วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

GD:ทำไมผมถึงไม่กลัวความล้มเหลว (shout14)


Shout of the World GD

(shout1) ความคิดเห็นของ GD ที่มีต่อสมาชิกวง บิกแบง
(shout2) ย้อนไปเมื่อผมยังเป็นศิลปินฝึกหัด
(shout3) ทำไมตอนนั้นผมถึงต้องเข้มงวดกับพวกเค้าขนาดนั้น
(shout4) ผมเป็นคนยังไงกันนะ
(shout5) อะไรที่แย่ไปกว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว
(shout6) เรายิ่งทอแสงสว่างยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกัน 5 คน
(shout7)เราต้องใช้ชีวิตจากนี้ไปประหนึ่งว่าเรายังเป็นศิลปินฝึกหัด
(shout8)พวกเราเปรียบเป็นต้นไม้ประเภทใดกันบ้าง?
(shout9)สำหรับผมแล้ว....เพื่อนคือ....
(shout10)ผมได้รับแรงบันดาลจากที่ไหนบ้าง?....
(shout11)สำหรับผมแล้ว...แฟชั่นคือ.......
(shout12)ความหมายที่อยู่ในรอยสักของผม
(shout13)สำหรับผม อิสรภาพคือ......

================

ทำไมผมถึงไม่กลัวความล้มเหลว

เพราะพวกเราต่างก็ยังเด็กอยู่ ดังนั้นจึงไม่เป็นไรหรอกครับที่เราจะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่มาจากความล้มเหลว

ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีมากๆครับ ในขณะที่คนในวัยเดียวกันกับผมกำลังกังวลที่ต้องเจอกับความคาดหวังมากมายที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้ ผมกลับสามารถที่จะฝ่าฟันต่อสู้ไปให้ถึงจุดมุ่งหมายที่ตัวเองตั้งไว้และสามารถทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ เพราะคุณพ่อคุณแม่คอยสนับสนุนผมอยู่ ผมไม่ต้องทำในสิ่งที่พวกท่านต้องการให้ผมทำ แต่พวกท่านปล่อยให้ผมตัดสินใจเลือกทางเดินในชีวิตของผมด้วยตัวผมเอง

ผมโชคดี เพราะ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องการเรียนเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังคงสามารถได้เกรดดีๆตลอดเวลาที่เรียนในโรงเรียน ผมยังเด็กอยู่มากตอนที่ได้รับคำเชิญจากบริษัท วายจีให้ไปเป็นศิลปินฝึกหัดกับพวกเค้า ผมได้พบคนที่มีพรสวรรค์มากมายและคนที่คอยช่วยเหลือมากมายในตอนที่อายุยังน้อย และก็แน่นอนครับ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ การที่ผมได้พบท่านประธานของเรา คุณ ยาง ฮยอน ซอก

ทั้งหมดนี้เมื่อมีใครได้ยินผมพูดแบบนี้บางคนอาจจะคิดว่า "ฉันทนไม่ได้จริงๆนะที่ได้ยินควอนจียงพูดแบบแสนจะมั่นใจและเหย่อหยิ่งแบบนั้นออกมา ทัศนคติแบบนี้มันจริงๆเล้ย"

ยังไงก็ตาม เส้นทางชีวิตที่ผมเลือก มีลักษณะตามต่อไปนี้

เริ่มจากอายุ 13 ผมต้องไปโรงเรียนเช้ามากๆๆ จากนั้นผมต้องไปเข้าร่วมการเทรนทักษะต่างๆหลังเลิกเรียน แน่นอนละครับ ผมไม่ได้ทานอาหารตามเวลาปกติ ส่วนเรื่องนอนนั้นไม่้ต้องพูดถึงเลย ผมไม่ได้มีเวลาที่จะนอนหลับอย่างเพียงพอตามวัยในแต่ละวัน

ผมเป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนนึงที่อายุเพิ่งจะย่างเข้าวัย 20 เท่านั้นเองแต่ผมกลับมีเวลานอนเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงต่อวันเพราะมีงานหนักมากมายเต็มเอี๊ยด ผมเขียนเพลงมากมายแต่ส่วนใหญ่ก็ถูกทิ้งลงถังขยะ ผมมักจะคิดเสมอว่า จะมีซักกี่เพลงนะที่จะสามารถเป็นเพลงที่โด่งดังได้?? ผมไม่อาจจะรู้ได้เลยจริงๆ ดังนั้นผมจึงรู้สึกเครียดมากๆเกือบจะทุกวัน

ถึงแม้ว่าบางครั้งผมจะคิดว่า โลกนี้ชั่งไม่ยุติธรรมเลย แต่ผมก็คิดว่า สิ่งที่ผมจะได้เก็บเกี่ยวในวันข้างหน้าคือสิ่งที่ผมได้เพาะหว่านลงไปในวันนี้ ผมได้ยินเรื่องราวประสบการณ์ความยากลำบาก และแสนจะเจ็บปวดในอดีตของรุ่นพี่ เช่น เรนเคยเล่าว่าเค้าทำได้แค่สวมแหวนที่คุณแม่ผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ขึ้นเวทีเพื่อแสดงความอาลัยต่อเธอเท่านั้น ผมรู้สึกเสียใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้

และมีอีกครั้งนึง นักดนตรี คุณ Cho So-mi กำลังมีคอนเสริต์ทัวร์ที่อเมริกา เธอได้รับข่าวร้ายอย่างกะทันหันว่าคุณพ่อของเธอเสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งคนที่บอกข่าวนี้แก่เธอคือคุณแม่ของเธอเอง ซึ่งเล่าให้เธอฟังว่าคุณพ่ออยากจะให้เธอทัวร์คอนเสริต์ให้เสร็จสิ้นลงไปก่อนมากกว่าอยากจะให้เธอเดินทางกลับเกาหลีทันที ดังนั้นในคอนเสริต์รอบสุดท้ายเธอจึงร้องเพลง ‘On, my dear father’ ( ถึงคุณพ่อที่รัก) เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับคุณพ่อ

ผมเชื่อว่า ความเจ็บปวดนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับพวกเราเดินหน้าทำในสิ่งที่เราต้องทำต่อไปได้

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามอย่าเพียงแต่ทำมันไปแบบขอไปทีหรือใช้พลังอย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง"ความรัก" "การเรียน" หรือ "การวิ่งไล่ตามความฝัน

สิ่งที่เราควรจะกลัวมันจริงๆแล้วไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็น จิตใจที่ไม่มีความกล้าเหลือเพียงพอที่จะลองเสี่ยงหรือท้าทายอีกต่อไป หากใครที่กำลังร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียวเพราะต้องเผชิญกับความล้มเหลว ผมอยากจะบอกกับพวกเค้าว่า

"ไม่เป็นไรหรอกนะที่เราล้มเหลวในวันนี้ ก็เรายังเด็กอยู่นี่นา"

[Note: If you want to repost it elsewhere, please include the following disclaimer:

I am not doing close translation of every word in the book, just quoting here and there from the sections. And I have paraphrased and summarized so it might contain errors. I am just sharing to spread the love, not hate. If you don’t feel comfortable reading it, please ignore me.And my works has nothing related to any profit making purpose. You are not allowed to reproduce it in any material forms for such a purpose. Thanks for your understanding.]

Source: Shout To The World (Chinese Version)

Translated by: godlovesrice@tumblr.com/rice@bbu

Thai Translation by mew mini museum

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น