วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Agon Production with Bigbang's BLUE & BadBoy

สัมภาษณ์นี้ ทาง Hallyu UK (HUK)ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับทางบริษัท Agon Production บริษัทที่อยู่เบื้องหลังการผลิตเอ็มวีสวยๆ Blue และ BadBoy ที่นิวยอร์กซิตี้ค่ะ บทสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการปล่อย MV เพลง Blue ออกมานะคะแต่เพราะทางวายจีขอร้องมาให้รอก่อน จึงรอมาจนถึงวันนี้วันที่ MV Badboy ถูกปล่อยออกมา  ซึ่งก็เป็นที่อัลบั้มออกวางแผงด้วยค่ะ 

มิวตัดคำถามที่ไม่เกี่ยวกับน้องๆออกไปนะคะ น่าจะซักประมาณ 4 คำถาม 5555+ ใครสนใจสามารถตามอ่านตัวเต็มได้ตามเครดิตข้างล่างนะคะ ส่วนตัวมิวไม่มีอะไรจะพูดนอกจากปลื้มมมมมากๆๆ XD



(HUK): บริษัท Agon Creative ก่อตั้งขึ้นที่นิวยอร์กซิตี้ มาตั้งแต่ปี 2008 แล้วสำหรับแฟนๆหน้าใหม่อาจจะยังไม่รู้ว่ามีความเป็นมายังไง ก่อนอื่นช่วยเล่าเรื่องบริษัทคุณให้เราฟังหน่อยได้ไม๊ค่ะ??
Agon Creative: เราทั้งคู่ คือผม Justin Noto และJesse Roberts ทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้วฮะก่อนที่เราจะก่อตั้งบริษัท Agon ขึ้นมา มันเหมือนกับเป็นไปตามธรรมชาติคือเราอยากที่จะทำงานร่วมกัน เรามีโอกาสได้ทำงานที่หลากหลายทั้ง TV shows, โฆษณา, web spots และ music videos ให้กับลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายเล็ก เส้นสายที่เรามีในวงการนี้ที่นิวยอร์กทำให้เราสามารถที่จะรับมือกับงานในทุกรูปแบบซึ่งนับว่าเราโชคดีที่ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับรูปแบบเดิมๆที่ถูกสื่อบังคับอยู่อย่างที่หลายๆบริษัทๆต้องเผชิญ

HUK: ทางบริษัท YG entertainment ก็เคยร่วมงานกับทางทีมงานของฝั่งอเมริกามาก็มาก ซึ่งเมื่อเปิดดูเวปไซด์ของทาง Agon แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ชวนให้ประหลาดใจถ้าวายจีเลือกที่จะร่วมงานกับบริษัทคุณ แต่อยากจะทราบว่า คุณได้รับการติดต่อจากวายจียังไงค่ะ??
Justin Noto: ขอบคุณที่ชมนะครับ พอดี Jesse เข้าได้มีโอกาสทำงานกับละครทีวีของเกาหลีเรื่องนึงคือ “The Lobbyist” ในปี 2006 และหนึ่งในเพื่อนร่วมงานจากครั้งนั้นได้ติดต่อมาเมื่อวายจีว่าจ้างบริษัทเค้าที่ชื่อ  OZCam ที่เป็นบริษัทของทางอเมริกามาอีกต่อนึงฮะ   


HUK: เมื่อได้รับการติดต่อมาคุณรู้จัก Bigbang มาก่อนรึเปล่าค่ะหรือว่าได้มีโอกาสดูแนวทางการทำงานของทาง วายจีบ้างไม๊ค่ะ??
Agon Creative: จริงๆเราไม่ค่อยได้หาข้อมูลเกี่ยวกับ วายจีหรือบิกแบง มากเท่าไหร่ก่อนที่จะได้ทำงานกันใน MV เพลงนี้ครับเรารู้สึกดีใจที่เราไม่เพียงแต่ได้เปิดโลกของเราสู่วายจีและเคป็อปเท่านั้นแต่ยังได้มีโอกาสร่วมงานกันในโครงการใหญ่นี้อีกด้วยครับ

HUK:ในฐานะที่เป็นผู้กำกับคุณมีปฏิกริยายังไงต่อวงนี้และเพลงของพวกเค้าเมื่อได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน??
Agon Creative: ผู้กำกับคุณ  Han Samin ได้ทำงานร่วมกับบิกแบงในเอ็มวีหลายเพลงก่อนหน้านี้จึงคุ้นเคยกับทางวงนี้เป็นอย่างดีครับ

Jesse Roberts: จากมุมมองในแง่มุมการผลิต ผมรู้สึกถึงพรสวรรค์ของบิกแบงและเพลงที่ติดหูง่าย มันเอาผมซะอยู่หมัดทั้งๆที่แนวเพลงไม่ใช่แนวปกติที่ผมจะชอบและแน่นอนว่าผมไม่รู้ความหมายของเนื้อเพลง แต่ความคิดเหล่านี้ถูกลบออกไปทันทีเื่มื่อผมได้ยินเพลงของพวกเค้าและเห็นการแสดงของพวกเค้า

HUK: คำถามนี้เป็นคำถามที่แฟนๆของบิกแบงน่าจะอยากรู้คำตอบกันมากๆเลย สมาชิกคนไหนที่น่าร่วมงานด้วยมากที่สุดค่ะ??
 
Agon Creative: พวกเค้าทุกคนน่ารักและสนุกที่ได้ร่วมงานด้วยทุกคนครับ พวกเค้าดูลงตัวที่จะเล่นสนุกไปทั่ว หัวเราะและมีช่วงเวลาดีๆร่วมกัน พอในเวลางานก็ตั้งใจและเป็นมืออาชีพมาก ครั้งหน้าหากมีโอกาสมันคงดีถ้าเราจะได้มีเวลาออกไปเที่ยวเล่นกันทำความรู้จักกันในระดับที่เป็นส่วนตัวกว่านี้กับทั้งสมาชิกในวงและทีมงานของพวกเค้านะครับ

HUK:ช่วยเล่าให้เราฟังถึงไอเดียและภาพที่คุณคิดไว้ใจในตอนที่ทำMV Badboy หน่อยนะคะ เป็นเพราะชื่อเพลงคือ Badboy เลยทำเอ็มวีออกมาตามชื่อเพลงรึเปล่า?? 
 Agon Creative:แน่นอนว่าตัวเพลงมีบทบาทสำคัญในการคิดไอเดียที่จะทำเอ็มวีออกมาครับ ซึ่งส่วนใหญ่ความคิดเกือบจะทั้งหมดมาจากผู้กำกับคือ คุณ Han Samin และทีมของเค้า เรามาร่วมลงมือทำงานร่วมกันที่จะทำให้ภาพนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาได้

HUK: ตอนที่พวกคุณรับงานนี้มาเคยคิดไม๊ค่ะว่าจะได้รับความสนใจมากแค่ไหนจากแฟนๆ??  
Agon Creative: ไม่เลยครับ เราไม่เคยรู้เลยว่า บิกแบงเป็นแบบนี้นี่เอง ค่อนข้างช็อคที่เราจะต้องเพิ่มการ์ดในการรักษาความปลอดภัยให้กับศิลปินและทีมงานและดูแลแฟนๆที่ตามมากรีดร้องอยู่ด้วย แต่พูดก็พูดนะครับ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงานแฟนๆนั้นเยี่ยมยอดมากๆๆ กลุ่มที่ตามมาดูการถ่ายทำ MV นั้นเคารพและทำตัวสุภาพมากๆต่อทีมงานพวกเค้าแค่ดูเงียบๆไม่ได้ส่งเสียงใดๆเลย เรารู้สึกประทับใจมากๆครับ

HUK: ทางเราได้เห็นคลิปวีดีโอจากปาปารัชซี่ในโลเคชั่นถ่ายทำMV และได้ยินมาว่าทาง Agon ได้ขอร้องให้แฟนๆอย่าเดินทางไปดูการถ่ายทำ คุณจัดการกับปาปารัชซี่และแฟนๆยังไงค่ะ คุณเคยรับมือกับเรื่องแบบนี้มาก่อนรึเปล่า?? 
Agon Creative: มันคงยากมากในการที่จะทำมิวสิควีดีโอนี้ให้เสร็จถ้าทุกวันมีแฟนๆเป็นร้อยมาบุกสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำนะครับ แต่ผมคิดว่าแฟนๆฟังคำขอของเราและไม่ได้โผล่มาในวันที่เราทำงาน และอย่างที่ผมพูดครับ ส่วนที่มาก็ทำตัวสุภาพและเคารพเชื่อฟังทางเราอย่างมากที่จะออกห่างๆและไม่เข้ามายุ่งในสถานที่  แน่นอนว่าเราเคยรับมือกับฝูงชนและเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ไม่เคยต้องทำถึงขนาดนี้ เราได้ปรึกษากับทางกรมตำรวจนิวยอร์กด้วยในเรื่องนี้ ซึ่งพวกเค้าเป็นกังวลเหมือนกันว่าเราถึงขนาดต้องประชุมกับทางเค้าว่าควรจะมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยยังไง รวมถึงเราตั้งใจประกาศข่าวผิดๆผ่านทางทวิตเตอร์ เพื่อหลอกแฟนๆด้วยว่าเราจะมีการถ่ายทำ ที่ Staten Island ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะฮะ

HUK: คุณและทางทีมงานของ Agon รู้สึกยังไงที่ได้รับความสนใจมากถึงขนาดนี้ค่ะ??
JN: เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนนึงของงานนี้นะครับและรู้สึกยินดีมากครับที่ได้รับความสนใจรวมถึงรู้สึกขอบคุณแฟนๆของบิกแบงและสื่อต่างๆที่มาทำข่าวด้วย

JR: เราได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นจากแฟนๆที่อวยพรให้เราโชคดีและสนับสนุนเชียร์พวกเราผ่านทางทวิตเตอร์ และ เฟซบุ้ค มันเป็นตัวช่วยให้กำลังใจทุกคนในทีมงานในบริษัทได้เป็นอย่างดีเลยครับ

HUK: ถ้าถอดหมวกในหน้าที่ออกเหลือแต่ตัวคุณแล้วในมุมมองของคนคนนึงคุณคิดยังไงกับบิกแบงค่ะ?? 
JR: ปกติแล้วผมไม่ฟังเพลงสไตล์นี้เลยละครับ ผมจะฟังพวก  Rock n Roll ไม่ก็เป็นพวกแร๊พแบบใต้ดินอะไรไปเลยแบบนั้นมากกว่า แต่ โว้วว บิกแบงดีทีเดียวเลยละครับ ผมกลายเป็นแฟนไปแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมหวังมากๆตอนนี้คือ อยากให้พวกเค้าออกเพลงเป็นภาษาอังกฤษด้วย พวกเค้าทำเพลงได้ดีมากๆกว่าเพลงจากฝั่งอเมริกาสมัยนี้อีก ฮะ

JN: เพลง Blue ติดอยู่ในหัวผมเป็นหลายวันเลยฮะหลังจากที่ได้ฟัง ทีมงานต่างก็ไม่บ่นเลยที่จะต้องฟังเพลงนี้หลายต่อหลายครั้งในแต่ละวัน ซึ่งบางทีมันเป็นเรื่องน่ารำคาญเหมือนกันนะครับที่จะต้องฟังเพลงวนๆซ้ำๆในการทำงานมิวสิควีดีโอนี่ แต่กับ Blue เราไม่รู้สึกเลย พวกเค้ามาถูกทางแล้วละ
  
HUK: การทำงานกับบิกแบงยากกว่าการทำงานกับลูกค้ารายก่อนๆที่ผ่านมาไม๊ค่ะ?? ยากในส่วนไหนค่ะ??
Agon Creative: การที่เราไม่อาจจะสื่อสารกันตรงๆเลยเป็นเรื่องยากครับ แต่ลูกค้าแต่ละรายก็ย่อมมีความยากที่จะทำงานด้วยเสมอ ดังนั้นในแง่มุมของมืออาชีพแล้วไม่มีอะไรที่เรียกว่าลำบากหรือยากหรอกครับ อยากจะบอกว่าเราสนุกสุดๆและมีช่วงเวลาที่ดีมากๆกับพวกเค้าครับ

HUK: ทางบริษัท Agon มีแผนที่จะทำงานร่วมกับวายจี หรือ ศิลปินเกาหลีอีกไม๊ค่ะ??
Agon Creative: เราอยากที่จะทำงานกับวายจีอีกครับ หวังมากๆว่ามิวสิควีดีโอเพลงนี้จะแสดงออกถึงความสามารถของเราและนำไปสู่การร่วมงานกับศิลปินเกาหลีอีกในอนาคต ยังมีอะไรมากมายที่เราอยากจะทำหากเรามีโอกาสได้เข้าไปเผยแพร่งานของเราในวงการ Kpopบ้างเรารู้ว่าเราน่าจะมีโอกาสที่จะได้ทำงานที่แสนวิเศษออกมาได้อีกและจะได้โชว์ผลงานกันอย่างเต็มๆเลยละครับ

HUK:  มิวสิควีดีโอเพลง ‘Blue’ ประสบความสำเร็จอย่างมากเลยนะค่ะ มียอดวิวผ่านยูทูปถึง 2 ล้านวิวแล้วภายในเวลาเพียง 2 วันเองและครองอันดับ 1 ทุกชาร์ตเพลงในเกาหลีด้วย ซึ่งแฟนๆต่างก็กล่าวชมผู้กำกับมิวสิควีดีโอเพลงนี้กันมากๆ คุณรู้สึกยังไงค่ะ??
Agon Creative: ผมคิดว่าตอนนี้ยอดวิวเฉียด 10 ล้านแล้วนะครับและคำชมทุกคนที่มาถึงทีมงานมันทำให้เรารู้สึกภูมิใจอย่างมาก มากๆ ที่เรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคนที่เปื่ียมพรสวรรค์หลายคน ผู้กำกับและทีมงานบางส่วนมาจากบริษัท OZ Cam และทีมงานจากฝั่งอเมริกาด้วย ประกอบกับพรสวรรค์และประสบการณ์ของศิลปินการทำงานร่วมกันครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นดีมากแม้ว่าจะมีอุปสรรคเรื่องภาษาและเวลาที่กระชั้นมาก เราได้เห็นว่าความสามารถและทักษะในการทำงานของทุกคนต่างโดดเด่นออกมาในผลงานขั้นสุดท้าย นอกเหนือจากพวกเราจะรู้สึกดีใจมากๆเมื่อเห็นเอ็มวีสำเร็จออกมาแล้วแต่ความภูมิใจที่แท้จริงมาจากคำชมจากแฟนๆว่าพวกเค้าชอบมันมากแค่ไหน และนี่คือสิ่งที่เราลงมือทำกันออกมาก็เพื่อสิ่งนี้

HUK: เนื่องจากแฟนๆของบิกแบงเป็นสาวๆซะเยอะเลยละค่ะ ซึ่งเราแน่ใจว่าพวกเค้าคงอยากรู้เกี่ยวกับนักแสดงสาวๆในเอ็มวี ว่าถูกคัดเลือกมายังไงและมีอะไรเป็นหลักในการเลือกค่ะ??
Agon Creative: ทางผู้กำกับมีภาพและลักษณะ รวมถึงความสามารถไว้ในใจมาตั้งแต่เริ่มแล้วครับ ซึ่งการที่จะหาคนที่มีลักษณะตามนั้นก็ค่อนข้างเป็นงานที่ท้าทายอยู่ฮะแต่เมื่อเราเจอสาวที่ตรงกับภาพนั้นก็รู้สึกโชคดีแล้วละครับ
Source: @hallyuuk.com 
Shared by Trisya@BIGBANGWORLD
Thai Translation by mew mini museum

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

YG "ผมไม่มีกำลังใจที่จะสร้างวงที่เหมือนกับ บิกแบงขึ้นมาอีกแล้วละครับ "

ท่านประธานบริษัท วายจี เอนเตอร์เทนเม้นซ์ คุณ ยางฮยอนซอก (อายุ 43ปี)  เปิดเผยว่า "ผมไม่มีกำลังใจที่จะสร้างวงที่เหมือนกับ บิกแบงขึ้นมาอีกแล้วละครับ "

เมื่อไม่นานมานี้ ท่านประธานได้ให้สัมภาษณ์ ที่ตึกวายจีใน ย่าน Mapo-Gu ในโซล เค้ากล่าวว่า " ถึงแม้ว่าในอนาคตผมจะสร้างวงใหม่ขึ้นมา แต่ผมคิดว่าผมคงไม่สามารถหาสมาชิกในวง ที่จะสามารถผสมผสานซึ่งกันและกันได้อย่างกลมกลืนอย่างที่บิกแบงเป็นอยู่ ซึ่งพวกเค้าต่างก็รวมตัวกันได้อย่างเหมาะสมลงตัวเหมือนกับที่ ชายหญิงต่างก็จับคู่กันอย่างลงตัวเมื่อพวกเค้ามีความรัก "

ตามคำอธิบายของท่านยาง บิกแบงอาจจะไม่ใช่วงที่มีหน้าตาหล่อที่สุดและอาจจะไม่ใช่วงที่เต้นเก่งที่สุดแต่สมาชิกในวงแต่ละคนเป็นเจ้าของบุคคลิกในแบบตัวเองที่ชัดเจนซึ่ง สิ่งนี้เปรียบเป็นอาวุธให้พวกเค้าได้ใช้ในการแสดงออกมาอย่างอิสระ ซึ่งก็เป็นเหตุผลหลักๆเลยที่ทำให้พวกเค้าได้รับความรักมากมายจากแฟนๆทั้งในและต่างประเทศ
"โดยทั่วไปแล้วทั้งในเกาหลีและในญี่ปุ่น ความสามารถในการเต้นนั้นจะเป็นคุณสมบัติหลักๆที่ผู้คนมักจะมองหาในวงไอดอลและเป็นเหตุผลหลักๆที่จะทำให้วงนั้นๆได้รับความโด่งดัง อย่างไรก็ดีบิกแบงเต้นและไม่มีท่าทางที่จำกัดเท่าไหร่บนเวทีในการแสดง ทำให้ผมคิดว่าพวกเค้าจึงได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆที่นอกเหนือไปจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีอีกด้วยครับ"

นอกเหนือจากปัจจัยต่างๆที่กล่าวมา มินิอัลบั้มใหม่ของบิกแบงชุด Alive นี้ ยังประกอบไปด้วยดนตรีที่หลากหลายแนวที่พร้อมจะนำเสนอแฟนๆที่อยู่นอกเกาหลีอีกด้วย ท่านยางกล่าวว่า " เรามุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงทางด้านดนตรีและดำเนินตามสิ่งที่เราโฟกัสไว้คือ อัลบั้มนี้จะครอบคลุมดนตรีในทุกๆประเภท และเพื่อให้เพลงแต่ละเพลงสามารถส่องแสงเฉพาะของตัวเองออกมาได้ เราจึงตัดสินใจว่าจะให้เพลงทั้ง 6 เพลงในมินิอัลบั้มนี้เป็นเพลงหลักที่จะใช้ในการโปรโมททั้งหมด"

และเพื่อให้โลกได้รู้จักเพลงเหล่านี้ บิกแบงกำลังเตรียมงานในการที่จะโปรโมทเพลงในหลายๆช่องทาง เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา หนึ่งในเพลงโปรโมทคือเพลง Blue ถูกปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก ซึ่งเพลงนี้ได้พุ่งสู่อันดับ 1 ตามชาร์ตเพลงต่างๆอย่างทันทีและเพลงอื่นๆที่เหลือในอัลบั้มก็จะปล่อยออกมาเป็นพรีวิวให้ได้ฟังกันผ่านทางโฆษณาทางทีวีเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เป็นต้นไป

ท่านยาง กล่าวเพิ่มเติมว่า " การที่เราใช้เพลงทุกเพลงในอัลบั้มมาเป็นเพลงหลักในการใช้โปรโมททั้งหมดนั้นเรียกได้ว่าไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประเทศของเรา การที่จะเลือกแค่เพลงเดียวมาใช้ขึ้นแสดงตามรายการเพลงต่างๆเพียงเพื่อต้องการให้ได้อันดับ 1 นั้นดูไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้วในขณะนี้ ตามความเห็นของผม สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราต้องการให้ทุกคนรู้จักวง บิกแบง และอยากให้ทุกคนรู้จักเพลงทุกเพลงในอัลบั้มมากกว่า " 
มินิอัลบั้มชุดใหม่ของบิกแบงจะวางแผงในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ และ จะมีคอนเสริต์คัมแบคในวันที่ 2-4 มีนาคมที่  Olympic Sports Stadium.

Source: Nate
Eng Translation: swaggalevel-1000.tumblr.com
Thai Translation by mew mini museum

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แทยัง พูดถึงอัลบั้มใหม่ เพลงใหม่ BLUE กับ Naver Music


  
แทยัง พูดถึงอัลบั้มใหม่ เพลงใหม่ BLUE กับ Naver Music

Interviewer: สำหรับคุณแล้ว บิกแบงคืออะไร??
Bae: ผมเคยได้รับคำถามแบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้วละครับ คำตอบของผมนั้นยังคงเป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง บิกแบง คือ ต้นไม้ที่ผมเป็นเพียงกิ่งก้านในต้นไม้นี้เท่านั้น เมื่อเรารวมตัวกัน 5 คนเป็นต้นไม้ใหญ่เราสามารถออกดอกออกผลได้มากมายครับ

Interviewer: ปีที่แล้วพวกคุณต่างก็ประสบกับช่วงเวลาที่ลำบากนะครับ
Bae: ปีที่แล้วเป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ของพวกเราครับ  ผมได้ยินมาว่าวงไอดอลหลายวงจะประสบกับช่วงเวลาที่ลำบากหลังจากรวมตัวกันมาได้ 5 ปี ปีที่แล้วกลุ่มเราก็เหมือนกันครับ แต่สำหรับเราปัญหาไม่ได้เกิดจากว่าเราทะเลาะกันแต่เป็นเพราะเรื่องราวภายนอกที่เราต้องเจอมากกว่า ในขณะเดียวกันผมรู้สึกขอบคุณนะครับ เหตุการณ์เหล่านั้นมันมอบโอกาสที่ทำให้เราอยู่ร่วมกันนานขึ้นและเข้มแข็งขึ้นครับ

Interviewer: อะไรที่ทำให้บิกแบง รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ครับ??
Bae: เสียงเพลงครับ บุคคลิกของพวกเราต่างก็แตกต่างกันมาก มันกลายเป็นตัวเพิ่มพลังในการโจมตีให้กับพวกเราครับเพราะต่างก็มีบุคคลิกที่แข็งแกร่งชัดเจน เราทุกคนต่างก็ชอบเสียงเพลงและการแสดงบนเวที ชอบที่จะร้องเพลงและเต้นไปด้วยกัน เราไม่มีเรื่องทะเลาะกันเลยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรามักจะทำเพลงกันอย่างมีความสุข และนี่ทำให้เรารวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ครับ

Interviewer: พวกคุณต่่างก็เป็นจุดรวมความสนใจซึ่งความสนใจมากๆที่มุ่งมาอาจเปลี่ยนเป็นความฉาบฉวยได้นะครับ
Bae: เป็นความจริงครับที่ความสนใจและความรักที่ผู้คนมอบให้เราทำให้เราต้องทำงานหนักมากขึ้น
แต่ถึงสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเราไม่ได้เป็นจุดรวมความสนใจเราก็ยังอยากที่จะทำเพลงด้วยกันอยู่ดี ผมชอบตอนที่อยู่บนเวทีมากเลยครับ ผมอยากที่จะบอกว่า แค่รอมองดูเราเติบโตขึ้นโดยเฉพาะในปีนี้ มอบความรักให้กับเพลงของพวกเราอีกครั้ง ผมไม่ได้หมายถึงยอดขายอัลบั้มหรอกนะครับแต่อยากจะให้มองพัฒนาการและการเติบโตของพวกเราครับ

Interviewer: เพลงทั้ง 6 เป็นเพลงหลักที่ใช้ในการโปรโมททั้งหมด
Bae:ครับ ในตอนที่เราฟังเพลงของพวกเรามันยากที่จะเลือกมาแค่เพลงเดียวให้ใช้เป็นเพลงหลักในการโปรโมท เพลงแต่ละเพลงต่างก็มีความหมายและแสดงออกจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเพลงทุกเพลงเป็นเพลงดีๆที่ไม่น่าพลาดเลยซักเพลงฮะ ดังนั้นเราจึงเลือกทั้ง 6 เพลง

Interviewer: ผมได้ยินมาว่าอัลบั้ม ALIVE นี้เต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลายใช่ไม๊ครับ??
Bae: ครับ ทุกๆเพลงต่างก็มีเอกลักษณ์ในตัวของมัน

Interviewer: ช่วยเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับเพลง BLUE หน่อยครับ
Bae: BLUE เป็นเพลงที่เนื้อเพลงมีเนื้อหาและเต็มไปด้วยความรู้สึก มันจะต่างไปจากเพลงที่เราเคยปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ มันจะแปลกใหม่ เนื้อเพลงจะเกี่ยวกับ ความว่างเปล่าและความเหงาหลังจากที่ต้องเลิกรากันไป เมื่อพวกเราและโปรดิวเซอร์ได้ยินเพลง BLUE ในสตูดิโอ เรารู้สึกว่าเพลง BLUE นี้ไม่ค่อยดึงดูดใจเท่าไหร่ แต่พอเพื่อนๆของเราได้ยินเพลงนี้ พวกเค้าต่างก็พูดว่่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ประทับใจมากครับ

ENG Translate by via @lucywinslet
Edit by via @jinhichole18
All by @forever-gdragon
Thai Translation by mew mini museum
When re-posting, please take FULL credits

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ซึงรี พูดถึงอัลบั้มใหม่ เพลงใหม่ BLUE กับ Naver Music

 
Interviewer:คุณรู้สึกว่าคุณอยู่ตรงส่วนไหนในวง บิกแบง??
SR:ผมอาจจะเป็นทั้งผู้รับบทบาทสำคัญหรือบทสำรองก็ได้ทั้งนั้นใน บิกแบง ครับแต่ผมตระหนักว่าสมาชิกในวงแต่ละคนไม่สามารถที่จะสูญเสีย "แสงสว่าง"ของตัวเองไปได้ เมื่อสมาชิกในวงทั้ง 5 คนส่องแสงประกายเมื่อนั้นบิกแบงก็ส่องแสงสว่างด้วย หากสมาชิกในวงคนใดคนนึงสูญเสีย "แสงสว่าง" ไป เมื่อนั้นก็คงไม่มีบิกแบง 
 
Interviewer:ช่วงนี้สิ่งที่ทำให้คุณเครียดมากที่สุดคืออะไรครับ? 
SR:ตอนนี้วันที่จะคัมแบคได้กำหนดออกมาแน่ชัดแล้วครับ เราต่างก็รอคอยให้วันนั้นมาถึง ผมอยากที่จะคัมแบคเร็วๆ เหมือนกับว่าใจของผมจะแตกสลายไปเลยทีเดียว ผมไม่สามารถที่จะระงับความต้องการนี้ของตัวเองได้เลย ปีที่แล้วเป็นปีที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดสำหรับเรา เราได้เตรียมการ ทำตัวให้พร้อมและมันก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ขนาดตอนนี้ใจผมก็เต้นแรงทีเดียว แต่ความกดดันนี้เป็นความกดดันที่ทำให้ผมมีความสุข และผมก็อยากรู้ปฏิกริยาของผู้คนแล้ว ผมยังคงจดจำพวกเค้าในวันที่บิกแบงเดบิวได้ ผมอยากที่จะเห็นใบหน้าเหล่านั้นอีกครั้ง ใบหน้าของพวกเค้าที่แสดงออกมาว่า "พวกเค้ามาจากไหนกันเนี้ย?" "นั่นใส่ชุดอะไรหนะ" "เพลงอะไรที่พวกเค้าร้อง" "ท่าเต้นนั้นและสีหน้านั้นอีก" ผมยังคงจำได้ว่าพวกเค้าประหลาดใจแค่ไหนที่ได้เห็นพวกเรา ตัวผมเองก็เปลี่ยนไปมากเลยครับ คุณอาจจะต้องพูดออกมาว่า "นั่นซึงเหรอเนี้ย??"

Interviewer:ถ้าคุณมีโอกาสได้ทำเพลงออกมาคุณจะทำเพลงเกี่ยวกับอะไรครับ? 
SR:ถึงแม้ว่าผู้คนจะเข้าถึงเพลงเกี่ยวกับความรักได้ง่าย แต่ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะทำเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวของ"เรา"ครับ มันจะเป็นเพลงที่จะบอกเล่าว่า " ใช่เรายอดเยี่ยม เราเป็นแบบนี้แหละ" เพราะไม่ค่อยมีเพลงที่เขียนเกี่ยวกับ สิ่งที่พวกเราเป็น ผมต้องการจะเขียนเพลงที่ บอกถึงเรื่องราวเวลาที่เราหงุดหงิด เวลาที่เราเศร้า เวลาที่เรามีความสุข คือเพลงที่เป็นสิ่งที่เรารู้สึกออกมาครับ  ผมต้องการที่จะเขียนเพลงที่แสดงออกถึงเรื่องว่า "พวกเราเป็นคนแบบไหน"
 
Interviewer:คุณคิดว่าอัลบั้มใหม่นี้เป็นยังไงครับ
SR:ผมคิดว่าอัลบั้ม ALIVE นี้เป็นอัลบั้มที่เราเตรียมงานทำงานกันอย่างดีที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับอัลบั้มก่อนหน้านี้ของพวกเรา  ทีมงานทุกคนรวมถึงสมาชิกในวงบิกแบงทุกคนต่างก็ตั้งใจกันมาก เราพร้อมและเตรียมตัวพร้อมรับ ผมมั่นใจว่าอัลบั้ม ALIVE นี้จะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่จะมอบให้กับแฟนๆ ที่รักและสนับสนุนเราครับ
 
Interviewer:ช่วยเล่าถึงเพลง BLUE ให้ฟังหน่อยครับ?
SR: เนื้อเพลง BLUE เป็นเพลงที่พูดถึง ฤดูหนาวที่ผ่านพ้นไปแล้วฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมา มันหมายถึงอะไรได้หลายอย่าง หากคุณอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด ในที่สุดยังไงวันดีๆก็จะต้องมาถึง ความเจ็บปวดนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้วและวันดีๆก็กำลังจะมาถึง คุณจะรู้สึกว่าเพลงนี้จะช่วยให้คุณก้าวผ่านความเจ็บปวดไปได้ ในเพลงนี้สมาชิกทุกคนต่างบันทึกเสียงในแบบที่อบอุ่นที่สุด ผมคิดว่ามันเป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมในการต้อนรับฤดูใบไม้ผลินี้ครับ
 
 
Eng Translate by via @lucywinslet
Edit by via @jinhichole18
All by @forever-gdragon
When re-posting, please take FULL credit. Thank you!
Audio Source: DCBB
Eng Translations from @HuisuYoon (Thanks!)
 
Thai Translation by mew mini museum 
 
P>S พอดีได้อ่านทั้ง 2 เวอร์ชั่นคะ มิวเลยจับมาผสมกันเพื่อให้ได้เนื้อหาครบถ้วนไม่ตกอะไรไปนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ท็อปพูดถึงอัลบั้มใหม่ เพลงใหม่ BLUE กับ Naver Music

ท็อปพูดถึงอัลบั้มใหม่ เพลงใหม่ BLUE กับ Naver Music


Interviewer: มีแฟนๆมากมายรอคอยที่จะได้ยินข่าวคราวจากคุณนะครับ ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้างครับ??
TOP: ช่วงนี้ผมพยายามที่จะตั้งสมาธิมุ่งไปที่งานในอัลบั้ม ALIVE นี้ครับ จริงๆแล้วมีละครเรื่องนึงที่ผมทำการเตรียมงานมาได้กว่า 3 เดือนแล้วแต่ผมก็บอกเลิกไปเพื่อที่ว่าผมจะได้มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่อัลบั้มนี้ครับ

Interviewer: บิกแบง มีความหมายยังไงกับคุณครับ? 
TOP: เมื่อผมมีลูก ผมอยากที่จะให้พวกเค้าเห็นผมในช่วงวัยอายุ 20 สำหรับผมแล้วมันเป็นที่ระลึกถึงช่วงวัยรุ่นที่ร้อนแรงที่สุดของผม

Interviewer: สมาชิกในวงบิกแบงมีอะไรที่เหมือนกันครับ?? อะไรที่ทำให้พวกคุณไปกันได้ดีแบบนี้??
TOP: ถึงแม้ว่าเราจะมีความหลงใหลส่วนตัว แต่พวกเราต่างก็มีใจที่อบอุ่น ทุกคนเต็มไปด้วยความเชื่อใจ ความบริสุทธิ์ ความหลงใหล และความกระตือรือร้น ซึ่งมันมักเดินไปในทิศทางเดียวกันเสมอ การที่บิกแบงสามารถเข้ากันได้ดีในฐานะที่เป็นทีมแบบนี้เป็น เพราะสมาชิกแต่ละคนต่างก็มีบุคคลิกที่แตกต่างกันทำหน้าที่แตกต่างกันและเราไม่ขัดแย้งซึ่งกันและกัน เวลาที่ผมมองพวกเค้าในฐานะที่ผมเป็นพี่ใหญ่ พวกเค้ามักจะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเสมอ ซึ่งพวกเค้าเป็นครอบครัวกันจริงๆ ซึ่งรวมถึงผมด้วยผมก็คิดแบบนั้นครับ

Interviewer: คุณคิดว่าอัลบั้มนี้เป็นยังไงบ้างครับ?
TOP: ผมถูกอัลบั้มนี้ดึงดูดอย่างมากเลยครับ ผมมีแรงบรรดาลใจมากมายในตอนที่ทำงานในนามยูนิตพิเศษ GDTOP ผมได้เขียนเนื้อเพลงที่จับใจเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น อัลบั้มนี้จะแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเรา ผมตั้งใจอยากที่จะแสดงออกให้ทุกคนได้เห็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่จะไม่มีการบิดเบือนเลยครับ

Interviewer: ALIVE หมายถึงอะไรครับ??
TOP: มันก็คือ การรอดชีวิตแหละครับ ผู้คนคิดว่าเมื่อปีที่แล้วเป็นปีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเต็มไปด้วยคำวิพาษก์วิจารณ์สำหรับเรา แต่ถึงอย่างนั้นเราเห็นว่ามันเป็นโอาสสำหรับเราที่จะเติบโตขึ้นและกลายเป็นผู้ใหญ่ในที่สุดครับ

Interviewer: ช่วยเล่าให้ฟังถึงเพลง BLUE หน่อยครับ?
TOP: BLUE หมายถึง เรื่องที่โศกเศร้าที่สุด เหมือนกับฤดูหนาวที่ผ่านพ้นไปแล้วและฤดูใบไม้ผลิก็กำลังจะมาเยือน เราเลิกราและเจอใครใหม่เหมือนดั่งพรมลิขิต เพลงนี้จะพูดถึงอารมณ์เหล่านี้ครับ

Interviewer: ส่วนที่น่าจดจำมากที่สุดในอัลบั้มนี้คือส่วนไหนครับ?
TOP: การที่ไม่ทันสมัยเกินไป ไม่เน้นเทคนิคมาก ทุกคนสามารถที่จะทันสมัยได้เน้นไปที่เทคนิคได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ผมคิดว่าเราจำเป็นที่จะต้องกลับคืนสู่อะไรที่เป็นธรรมชาติมากๆ สมาชิกทุกคนต่างก็ตั้งใจพิถีพิถันในงานทุกเพลง เรามักจะคิดอยู่เสมอถึงสิ่งที่ผู้คนต้องการจากเราครับ

Eng Translate by lucywinslet@tmblr//via @Forever_GDragon
Shared by Est@BIGBANGWORLD
Thai Tramslation by Mew mini museum 

================

สามารถตามอ่านความเห็นของสมาชิกคนอื่นๆในวงได้ตามนี้
น้องจี,น้องแด

TOP+CD จากนิตยสาร HighCut ฉบับที่ 71 Part 2 [END]

TOP+CD จากนิตยสาร HighCut ฉบับที่ 71 Part 2 [END]



เมื่อไม่นานมานี้ ท็อปได้ไปปรากฏตัวแบบเซอร์ไพล์บนเวทีของ Gummy ในรายการ ‘I am a Singer’ รู้สึกยังไงบ้างที่ได้ไปร่วมในรายการครับ?? 
TOP: ผมไปร่วมในรายการเพราะได้ยินมาว่า พี่กอมี่ไม่เคยได้รับอันดับ 1 เลยในการแข่งขันรอบที่ผ่านๆมาดังนั้น ผมจึงมีความคิดว่า "จะต้องทำให้พี่เค้าได้อันดับ1ให้ได้" ขึ้นมา ซึ่งสุดท้ายเธอก็ได้รับคะแนนดีมากๆ (อันดับ1) ผมก็รู้สึกพอใจครับ จริงๆถ้าเวทีในรายการ ‘I’ am a Singer’ เป็นเวทีโชว์ของผมเองผมคิดว่าผมคงจะต้องประหม่ามากเลยละครับแต่เป็นเพราะผมไปเพื่อที่จะไปช่วยเท่านั้นดังนั้นผมจึงบอกตัวเองว่าไม่ต้องกังวล หลังจากที่ผมจบการแสดงบนเวทีเพลง  ‘Rascal’ (คนโกง)ในวันนั้น จริงๆมันก็จบลงที่ว่าผมก็เป็นคนโกงเองจริงๆ  (p.s ทาบิหมายถึงว่าตัวเองมาช่วยให้กอมี่นูน่าชนะในครั้งนี้จริงๆก็ถือว่ามาช่วยโกงเลยกลายเป็นคนโกง คล้องกับชื่อเพลงที่ร้องในวันนั้นคะ)
 
รุ่นพี่  Lee Mi-Suk ได้พูดในรายการ  ‘Healing Camp’ ว่าเธออยากจะร่วมงานทางด้านการแสดงกับคุณดู เมื่อไหร่คุณจะคัมแบคในฐานะของนักแสดงอีกครั้งละครับ??
TOP:มันไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ คือ หลังจากที่ผมอัดรายการ ‘I am A Singer’ เสร็จผมได้บังเอิญเจอรุ่นพี่  Lee Mi-Suk ในกอง ‘Healing Camp’. ครับ เอาเข้าจริงๆแล้วผมเคยพูดออกรายการวาไรตี้โชว์ไปก่อนหน้านี้ว่า " การถ่ายแบบกับรุ่นพี่ Lee Mi-Suk นั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เหนื่อยล้ามากๆ" คือพูดอยากจะให้ตลกครับแต่เรื่องกลับถูกตีความเกินจริงไปกันใหญ่และผมก็รู้สึกเสียใจที่ได้พูดแบบนั้นออกไปครับ แน่นอนว่ามันจะเป็นเกียรติแก่ผมอย่างมากหากมีโอกาสที่จะได้ร่วมงานแสดงกับรุ่นพี่  Lee Mi-Suk ครับ

สำหรับงานด้านการแสดงของผม ผมได้รับโปรเจคมาไว้ในมืออยู่ 2-3 งานครับแต่เพราะ อัลบั้มของบิกแบงถูกเลื่อนให้ปล่อยออกมาเร็วขึ้น ดังนั้นในตอนนี้ความมุ่งมั่นของผมทั้งหมดจึงอยู่ที่อัลบั้มใหม่ของบิกแบงครับ หากมีโปรเจคที่ดีและน่าสนใจและเวลาของเราสามารถตรงกับการถ่ายทำได้ แน่นอนว่าผมต้องการที่แสดงกับรุ่นพี่เค้าครับไม่ว่าจะยังไงก็ตาม  

คุณตั้งใจไว้ว่าจะออกอัลบั้มเดี่ยวไม๊ครับ?? 
TOP:ไม่มีเรื่องอะไรให้คุยมากเท่าไหร่เกี่ยวกับอัลบั้มโซโล่ของผมหรอกนะครับ ผมจะออกอัลบั้มเดี่ยวเมื่อผมคิดว่าผมพร้อม จริงๆผมได้ทำเพลงออกมาแล้วเยอะมากๆแต่ผมคิดว่าผมควรที่จะปรับเปลี่ยนแก้ไขกับมันอีกซักหน่อย ผมกำลังพยายามเพิ่มความมั่นใจด้วยครับและมันก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ถ้าหากว่าผมไม่สามารถที่จะทำอัลบั้มที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนออกมาได้ แบบนั้นผมคิดว่างั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำมันออกมาเลยจะดีกว่า ผมอยากที่จะไร้เรื่องให้ต้องกังวล เริ่มจากเดือนมกราคมปี 2012 นี้เลยนะครับ (หัวเราะ) 

หลังจากที่ได้ประชุมกับทาง FUBU และท็อปในครั้งแรกเนี่ยเกิดผลร่วมกันออกมายังไงครับ
Soh CD: ก่อนหน้านี้ผมมักจะทำในการออกแบบผ่านแบรนด์ของตัวเองและแสดงออกถึงคอลเลคชั่นของผมเอง แต่มันก็มีข้อจำกัดเยอะมากๆในการทำงานในแบรนด์ของตัวเอง มันมีข้อจำกัดว่าคุณรู้จักคนเยอะแค่ไหนและแบรนด์ที่ทำนั้นคุณจะจับมันไปอยู่ในระดับไหน เป็นเพราะผมต้องการที่จะรู้จักคนให้มากขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมจึงตัดสินใจทำงานกับ FUBU ในครั้งนี้ ท็อปเป็นคนดังที่มีความโด่งดังมากและ FUBU ก็ต้องการที่จะลองอะไรที่แปลกใหม่ดังนั้นผมจึงต้องการที่จะทำงานกับท็อปในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆออกมา

เราได้ยินมาว่าคุณจะได้ทำงานร่วมกับ Hello Kitty ในเดือนพฤษภาคมนี้ ฟังๆดูเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อยนะครับ??
Soh CD: นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ทำงานในเรื่องของเสื้อผ้าร่วมกับ Hello Kittyครับ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนมากมายที่มีมุมมองที่เป็นอคติต่อความเป็นฮิบฮอบอยู่นะครับ ในเกาหลีมีคนเยอะมากที่คิดว่ากางเกงแบคกี้เป็นตัวแทนของความเป็น hip-hopอยู่ แต่สมัยนี้ แร๊พเปอร์ชื่อดังทั้งหลายเค้าไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ผมอยากที่จะเปลี่ยนความเข้าใจตรงนี้ซะใหม่เท่าที่ผมจะทำได้ ดังนั้นผมจึงคิดว่าการร่วมงานกันกับ Hello Kitty ในครั้งนี้จะเกิดความหมายที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง หวังว่าการทำงานในครั้งนี้จะช่วยดึงความนิยมของ FUBU ให้ยิ่งสูงขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ครับ 

TOP: การจับมือร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานกับศิลปินแนวศิลปสมัยนิยม ( pop art) ในตอนนี้กลายเป็นเทรนทั่วโลกไปแล้ว และนี่คงจะสร้างความแตกต่างมากมายในส่วนประกอบให้เกิดขึ้น ซึ่งผมคงจะไม่ได้มีความคิดแบบนี้ถ้าคุณ  Soh CD ไ่ม่ได้จับมือร่วมงานกันกับทาง Hello Kitty , ตอนนี้ CD & TOP กำลังจะแปลงโฉมใหม่ให้กับ FUBU ครับ (haha).

ผมอยากจะถามคำถามนี้มาตั้งแต่ตอนต้นแล้วนะครับ ดูคุณสองคนสนิทกันจังเลย
Soh CD: ผมเคยเจอเค้าครั้งนึงโดยบังเอิญ แล้วก็ทักทายกันตามประสา ก่อนหน้านี้จีดราก้อนเคยมาที่งานแฟชั่นโชว์ของผมด้วย ส่วนเพื่อนของท็อป Lee Hyuk soo และสไตลิสต์วง 2NE1 Yang Seung Ho ก็เคยเป็นนายแบบเดินแฟชั่นโชว์ให้กับผมด้วย ดังนั้นเราก็ได้พบกันตามงานแบบนี้ครับ
TOP: จริงๆผมไม่ใช่คนที่จะชอบไปดูงานเดินแฟชั่นอะไรแบบนั้นครับ ผมจึงเพียงแต่เคยได้ยินเรื่องของพี่ Soh CD เท่านั้น ซึ่งที่ที่ผมไปเจอพี่เค้าออกจะเป็นที่ที่ประหลาดซักหน่อยนะครับ คือ ครั้งแรกที่ผมได้ทักทายพี่เค้าน่าจะซักก่อนหน้านี้ 3 เดือนคือที่ไวน์บาร์ที่ผมมักจะไปบ่อยๆครับ ( หัวเราะทั้งคู่).เราต่างก็คุยกัน คุยกัน จนกลายเป็นว่าสนิทกันไปเลยละครับ ปัญหาคือผมจำไม่ได้แล้วจริงๆว่าเราคุยกันเรื่องอะไร จนตอนนี้พี่เค้ามองดูผมและมักจะพูดว่า "มันค่อยข้างจะเขินนะเนี่ยที่จะต้องมาเจอกันในช่วงนี้เพราะเรื่องงาน"

คุณมักจะเปลี่ยนทรงผมบ่อยๆและแฟนๆก็ชอบมากด้วย แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะบางบ้างไม๊ครับ เส้นผมและหนังศรีษะเริ่มเสียบ้างไม๊?? 
TOP:นี่เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าผมยังอยู่ในวัยที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่ครับ ผมยังมีผมเยอะมากแต่น่าแปลกที่ผมไม่สามารถไว้หนวดได้เลย ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองยังไม่แตกเนื้อหนุ่มยังไงยังงั้นฮะ (หัวเราะ) แต่ในช่วงนี้มันเริ่มที่จะขึ้นบ้างแล้ว ตามปกติผมจะโกนหนวด 2 เดือนครั้ง  

สุดท้ายนี้ช่วยพูดเรื่องแผนการในปี 2012 ให้ฟังหน่อยครับ 
TOP:บิกแบงจะมี World tour ในปี 2012 นี้ซึ่งแผนการตลอดทั้งปีได้มีการตระเตรียมไว้แล้วด้วยเช่นกันครับ ดูเหมือนว่าปีนี้เราจะยุ่งกันมากๆ ซึ่งตอนนี้เรากำลังเตรียมการที่จะมอบความประหลาดใจและข่าวดีให้กับแฟนๆด้วยครับ ซึ่งตอนนี้ยังเปิดเผยไม่ได้ ยังไงก็ได้โปรดรอคอยกันด้วยนะครับ 

Soh CD: FUBU และ Hello Kitty ตอนนี้กำลังเตรียมงานที่จะมีการทำคอลเลคชั่นร่วมกันครับ และเป้าหมายของผมก็อยากที่จะแปลงโฉม FUBU ให้เป็นแบรนด์ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาครับ

Source: 마네임G@BBVIPZ + BIGBANGFAMILY
Eng Translation: jwalkervip.tumblr.com (Source: jwalkervip)
Thai Translation by Mew mini museum 


TOP+CD จากนิตยสาร HighCut ฉบับที่ 71 Part1

สัมภาษณ์ TOP และ CD จากนิตยสาร HighCut ฉบับที่ 71 : 16022012
เป็นการสัมภาษณ์ร่วมกันระหว่างคุณ Soh CD ดีไซเนอร์กับท็อป กับงานล่าสุดที่ทำร่วมกันให้กับแบรนด์เสื้อผ้า FUBU คะ

เมื่อปีที่แล้วมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นกับบิกแบงนะครับ คุณได้ทำอะไรบ้างในช่วงที่หายไปครับ?
TOP:เราได้มีโอกาสไปยุโรปเพื่อเข้าร่วมในงานประกาศรางวัล EMA ปี2011 ครับ และผมก็มีถ่ายโฆษณาระหว่างนั้นด้วยทำให้ผมไม่มีเวลาเพียงพอที่จะให้ตัวเองพักผ่อนเลย ส่วนในช่วงที่ไม่มีตารางงานที่จะต้องทำผมก็จะอยู่ที่่สตูดิโอทำเพลงตลอดทั้งคืน จริงๆตั้งแต่เดบิวมาผมก็ไม่ได้พักผ่อนเลยดังนั้นผมจึงไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นเฝ้าคอยหรือรู้สึกเสียใจว่าจะมีวันหยุดหรือไม่มีครับ (หัวเราะ)

คุณจะมีคำพูดแบบไหนที่จะพูดออกมาเพื่อเป็นการให้กำลังใจ สมาชิกในวงบิกแบงบ้างครับ?
TOP:ผมเป็นพี่ใหญ่ประจำวงดังนั้นผมมักจะพูดคุยกับน้องๆและมักจะทานข้าวด้วยกันเสมอครับ นอกจากตัวเองแล้ว ผมรู้สึกว่าพวกเค้าเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและเริ่มมีความรู้สึกนึกคิด ตัวผมเองก็จะต้องเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้ครับ  

หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่า 8 เดือนสมาชิกในวงทุกคนก็ได้มายินบนเวทีร่วมกันอีกครั้งและมีงานในญี่ปุ่นด้วย คุณรู้สึกว่าความรู้สึกที่มีเปลี่ยนไปบ้างไม๊ครับ??
TOP:ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจในขณะที่ยืนอยู่บนเวทีมาก่อนเลยนะครับ  เทียบความรู้สึกว่ารู้สึกเศร้า กับการที่รู้ว่าชนะได้รับรางวัลนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ต่างกันนะครับ ผมจะอธิบายออกมายังดี?? มันค่อนข้างไม่ปกติสำหรับผมแต่มันก็เป็นเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสำหรับผมด้วยครับ ( คำถามนี้ทำให้เค้าเงียบไปเหมือนกับว่าเค้ากำลังย้อนไปนึกถึงช่วงเวลานั้น) ผมจะสามารถพบตัวตนของตัวเองบนเวทีอีกครั้งครับ

ในตอนที่ทำงานร่วมกัน กับ FUBU คุณได้รับพลังอะไรจาก TOP และ บิกแบงบ้างครับ??  
Soh CD:  เป้าหมายของผมคือไม่เพียงแต่จะมอบภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ FUBU เท่านั้นแต่ยังจะต้องนำเสนอเนื้อทางใหม่ด้วย ผมต้องการที่จะปรับเปลี่ยนตัวแบรนด์นี้จากเสื้อผ้าในแนวฮิบฮอบมาเป็นเสื้อผ้าที่เหมาะกับยุคสมัยนี้ ซึ่งในขั้นตอนการทำงานนั้น บิกแบงถูกหยิบขึ้นมาพูดอย่างมาก บิกแบงสามารถที่จะแสดงออกถึงความเป็นฮิบฮอบผ่านทางเสียงดนตรีของพวกเค้าได้และแนวทางของพวกเค้ารวมถึงเพลงของพวกเค้าก็สามารถเป็นที่ชื่นชอบในสังคมทั่วๆไปได้ด้วย ซึ่งพวกเค้าเป็นตัวอย่างที่ดีมากทีเดียว

ในบรรดาไอดอลตั้งมากมาย ทำไมคุณถึงเลือกท็อปละครับ?
Soh CD: เพราะ จีดราก้อน กลายเป็นสัญลักษณ์ให้กับ Beanpole ไปแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นครับ จากมุมมองของดีไซเนอร์ ซึงฮยอนโด่งดังมากในตอนนี้ครับ ผมได้มีโอกาสเจอเค้าสองสามครั้งนอกเวลางาน เค้าชอบเสื้อผ้ามากๆ เค้ามีความสุขสนุกกับแฟชั่นดังนั้นเสื้อผ้าทั้งหมดล้วนดูดีบนตัวเค้า ซึ่งผมไม่ได้พูดแบบนี้ในฐานะที่ต้องโปรโมทเสื้อผ้าหรอกนะครับ ในเกาหลีผมคิดว่าเค้านี่แหละที่เป็นนักดนตรีที่จะสามารถดึงเอาสไตล์แบบสบายๆออกมาได้ในปี 2012 นี้

คิดว่าทำไม FUBU หรือดีไซน์เนอร์อย่างโซ CD ต้องการตัวคุณครับ?
TOP: ผมจะตอบยังไงดีล่ะ ฮ่าๆ
Soh CD: ผมคิดว่าไม่ใช่แค่เพราะ TOPหน้าตาดีหรือรูปร่างดีนะครั้บแต่เขารู้จักแฟชั่นดีดังนั้นผมจึงเชื่อในตัวเขามากครับ
TOP: อย่างที่โซ CD พูดแหละครับ ไม่มีใครที่เพอร์เฟ็คหรอก รูปหนึ่งรูปจะอยู่ไปตลอดชีวิต ดังนั้นคุณย่อมอยากให้มันออกมาดีที่สุดอยู่แล้ว เวลาถ่ายแบบผมจึงเป็นพวกทำให้เต็มที่เสมอครับ ชนิดที่ว่าคนอายุเท่ากันทำไม่ได้ขนาดนี้เลย

ต่อจากคำถามเมื่อกี้ โซ CD คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของ TOP?
Soh CD: ผมรู้สึกเสียดายที่เวลาปกติ TOP จะมาเป็นนายแบบให้ เขาจะต้องโชว์เสน่ห์ของผู้ชายออกมาเท่านั้น แต่ผมเห็นเสน่ห์ของเขาอื่นของเขาด้วย ผู้ชายที่อยากรู้อยากเห็นและอ้าแขนพร้อมรับความท้าทาย งานก่าย FUBU จึงโชว์ให้เห็นเสน่ห์ของเด็กชายอันเจิดจ้าในชุดสบายๆ ครับ

เราได้ยินมาว่า TOP มีความคิดเรื่องแฟชั่นไม่เหมือนใคร ดังนั้นคุณจึงเป็นคนที่แต่งตัวให้ยากมาก จริงหรือเปล่าครับ?
TOP:ผมช่างเลือกครับ (หัวเราะ) เพราะผมต้องโชว์ตัวต่อสาธารณะเสมอ ผมจึงอยากให้ภาพของผมออกมาดีที่สุด แต่ผมคิดว่าบางทีผมก็หัวแข็งไป

รู้สึกยังไงบ้างที่ได้ใส่เสื้อผ้าที่คุณ Soh CD ออกแบบเป็นพิเศษให้ FUBU?
TOP:จริงๆ ผมชอบฮิปฮอปตั้งแต่เด็กแล้ว ผมขอให้ญาติและเพื่อที่ U.S. ช่วยซื้อเสื้อผ้าของ FUBU มาให้ ผมชอบ FUBU Platinum line มากที่สุดครับ และผมก็มีเสื้อผ้าเช็ทนั้นในตู้เยอะมาก การได้ใส่เสื้อที่ออกแบบมาพิเศษแบบนี้ทำให้ผมดีใจมากครับ ไม่ได้พูดเพราะเขานั่งข้างๆ ผมนะครับ รู้สึกเหมือนทุกชิ้นถูกยกระดับขึ้นมาเลยครับ

Source: 마네임G@BBVIPZ + BIGBANGFAMILY
Eng Translation: jwalkervip.tumblr.com (Source: jwalkervip)
Thai Translation by  Mew mini museum+น้องไอซ์ http://icys-bigbang.blogspot.com/ 

================ 

คราวนี้ทำร่วมกับน้องไอซ์นะคะ เลยเสร็จอย่างรวดเร็วมาก ยังเป็นตอนแรกอยู่คะ รอภาคจบกันต่อไปเนอะ เท่าที่อ่านพรีวิวภาคจบน่าจะพูดเรื่องหนวดละค่ะ คริคริ XD


วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Interview DS in Naver music about BLUE

แดซองพูดถึงอัลบั้มใหม่ เพลงใหม่ BLUE กับ Naver Music
 
 
Interviewer: ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้างครับ??
Daesung: เราได้รับรางวัล  ‘World Wide Act’ จากงาน EMA เมื่อปีที่แล้วครับ มันเป็นครั้งแรกที่ชาวเอเซียได้รับรางวัลบนเวทีงาน EMA เราได้ดูการมอบรางวัลงานนี้ในตอนที่เรายังเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่เลย ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่าเหมือนฝันจริงๆ เรามีคอนเสริต์ครอบครัววายจีทั้งที่เกาหลีและที่ญี่ปุ่นกับครอบครัววายจีของเรา และผมกำลังพยายามทำให้ดีที่สุดในอัลบั้มใหม่  ALIVE นี้ครับ

Interviewer: สำหรับคุณแล้ว บิกแบงคืออะไรครับ??
Daesung: บิกแบงเป็นครอบครัวของผมครับ เราสนิทกันมาก และเรามีเรื่องดีๆด้วยกันเยอะมาก เวลาที่เรามีปัญหา ผมอยากที่จะขอโทษพวกเค้า เวลาที่เรามีความสุข ผมก็อยากที่จะขอบคุณพวกเค้า เรามีกันอยู่ 5 คนก็จริงแต่ผมรู้สึกเหมือนว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันฮะ

Interviewer: ช่วยบอกผมหน่อยนะครับว่า ALIVE หมายความถึงอะไร?
Daesung: เรายังอายุน้อยก็จริง แต่ว่าเราก็มาเป็นบิกแบงได้ 6 ปีแล้วในตอนนี้ครับ เราขึ้นแสดงโชว์มามากมาย และผู้คนก็คุ้นชินกับเพลงของเรา ดังนั้นเราจึงอยากที่จะแสดงให้พวกเค้าเห็นว่า พรสวรรค์ของเรา แนวทางทางดนตรีของเราและความหลงใหลในดนตรีของเรานั้น ยังคงอยู่ ยังคง ALIVE อยู่ ยังไม่ได้หายหรือตายจากไปไหน

Interviewer: มีบางคนบอกว่ามันยังเร็วเกินไปที่คุณจะกลับมาทำงานใหม่ คุณคิดยังไงครับ??
Daesung: ผมก็รู้สึกกังวลมากๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันครับ ผมบอกกับคุณยางฮยอกซอก ซึ่งเป็นเจ้านายของผมถึงความกังวลมากๆนี้ของผม ผมใช้เวลาคิดในเรื่องนี้มากเลยละครับ บิกแบงเป็นนักร้องที่เรามักจะบอกทุกอย่างที่เราต้องการผ่านทางเสียงเพลงของเรา ผู้คนมักจะแสดงความรู้สึกผ่านการร้องไห้หรือความฉุนเฉียว ทางเราเราก็แสดงออกผ่านทางเสียงเพลง 
 
แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมีเวลาในการที่จะเหนี่ยวรั้งตัวเองเอาไว้ เวลาที่เราจะใช้เพื่อมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นไม่อาจจะมีต่อเนื่องไปถาวรได้ ผมต้องการที่จะแบ่งปันความรู้สึกของผมออกมาให้ผู้คนได้รับรู้ แต่ความรู้สึกห่วงใยความรู้สึกกังวลก็มีน้ำหนักกดทับในใจอย่างมากเช่นกัน
 
ผมรู้ว่ามันยังเร็วเกินไปที่ผมจะกลับมาแต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเวลาที่เหมาะสมเช่นกันผมรู้ว่าคนเราทุกคนไม่สามารถที่จะเห็นพ้องตรงกันได้ในทุกๆเรื่อง แต่เราก็มีภาระมีเรื่องที่เราจำเป็นอยากจะแบ่งปันเช่นกัน เราอยากจะแบ่งปันเพลงดีๆของเราออกสู่ผู้ฟังครับ

Interviewer: ช่วยเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับเพลง BLUE ด้วยครับ
Daesung: "สีฟ้าใส" จะทำให้เรารู้สึกดีนะครับ แต่"สีฟ้า"ของเราจะเป็นสีฟ้าเข้มมากกว่า มันเป็นตัวแทนของความอาลัย ความเศร้า ความเจ็บปวด และเรื่องในทำนองนี้ เราคิดถึงคนที่ได้จากไปแล้วในเพลงนี้ ในตอนแรก เนื้อเพลงจะพูดว่า " ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาเยือน" ผมคิดว่าเนื้อเพลงเพลง BLUE นี้ดีมากจริงๆ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆในตอนที่ร้องเพลงนี้  เพลง BLUE จะให้อารมณ์หลักๆ 2 อารมณ์คือ ความหวังและความอาลัย ในทำนองก็มีทั้งทำนองที่เริงร่าและโศกเศร้า ผมคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เหมาะมากที่จะออกมาพร้อมเราในเวลานี้ ครับ
 
Source:Naver
Eng Translation: @yeonpop
Edit by @jinhichole18
Thai Translation by mew mini museum

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Interview GD in Naver music about BLUE


จีดราก้อนพูดถึงอัลบั้มใหม่ เพลงใหม่ BLUE กับ Naver Music 

Interviewer: ไม่ได้พบนานเลยนะครับ คุณเป็นยังไงบ้างครับ??  
GD: ผมสบายดีครับ ผมใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของผม และเตรียมงานในอัลบั้มใหม่นี้ แล้วก็คิดโน่นคิดนี่ฮะ

I: คุณคิดยังไงกับการเป็นนักร้องครับ ผมอยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับรูปร่างหน้าตา??  
GD: อืม ตอนที่ผมยังเด็กกว่านี้ผมคิดว่านักร้องนั้นเท่มากๆ และนั่นเป็นเหตุผลในช่วงแรกๆที่ทำให้ผมอยากจะเข้ามาเป็นนักร้องผมคิดว่า บิกแบงเท่นะครับ ไม่ใช่แค่บนเวทีเท่านั้นแตในชีวิตจริงด้วย ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องความหล่อหรือความสูง แต่ผมหมายถึงเรามีแนวทางของตัวเอง มีเรื่องมากมายที่ผมได้เรียนรู้ในฐานะที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งน้องชาย และในฐานะพี่ชาย มันเป็นภาระในใจผมเหมือนกันเพราะผมเป็นหัวหน้าวง แต่มันก็ทำให้ผมพยายามที่จะผลักดันตัวเองด้วยครับ 

I: อะไรที่ทำให้คุณเครียดและกดดันมากที่สุดครับ??
GD: การเตรียมงานในอัลบั้มต่อไปเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมกดดันมากๆ เพราะอัลบั้มต่อไปสำคัญกว่าอัลบั้มที่ผ่านมาเสมอๆ ตอนที่ผมเตรียมงานในอัลบั้มครั้งที่ผ่านมา คือ  ‘TONIGHT’ผมก็คิดนะครับว่า "อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่สำคัญที่สุดแล้ว" แต่ตอนที่ผมเตรียมงานในอัลบั้มใหม่ครั้งนี้ผมก็คิดอีกว่า "อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่สำคัญที่สุด" บางทีในการเตรียมงานทำอัลบั้มใหม่ในครั้งต่อไปผมก็ต้องเกิดความคิดแบบเดิมอีก มันเหมือนกับเป็นความกังวลที่ทำให้ผมมีความสุขนะฮะ มันทำให้ผมใจเต้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน 

เมื่อปีที่แล้ว อัลบั้ม ‘TONIGHT’ เป็นอัลบั้มโปรดของผม และตอนนี้ก็คือ BLUE ความชอบในเพลงแนวต่างๆของผมมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆและผมก็แบ่งปันความชอบนี้ผ่านไปให้ผู้คนอื่น ผมอยากจะรู้ว่าพวกเค้าจะพูดกับผมว่ายังไงบ้างหลังจากที่พวกเค้าได้ฟังเพลงนั้นๆแล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ผมชอบมากที่สุด ผมรู้สึกว่าผมกำลังไปได้สวยทีเดียวครับ

I: บิกแบงมักจะร้องเพลงเกี่ยวกับ "ความรัก" เป็นหลักเสมอนะครับ  
GD: ผมคิดว่า ชาวเกาหลี คิดในเรื่องของความรักกันเยอะและพวกเค้าก็ต้องการความสบายใจ เวลาที่คุณได้ยินเพลงและคิดว่า " เนื้อเพลงนี้มันเป็นสิ่งที่ฉันคิดในใจเลย" หรือเวลาที่คุณรู้สึกเศร้า คุณได้ยินเพลงที่โดนใจแล้วร้องไห้ออกมา และนั่นคือ เพลงที่มีพลังครับ

I: ช่วยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเพลง BLUE หน่อยครับ  
GD: BLUE… หลายๆคนคิดว่า วงไอดอลมีแต่แฟนที่เป็นเด็กๆใช่ไม๊ครับ แต่ผมคิดว่าแฟนๆที่มีอายุในช่วง อายุ 20-30 คงจะชอบเพลงนี้มากๆ พวกเค้าจะร้องเพลงและรู้สึกเข้าถึงเนื้อเพลงได้มากกว่ากลุ่มวัยรุ่นครับ

I: คุณรู้สึกมั่นใจในอัลบั้มนี้รึเปล่า??ครับ?  
GD: อืมม ครับ ผมมักจะมั่นใจเสมอ ไม่ได้จะโอ้อวดแต่อย่างใดนะครับ แต่เวลาที่เราได้ยินเพลงของตัวเองแล้วเราจะรู้สึกว่า "นี่แหละใช่เลย" (5555) เพราะว่ามันเป็นเพลงของเรา ผมได้เปิดใจและพยายามที่จะพูดตรงๆอะนะครับ

EngTranslated by @yeonpop
Edit by @jinhichole18
Shared via blacky80addioction@tumblr
Thai Translation by mew mini museum

P.S มิวแปลจากเครดิตข้างบนนะคะ ตอนนี้เข้ามาเจออีกเวอร์ชั่นนึง สวยงามเชียวจากคุณ rice แต่มิวอ่านๆดูเนื้อหาหลักๆเหมือนกันทุกอย่าง คำถามอาจจะเพี้ยนๆไปบ้าง แต่ใจความไม่มีอะไรหาย ดังนั้นไม่แก้ไม่ผสมไม่เพิ่มแล้วนะคะ ใครสนใจอ่านของคุณ rice ตามได้ที่ BBU ค๊า XD

================

 "เวลาผู้คนนึกถึงวงไอดอล พวกเค้ามักจะคิดถึงกลุ่มแฟนๆที่เป็นวัยรุ่น แต่ผมคิดว่า คนในวัย 20-30 จะต้องชอบเพลงนี้แน่อนครับ"( พูดถึงเพลง BLUE)

"อืม....ความมั่นใจเหรอครับ ผมมีความมั่นใจในเพลงของผมเสมอ ครั้งนี้ เพลงจะสะท้อนความรู้สึกที่แท้จริงของเราออกมาด้วย"  (พูดถึงอัลบั้มใหม่)
"ความกดดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการทำงานในอัลบั้มครับ ผมรู้สึกมันได้ในทุกๆปี เพราะเหรอครับ?? เพราะแต่ละปีก็จะยิ่งสำคัญกว่าปีที่ผ่านมาอยู่เรื่อยครับ " 

" ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เราต้องทำงานในอัลบั้มใหม่ในแต่ละปีเราจะต้องเจอกับประสบการณ์ที่กดดันมากเพราะเราต้องพยายามที่จะทำอัลบั้มใหม่ให้แตกต่างไปจากอัลบั้มเดิมซึ่งมันเป็นเรื่องยาก แต่ยังไงก็ตามเราก็ยังรู้สึกมีความสุขทั้งๆที่อยู่ท่ามกลางความกังวลแบบนั้น"

"ดังนั้นเราจะคิดถึงแต่เราจะใส่สีสันแบบไหนลงไปในเพลงของเรา มีท่อนไหนรึเปล่าที่เราต้องใส่ใจกับมันมากเป็นพิเศษ เราผ่านแต่ละวันไปแบบสนุกไปด้วยกังวลไปด้วยแบบนี้ "

"ฟังดูแล้วอาจจะตลกนะครับ แต่ผมคิดว่า วงเราเป็นวงที่เท่นะ ไม่ได้วัดที่ว่าความหล่อหรือสูงแต่เรามีเสน่ห์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นในฐานะเพื่อน พี่ชาย น้องชาย เราต่างก็มีเรื่องมากมายให้เรียนรู้ซึ่งกันและกันแทนที่จะมองว่าเป็นภาระ แต่มันกลายเป็นเหมือนกำลังใจในการทำงานหนัก"

source: http://news.naver.com/main/read.nhn?mode=LSD&mid=shm&sid1=106&oid=117&aid=0002209075
Eng Translation by Mystifize + Rice 
Thai Translation by mew mini museum

Bigbang Is ALIVE

หลังจากที่ทยอยๆออกรูปโปรโมทหลักที่จะใช้ในมินิอัลบั้มครั้งนี้พร้อมกับวุ่นวายไปถ่าย MV ถึงที่ NYC วันนี้ดูเหมือนว่า จะเป็นก้าวหลักๆที่วายจีเริ่มเร่งสปีดในการโปรโมทการคัมแบคครั้งนี้อย่างเต็มตัวแล้ว

ตั้งแต่วันนี้ไป คือวันที่ 17/02 - 29/02 ทางYGจะออกโฆษณา 13 ตัวโฆษณาผ่านทาง TV วันละ 1 ตัวทุกๆวันใช้ในการโปรโมท 
และ วันนี้เป็นวันที่ทาง Navar Music ได้ให้ทำการดาวน์โหลด app ที่จะมีภาพมีพริวิวให้แฟนๆได้ลองเอามาฟังกันก่อนออกมาด้วย 

มินิอัลบั้มครั้งนี้จะแบ่งเป็น 6 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชั่นบิกแบง TOP GD YB DS SR 

ว่างจากการตามข่าวมานาน คราวนี้ได้ตามข่าวกันจนหายคิดถึงแน่คะ XD

========================


บิกแบงจะโปรโมททุกเพลงในมินิอัลบั้มใหม่

เมื่อ 2 วันก่อนทางวายจีได้ประกาศผ่าน บล็อคอย่างเป็นทางการของตัวเองว่าเพลง Blue และเพลง Badboy จะเป็นเพลง Title หรือเพลงโปรโมททั้งสองเพลง แต่เมื่อวานนี้เพลงอีก 2 เพลงคือ Love Dust และ Fantastic Baby ก็ถูกเพิ่มเข้ามาในรายการเพลงโปรโมทด้วยเช่นกัน และสุดท้ายในวันนี้ (17กุมภาพันธ์) เพลง No Fun และ Wing ก็เข้ามาอยู่ในลิสต์ด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าทุกเพลงในมินิอัลบั้มนี้ ยกเว้น Intro ได้กลายเป็นเพลงโปรโมทในการคัมแบคครั้งนี้

คำว่า " เพลงโปรโมทคู่" เป็นคำที่ได้ยินบ่อยๆ หมายถึงการเลือกเพลง 2 เพลงในอัลบั้มมาเป็นเพลงหลักที่ตัดมาใช้ในการโปรโมทโดยเฉพาะ การที่ประกาศว่าทุกเพลงเป็นเพลงหลักในการโปรโมททั้งหมด เป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก ไม่ใช่แค่ในเกาหลีเท่านั้นในระดับสากลก็ไม่ค่อยมีใครทำ

น้ำหนักแห่งความท้าทายในครั้งนี้ตกไปอยู่ที่บิกแบงในการคัมแบคครั้งนี้ทันที มีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้นอย่างสูงว่าเพลงใหม่จะออกมาในรูปแบบไหน สไตล์ไหน

มีวงไอดอลมากมายที่แยกย้ายกันไปหลังจากรวมตัวกันได้ 5 ปีและบิกแบงก็เจอกับวิกฤตการณ์มากมายในปี 2011 ซึ่งเป็นปีที่พวกเค้ารวมตัวกันได้ 5 ปีพอดี

ตัวแทนจากวายจีกล่าวว่า " หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ สมาชิกในวงบิกแบงต่างเสียใจกับการกระทำของตัวเองและได้ตั้งสมาธิไปที่งาน เพลงของพวกเค้าเท่านั้นและคลุกตัวอยู่แต่ในสตูดิโอ ต้องขอบคุณเหตุการณ์เหล่านั้นที่ทำให้พวกเค้าทำงานและได้ผลลััพท์ออกมาเป็น ที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ซึ่งเพลงที่ทำออกมาทุกเพลงล้วนดีในระดับที่เราจะใช้ทุกเพลงเป็นเพลงโปรโมทใน ครั้งนี้"

เมื่อเร็วๆนี้บิกแบงได้เดินทางไป เมื่องนิวยอร์ก เพื่อถ่ายทำ MV เพลง Blue และ Bad ถึงแม้ว่าสถานที่ถ่ายทำและข้อมูลต่างๆต่างก็พยายามเก็บเป็นความลับมากที่สุด แล้ว แต่ปาปารัชซี่ที่นิวยอร์กก็ยังคงตามติดการเคลื่อนไหวของพวกเค้าทั้ง 5 ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินกันเลยทีเดียว สร้างความประหลาดใจให้กับบอดี้การด์อย่างมาก

และเป็นเพราะไม่มีกฏหมายใดๆจะเอามาวัดการกระทำของปาปารัชซี่ได้ ข่าวและข้อมูลเรื่องการถ่ายทำมิวสิควีดีโอครั้งนี้จึงถูกแพร่ภาพออกไปผ่าน ทางอินเตอร์เนทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พิสูจน์ว่า เกาหลีไม่ใช่ชาติเดียวที่มีความสนใจในอัลบั้มใหม่ของบิกแบงในครั้งนี้

มินิอัลบั้มของบิกแบงในครั้งนี้จะออกวางขายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์และซิงเกิลเพลง BLUE จะออกมาให้ฟังก่อนในวันที่ 22 กุมภาพันธ์

ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เพลง BLUE ที่มีความยาว 30 วินาทีถูกนำมาพรีวิวให้ฟังก่อนผ่านทาง Naver Music และผ่านโฆษณาทาง TV ที่จะเป็นการพูดถึงความรู้สึกของสมาชิกในวงบิกแบงถึงการคัมแบคในครั้งนี้

บิกแบงจะเริ่มการโปรโมทก้าวแรกที่ โซล และจะมีคอนเสริต์ใหญ่ที่โซลในวันที่ 2-4 มีนาคมและจะเดินทางต่อเนื่องไปพบปะแฟนๆทั่วโลก ผ่านการทัวร์คอนเสริต์ที่ชื่อว่าBig Bang Alive Tour 2012.

Source: Enewsworld.com
Thai Translation by mew mini museum 


 YG:บิกแบงแข็งแรงขึ้นแล้ว

บิกแบงจะออกมินิอัลบั้มในวันที่ 29 กุมภาที่จะถึงนี้ เป็นเวลากว่า 1 ปีตั้งแต่พวกเค้าคัมแบคครั้งที่แล้ว นอกจากนี้การคัมแบคครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาครั้งสำคัญเนื่องจากเหตุการณ์ที่ แดซองและจีดราก้อนต้องเผชิญมาเมื่อปีที่แล้ว

วายจีกล่าวว่า "เมื่อปีที่แล้วเป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุด ผมอยู่กับสมาชิกในวงมาตั้งแต่พวกเค้าอายุ 13 มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมเหมือนกันที่ได้รับข่าวนั้น"

"ตลอดเวลา 15 ปีที่ผมบริหารบริษัทวายจีมาผมอยากให้ศิลปินในค่ายมีอิสระมากที่สุด แต่ยังไงก็ดีผมเริ่มคิดว่า การรู้จักควบคุมตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า นอกจากนี้ตัวผมเองก็เชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นประสบการณ์ให้บิกแบงได้เรียน รู้เป็นอย่างดี"

วายจีส่งท้ายว่า " มันเป็นเรื่องยากสำหรับนักร้องที่จะเดินต่อไปด้วยกันหลังผ่านเวลา 5 ปีไปแล้วแต่ผมเชื่อว่า บิกแบงได้เข้มแข็งขึ้นอีกหลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาและนี่เป็นเหตุผลที่ผม ตั้งใจที่จะมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การโปรโมทของบิกแบง ไม่เพียงแต่ตลาดในเกาหลีเท่านั้นแต่เราจะสนใจไปที่ ระดับโลกด้วย เช่นเดียวกับในการทำงานเพลงเราก็ตั้งใจกันมากเป็นพิเศษในครั้งนี้เพื่อที่พอ งานออกมาแล้วจะได้ไม่ขายหน้าใคร

นอกจากนี้ทั้ง 5 คนนั้นมักจะเปล่งประกายเมื่ออยู่รวมกันแต่ความจริงแล้วพวกเค้าต่างก็ทำงานโซ โล่ได้โดดเด่นทุกคนทั้งนั้นผมถึง มองว่าบิกแบงแบ่งเป็น 6 ทีมมากกว่าที่จะเป็น ทีมเดียว "

จาก soompi 
Thai translation by mew mini museum

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

YG, Bigbang กับ WorldTour ในปี 2012 นี้


โปรดิวเซอร์และประธานบริษัท วายจี เอนเตอร์เม้นซ์ คุณยางฮยอนซอก ที่เพิ่งจะฉลองบริษัทครบ 15 ปีเมื่อปีที่แล้ว ท่านยางยอมรับว่าปี 2011 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากจริงๆ

เพื่อน 2 คนที่เค้าดูแลมากับมือตั้งแต่ยังเด็ก จีดราก้อนและแดซองเกิดเข้าไปข้องเกี่ยวกับปัญหา ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเค้าจะดีขึ้นแล้วแต่ในเวลาที่เกิดปัญหาเป็นช่วงเวลาที่ ยากเกินจะบรรยาย

แดซองได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ ส่วนจีดราก้อนเข้าไปเกี่ยวข้องกับข่าวฉาวเรื่องยาเสพติด ในเดือนมีนาคมนี้ บิกแบงกำลังจะคัมแบค ถึงแม้ว่าเมื่อปีที่แล้วเราได้เห็นพวกเค้าไปลิ้มลองรสชาติแห่งความเป็นยุโรป มาบ้างแล้ว ในปีนี้ อาจจะมี worldtour เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการตามมา วันนี้เรามาพบกับคุณยางที่ตึกวายจีเพื่อถามในรายละเอียดต่างๆ

สิ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลย คือ บิกแบงถือว่าเป็นตัวนำโชคที่ทำเงินมหาศาลให้กับวายจี จนถึงขั้นที่ว่า คุณยางถูกเรียกว่าเป็น เศรษฐีร้อยล้าน แม้จะไม่มีใครยืนยันในเรื่องนี้ แต่เท่าที่เราสามารถเห็นได้ หุ้นของบริษัทที่ขึ้นเอาๆในขณะนี้ ครึ่งนึงต้องเป็นผลมาจากบิกแบงแน่นอน

"ปีที่แล้วเป็นที่แย่ที่สุดสำหรับพวกเรา พวกเค้าทั้งหมดเหมือนเป็นเพื่อนที่ผมคอยดูแลตั้งแต่เค้าอายุ 13 แม้แต่ผมเองยังรู้สึกถึงความยากลำบากนั้น ในความคิดของผมผมก็เหมือนกับเป็นพ่อแม่ของพวกเค้า ผมบริหารวายจีมากว่า 15 ปีแล้วผมต้องการจะให้อิสระเสรีกับพวกเค้ามากๆแต่ในขณะเดียวกันตอนนี้ผมเริ่ม คิดแล้วว่าการตั้งกฏบังคับก็สำคัญเช่นกัน

ท่านยางกล่าวว่า เรื่องราวแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่เค้า ทำงานในนาม "Seotaeji and Boys" ทำให้เค้ารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ยากที่จะรับมือ แต่เรื่องที่จะต้องเกิดมันก็เกิดไปแล้วในตอนนี้เค้าทำได้แต่ต้องทำใจรีบยอม รับมันให้ได้ ท่านยางรู้สึกผิดต่อบิกแบงมากๆ เพราะสำหรับเค้า เค้าทั้งเคี่ยวเข็นและคอยสนับสนุนบิกแบงในฐานะที่เป็นทั้งพ่อแม่ เป็นลุง เป็นพี่ชาย ซึ่งมันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกผิด

"ไม่เพียงแต่ผมที่ได้เรียนรู้อะไรต่างๆผ่านช่วงเวลานั้น ผมว่าพวกบิกแบงก็เรียนรู้เช่นกัน เมื่อปีที่แล้วพวกบิกแบงออกไปข้างนอกน้อยมากและใช้เวลาอยู่ร่วมกันในสตูดิโอ นำพาตัวตนของทุกคนให้เข้ามาสนิทใกล้ชิดกันมากขึ้น หากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นพวกเค้าคงไม่ได้มีโอกาสมาคลุกอยู่ในสตูดิโอร่วม กันมากขนาดนี้ และคงไม่มุ่งมั่นขนาดนี้ มันเป็นช่วงที่ โหดร้ายแสนสาหัสแต่มันก็เปรียบเสมือนยาชั้นเลิศด้วยเช่นกัน มีนักร้องมากมายที่พบว่า เวลา 5 ปีในการอยู่ด้วยกันต่อไปมันยาก แต่พวกเค้ากลับยิ่งเหนียวแน่นมากขึ้น" 


ในปีนี้ วายจีตั้งความหวังอย่างยิ่งใหญ่เอาำไว้ ให้กับบิกแบง เค้าวางแผนว่าจะ ใส่ใจและทุ่มพลังเต็มที่ลงไปเพื่อบิกแบง ซึ่งตอนนี้กำลังจะมีการทัวร์คอนเสริต์รอบโลก

" ในฐานะโปรดิวเซอร์ผมคิดว่า ในตอนนี้ทั่วทั้งโลกกำลังจ้องมองมา เมื่อพูดถึงรายละเอียดต่างๆผมอยากที่จะให้มันละเอียดละออและทุ่มเทพลังงาน ออกมาให้เต็มที่ ในเรื่องของ MV ก้เช่นเดียวกัน "

บิกแบงกำลังจะเดินทางไป นิวยอร์กในเร็วๆนี้เพื่อถ่ายทำ MV พวกเค้าจะทุ่มเม็ดเงินมหาศาลในการถ่ายทำครั้งนี้ให้งานออกมาอยู่ในระดับยอด เยี่ยม ถึงแม้ว่าวายจีจะเคยใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากแต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้ง อื่นๆ

วายจีมักจะมุ่งมั่นไปในเรื่องของคุณภาพมากกว่าปริมาณมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นับจาก 1TYM, BIG MAMA, SE7EN, BIGBANG และ 2NE1, วายจีมักจะมีความมั่นใจเต็มที่ในเสียงเพลงของเค้า และนี่เป็นหนึ่งเหตุผลหลายข้อที่วายจี กักตัวบิกแบงเอาไว้ก่อนในขณะที่หลายๆบริษัทต่างมีคอนเสริต์กระแสเคป็อปไป ทั่วโลก

วายจีกล่าวว่า " ถ้าเราเปิดดูข่าวในทีวีทุกวันนี้ คุณจะเห็นได้ว่า ดารานักร้องเกาหลีกำลังเดินทางออกนอกประเทศไปจัดคอนเสริต์ในต่างประเทศทั้ง นั้น ซึ่งผมไม่อยากจะทำแบบนั้นกับบิกแบง " เค้ามีทฤษฎีของตัวเองว่า " การที่จะไปเสริฟ์ให้เค้าถึงที่ผมว่ามันใช้การไม่ได้ เราต้องพาเค้ามาหาเราเองจะดีกว่า " ครั้งนี้เค้าวางแผนว่าจะอัดสาระและโปรโมทให้แน่นๆผ่านช่องทางที่หลากหลาย

ถึงเวลาที่เค้าจะพูดถึงเรื่องที่แฟนๆต่างอยากจะรู้มากๆ เรื่องที่เกี่ยวกับการคัมแบคของบิกแบงและเรื่อง world tour

"คุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบิกแบงคือ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะยิ่งเปล่งประกายเมื่อพวกเค้ามาอยู่รวมกันแล้ว พวกเค้าก็สามารถที่จะดึงตัวตนของตัวเองออกมาได้ดีเมื่อทำงานเดี่ยว ดังนั้นสำหรับผมแล้ว บิกแบงแบ่งออกเป็น 6 ทีม ไม่ใช่แค่ ทีมทีมเดียว " วายจีกล่าวว่า บิกแบงนั้น เป็นทั้งการอยู่รวมกันและการทำงานโซโล่ และสำหรับแดซองผู้ที่ผ่านความเจ็บปวดมามากที่สุด ก็จะเป็นคนแรกที่จะออกอัลบั้มโซโล่ในปีนี้

ในปีนี้ จะเริ่มที่คอนเสริต์สำหรับชาวเกาหลีในเดือนมีนาคม พวกเค้าวางแผนว่าจะออกทัวร์ในครึ่งปีแรกของปี 2012 ในญี่ปุ่นและเอเซีย จากนั้นในครึ่งปีหลังที่ยุโรป อเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้ แต่วายจีก็ไม่ลืมในเรื่องของคุณภาพเช่นเคย วายจีกล่าวว่า " ในเรื่องของเวที แสง สี และ วีดีโอเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ผู้คนที่เกาหลีมักจะทำงานเหล่านี้แบ่งแยกออกจากกันเราเลยใช้ทีมงานของ ญี่ปุ่นเยอะมาก แต่คราวนี้เราได้่ร่วมงานกับทาง Live nation ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานด้านการจัดการแสดงที่เคยทำงานให้กับ Beyonce และ Lady Gaga.

ท่านยางกล่าวว่า บิกแบงนั้นแบ่งออกได้เป็น 6 ทีม คือ ทีมบิกแบงรวมกัน 5 คน, Daesung, Seungri, G-Dragon, TOP, Taeyang พวกเค้าต่างก็ตั้งใจมุ่งมั่นในการทำงานโซโล่อัลบั้มของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นในการทัวร์คอนเสริต์ของพวกเค้าทั้ง 5 คนด้วย ซึ่งพวกเค้าต่างก็ทำงานทั้งสองด้านแบบนี้ " เราวางแผนว่าจะเริ่มงานโซโล่ที่แดซอง ผมต้องการให้รอยแผลเป็นต่างๆที่เค้าได้รับเมื่อปีที่แล้ว ถูกลบเลือนหายไปให้หมดในเร็วๆนี้" วายจีของเราเป็นครอบครัว เป็นบ้านหลังใหญ่ในฐานะที่เป็นพ่อบ้านวิธีคิดที่เต็มไปด้วยการไตร่ตรองเช่น นี้ คือรูปแบบการเอาใจใส่อย่างนึงที่เค้าจะมอบให้กับลูกบ้านได้

SOURCE: MYDAILY, via DAUM
Eng Translation by: ALEX @ bigbangupdates
Thai Translation by mew mini museum

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ไฮไลท์รายการวิทยุ MBC Best friend 19JAN2011

ผ่านมาประมาณ 1 ปีแล้วนะคะเนี้ย รายการวิทยุรายการนี้ จริงๆซับออกมาได้พักนึงแล้ว น่าจะเป็นช่วงตรุษจีนที่มิวกำลังยุ่งแสนสาหัส ในใจเลยคาดดาวเอาไว้ก่อน

วันนี้เห็นเงียบๆเลยเอามาดู ปรากฏว่ามีคำถามที่มิวไม่เคยได้ยินมาก่อนรวมอยู่ในรายการด้วย เช่นเรื่อง อาบน้ำถูตัว 555 (แอร๊ยยย) เห็นว่าฮาคะ เลยทำไฮไลท์มาฝากดีกว่า

============================

ไฮไลท์รายการวิทยุ MBC Best friend โดยดีเจ Noh Hing Chul On-air 19 Jan 2012

-ตอนที่ไปออกรายการวิทยุนี้เป็นช่วงโปรโมทยูนิตพิเศษ GDTOPค่ะ DJตื่นเต้นมากและแฟนๆก็ตื่นเต้นมากที่น้องจีและทาบิไปออกรายการวิทยุกัน เพราะว่าเป็นเวลานานมากๆแล้วที่ไม่ได้ไปออกรายการวิทยุแบบนี้  ตามธรรมเนียมที่ทำกันประจำ วีไอพีได้ส่งโปสเตอร์ขนาดใหญ่มาติดในสถานนีเพื่อเป็นการช่วยโปรโมท และส่งอาหารพิเศษมาเลี้ยงทีมงาน และดีเจด้วย

-ดีเจมีแซวทาบิเรื่องที่เค้าได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมด้วย ซึ่งทาบิเล่าว่าได้รางวัลมาเป็นรถยนต์แต่เพราะตัวเค้าเองไม่มีใบขับขี่เลยยกให้ทางบ้านเอาไปใช้แทน

-เมื่อถามถึงเรื่องก่อนคัมแบคที่มีคนลือมากมายว่าสมาชิกในวงไม่ถูกกัน ทำให้บิกแบงไม่คัมแบคซักที
ที่ลือกันหนักๆ คือ น้องจีกับทาบินี่แหละที่ไม่ถูกกัน ทาบิบอกว่าฮามากเพราะจริงๆแล้วในบิกแบงไม่เคยทะเลาะกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่กล้ายืนยันเป็นเรื่องที่ภูมิใจกันมากในบิกแบง

-ทาบิเล่าว่าชอบนั่งดื่มอยู่ที่บ้านแล้วก็คุยกัน น้องจีเสริมว่าเป็นเพราะเป็นผู้ชายกันหมดหัวข้อเรื่องที่คุยบางครั้งก็คุยกันเรื่อง Girlgroupด้วย แต่ส่วนใหญ่มักจะเปิดอกคุยกันเรื่องต่างๆที่ลึกซึ้งๆ ทั้งเรื่องปัญหาที่ต้องเจอ หรือทำยังไงจะได้ปรับปรุงตัวเอง

-ดีเจถามว่า เวลา เมา มีอาการยังไง?? ทาบิบอกว่าเวลาเมามักหลับ เป็นเพราะไม่ค่อยได้ออกไปนั่งดื่มที่ไหนคนเดียวก็มักจะดื่มไวน์แดงแก้วสองแก้วแล้วนอน เวลามีงานหนัก เวลานอนไม่หลับ เวลารู้สึกกลุ้มใจก็มักจะดื่มไวน์ ถ้าดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอลล์อย่างอื่น ทาบิบอกว่าถ้าเมาแล้วจะรู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป

DJ เลยบอกว่าไม่ใช่คอไวน์เลยไม่รู้จะคอมเม้นซ์ยังไงแต่ถามทาบิไปว่าดื่มไวน์ยี่ห้อ 713 ใช่ไม๊?? ทาบิบอกว่าใช่ ดื่มยี่ห้อนี้แหละ

- ในส่วนของน้องจี น้องจีบอกว่า เวลาเมามักจะทำตัวประหลาดๆ จะอารมณ์ดีผิดปกติ จนกลายเป็นคนพูดมากไปเลยเวลาเมา แถมเสียงก็จะสูงขึ้นอีกโน้ตนึงด้วย

- ดีเจถามถึงโลโก้อัลบั้มที่เป็นชื่อน้องจีกับทาบิแต่มองออกมาเป็นรูปกระต่าย Playboyได้ เป็นรูปมือชู 2 นิ้วได้ด้วยอีกเช่นกัน (ซึ่งตอนหลัง playboy มีจดหมายขอให้เปลี่ยนไปอะนะคะ)
ดีเจบอกว่าดูเป็นกระต่ายมากกว่าอย่างอื่น ทาบิก็บอกว่าตัวเค้าเองเกิดปีกระต่าย ดีเจเลยถามว่ามีคนเคยมาทักว่าเหมือนกระต่ายไม๊? ทาบิว่าไม่เคยมีเลย แล้วยิ้มเขิน

- คำถามจากผู้ฟังนะค่ะ ถามว่า ทั้งคู่เคยออกไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำสาธารณะบ้างไม๊? ถ้าเคย รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?? ทาบิบอกว่าไม่เคยเลยคะแล้วก็เป็นคนไม่ออกไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำสาธารณะด้วย
น้องจีนึกๆขึ้นมาได้เลยถามทาบิว่าครั้งนึงเคยไปซาวน่าด้วยกันใช่ไม๊?? ทาบิเลยบอกว่า อ่าๆใช่ๆตอนนั้นยังเด็กอยู่ อยู่ชั้นมัธยมไปซาวน่ากับน้องจีหลังเลิกเรียน

ดีเจเลยแซวว่างั้นก็ได้ถูหลังให้ทาบิด้วยอะสิ มีขี้ไคลเยอะรึเปล่า?? ทาบิก็พูดว่าทาบิถูตัวเองได้ ดีเจก็ต้อนไม่เลิกว่า แล้วถูหลังถึงเหรอ แล้วก็ขอโทษทาบิไปคะว่าเอาแต่ถามเรื่องถูตัว 555 เลยไม่ได้คำตอบเลย 

-แล้วก็มาถึงน้องจีตอบคำถามบ้าง เรื่องโรงอาบน้ำสาธารณะ น้องจีตอบว่าไม่เคยได้ไปอีกเลยในช่วงหลังๆนี่ เพราะออกไปไม่ได้ เมื่อก่อนก็ยังไปอยู่ สมัยเป็นศิลปินฝึกหัดก็ไปอยู่ เพราะใกล้ๆวายจีมีโรงอาบน้ำอยู่ด้วย น้องจีบอกว่าถ้ารถไฟใต้ดินหมดก็จะอาศัยนอนที่นั่นบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะต้องไปนอนที่นั่นกับยองเบ ดีเจก็ถามเรื่องถูหลังอีกแล้วคะ น้องจีว่าช่วยกันถู น้องจีถูยองเบยองเบถูน้องจี >///<

-พอจบช่วงที่โชว์เพลง Oh yeah ซึ่งมาร้องสดในสถานนีดีเจก็ชมว่า เหมือนเปิดซีดีเลย เสียงดีกันมากๆ ได้ดูแลสุขภาพกันอย่างดีใช่รึเปล่า?

น้องจีก็บอกว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ ดีเจเลยถามว่าแล้วได้ทานอาหารรอบดึกกันไม๊ทานอะไรกัน?? น้องจีก็ตอบว่าทานเป็นประจำเลย ชอบน้ำปั่นกับเท้าหมู และยังบอกด้วยว่าอร่อยมากๆ ทานได้ทุกอย่าง ชอบทานมากๆ ดีเจเลยถามว่าเป็นแบบนี้ทั้งวงเลยไม๊?? น้องจีก็บอกว่าเป็นกันทุกคน แต่ทาบิจะชอบทานมื้อดึกมากที่สุด น้องแดไม่ค่อยทานแดแต่จะชอบคะยันคะยอให้คนอื่นทาน ส่วนตัวเองทานน้อย ทาบิเสริมให้ว่าน้องแดเป็นคนที่ดูแลรักษารูปร่างมากที่สุดในวง

-มาถึงอีกคำถามนึงจากแฟนๆ มาจากละครที่กำลังฮิตในตอนนั้นเลย ถามว่าถ้ามีโอกาสได้สลับร่างกับสมาชิกในวงอยากจะสลับร่างกับใคร
น้องจีตอบว่า รู้สึกพอใจกับรูปร่างของตัวเองและเข้าใจร่างกายของตัวเองอย่างดีเลยไม่อยากเปลี่ยนกับใครเลย
แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนจริงๆ เอาแต่รูปร่างไม่ได้ดูที่อย่างอื่นเลย ขอเปลี่ยนกับ น้องซึง

แล้วก็แฉว่า ทุกคนอาจจะไม่รู้ว่า น้องซึงเป็นคนที่ขนดก ขนเยอะมากๆ ดีเจเลยบอกว่า ไปเลเซอร์ขนออกก็ไม่ได้เนอะเพราะขนเยอะมาก ทำแล้วตัวคงแดงไปหมด ทาบิก็บอกว่าถ้าใช้เลเซอร์จำกัดขนทั้งตัว ตัวคงร้อนเหมือนอยู่ในภูเขาไฟแน่ๆเลย ดีเจก็แซวว่าเหมือน บาร์บีคิวเลยว่างั้น XD

- ส่วนทาบิก็ตอบว่าชอบรูปร่างของตัวเองเหมือนกันคะ ดีเจเลยถามใหม่ว่า งั้นไม่อยากจะเปลี่ยนรูปร่างกับใครมากที่สุด ทาบิก็บอกว่า ชอบทุกคนหมดเลยไม่มีคนไหนที่ไม่อยากจะเปลี่ยนด้วย ดีเจเลยบอกว่างั้นก็เปลี่ยนซะสิ ทาบิบอกว่ามันคงแปลกๆถ้าหน้ายังเป็นทาบิอยู่แต่ตัวเป็นของสมาชิกคนอื่นในวง มันคงแปลกๆไม่เหมาะเลยไม่เปลี่ยนคะ

-คำถามต่อไปถามว่า ชอบทานลูกอมรสอะไรมากที่สุด?? น้องจีว่าช็อคโกแลตแต่ตอนนี้ชอบ  รสกาแฟและอัลมอนต์ ( แบบในเพลง แถมยังบอกว่าเพิ่งมาชอบเมื่อไม่นานมานี้) น้องจีเล่าว่าเวลาแต่งเพลงถ้าได้อมลูกอมจะรู้สึกดีขึ้นและแรงบันดาลใจก็จะมาค่ะ

ส่วนทาบิตอบว่า ช่วงนี้ชอบลูกอม รส นมกล้วยหอม ในช่วงอากาศหนาวหรือช่วงที่จะต้องตั้งสมาธิก็มักจะมีลูกอมอมไว้เสมอ ดีเจเลยถามว่า เมื่อ มีของหวานอยู่ในปากจะเกิดความรู้สึกแบบไหน?? ทาบิบอกว่าจะรู้สึกตื่นเต้น ดีเจเลยแซวว่าพอพูดถึงลูกอมปุ๊บก็คงตื่นเต้นจนแทบคลั่งเลยใช่ไม๊?? ( น้องจีกับทาบิก็เอาแต่เขินปิดหน้าปิดตา XD)

-เมื่อถูกถามเรื่องร้องเพลงในคาราโอเกะ น้องจีบอกว่าไม่ค่อยได้ไปร้องเลยช่วงนี้แต่ถ้าไปก็จะเลือกร้องเพลงที่สนุกสนาน แต่ไม่ค่อยได้้ร้องเพลงของตัวเองเพราะเขิน ถ้าจะ้ร้องเพลงของบิกแบงจริงๆก็จะร้องเพลงโซโล่ของสมาชิกในวงแต่จะไม่ร้องเพลงของตัวเอง

ทาบิเล่าต่อว่าจะไม่ร้องเพลงของตัวเองเวลาไปคาราโอเกะกับเพื่อนๆเพราะหลังจากที่ร้องเพลงก็จะมีคะแนนขึ้นที่เครื่อง ถึงแม้ว่าจะร้องเพลงของตัวเองแต่ก็ไม่เคยที่จะได้คะแนนเต็มร้อย เลยรู้สึกจะเสียเหลี่ยมคะ ถ้าร้องเพลงคนอื่นไม่ได้คะแนนเต็มก็ไม่ค่อยเท่าไหร่

-ประเทศที่น้องจีอยากจะไปคือ อินเดียและอียิปต์ ดีเจแซวว่าเพราะชอบทานแกงใช่ไม๊?? น้องจีบอกว่าชอบแกงด้วยและคิดว่าประเทศเหล่านี้ดูเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังคะ

-ดีเจถามทาบิเรื่องการปล่อยมุขตลก ทาบิบอกว่าเวลาทำตัวตลกๆขนาดตัวเองยังไม่ค่อยรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เพราะเป็นคนที่มีบุคคลิกเปลี่ยนไปมา ขนาดตัวเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นกับตัวเองเลย ดีเจเลยหันไปให้น้องจีตอบ น้องจีเลยบอกว่าทุกคนชอบที่จะฟังทาบิปล่อยมุข เวลาอยู่ใกล้ๆทาบิก็มักจะได้ยินเรื่องตลกๆเสมอ ส่วนตัวน้องจีเองไม่ค่อยได้พูดอะไรตลกๆหรือปล่อยมุขคะ

-มีคำถามจากแฟนๆเข้ามาอีก ถามว่า ในบรรดาสมาชิกในวงคนไหนที่ดูจะไม่ค่อยมีเซ้นซ์เท่าไหร่?? ทาบิบอก ทุกคนในวงก็ดูจะไม่ค่อยมีเซ้นซ์กันทั้งนั้น น้องจีเลยยกตัวอย่างว่า เวลาทั้ง 5 คนอยู่ด้วยกันชอบหัวเราะใส่กันไม่หยุด ต้องจบลงที่ทีมงานไม่ก็พี่ผู้จัดการต้องมาดุให้เงียบ ทาบิเล่าเสริมว่าเรื่องเล็กๆก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ตลกกันได้

แม้ว่าตอนอยู่ต่อหน้ากล้องจะดูขี้อายกันมากเพราะชอบถ่อมตัว แต่พออยู่กันเองแล้วจะเฮฮากันมาก

-เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่ประหม่าที่สุด ทั้งทาบิและน้องจีต่างตอบว่าเป็นตอนที่เล่นคอนเสริต์หลังจากเดบิวครั้งแรก ทาบิเล่าว่าแท่งไฟสีเหลืองที่วีไอพีถือมาโบกเชียร์ แสงสีเหลืองที่เต็มฮอล์ไปหมดนั้นจะไม่มีทางเลือนหายไปจากใจทาบิได้ ส่วนน้องจีก็บอกว่าเสียงเชียร์ที่ร้องเรียกนั้นเป็นเสียงที่น้องจะจำไปตลอด ทาบิบอกว่าพอหันไปมองก็เห็นน้องแดยืนร้องไห้อยู่ เพราะรู้สึกประหม่ามากๆคะ

-พูดถึงเหตุการณ์ที่น่าอาย น้องจีบอกว่าก็ไม่ถึงกับน่าอายแต่มีอยู่คืนนึงทำงานที่สตูดิโอจนดึก พอเสร็จงานก็ออกมากับพี่ผู้จัดการและไปนั่งรอบนรถ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและเป็นเวลาดึกมากแล้ว มีแฟนเพลงสาวคนนึงมาดักรอและโบกรถให้จอด ในมือถือถุงมาด้วยคะ น้องจีคิดว่าเธอคงจะเอาของมารอให้น้องจีแน่ๆเลยหมุนกระจกลง ปรากฏว่า ถุงของขวัญนั้นวีไอพีอยากฝากให้ยองเบ 5555 ซึ่งน้องจีบอกว่าเหตุการณ์ฝากของขวัญนี้เกิดขึ้นบ่อยมากๆ

===========================

ถ้าใครพอมีเวลาก็ลองดูนะคะ สนุกดี ดูแล้วยิ้มมมม มิวแปะให้ตัวแรกนะค่ะ ตามต่อที่ช่องได้เลยคะ มีทั้งหมด 5 คลิปโล้ดดดดด

Thank you BBVIPChannel and BBU ค๊า รวมรวบไฮไลท์เป็นไทย Mew in my mini museum XD


วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

2012 The Year of the G-Dragon [HighCut vol:70]

นิตยสาร High Cut :2012 The years of g- DRAGON

หลังจากที่ว่างเว้นไม่มีงานในตารางงาน 4 เดือนเต็มๆ วันนี้ จีดราก้อนได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร HighCut ถึงแม้ว่าการให้สัมภาษณ์นี้จะมีขึ้นอย่างเร่งด่วนเพียง 20 นาทีเท่านั้น แต่เค้าได้ตอบคำถามที่เป็นที่สงสัยของคนในสังคมและตอบมันแบบมองโลกในแง่ดี เค้าเรียกช่วงที่เค้าห่างหายไปนั้นว่าเป็นช่วง" ย้อนพิจารณาตัวเองอย่างลึกซึ้ง" และ "ช่วงเวลาดีๆ" ซึ่งในระหว่างที่เค้ามีช่วงเวลาดีๆนั้น ดูเหมือนว่าจีดราก้อนของเราจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว 

Q1: ไม่ได้เจอกันนานทีเดียวนะครับ ในช่วงนี้คุณยุ่งทำอะไรอยู่บ้าง?? 
GD:ตอนนี้ผมกำลังยุ่งทำงานในอัลบั้มใหม่ครับดังนั้นผมจึงไม่ค่อยมีเวลาไปทำอย่างอื่นเท่าไหร่ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในสตูดิโอและออกไปข้างนอกน้อยมาก

Q:2 ผมเห็นรอยสักรอยใหม่บนนิ้วของคุณด้วย คุณไปสักมาในช่วงที่หายไปใช่ไม๊ครับ??
GD: ไม่ใช่ฮะ พวกนี้ไม่ใช่รอยสักหรอกครับ ผมไปวาดมันมาเมื่อวานนี้เองเพราะต้องถ่ายปกอัลบั้มใหม่เลยไปวาดมาครับ จริงๆผมไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะไปสักเป็นตัวหนังสือเพิ่มอีกหรือเปล่าในอนาคต ซึ่งจริงๆตัวผมเองอยากจะสักอีกนะครับ แต่ก็มีคนขอไว้ว่าอย่าทำเลย ผมเลยใช้วิธีวาดแทน 

Q3: พูดก็พูดนะครับ เป็นเพราะว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นทำให้มีช่วงที่ต้องเว้นว่างไป คุณเลยเปลี่ยนช่วงที่จู่ๆจำเป็นต้องว่างนั้นเป็นช่วงที่คุณใช้ย้อนมองตัวเองใช่ไม๊ครับ??
GD: ผมไม่ได้พักเลยตั้งแต่เดบิวมาครับ ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่ในการเว้นว่างในครั้งนี้ทำให้ผมได้มองย้อนกลับไปจริงๆครับ แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆถ้าผมจะได้มีเวลาย้อนมองตัวเองเฉพาะในช่วงที่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น อย่างไงก็ดี ถ้าเราลองมองมันอีกแง่มุม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีความหมายมากๆสำหรับผมนะครับ เพราะมันเป็นเวลาที่ทำให้ผมได้มองตัวเอง มันคือช่วงที่ผมได้มีเวลาดีๆกับตัวเองครับ

 

Q4: ในระหว่างการถ่ายภาพ แทยังและแดซองได้มาเยี่ยมคุณด้วย คุณสนิทกับพวกเค้ามากขึ้นในช่วงที่ได้เว้นว่างไปเหรอครับ??
GD: ผมมีงานที่จะต้องไปทำกับพวกเค้าหลังจากที่ถ่ายแบบครั้งนี้ครับดังนั้นพวกเค้าคงจะเบื่อนะฮะที่ต้องรอผมเลยตรงมาที่นี่แทน (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าผมจะสนิทกับสมาชิกในวงทุกคนแต่พวกเราก็ใช้เวลาร่วมกันไม่บ่อยนักครับและเป็นเพราะสมาชิกทุกคนก็เรียกได้ว่ามีงานแค่ครึ่งเดียวในช่วงนี้ เราก็ได้มุ่งสมาธิของเราไปที่การทำงานในอัลบั้ม 

เราทั้ง 5 คนมักจะใช้เวลาร่วมกันอยู่ในสตูดิโอและจะปรึกษาหารือกันอย่างตรงไปตรงมาเราได้แลกเปลี่ยนไอเดียต่างๆร่วมกันได้ปลอบใจซึ่งกันและกันด้วย ผมคิดว่ามันช่วงเวลาที่มีค่ามาสำหรับเราทุกคนครับ

Q5 : กิตติศักดิ์ในเรื่องแฟชั่นของคุณก็ยังเป็นที่กล่าวขานอยู่เหมือนเดิมเลยนะครับ คุณมีแนวทางในเรื่องของแฟชั่นยังไงบ้าง?? 
GD: (เขินอาย)อ่าา ...ผมไม่มีกิตติศักดิ์อะไรหรอกครับในเรื่องของแนวทางแฟชั่นก็ไม่มีเหมือนกัน แต่เป็นเพราะผมชอบในเรื่องแฟชั่นผมเลยเอาใจใส่หวั่นไหวกับมันเป็นพิเศษ สิ่งที่คุณสวมใส่มันจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณในวันนั้นๆด้วยดังนั้นมันจึงสำคัญนะครับที่จะต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ให้ถูกต้อง ผมเลยใส่ความใส่ใจพยายามลงไปในเสื้อผ้าที่ผมจะสวมใส่และทุกคนชอบมันเท่านั้นเองครับ 

Q6: เราสามารถเรียกคุณว่าเป็น "ไม้แขวนเสื้อ" ได้เลยนะครับเพราะคุณมีรูปร่างที่ดี คุณได้ใส่ใจในการรักษารูปร่างบ้างรึเปล่า?? 
GD: เมื่อก่อนไม่ได้ใส่ใจกับมันเลยละครัย แต่เมื่อผมมีอายุมากขึ้น ถ้าผมไม่ใส่ใจมันบ้าง ตัวผมก็ตงจะต้องอวบขึ้นๆๆเรื่อยๆใช่ไม๊ฮะ ( หัวเราะเสียงดัง) ก็เหมือนกับที่ยองเบพูดแหละครับ " เราไม่ได้อายุน้อยๆกันแล้ว" เมื่อปีที่แล้วไม่ว่าผมจะทานลงไปมากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยอ้วนขึ้นเลย แต่มาปีนี้ผมได้แต่หวังให้ตัวเองจะสามารถผอมลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งกรณีนี้ยองเบก็เหมือนกันนะครับ ( หัวเราะเสียงดังกันใหญ่) 

ยังไงก็ตามแต่ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะผมเปลี่ยนจากอยู่ที่หอมาอยู่กับที่บ้าน ทำให้ผมทานอาหารได้เยอะมาก ซึ่งนั่นทำให้ผมไม่สามารถจะกลับมาผอมได้ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ต้องออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสมส่วนเท่านั้นแต่จะต้องเตรียมตัวในการทำ world tour ในปีนี้ด้วยครับ ดังนั้นผมอยากจะเริ่มต้นด้วยร่างกายที่แข็งแรงหลังจากที่พักไปนานครับ

Q7: ในตอนนี้มีเพลงหลายๆเพลงเลยที่มีชื่อ เพลง ต่อท้ายด้วยคำว่า "... breaker" ในฐานะที่คุณเป็นคนที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของคำนี้แต่เดิม คุณรู้สึกยังไงบ้าง?? 
GD: เพลงเหล่านั้นแต่งขึ้นมาเพราะผมเหรอครับ??? ไม่รู้เลยนะครับ น่าสนใจทีเดียวครับ ในช่วงนี้เวลาที่ผมได้เข้าไปเล่นเนท ผมรู้สึกว่าผู้คนเดี๋ยวนี้มีพรสวรรค์เก่งๆกันทั้งนั้นเลย เนื้อเพลงก็เขียนออกมาอย่างดี ผมไม่คิดว่าเพลงเหล่านั้นจะแต่งขึ้นมาเพราะว่าผมหรอกนะครับ

Q8: เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณ Jung Hyungdon (นักแสดงตลก) บอกว่าเค้าไม่รู้เบอร์โทรติดต่อคุณดังนั้นเค้าจึงโทรไปที่ วายจีแทน ซึ่งท่านประธานวายจีก็ยังพูดเลยว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าได้รับเค้าเข้ามาอยู่ในสังกัด
GD: ผมได้อ่านข่าวนี้เมื่อวานครับ ผม อยากจะได้มีโอกาสเป็นเพื่อนร่วมงานกับพี่เค้าแน่นอนอยู่แล้วฮะ (หัวเราะ) ดูเหมือนว่าพี่เค้าจะชอบบริษัทของเรามานานแล้วด้วย เราโชคดีมากๆเลยครับ ( haha) 



Q9: คุณได้ดูรายการเฟ้นหาดาวดวงใหม่ "Kpop Star" ที่ท่านประธานเป็นกรรมการรึเปล่าครับ?
GD: ดูแน่นอนครับ 

Q10: มีผู้เข้าแข่งขันคนไหนที่คุณคิดว่าเค้าฝีมือบ้างรึเปล่าครับ??
GD: ผมได้เห็นพวกเค้าที่กำลังซ้อมอยู่ในตึกของบริษัทเมื่อไม่กี่วันก่อนฮะ มีคนนึงที่กำลังเต้นอยู่ เค้าชื่อ Lee Seung-joo และที่อยู่ของเค้าก็อยู่ห่างจากตึกบริษัทเราแค่เดินไปนาทีเดียวเท่านั้น นอกจากนี้มีผู้เข้าแข่งขันหญิงหลายๆคนที่มีการแสดงที่โดดเด่นเหมือนกันนะครับ แต่ผมคิดว่า Lee seung joo ดูเปล่งประกายมากจริงๆ 

Q11:มีการประกาศออกมาว่าบิกแบงจะทำงานตลอดทั้งปีนี้ใช่ไม๊ครับ?? 
GD: ผมคิดว่าผมควรจะต้องรู้สึกขอบคุณมากๆที่เรามีปีนี้ครับ ดังนั้นผมจะทำงานหนักมากขึ้นเป็นพิเศษเลยในปีนี้ ในอดีตพูดตรงๆคือ ผมจะรู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับการทำงานของผมมากกว่าที่จะมีความสุขสนุกกับมัน แต่ตอนนี้ หลังจากช่วงเวลาที่ได้ไปปรับปรุงตัวมาผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่าจริงๆที่ผมได้มีโอกาสได้แสดงอยู่บนเวทีและผมก็โหยหาอยากกลับขึ้นไปบนเวทีอย่างมากเลยครับ ผมหวังว่าผมจะสามารถเก็บความรู้สึกหลงใหลแบบนี้เอาไว้ได้ตลอดไป

Q12: คุณรู้ใช่ไม๊ครับว่า พอคุณคัมแบคมาในครั้งนี้ ย่อมต้องโดนคำวิจารณ์มากมายแน่นอน?? 
GD: ผมคาดการณ์เอาไว้แล้วละครับ แต่ไม่ว่าจะยังไงผมได้ทำผิดดังนั้นผมน้อมรับผลที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดครับ ตั้งแต่เป็นเด้กมาผมไม่ใช่คนที่สงวนท่าทีอะไร พวกคนที่กล่าวโทษใส่ผมพวกเค้าก็จะท้อไปเองส่วนคนที่รักผมก็จะได้รู้จักผมมากขึ้นในขั้นตอนเหล่านั้น บิกแบงไม่ใช่วงที่จะมีอายุขัยสั้นๆ หากเราสามารถค้นหาสิ่งใหม่ๆในเสียงเพลงได้ เราก็จะก้าวไปข้างหน้าต่อไปและแก้ไขปัญหาทุกๆอย่างที่เราต้องเผชิญได้ครับ

 

Q13: คุณมีแผนที่จะออกอัลบั้มเดี่ยวหรือมีแผนว่าจะได้ไปลองทำงานในด้านอื่นๆในวงการนี้ดูไม๊ครับ??
GD: (สั่นหัว) อืม...ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้วางแผนไว้ แต่ท่านประธานมักจะทาบทามให้ผมลองแสดงละครดูครับ (หัวเราะ) ผมแสดงได้แย่มากจริงๆครับมีคนอื่นที่มีความสามารถตรงนี้มากมาย มันเหมือนกับเป็นดินแดนที่ผมไม่สามารถที่จะเหยียบย่างลงไปได้ก็เท่านั้น ในตอนนี้มีงานมากพอที่จะทำให้ผมยุ่งอยู่ตลอดดังนั้นผมไม่เห็นเหตุผลที่ควรจะไปลองงานในด้านนั้นดูครับ ถ้าหากผมต้องการที่จะทำงานในด้านั้นจริงๆ ก่อนอื่นผมคงต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนเป็นอันดับแรก

ในตอนนี้เราตัดสินใจว่าจะเริ่มงานเดี่ยวของผมในช่วงฤดูร้อนนี้ซึ่งก็จะเป็นช่วงเดียวกับของแทยังด้วย เรามีตารางงานที่แน่นมากจริงๆในปีนี้ และถ้าแฟนๆยังคงรอคอยเรารับรองว่าเราจะกลับมาหาพวกเค้าให้เร็วที่สุดเลยละครับ

Q14 คุณรู้สึกยังไงที่ได้ถ่ายแบบกับหมีเท็ดดี้ในครั้งนี้ครับ?? 
GD: ผมคิดว่ามันให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปนะครับและรู้สึกดีมากจริงๆ(แกล้งทำท่าหมีน้อย) 

NOTE: ในส่วนของคุณ rice ได้แปลบทสัมภาษณ์นี้มาจากภาษาจีนซึ่งแน่นอนย่อมมีความคลาดเคลื่อนบางอย่างไม่มากก็น้อย ในส่วนของมิวมิวแปลจากภาษาอังกฤษของคุณrice ซึ่งก็ได้พยายามแปลให้เข้าใจง่ายและตรงกับความหมายคำมากที่สุด หากใครพบว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนสามารถทักท้วงมาได้เสมอค๊า

Source: Baidu Korean to Chinese: 河碧, Siete GD 涅槃 @百度唯權志龍吧 
Chinese to English: RICE @ bigbangupdates.com 
English to Thai : Mew mini museum