วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สัมภาษณ์ คุณ ยาง ฮยอน ซอก ผู้เขียนตำนานความสำเร็จแห่ง YGE

ยางฮยอนซอก "กูเกิลแห่งเกาหลี" ผู้เขียนตำนานความสำเร็จแห่ง วายจี

ก้าวเข้าไปในห้องผ่านประตูที่เปิดกว้างมองเห็นแม่น้ำฮาน ผมก็เจอกับหุ่นยนต์ Taekwon-V ขนาดสูงเกือบๆ 3 เมตรยืนต้อนรับเหมือนกับว่ามันเป็นเจ้าของห้องทำงานแห่งนี้ซะเอง

ซึ่งเจ้าของห้องตัวจริง ผู้ซึ่งสวมยีนส์และรองเท้าผ้าใบ กำลังพูดเรื่องวิว และกำลังรินกาแฟให้ผมด้วยท่าทางเปี่ยมด้วยความชำนิชำนาญและยิ้มอย่างมีความสุข

สำหรับผมในฐานะแขกผู้มาเยือน ห้องห้องนี้ที่มีชั้นที่เหมือนเป็นบ้านของโมเดลมากมายแตกต่างกันไป มิกกี้เม้าส์กำลังทำหน้าเชื้อเชิญให้ออกไปสู่ทางเดินที่ระเบียงที่มีสวนอยู่ สุนัขขนาดเท่าตัวจริงจาก MCM ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ถ้าห้องนี้ไม่มีคอมพิวเตอร์จาก apple และ เครื่องเสียงบนโต๊ะทำงานแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าที่นี่เหมือนกับเป็นดีสนีย์แลนด์มากกว่า

และที่นี่แหละเป็นที่ทำงานของ ท่านประธาน ยาง ฮยอน ซอก ผู้ซึ่งเป็นผู้เขียนตำนานความสำเร็จให้กับวายจีเอนเตอร์เม้นซ์ ซึ่งเค้าถูกเรียกว่าเป็น "กูเกิลแห่งเกาหลี" บ่อยๆ

เค้าได้เปลื่ยนห้องที่เค้าจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วยให้กลายเป็นห้องที่มีลักษณะเหมือนเค้าให้มากที่สุด และเปิดเผยถึงความงามในศิลปะและความอ่อนโยนที่เป็นความลับที่เค้าไม่เคยเปิดเผยออกมา


ภาพลักษณ์ที่เหนือความคาดหมายนี้ของเค้าได้สร้างความแตกต่างแต่ก็ยิ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความเชื่อใจและความไว้ใจที่เราสามารถมองเห็นได้ผ่านความสัมพันธ์ส่วนตัวและในสไตล์การทำธุรกิจของเค้า

เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่คุณยางฮยอนซอกได้เคยให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายไป ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้เค้าเปิดเผยเป็นครั้งแรกถึงความเปลี่ยนแปลงของเค้าตั้งแต่ได้แต่งงานกับคุณ Lee Eun Joo และ การกำเนิดของลูกสาวของเค้า


ท่านยางบอกกับเราว่าสิ่งที่ทำให้เค้าก้าวเข้ามาสู่วงการนี้จาก ความรักในการเต้น จนมาถึงการก่อตั้งบริษัทวายจี ที่ใต้ถุนตึกหลังจากที่ seo taji and boys แยกวงกันเมื่อ 15 ปีก่อน จนมาถึงตอนนี้ที่ธุรกิจ มีศิลปินอย่าง บิกแบงและ 2ne1 ที่มาแรงเหมือนพายุแห่งวงการดนตรีในขณะนี้ อีกทั้งบริษัท วายจีแห่งนี้ยังได้รับความชื่นชมจากโปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง Quincy Jones และหัวหน้าวง Black Eyed Peas Will I am เรื่องราวเหล่านี้กำลังจะถูกเปิดเผยผ่านการสัมภาษณ์ของเราในครั้งนี้

เมื่อ คุณ Lee Eun Joo ต้องการสวมชุดแต่งงาน

ท่านยางฮยอนซอกเปิดเผยเป็นครั้งแรกถึงชีวิตหลังการแต่งงานของเค้า"เป็นเพราะ Lee Eun Joo ต้องการที่จะสวมชุดแต่งงานเราเลยจัดงานแต่งงานเล็กๆและไปถ่ายรูปด้วยกัน พร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ของเราและญาติสนิทเท่านั้น EunJoo รู้ว่าผมเป็นยังไงและรู้สไตล์ของผม ดังนั้นผมจึงรู้สึกสบายๆ มีเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นที่เรามีความเห็นไม่ตรงกัน แต่เราไม่เคยที่จะระเบิดอารมณ์ใส่กันหรือทะเลาะกันเลย เราสนุกสนานและอยู่กันแบบเพื่อนครับ"


และแม้แต่คนอย่างยางฮยอนซอกคนนี้ก็ต้องกลายเป็น คนซื่อบื้อไปเลยเมื่อเค้าอยู่ต่อหน้าลูกสาวที่เกิดเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว น้องYooJin เค้ากล่าวว่าชีวิตของเค้าเปลี่ยนแปลงไปเลยเมื่อลูกสาวของเค้าได้ถือกำเนิดขึ้น เค้าสารภาพว่า " ผมเล่นอยู่กับลูกวันละชั่วโมงต่อวัน แต่พอแค่หันหลังจากออกไปผมก็เริ่มคิดถึงเธอซะแล้วละครับ" ความรักที่เค้ามีต่อลูกสาวนั้นยิ่งใหญ่มากแต่เค้าก็ยังคงเป็นคุณพ่อที่ประหม่าอยู่ดีเนื่องจากว่าเค้าเกิดมาเป็นลูกชายคนที่ 2 ของครอบครัวที่มีแต่ลูกผู้ชายล้วน 3 คน เค้ากล่าวว่า “เราได้รับรถเข็นเด็กเป็นของขวัญ ผมก็ลงมือเริ่มต่อให้มันใช้การได้ แต่ทำยังไงๆๆก็ไม่สำเร็จ ในชีวิตนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันต่อยังไง อีกสองสามวันต่อมาผมเลยขอให้ sean ทำให้ผมที เพราะเค้าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงเด็ก และเพราะเค้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างที่ได้พูดมา และมันก็เป็นแค่งานง่ายๆสำหรับเค้า เค้าต่อเสร็จภายในเวลานาทีเดียวเท่านั้นครับ Sean เป็นคนรักครอบครัว และที่สำคัญเค้าจำเป็นต้องเป็นคนดูแลบ้านด้วยเพราะภรรยาของเค้ายุ่งตลอดเพราะเป็นนักแสดง ดังนั้นเค้าจึงเก่งมากกว่าแม่บ้านทั่วไปด้วยซ้ำ " และจนแล้วจนรอดท่านยางก็ยังคงปฏิเสธไม่รับรู้เรื่องที่ตัวเองเป็นคุณพ่อมือใหม่โดยแท้


ท่านยางได้เปิดเผยว่าทันทีที่เค้าเปิดตัว Lee Eun Joo และยอมรับในความสัมพันธ์ที่เค้าปกปิดไว้กว่า 9 ปีผ่านทางบล็อคของวายจี เค้าต้องการที่จะให้ตัวเอง เป็นผู้ที่พึ่งพาได้และเป็นผู้ที่คอยดูแลคนอื่นได้

เค้ารับเอาพี่ชายของคุณ Lee Eun Joo คุณ Lee Jae Jin เข้ามาเป็นส่วนนึงในหน้าที่รับผิดชอบของเค้า รุ่นพี่ที่คุณ JaeJin เคยรู้สึกว่าลำบากที่จะเข้าถึงตอนนี้ได้กลายมาเป็น พี่เขย และปัจจุบันนี้พวกเค้าเรียกกันและกันว่า"พี่น้องที่แท้จริง" ท่านยางได้ช่วยทำให้ JaeJin สามารถที่จะเข้าเรียนในด้านศิลปะที่เค้าต้องการเรียนต่อได้สำเร็จ


ท่านยางฮยอนซอกดูจะสงวนท่าทีเมื่อมีการพูดเรื่อง ข่าวฉาวของ Seotaji ที่ข่าวเรื่องการแต่งงานมากว่า 12 ปีของเค้าถูกเปิดเผยหลังจากที่ ท่านยางเปิดเผยเรื่องของตัวเองก่อนหน้าเพียง 1 ปี ซึ่งท่านยางไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดทั้งนั้น เค้ากล่าวว่า " พูดตามตรงนะครับผมไม่มีอะไรจะพูดเลยละครับ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่กับเค้าในฐานะเพื่อนแบบไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น ผมพร้อมที่จะเข้าข้างเค้าเต็มที่อยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องฟังเรื่องราวอะไรทั้งนั้น แต่นี่มันเป็นชีวิตของเค้า และผมได้แต่หวังว่ามันจะเข้าที่เข้าทางได้ด้วยตัวของมันเองครับ"

ครอบครัววายจี ยากที่จะเข้ามาได้ แต่มันจะยากยิ่งกว่าที่จะจากออกไป

ในตอนที่ Kang Seung Yoon ผู้ชนะที่มีคนโทรมาโหวตให้เค้าชนะในรายการ superstar K2 ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับทาง YG มีความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในวงการว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับเค้าไม๊?? จริงอยู่ มีหลายคนคิดว่าเค้าเลือกทางเดินที่ดีแล้วแต่ก็ยังมีบางส่วนที่เป็นห่วงว่าเมื่อไหร่เค้าจะได้เดบิวถ้าอยู่กับวายจี เพราะเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางทีเดียวว่าจาก se7en จนมาถึง บิกแบง ศิลปินทุกคนจากวายจีต้องใช้เวลาในการเป็นเทรนนี กว่า 6-7 ปีก่อนที่จะได้เดบิว แต่ทาง Kang Seung Yoon ก็รู้ความจริงในข้อนี้ดี เมื่อเค้าถูกถาม คำตอบของเค้าจึงมีอยู่ว่า " ผมจะพยายามพัฒนาไปทุกๆวันครับ ดังนั้นผมคิดว่ามันไม่ได้ยาวนานขนาดนั้นหรอกฮะ"


"ยากที่จะเข้ามาได้แต่มันจะยากยิ่งกว่าที่จะจากออกไป" คำพูดนี้เป็นการบ่งบอกถึงสไตล์ในการบริหารบุคคลของท่านยางฮยอนซอก ซึ่งดูท่าจะเป็นที่โด่งดังและได้ผลทีเดียว


มีศิลปินเก่าของวายจีหลายคนที่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นหนึ่งในทีมงานของบริษัท เรามีคุณ KimJinu จาก Jinusean ผู้ซึ่งมีทักษะในการพูดภาษาอังกฤษที่ไร้เทียมทานเนื่องจากว่าเค้าเคยใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา และ มีใบหน้าที่หล่อเหลา และเก่งในการเข้าสังคม มารับหน้าที่เกี่ยวกับกิจการและการติดต่อกับต่างประเทศ


เรามี คุณ Sean ผู้ซึ่งเป็นคนดังในเรื่องของการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสกับคุณ Kin Jang Hoon เข้ามาช่วยในเรื่องของการรณรงค์ภายใต้ชื่อ With ของวายจี ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2009 ที่ศิลปินในค่ายวายจีจะบริจาคเงิน 10 เซนจากการขายอัลบั้ม และ 1% ของกำไรในงานทุกอย่างเพื่อการกุศล

ซึ่งการบริจาคทั้งหมดเป็นไปด้วยความสมัครใจทั้งหมด การกระทำแบบนี้หายากมากแม้แต่ในบริษัทที่ใหญ่ๆ

ในช่วงสิ้นปี ศิลปินในค่ายวายจีได้เป็นไปอาสาสมัครสละเวลาของพวกเค้าไปแจกแท่งถ่านในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย เมื่อ ประเทศญี่ปุ่นเกิดภัยจากธรรมชาติ วายจีได้ร่วมบริจาคเป็นเงินกว่า 500 000 ดอลล่าร์


เท็ดดี้ ผู้ซึ่งเป็นคนโปรดิวเพลงกว่า 90~% ของปาร์กบอม ก็เป็นสมาชิกวง 1tym มาก่อนและตอนนี้เค้าเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์แถวหน้าของวายจี


ไม่เพียงแต่ศิลปินเก่าในค่ายจะผันตัวมาคลุกคลีเป็นทีมงานอยู่ในวงการบันเทิงนี้ต่อไปเท่านั้น แต่ทีมงานในบริษัทล้วนแล้วเป็นทีมงานเมื่อ 10 ปีก่อนทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะได้พบเจอ สไตล์ลิสต์ ผู้ออกแบบท่าเต้น และทีมงานในตำแหน่งอื่นๆมากมาย ที่เข้ามาร่วมงานกับบริษัทตั้งแต่พวกเค้ายังเป็นวัยรุ่น พอได้รับประสบการณ์มากเข้าๆในตอนนี้ก็ผันตัวไปทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น


เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ท่านยางฮยอนซอกประสบความเร็จในการต่อสัญญากับ บิกแบง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว นอกจากนี้ยังมี เซเว่นผู้ซึ่งก็ต่อสัญญาที่จะอยู่ร่วมบริษัทวายจีพร้อมทำงานกับทีมงานเดิมร่วม 10 ปีมาแล้ว คงยากที่คุณจะใช้มือแค่ข้างเดียวมานับช่วงเวลาที่พวกเค้าเริ่มเป็นเทรนนีจนได้เดบิวและกลายเป็นดาราใหญ่ในทุกวันนี้ได้


หลังจากที่บิกแบงได้ต่อสัญญากับทางวายจีแล้ว ท่านยางฮยอนซอกกล่าวว่า " เราปฏิบัติกับพวกเค้าอย่างเหมาะสมกับชื่อเสียงและระดับของพวกเค้าในตอนนี้ครับ เราได้ต่อสัญญากันออกไปอีก 5 ปี แต่บางทีอาจจะมีเหตุการณ์ที่เราไม่อาจจะคาดการณ์ได้เกิดขึ้นซึ่งมันก็อาจจะต้องจำกัดกิจกรรมต่างๆของพวกเค้าลง ซึ่งเราก็ทำสัญญาที่ครอบคลุมไปถึงเรื่องดังกล่าวด้วยแล้ว " เค้าเสริมว่า " ผมได้คิดว่าผมจะสามารถสร้างวงที่เหมือนบิกแบงขึ้นมาได้อีกรึไม่ ผมคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่ยากมากแน่ๆที่จะหาสมาชิกในวงที่มีบุคคลิกที่แตกต่างกันและมีพรสวรรค์เหมือนกับสมาชิกในวงบิกแบงขึ้นมาได้อีก ซึ่งนี่แหละจึงทำให้วงวงนี้เป็นสิ่งที่มีค่าไม่ใช่แค่กับผมในฐานะที่ผมเป็นโปรดิวเซอร์ของพวกเค้าเท่านั้นนะ แต่กับวงการอุตสากรรมเพลงเลยก็ว่าได้"


มีสื่อขี้เล่นเขียนบทความ มอบให้แก่ยางฮยอนซอกเป็นพิเศษ ย้อนไปในยุคที่เค้าทำการเดบิว วงหญิงล้วน BigMama ซึ่งตอนนี้วงนี้ได้ยุบลงไปแล้วหลังจากที่ออกจากบริษัทวายจีไป ในตอนที่เค้าทำวง BigMama เค้าได้วิจารณ์ สื่อที่โจมตีและมีอคติเกี่ยวกับรูปลักษณ์หน้าตาของวง bigmama โดยการเขียนว่า " ถ้าพวกเธอไปทำศัลยกรรมละก็ มันก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วสำหรับผมที่จะยุติสัญญา" ทำให้ผู้คนต่างสงสัยกันมากว่ามาตรฐานอะไรที่ท่านยางฮยอนซอกคนนี้นำมาใช้กับศิลปินของตัวเอง


"แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการออดิชั่นคือ พรสววรค์ และนอกจากนี้ผมก็มองไปถึงศักยภาพความสามารถที่ซ่อนอยู่ด้วย ในกรณีของบิกแบง แดซองเป็นคนแรกที่โดดเด่น จนผู้คนต่างพูดล้อกันเป็นเรื่องตลกว่า " เด็กคนนี้จะต้องร้องเพลงเก่งมากแน่ๆ" มีหลายคนคัดค้านมามาก แต่สำหรับผมแล้ว ใบหน้าของแดซองในตอนยิ้มนั้นมันดึงดูดใจจริงๆ ผมเห็นการแสดงความรู้สึกที่มันจะสามารถทำให้ผู้คนรอบข้างเค้ารู้สึกดีได้"

ภาพลักษณ์ที่เหนือความคาดหมายในฐานะที่เป็นทั้ง"ประธานบริษัท " และ "พี่ชาย" สามารถเห็นเมื่อ เซเว่น บิกแบง และ ทูเอนี่วัน ปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ มีหลายๆคนที่ได้มาเจอท่านยางตัวจริงต้องออกปากว่า " อ่าๆๆ นี่มันเหมือนจริงๆนะ" เพราะศิลปินในค่ายต่างเลียนแบบเค้าให้เห็นมาก่อนแล้ว

ท่านยางฮยอนซอกพูดในเรื่องนี้ว่า " ผมก็คิดว่ามันตลกดีครับ ช่วยไม่ได้ที่ผมจะหัวเราะออกมาด้วยเมื่อคิดว่าบุคคลิกของผมถูกทุกคนเอาไปทำล้อเลียน"


ท่ามกลางชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีในเรื่องที่ทุกคนต้องใช้เวลานานกว่าจะได้เดบิว ท่านยางได้เปิดเผยว่าเค้าพยายามที่จะเปิดประตูโอกาสในการรับการออดิชั่นให้กว้างขึ้น เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้เค้าเองค้นพบกับดาวดวงใหม่ได้มากขึ้นด้วย


"มันยากมากที่จะทำแบบนั้นในปีนี้นะครับ แต่ในปีหน้าเราจะเปิดตัวเด็กใหม่ของเรา ผมมีความสุขที่ได้เห็นพวกเด็กๆมีความสุขในการฝึกซ้อม เราพยายามที่จะเปิดการออดิชั่นแต่ความเป็นไปได้มันลดลง ผมต้องการที่จะทำการออดิชั่นที่แตกต่างไปออกมา ดังนั้นเราจึงวางแผนกันเอาไว้แล้วว่า มันจะออกมาในรูปแบบของการออดิชั่นแบบตัวต่อตัว ผู้ที่จะสมัครจะอัพโหลดวีดีโอมาทางอินเตอร์เนทและมีแต่ผมเท่านั้นที่จะเป็นคนดูพวกเค้า

ซึ่งมันจะหมายความว่า ถ้าพวกเค้าผ่านเราก็จะรับเค้าเข้ามาเลยไม่มีการออดิชั่นอีกเป็นรอบที่สองหรือรอบที่สาม ผมคิดว่าเราสามารถที่จะเลือกผู้เข้าสมัครที่ดูมีแววจากหนึ่งในร้อยๆคนได้ด้วยวิธีนี้ และระบบนี้ก็ยังเป็นระบบที่สามารถให้โอกาส ผู้เข้าสมัครที่ไม่กล้าเข้ามาออดิชั่นเพราะกลัวว่าจะต้องมาแสดงต่อหน้าศิลปินปัจจุบันในค่ายได้อีกด้วย ขอแค่มีคุณรู้จักในตัวเองก็เป็นพอ "


source: Harald Eng translation by Seungie in Thumblr Thai Translation by mew in mew mini museum

1 ความคิดเห็น: