จะเป็นยังไงกันนะในการที่จะใช้ชีวิตในแบบบิกแบง?? พวกเค้าประสบความสำเร็จอย่างมาก ชีวิตที่ต้องแบ่งเวลา 24 ช.ม มาใช้ให้มีค่ามากที่สุดทุกนาที และ มีสายตาของผู้คนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา บิกแบงเปรียบเสมือนเป็นเรือลำใหญ่ในวงการ KPOP แต่จุดมุ่งหมายที่เค้าจะต้องแล่นเรือลำนี้ไปนั้นเป็นทะเลอันไพศาลที่สามารถจะกลืนพวกเค้าลงไปได้ทุกขณะ แม้ว่าพวกเค้าจะมีพื้นฐานที่มั่งคงในงานก็ตาม คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่พายุจะเข้ามา
ในการให้สัมภาษณ์กับ 10asia ครั้งนี้ หนุ่มๆบิกแบงได้พูดถึงความสุขและความคิดภายในใจของพวกเค้าแทนที่จะพูดถึงเรื่องความโด่งดังและความคิดในสายตาของคนอื่น ในขณะที่ทุกคนพร่ำบอกว่าพวกเค้าได้เดินเข้ามาถึงช่วงจุดสูงสุดในสาขาอาชีพนี้แล้ว สมาชิกบางคนในวงกลับต้องเผชิญกับเส้นทางวิบากในชีวิต บางคนก็กำลังหาทางออกให้กับปัญหาของตัวเอง ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้น แดซองได้เหยียดนิ้วอย่างเต็มกำลังชี้ไปบนฟ้าในขณะที่กำลังร้องเพลง "FANTASTIC BABY." เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะล่วงรู้ได้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจขณะนั้น แต่สิ่งนึงที่แน่นอนคือ เค้ากำลังอยู่บนเวทีและร้องเพลงในท่อนที่เด่นที่สุดของเพลง โดยที่ยังไม่ได้หยุดพักแดซองพูดให้เราฟังถึงเรื่องราวทั้งหมดอย่างใจเย็นถึงเรื่องราวที่ทำให้เค้าได้ขึ้นไปบนเวทีและร้องเพลงต่อหน้าผู้คนแบบนี้
"เป้าหมายของผมคือ การเป็นนักร้องที่สามารถนำความสุขไปสู่ผู้คนได้ครับ"
Q: การที่การโปรโมทในครั้งนี้เสร็จสิ้นลงไปแล้วน่าจะมีความหมายกับคุณมากกว่าคนอื่นนะครับ คุณจะบรรยายความรู้สึกของคุณออกมาเป็นคำพูดได้ว่ายังไงบ้างครับ??
Daesung: มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนะครับและมันเป็นเรื่องจริงที่ว่าผมมีภาระอันใหญ่หลวงตามมา ผมยังมีความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาทำงานในช่วงนั้นอีก แต่เมื่อเปรียบเทียบเวลาและพลังงานที่ผมสูญเสียไปกับการกังวลแล้ว ผมได้รับความรักมากมายในตอนที่อยู่ในทีม เมื่อมองย้อนกลับไปดู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วยสร้างโอกาสให้เราได้สานสายสัมพันธ์ระหว่างกันให้แข็งแกร่งแน่นหนาขึ้นเมื่อเราอยู่ด้วยกัน ดังนั้นผมอยากจะพูดว่าช่วงระยะการโปรโมทนี้เป็นเหตุการณ์ที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนักร้องของผมครับ
Q: เพลง "BLUE" ได้ให้ความรู้สึกเหมือนน้ำแข็งที่กำลังละลาย เมื่อดูจากสถานการณ์ของคุณแล้ว คุณคงมีความคิดมากมายเข้ามาในหัวเวลาร้องเพลงนี้ไม๊ครับ??
Daesung: ตอนที่ผมอยู่บนเวทีผมจะไม่เอาความรู้สึกของตัวเองหรือประสบการณ์ของตัวเองไปเชื่อมต่อกับเพลงที่ร้องครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่ของผมในฐานะที่เป็นนักร้อง ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว ผมจะพยายามส่งความรู้สึกเหงาและความโดดเดี่ยวที่อยู่ในเพลง BLUE ออกมาแทนที่จะถ่ายทอดอารมณ์ส่วนตัวของตัวเองออกมานะครับ แน่นอนว่าผมสามารถที่จะสะท้อนเอาความโดดเดี่ยวและความเหงาออกมาได้จากเรื่องราวมากมายที่ตัวเองได้รับจากประสบการณ์ที่ผ่านครับ
Q: หมายความว่าตอนนี้คุณจะตั้งใจตั้งสมาธิไปอยู่ที่การร้องเพลงเท่านั้นเวลาอยู่บนเวทีเหรอครับ?? ดูคุณส่งอารมณ์ได้เป็นอย่างดีในตอนที่ชี้นิ้วไปบนฟ้าและการแสดงออกนี้เป็นที่สนใจและจับใจคนดูได้มากเลยนะครับ
Daesung: คือ ผมไม่สามารถที่จะพูดได้ว่าผมสบายๆ หรือผมสุขุมสงบในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นได้หรอกนะครับ แต่ว่าผมพยายามอย่างหนักที่จะซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเวลาอยู่บนเวทีและรู้สึกถึงความตื่นเต้นในขณะที่ยังอยู่ในขอบเขตของอารมณ์ที่ตัวเองตั้งใจไว้ครับ
Q: งั้นผมจะเรียกว่ามันเป็นอารมณ์อีกอย่างนึงที่มีเฉพาะเพื่อการแสดงบนเวทีก็แล้วกันนะครับ ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะทำแบบนั้นในช่วงเริ่มต้นอาชีพนี้ของคุณใช่ไม๊ครับ??
Daesung: ตอนที่ผมขึ้นแสดงในคอนเสริ์ตครบรอบ15 ปีบริษัทวายจี ก่อนที่จะมีการโปรโมทอัลบั้ม Alive ผมมีความกังวลหนักเลยครับ ผมรู้สึกกลัวมากจริงๆจนถึงกับต้องบอกกับสมาชิกในวงว่าผมไม่สามารถที่จะมองลงไปในตาของแฟนๆได้ ผมรู้สึกละอายใจมากและต้องการที่จะพูดขอโทษทุกคนที่มาดูผม แต่พอขึ้นไปยืนบนเวทีและได้ยินเสียงเชียร์ที่ทุกคนมีให้กับพวกเรา ผมก็คิดได้ว่าผมไม่ควรที่จะหลีกเลี่ยงไม่มองตาผู้ชมนะ มันดูไม่เข้าท่าเลยที่จะทำแบบนั้นกับคนที่มาอยู่ตรงนี้เพื่อดูการแสดงของพวกเรา ดังนั้นผมจึงได้รับความมั่นใจในการที่จะกลับมาขึ้นเวทีอีกครั้งครับ นานๆครั้งผมก็ยังคงรู้สึกกังวลว่าอาจจะมีบางคนยังคงไม่ยินดีเท่าไหร่นักในการกลับมาของผม แต่ผมก็พยายามที่จะตั้งใจมุ่งมั่นไปตามความรู้สึกที่มีครับ
Q: คือปัญหาที่มีในตอนนี้คือการที่จะต้องหาจุดประนีประนอมระหว่างเรื่องสายตาผู้คนที่มองมากับความรู้สึกที่แท้จริงของคุณเองสินะครับ คุณคงมีเหตุผลในใจกับเพลง WING ที่เป็นเพลงที่สดใสๆในอัลบั้มมากแน่นอนเลย นอกเหนือจากความจริงที่ว่าเพลงนี้ก็เป็นเพลงโซโล่ของคุณด้วย
Daesung: จีดราก้อนได้ช่วยผมอย่างมากในช่วงการทำอัลบั้มนี้ครับ เพลงโซโล่ที่ผ่านมาของผมมีลักษณะสดใสสงบสุข ซึงผมไม่ต้องการอะไรแบบนั้นในตอนนี้ เป็นเพราะสถานการณ์ของตัวเองด้วย และผมคิดว่าผู้คนต้องคิดเชื่อมโยงเพลงนี้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมอย่างแน่นอน
การที่จะเป็นแรงจูงใจให้กับคนอื่นๆผ่านเพลงของผมและมอบความหวังให้กับผู้คนเป็นความฝันของผมในฐานะนักร้องมาตั้งแต่เดบิวในนามบิกแบงแล้วครับ เป็นเพราะมันคือความฝันของคุณคุณสามารถทำตามฝันเมื่อไหร่ก้ได้มันไม่มีวันจบ ซึ่งผมได้คุยกับจีดราก้อนถึงเรื่องนี้ว่าอยากจะใส่ความหวังและแรงบันดาลใจลงไปในตอนที่ร้องเพลง WING ถึงแม้ว่าผมจะมีงานมากมายในช่วงนี้ แต่ผมมั่นใจว่าผมสามารถที่จะเปลี่ยนความคิดที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ออกมาเป็นการกระทำออกมาได้เมื่อมีโอกาสที่จะเรียกความมั่นใจและพลังกลับมาเมื่อได้ร้องเพลงนี้ ดังนั้นผมจึงพยายามทำอย่างดีที่สุดที่จะส่งผ่านพลังงานและความแข็งแกร่งลงไปในเพลงให้มากขึ้นอีกครับ
"ผมได้พบความสวยงามในการแสดงบนเวทีเป็นครั้งแรก "
Q: นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเสียงของคุณถึงดูหนักแน่นขึ้นมากกว่าเพลงก่อนๆไม๊ครับ??
Daesung: ก่อนหน้านี้ผมจะค่อนข้างยั้งๆตัวเองเวลาอยู่บนเวทีครับ ไม่นานหลังจากที่เดบิวกันผมร้องเพลงผิดคีย์บนเวทีบ่อยมาก ถ้าต้องแสดง 10 ครั้งผมจะร้องเพี๊ยนไป 8 ครั้งในตอนนั้นทางบริษัทได้ทำการโปรโมทพวกเราในฐานะไอดอลที่มีความสามารถแตกต่างจากกลุ่มไอดอลทั่วไปที่มักจะเน้นแต่รูปร่างหน้าตา เราจะไม่เน้นที่รูปร่างหน้าตาแต่เน้นไปที่ความสามารถ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้ทุกอย่างเสียไปหมดและทำให้บริษัทขาดความเชื่อถือ ดังนั้นผมจึงกลัวการขึ้นเวทีตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาครับ แต่ในช่วงที่เรามีการโปรโมทอัลบั้มล่าสุดนี้ผมได้รับความสุขและรู้สึกสำนึกบุญคุณมากกว่าจะมีความรู้สึกกลัวครับ ตอนนี้ผมเตรียมตัวก่อนขึ้นแสดงบนเวทีโดยปราศจากความกังวลและมีความมั่นใจที่จะร้องเพลงออกมาครับ .
Q: แล้วจะร้องเพลง "NO FUN" ยังไงกันละครับ? ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าจะร้องเพลงนี้ออกมาได้ยังไงถ้าไม่มีความมั่นใจ
Daesung: มันก็ไม่ได้มีกฏอะไรตายตัวในการร้องเพลงนี้นะครับดังนั้นมันก็จะดีกว่าที่จะให้แต่ละคนตีความและมีความเห็นของตัวเองในการที่จะบรรยายเพลงนี้ออกมาในแบบของแต่ละคน จริงๆในเพลงนี้เรามีแค่การเต้นเป็นกลุ่มในช่วงคอรัสเท่านั้นเองครับ ดังนั้นเราจึงใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปในธีมหลักของเพลงซึ่งถ้าคุณสังเกตดีๆจะเห็นว่ามันวุ่นวายน่าดูทีเดียว (หัวเราะ) แต่นอกเหนือเรื่องต่างๆแล้ว มันจะสนุกกว่ามากครับที่ได้ดูการแสดงแบบพรีสไตล์แบบนั้น
Q: นี่เป็นสิ่งที่ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับบิกแบงใช่ไม๊ละครับ??
Daesung: สมาชิกทุกคนในวงบิกแบงมีบุคคลิกส่วนตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างชัดเจนครับ ดังนั้นการตีความหมายของเพลงในแต่ละเพลงของเราจึงมีหลากหลายด้วยซึ่งมันทำให้สนุกเวลาที่เราทำงานร่วมกันครับ ถ้าศิลปินมีความสุขสนุกบนเวที ผู้ชมก็จะสามารถรู้สึกถึงความสนุกและมีความสุขไปด้วยเวลาที่ได้ดูการแสดง สำหรับพวกเรา การที่ได้ทำอะไรที่เป็นพรีสไตล์นั้นเข้ากับพวกเราได้ดีที่สุดครับ แต่พูดตามตรงนะครับ เรามักจะต้องกลับมาทบทวนท่าเต้นที่เต้นเป็นกลุ่มทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มต้นในทุกๆอัลบั้มเลยละครับ (หัวเราะ) และเราก็มักจะคิดว่านี่ถึงเวลาแล้วละที่พวกเราจะต้องแสดงให้ทุกคนเห็นการเต้นที่เป็นกลุ่มของเรา แต่ในขั้นตอนลงมือทำจริงๆเราก็ไปจบที่การปรับเปลี่ยนท่าใหม่ "อีกครั้ง" ตลอด แต่ผมรู้สึกดีนะครับที่ผู้คนก็ชอบให้เราเป็นธรรมชาติแบบนี้มากกว่า
Q: ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกคุณได้รับจากการทำอัลบั้มในครั้งนี้คือความรู้สึกที่กลับไปเห็นความสวยงามของการแสดงบนเวทีอีกครั้งนะครับ
Daesung: จริงๆ ผมพึ่งจะค้นพบความสวยงามของการแสดงบนเวทีเป็นครั้งแรกเลยละครับ แต่ก่อนผมกลัวที่จะต้องขึ้นแสดงบนเวที ความจริงที่ว่ามีคนมากมายกำลังดูผมผ่านทีวีและผมต้องพยายามทำให้ดีที่สุดความคิดเหล่านี้เหมือนมันกำลังบีบคอผมอยู่และผมก็กลัวความคิดที่ว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ผมจะต้องเผชิญกับมันไปตลอดชีวิตถ้าผมยังมีอาชีพนี้อยู่
Q: คุณคงมีความกดดันมากที่สุดในการออกอัลบั้มครั้งนี้นะครับ เมื่อรู้ว่าผู้คนกำลังจับจ้องคุณอยู่
Daesung: ผมคิดมากทีเดียวครับว่าควรจะทำหรือไม่ควรทำกันแน่ ถ้าผมไม่สามารถกลับมาเป็นนักร้องได้อีกแล้วละ ผมจะทำอะไรดี แล้วคุณรู้ไม๊ครับ?? ไม่มีอะไรที่ผมทำได้เลย ผมไม่ได้เรียนเก่งมากกว่าคนอื่น ผมเล่นกีฬาก็ไม่เก่งเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงรู้สึกขอบคุณมากๆที่ผมสามารถกลับเข้ามาในวงการนี้ได้อีกครั้งและสามารถลืมความกังวลเหล่านั้นไปได้
Q: ไปโปรโมทที่ต่างประเทศยากไม๊ครับ?
Daesung: ยากครับ ผมต้องล้างสมองตัวเองก่อนขึ้นเวทีเลยทีเดียวครับผมต้องหลอกตัวเองว่า ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเป็นคนไม่ค่อยซับซ้อนดังนั้นวิธีนี้ใช้ได้ผลสำหรับผมครับ
"มันดีที่จะเป็น คนกลาง ในกลุ่มนะครับ"
Q: คุณได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆและนักวิจารณ์ในต่างประเทศนะครับ คุณรู้สึกรึเปล่าว่าความโด่งดังของบิกแบงได้แผ่ขยายออกไปในประเทศอื่นๆแล้ว??
Daesung: คือ ปฏิกริยาตอบรับเหล่านั้นไม่ได้มีผลอะไรต่อความตั้งใจของเราครับ เรายังคงถ่อมตัวและยังมีจุดมุ่งหมายคือการพยายามให้หนักขึ้นอีกอยู่เสมอ คำตอบของผมฟังดูออกจะซ้ำซากนะครับแต่ถ้าหากไม่นับเรื่องของคนที่ฟังเพลงของเรา งานของเราก็คือการทำงานเพลงที่ดีที่สุดออกมา การแสดงของเราบนเวทีอาจจะเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปตามประเทศที่เราไปหรือสภาพแวดล้อมในการแสดงนั้นๆ แต่เสียงของเราต้องไม่เปลี่ยน เรารู้สึกดีใจที่จะได้แสดงออกในสิ่งที่เรามีและดีใจที่ได้เห็นแฟนๆสนุกมีความสุขกับเพลงของบิกแบง การทัวร์คอนเสริต์รอบโลกในครั้งนี้ของเราจะเป็นโอกาสที่เยี่ยมยอดให้กับเราในทุกๆด้าน ทั้งในเรื่องของวงดนตรีสดและอีกหลายๆปัจจัย นอกเหนือจากการที่ได้รับปฏิกริยาดีๆและความชื่นชอบจากผู้ชม ในตอนนี้เรากำลังโปรโมทตัวเองที่ต่างประเทศกันอย่างหนัก เมื่อนึกถึงการแสดงของพวกเราแล้ว ผมเทียบจะรอไม่ไหวอีกต่อไปที่จะได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศต่่างๆและได้ยืนต่อหน้าผู้คน ครับ
Q: น่าสนใจนะครับที่คุณใช้คำว่า "ท่องเที่ยว" มันทำให้ผมประทับใจว่านี่เป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของคุณที่จะมีความสุขมากกว่า เป็นไปในเรื่องของความสำเร็จ
Daesung: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสุขหรือความรัก มันก็ดีเสมอแหละครับสำหรับคนที่มีสิ่งนี้มากๆที่จะได้่ร่วมแบ่งปันมันกับคนอื่น ผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่า คุณต้องเริ่มที่จะรักตัวเองก่อนถึงจะสามารถรักคนอื่นได้ ผมไม่ใช่คนประเภทนั้นหรอกครับผมมักจะไม่ทำตัวโดดเด่นและกดตัวเองอยู่เสมอ ผมพยายามผลักดันตัวเองอย่างหนักจนถึงจุดจุดนึงความมั่นใจทั้งหมดของผมหายไป ในตอนนี้ผมเริ่มที่จะเรียนรู้เรื่องความรักและความสุขทีละนิดๆครับ
Q: คุณเริ่มที่จะรักตัวเองผ่านการทำงานในอัลบั้มนี้ไม๊ครับ??
Daesung: ผมคงไม่พูดว่า "รัก" หรอกครับ แต่ครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผมได้มุ่งมั่นกับตัวเอง ทำให้ผมได้เริ่มฟื้นฟูระดับความมั่นใจขึ้นมาได้อีกขั้นครับ
Q: ผู้คนที่ได้ดูคุณในรายการวาไรตี้มักจะคิดว่าคุณสดใสและเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนะครับมันเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากที่ได้รู้ว่าคุณตกอยู่ในความเจ็บปวดมานาน
Daesung: นอกจากความกลัวการขึ้นเวทีที่ผมมีตั้งแต่ตอนเดบิว คุณพ่อคุณแม่ของผมได้สอนผมมาตั้งแต่เด็กๆว่าให้ถ่อมตัวอยู่เสมอและตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อกล้องหยุดเดินปุ๊บผมก็มักจะกลายเป็นคนเก็บตัว การที่มีคนคอยบอกว่าอย่าอวดตัวอย่าอวดตัวซ้ำๆ ผมถึงกับบอกตัวเองว่าไม่ควรบอกกับใครว่าคุณครูที่โรงเรียนพูดชมเชยผมครับ
Q: มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนอย่างคุณไม๊ครับที่จะต้องทำตัวให้กลมกลืนเข้ากันได้ดีกับสมาชิกวงคนอื่นๆที่ล้วนมีบุคคลิกส่วนตัวที่ชัดเจนกันหมดทุกคน ?? Daesung: ผมต้องใช้เวลาอยู่ช่วงหนึ่งเลยครับในการที่จะปรับตัวให้เข้ากับบุคคลิกของพวกเค้า โดยเฉพาะกับ ซึงรี ครับ(หัวเราะ) จากความมั่นใจใน 100% เค้าก็มีความมั่นใจเต็ม 100% แหละครับซึ่งมันตรงข้ามกับผมโดยสิ้นเชิงเลย ผมคิดว่านี่แหละที่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้คนมักจะมาบอกกับผมว่าเราไม่ได้ดูกระอักกระอ่วนใจเท่าไหร่นักเวลาที่เราออกทีวีด้วยกัน ผมกับซึงรีเหมือนกับเป็นพี่เป็นน้องครับเราต่างก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากกันและกัน ผมตระหนักว่าผมได้เรียนรู้บางอย่างได้จากคุณสมบัติที่ซึงรีมี ผมค่อยๆหาจุดประนีประนอมระหว่างเราได้แล้วละครับ และถ้าปราศจากเค้าผมคงไม่สามารถที่จะกลับมาในวงการเพลงได้อีกครั้งแน่ครับ
Q: ไม่เพียงแต่ในเรื่องแนวคิดทัศนคติของคุณที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นนะครับแต่ในเรื่องของบุคคลิกก็เปลี่ยนไปด้วย มีความเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนระหว่างคุณในตอนนี้กับคุณในปี 2006 ครับ??
Daesung: เมื่อ 6 ปีก่อนผมเป็นเด็กมืดหม่นครับ ผมเริ่มมาเรียนการเต้นหลังจากที่เข้ามาในบริษัทวายจีแล้ว และผมก็มักจะยุ่งกับการคอยไล่ตามคนอื่นให้ทันอยู่เสมอ นอกจากนี้ผมก็ไม่มีความมั่นใจเลยครับ จนถึงตอนนี้ถ้าผมอยู่กับคนอื่นผมจะมีความรู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมาและมักจะโอนเอียงไปกับคนอื่นๆได้ง่าย แต่ผมชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้นะครับ สมาชิกในวงแต่ละคนล้วนมีบุคคลิกที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจนมากและมันก็ดีนะครับที่จะเป็นคนกลางในกลุ่ม และผมก็มีเรื่องมากมายที่กำลังรอคอยผมอยู่ ผมมั่นใจว่าพวกเค้าู้รู้ว่าพวกเค้ามีความหมายต่อผมมากแค่ไหนแม้ว่าผมจะไม่ได้พูดออกมาก็ตามครับ
Q: บิกแบงเป็นอะไรสำหรับคุณครับ?
Daesung: เราเป็น.........ความกลมกลืนและเป็นความผูกพันที่ลงตัวกันได้ดีครับ เป็นกลุ่มของคนห้าคนที่มีความสุขในการทำเพลงอย่างแท้จริง ในตอนนี้ผมมีความรู้สึกว่าผมสนิทกับสมาชิกในวงมากกว่าเพื่อนสมัยเด็กๆอีกครับ ผมรู้สึกโชคดีและขอบคุณมากที่ได้เจอพวกเค้า และ ผมสงสัยนะครับว่าจะมีทีมไหนที่สามารถร่วมแบ่งปันจุดมุ่งหมายเดียวกันมาได้กว่า7 ปีแบบเราอีกไม๊หนอ??
Source 10asia.co.kr Thai translation by mew mini museum
※ Any copying, republication or redistribution of 10Asia's content is expressly prohibited without prior consent of 10Asia. Copyright infringement is subject to criminal and civil penalties.
===============
สามารถอ่านตอนต่างๆที่ออกมาก่อนได้ตามนี้ค่ะ
สัมภาษณ์ Taeyang จาก 10asia
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น