน์ได้
ไม่มีใครคิดว่า ใครที่ไหนก็ไม่รู้จะสามารถขึ้นมาสู่จุดสูงสุดได้ด้วยรูปแบบอัลบั้มหนูทดลองแบบนั้น บิกแบงได้ทำในสิ่งที่ Super Junior หรือ SS501 พยายามอยากที่ทำ แม้แต่ TVXQ ก็ยังทำไม่ได้ คือการนำเอาเพลงของวงไอดอลชายขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ต และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในสังคมและสามารถร้องเพลงนั้นได้อีกด้วย จู่ๆ คนธรรมดาๆที่ไม่มีใครรู้จักก็กลายเป็นดวงดาวในชั่วข้ามคืน
บิกแบงยังคงมีเรื่องมากมายให้ฉลองตลอดไปจนถึงเดือนกันยายน วายจีได้จัดงานคอนเสริต์ตามห้างสรรพสินค้าและมหาวิทยาลัยมากมาย วายจีเข้าถึงผู้คนในสังคมและสร้าง fandom ในหมู่วัยรุ่น พอถึงช่วงกลางเดือนกันยายน ทั้ง Nate, Daum, Naver, Google, Cyworld, และตามเวปไซด์ที่เป็นฐานในการหาข้อมูลก็ถูกครองด้วยคำว่า "บิกแบง" ความสำเร็จทั้งหมดนี้มาได้ทั้งๆที่บิกแบงไม่ได้ไปออกรายการทางทีวีเลยแม้แต่รายการเดียวยกเว้นรายการเพลงเท่านั้น ในวันที่ 7 กันยายน บิกแบงชนะตำแหน่ง mutizen เป็นครั้งแรก และร่วมฉลองกับพวกเราในบริษัทวายจี หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่วายจีพูดในงานแถลงข่าว พวกเราถึงกับต้องร้องไห้ แต่หนึ่งเดือนให้หลังกลุ่มวีไอพีของพวกเรากลับไม่มีเวลาพักเอาซะเลยเพราะมีการกันที่นั่งพิเศษเอาไว้ให้ในงานทุกๆรูปแบบของหนุ่มๆ ไม่ว่าจะเป็นงานคอนเสริต์ และงานแสดงบนเวที งานโชว์ตัวต่างๆ จู่ๆบิกแบงก็มีงานต้องขึ้นเวทีในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมถึง 14 งานในเวลาเพียง 2 เดือน ไม่เพียงแต่บิกแบงที่เหนื่อยจนไม่ได้พักผ่อนแต่เราวีไอพีก็เหนื่อยตามไปด้วยในการวิ่งรอกสนับสนุนพวกเค้าในงานโน่นงานนี่เต็มไปหมด
เดือนถัดมายิ่งวุ่นวายเหมือนกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกา เป็นเวลา 7 สัปดาห์มาแล้วที่ Lies อยู่ในอันดับ 1 ของชาร์ตเพลงทั้งประเทศ มันเป็นเพลงที่ถูกเล่น ถูกฉายมากทั้งทางวิทยุและทางโทรทัศน์ รวมถึงรายการวาไรตี้ ละคร และรายการทอล์กโชว์ล้วนใช้เพลง Lies เป็นเพลงเปิดคลอในรายการ ทั้งทางโทรทัศน์และอินเตอร์เนทต่างเป็นตัวเร่งให้เพลงนี้ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก และในช่วงกลางเดือนกันยายน ทั้ง นักเรียน อาจารย์ แม่ค้าขายของตามรถเข็น คนซื้อของตามรถเข็น ทนายความ แม้แต่โจร คุณแม่คุณลูก ชาวประมง คนขับรถเมล์ เด็กเล็กๆไปจนถึงคุณปู่คุณย่า สามารถร้องเพลง lies ในท่อน “I’m so sorry but I love you dageojitmal, iyamorasseo ijeya arasseo naega pirhyohae!” ได้ทั้งนั้น สังคมเกาหลีใต้จับไข้ Lies กันไปทั้งเมือง
นอกเหนือจากนั้น ในวงการวัฒนธรรรมป็อป แฟชั่นบล็อคเกอร์ทั้งหลายต่างเริ่มสังเกตเรื่องแฟชั่นของวงด้วย ในช่วงเดือนกันยายน มีการโพสรวมคอลเลคชั่นผ้าพันคอที่จียงใส่ลงในอินเตอร์เนท และพวกหนุ่มๆก็ทำให้รองเท้าผ้าใบแบบ high top sneakers เป็นของยอดฮิตในสังคม แฟชั่นของหนุ่มๆทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น เสื้อเปิดอกของแดซอง แว่นตาดำแบบท็อป เสื้อแขนกุดแบบของซึงรี และหมวกของแทยัง ถูกเขียนถึงในบทความทางแฟชั่นของทุกนิตยสาร ในเดือนตุลาคม ถ้าคุณได้มาเดินในสถานนีรถไฟใต้ดินในกรุงโซลหรือตามห้างสรรพสินค้า คุณจะต้องเจอเด็กวัยรุ่นชาย อย่างน้อยๆ 2 คนที่แต่งตัวในแบบบิกแบง การเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าจะทำให้คุณรู้โดยง่ายดายเลยว่าบิกแบงไม่ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับวัยรุ่นหญิงเท่านั้นแต่กับกลุ่มวัยรุ่นชายด้วย
สิ่งที่น่าสนใจมากเข้าไปอีกคือ บิกแบงได้รับความโด่งดังมากจนถูกนำเอาเพลงของพวกเค้าไปใช้เป็นเพลงแบล็คกราวน์ของเกมส์ออนไลน์ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้บิกแบงเชื่อมต่อกับกลุ่มวัยรุ่นชายได้มากขึ้นไปอีก สาวน้อยอยากจะได้บิกแบงเป็นแฟน ในขณะที่วัยรุ่นหนุ่มๆก็อยากจะเป็นแบบ บิกแบง
ทั้งมิวสิควีดีโอและเทปบันทึกการแสดงบนเวทีถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกตามสถานที่สาธารณะ ความโด่งดังไม่ได้หยุดที่เสียงเพลงแต่เป็นเพราะแฟชั่นของวงด้วย ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลา 2 เดือนทั้งๆที่ไม่ได้มีการไปปรากฏตัวตามรายการทางโทรทัศน์เลย เราทำเพียงการแสดงบนเวทีและปรากฏตัวในรายการเพลงทางโทรทัศน์เท่านั้น
ในตอนนั้น เกาหลีใต้กำลังสนใจในเสียงเพลงและอาชีพของหนุ่มๆทั้ง 5 G-Dragon, Tae Yang, T.O.P, Dae Sung, และ Seung Ri.
================
ขอบคุณ วีไอพีคนเขียน Cristina Kang + UKBigbang+รวมถึง Trollingforkpop at 6Theoryและ WhySoPerfectBB and Me mewmew in mew mini museum the translator >_<
สามารถอ่านตอนแรกได้ที่
ขณะอ่านก็เปิดLies ฟังไปด้วยค่ะ 555 บิ้วกันสุดริด
ตอบลบขอบคุณมากๆนะคะ
ตอบลบ