วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

GD:ผมได้รับแรงบันดาลใจจากที่ไหนบ้าง??.....(shout10)


Shout of the World GD

(shout1) ความคิดเห็นของ GD ที่มีต่อสมาชิกวง บิกแบง
(shout2) ย้อนไปเมื่อผมยังเป็นศิลปินฝึกหัด
(shout3) ทำไมตอนนั้นผมถึงต้องเข้มงวดกับพวกเค้าขนาดนั้น
(shout4) ผมเป็นคนยังไงกันนะ
(shout5) อะไรที่แย่ไปกว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว
(shout6) เรายิ่งทอแสงสว่างยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกัน 5 คน
(shout7)เราต้องใช้ชีวิตจากนี้ไปประหนึ่งว่าเรายังเป็นศิลปินฝึกหัด
(shout8)พวกเราเปรียบเป็นต้นไม้ประเภทใดกันบ้าง?
(shout9)สำหรับผมแล้ว....เพื่อนคือ....

=========

ผมได้รับแรงบันดาลใจจากที่ไหนบ้าง?? ...

ผมเป็นคนประเภทที่ว่าไม่ยอมให้ตัวได้พักหรือเว้นว่างเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ก็ตามผมก็ไม่ค่อยได้พักมากเท่าไหร่ ผู้คนต่างก็กังวลที่ผมเป็นแบบนี้ แต่ยังไงก็ดี ผมไม่สามารถที่จะหยุดสร้างสรรค์งานไม่อย่างใดก็อย่างนึงออกมาได้หากผมมีเวลาว่าง หลังจากการทำงานในวันที่ตารางงานแสนยุ่งเมื่อผมกลับมาอยู่ที่ห้อง ผมก็มักจะต้องการเขียนอะไรบ้างอย่างออกมา ไม่เขียนเพลงก็วาดรูป ถ้าผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยผมก็จะดูหนังครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบการพักผ่อนนะ ในวันถัดมา เวลาที่ผมเอางานที่ผมพิ่งทำในคืนที่ผ่านมาออกมาโชว์ให้กับสมาชิกในวงดูกัน พวกเค้าก็จะประหลาดใจ และถามว่า " นายไปทำมาเมื่อไหร่เนี่ย?? "

เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมต้องการที่จะเขียนอะไรออกมา มันเหมือนกับอาการบ้าคลั่งเลยทีเดียว ไม่ว่าผมจะเห็นอะไรผมจะสามารถนำมันมาเข้าร่วมกับการทำงานเพลงของผมได้หมด ทั้งภาพยนตร์ ทั้งหนังสือ หรือสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ดูเหมือนไม่มีสาระที่ผมได้พบเจอในชีวิต เมื่อจู่ๆแรงบันดาลใจมันมาเมื่อไหร่ผมก็จะคว้าสมุดออกมาจดทุกอย่างที่ผมนึกได้ลงไป ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกมีความสุขที่สามารถได้ร้องแร๊พบนเวที แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดคือผมสามารถที่จะร้องเพลงที่ผมเป็นคนสร้างสรรค์มันขึ้นมาเองบนเวทีครับ

กระบวนการในการที่จะแปรรูปสิ่งที่ผมได้อ่าน หรือประสบการณ์ที่ผมได้รับเข้าไปในเพลงที่ผมสามารถแบ่งปันให้ผู้คนฟังนั้นมันเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ ผมเป็นของผมแบบนี้มาตั้งแต่อายุ 13 แล้วละฮะ ผมได้รับรู้ได้เห็นผู้คนที่ทำงานตั้งใจอย่างหนักพอๆกับผมแต่เค้ากลับไม่ได้รับโอกาสให้ส่องแสงเจิดจ้าบนเวทีเลย นอกจากนี้ผมยังรู้จักผู้คนที่มีความสามารถและได้ร้องเพลงเจิดจรัสบนเวทีเพียงแค่ในช่วงเวลาอันสั้นๆและพวกเค้าก็หายไปเหมือนกับระยะน้ำขึ้นน้ำลง ที่ขึ้นและลงเพียงช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น ดังนั้นผมจึงเห็นคุณค่าของโอกาสที่ผมได้รับอย่างมาก ผมรู้สึกถึงคุณค่าในทุกๆครั้งทุกๆโอกาส

ผมรู้ว่าไม่ใช่แค่ผมหรอกนะครับที่คิดแบบนี้ ผมก็ไม่ได้นับซะด้วยว่าตอนนี้เวลาผ่านไปกี่ปีแ้ล้วแต่ผมยังคงได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเล่นดนตรีดังมาจากห้องของเค้า และได้ยินเสียงอีกหลายๆคนกำลังซ้อมเต้นอยู่ในสตูดิโอ เราต่างก็ทำมันแบบนี้เป็นประจำไม่ใช่เพราะหน้าที่บังคับหรอกครับ แต่เราทำเพราะ "รัก"

[Note: If you want to repost it elsewhere, please include the following disclaimer: I am not doing close translation of every word in the book, just quoting here and there from the sections. And I have paraphrased and summarized so it might contain errors. I am just sharing to spread the love, not hate. If you don’t feel comfortable reading it, please ignore me.And my works has nothing related to any profit making purpose. You are not allowed to reproduce it in any material forms for such a purpose. Thanks for your understanding.]

Source: Shout To The World (Chinese Version)

Eng Translated by: godlovesrice@tumblr.com/rice@bbu

Thai Translation by mew mini museum

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น