จีดราก้อน นักร้องที่แม้อายุจะเติบโตขึ้นแต่แรงบันดาลใจไม่เคยจะสูญหาย
หัวหน้าวงบิกแบงและโปรดิวเซอร์แห่งบริษัท วายจี จีดราก้อน ถูกเลือกให้เป็นสุดยอดลีดเดอร์ในด้านส่วนงานดนตรีจาก Forbes
ในงาน Golden Disk Award จีดราก้อนกวาดรางวัลมา กว่า 4 รางวัลคือ Ceci Popularity Award, Golden Disk Album Sales Bosang(ในงานเพลงsolo:Crayon และงานในนามบิกแบง: Fantastic Baby)และรางวัล MSN International Award
เพลงทั้งสองเพลงที่ได้รับรางวัล Bosang เป็นผลงานการเขียนทั้งเนื้อร้องและทำนองของเค้า นอกจากนี้เค้ายังมีส่วนร่วมในงานโปรดิว เพลง Lie, Haru Haru, Tonight ,และเพลงอีกมากมาย
เค้ามีเพลงกว่า 120 เพลง จดทะเบียนลิขสิทธิ์ผลงาน ใน Korea Music Copyright Association. (KOMCA) และเค้าได้รับค่าลิขสิทธิ์ในแต่ละปีเป็นเิงินกว่าพันล้านวอน
จีดราก้อนเป็นหนึ่งในไอดอลเพียงไม่กี่คนที่มีพรสวรรค์ทั้งในเรื่องของการแต่งเพลงและโปรดิวเพลง การที่เค้าเป็นเจ้าของคุณสมบัติดังกล่าวดูเหมือนว่าจะทำให้เค้าต้องแบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้บนบ่าตลอดเวลา ควบคู่ไปกับภาพลักษณ์ที่เค้าแสดงออกมาให้ผู้ชมเห็นบนเวที ทำให้บางคนบอกว่าเค้าเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ อย่างไรก็ตาม จีดราก้อนกลับตอบกลับคำชมเหล่านั้นด้วยประโยคง่ายๆเพียงประโยคเดียวที่ว่า " ผมแค่ทำงานเพลงของผมไปก็เท่านั้นครับ"
อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกของจีดราก้อน ‘Heartbreaker’ ที่ออกวางแผงในช่วงเดือนสิงหาคมในปี 2008 ขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตเพลงเกาหลีเป็นอัลบั้มแห่งปี และอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มที่ 2 ‘One of A Kind’ ที่เว้นช่วงห่างจากอัลบั้มแรก 3 ปีก็จำหน่ายได้มากกว่า 170000 แผ่นซึ่งก็เป็นที่ 1 ในชาร์ตอัลบั้มประจำปีอีกด้วย ในอัลบั้มจีดราก้อนมีส่วนร่วมในส่วนของการทำเพลงและเขียนเนื้อร้อง อัลบั้มนี้ดังไปไกลถึงอเมริกาและอยู่ในชาร์ต BillBoard อันดับที่ 161
วงดนตรีที่เค้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกคือ Bigbang ก็ถูกเลือกจาก Forbes เกาหลีให้เป็น หนึ่งใน 10ดาราไอดอลเกาหลีที่ทรงอิทธิพล และ ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน 40 คนดังที่ทรงอิทธิพลในปี 2012 หนึ่งในคอมเม้นซ์หนึ่งได้กล่าวว่า เค้าทำเงินได้วันละ ยี่สิบล้านวอนและมีจำนวนผู้ติดตามผ่านทวิตเตอร์มากกว่า 1 ล้านคน
นอกจากนี้เป็นเพราะสไตล์แฟชั่นประจำตัวที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เค้าได้รับการติดต่อจาก เสื้อผ้ายี่ห้อดังๆมากมาย
วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์ คนดังคนนี้ จีดราก้อน หลังงานประกาศรางวัล Golden Disk Award
1)ทำไมคุณถึงเดินทางมาที่ลอนดอนครับ ?
GD: ผมรู้สึกอยากจะพักผ่อนหน่อยครับนอกจากนี้ระหว่างทางก็อยากจะเดินทางไปที่ฝรั่งเศสด้วย
2)ในตอนนี้คุณได้รับการเลือกให้เป็น "ลีดเดอร์ผู้ทรงอิทธิพล"เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้วนะครับ
GD:มีผู้คนที่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากมายครับและผมก็รู้สึกดีใจมากๆที่ได้รับการเลือกในครั้งนี้ผมคิดว่าผมคงต้องทำงานให้หนักขึ้นอีกในอนาคตครับ
[ตอนนี้เป็นเวลา สี่ทุ่มยี่สิบ ของวันที่ 18 มกราแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะเวลาที่แตกต่างกัน (หลังจากที่ไปร่วมงาน GDA เค้าก็บินมาที่ลอนดอนนี้เลย) เสียงของเค้าแหบมาก และในตอนเริ่ม เค้าก็ตอบคำถามกับเราแบบเรียบๆแต่พอเวลาผ่านไปเมื่อเราเริ่มพูดเรื่องเสียงเพลง เค้าก็ดูสงบลงมากกว่าที่ผมคิด ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าตอบคำถามเสร็จเค้ามักจะเสริมต่อท้ายว่า "ยังไงก็ตามแต่ตอนนี้ผมยังเป็นเด็กอยู่ " หรือไม่ก็ " ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องก้าวต่อไป" และ " มันเป็นเรื่องน่าอายเหมือนกันสำหรับผมที่จะพูดเรื่องแบบนี้ในตอนนี้" ซึ่งกว่าจะตอบคำถามในแต่ละครั้งเค้ามักจะเว้นช่วงห่างให้ตัวเองได้คิดถึงคำตอบในเรื่องนั้นๆนานพอสมควรก่อนที่จะพูดออกมา]
3) คุณเคยพูดเอาไว้ว่า คุณได้ผ่าน" ความเป็นเพียงแค่ไอดอลธรรมดาไปสู่ความเป็นศิลปิน" แล้ว คุณคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหนในเรื่องของการทำเพลงครับ??
GD:ก่อนอื่นเลย ผมคิดว่า ไอดอล นักดนตรี และนักแสดง นั้นรวมเรียกว่าเป็นศิลปินเหมือนกันทั้งนั้นครับ พวกเค้ามีอย่างนึงที่เหมือนกันคือพวกเค้าต่างก็ล้วนแสดงออกถึงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองออกแสดงแก่ผู้ชม แต่ที่วงการเพลงเกาหลีดูเหมือนว่าจะมีการแบ่งแยก ไอดอล และศิลปิน ออกเป็นสองกลุ่มที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมคิดว่าเหตุผลที่ผมได้ัความชื่นชมมากน่าจะเป็นเพราะผมยังอายุน้อยแต่สามารถที่จะแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองลงไปในเพลงได้ นั่นเป็นเพราะเพลงของผมไม่ได้มาจากการสร้างสรรค์ของคนอื่นไม่มีใครมาสร้างให้ผมร้อง ผมทำงานเพลงของตัวเองออกมาเพื่อที่จะอธิบายถึงตัวตนของตัวผมเองครับ
4) ทำไมคุณถึงเริ่มที่จะทำเพลงครับ?
GD:ผมไปบ้านเพื่อนสนิทของผมในตอนที่ผมเรียนอยู่ประมาณ ป.4-ป.5 นี่แหละครับ และผมได้ยินเพลง Cream ของ Wu-Tang Clan(นักร้อง Hip-Hop ) ครับ ก่อนหน้านี้ผมมักจะเลียนแบบท่าเต้นและการร้องจากศิลปินในเกาหลีเท่านั้น ผมรู้สึกช็อคไปเลยหลังจากที่ได้เจอซีดีเพลงของศิลปินชาวต่างประเทศผมเลยเริ่มที่จะเขียนเพลงของตัวเองกับเพื่อนๆตั้งแต่ตอนนั้นและกลายมาเป็นแร๊พเปอร์ครับ
[ถึงแม้ว่าเค้าจะเริ่มเดบิวในฐานะเป็นหนึ่งในสมาชิกวง บิกแบง ในปี 2006 แต่จริงๆแล้วเค้าได้เข้าสู่วงการก่อนหน้านั้นแล้ว มีคนหลายคนที่เห็นถึงพรสวรรค์ของเค้าตั้งแต่เค้ายังเด็ก เค้าคือ "จียงตัวน้อย" ในรายการ bobobo นอกจากนี้เค้ายังเป็นคนที่ถูกเลือกให้เป็น ‘little roora’ โดย Roora Lee Sang Min และทำงานในวงการอยู่ช่วงนึง หลังจากวงแยกทางกันไป เค้าก็ถูกค้นพบโดยท่านประธานบริษัท SMและเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ 5 ปี จากนั้นเค้าก็พบกับ YG
ท่านยางพอใจในตัวของจีดราก้อนมากในตอนนั้น เมื่อคุณแม่ของเด็กชายจีดราก้อนในตอนนั้นไปเข้าห้องน้ำ เค้าบอกกับจียงว่า เธอจะต้องทำทุกวิถีทางแนวโน้มคุณแม่ว่าเธออยากจะมาอยู่ที่บริษัท YG นี้จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น เค้าก็ต้องมารับการฝึกที่ YG อีก 6 ปีเต็มและได้เดบิวในนามบิกแบงในที่สุด]
5) ในตอนนี้คุณฟังเพลงประเภทไหนอยู่ครับ ??
GD:มีอยู่อัลบั้มนึงที่ผมต้องฟังทุกวันเลยครับ มันเป็นอัลบั้มของแร๊พเปอร์ที่มีชื่อว่า Trinidad James.
6)ทำไมถึงชอบมันขนาดนั้นครับ??
GD:เค้าเป็นนักร้องที่พึ่งจะมาร้องแร๊พได้ไม่นานแต่ดูเหมือนว่าเพลงที่เค้าร้องได้กลายไปเป็นส่วนนึงในตัวของเค้าเรียบร้อยแล้วซึ่งผมรู้สึกว่าชอบมันมากเลยครับ เค้าไม่ได้หยิบเอาเสียงแบบอิเลคโทรนิกซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้มาใช้ในเพลงเลย และเ้ค้าไม่ได้ทำเพลงให้ซับซ้อนใดๆ เค้าทำเพลงที่ดูเรียบง่ายและดิบๆซึ่งมันยอดเยี่ยมจริงๆ ความรู้สึกเวลาที่ฟังเพลงของเค้าแล้วมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับตอนที่ตัวเองได้ค้นพบเพลงต่างประเทศเป็นครั้งแรกครับ
[ จีดราก้อนเคยพูดไว้ในสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ของเค้าว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าจะโปรดิวเพลงใหม่ของเค้าออกมา เค้าจะบังคับตัวเองให้เพิ่มส่วนประกอบที่แปลกใหม่ลงไปในเพลง ซึ่งมันทำให้เค้ารู้สึกเป็นทุกข์ เค้าบอกว่าเมื่อมองย้อนกลับไปเห็นตัวเองคนเก่าคนนั้นที่รู้สึกเป็นปลื้มกับพฤติกรรมของตัวเองแล้วในตอนนี้เค้ามีความรู้สึกที่เปลื่ยนไปแล้ว ]
7) ควอนจียงคนธรรมดาในชีวิตประจำกับจีดราก้อนคนที่อยู่บนเวทีนั้นต่างกันยังไงครับ??
GD: ถึงแม้ว่าผมจะยังอายุน้อยอยู่แต่ผมก็ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตของผมบนเวที ผมต้องมีความมั่นใจให้ได้มากกว่าคนอื่นบนเวทีและผมต้องแสดงมันออกมา แต่ในเวลาที่ผมอยู่ในชีวิตจริงหรืออยู่ในรายการวาไรตี้โชว์ ผมไม่ใช่คนที่จะตลกกว่านักแสดงตลกและไม่มีทางเลยที่ผมจะดีกว่าคนอื่นๆ มันทำให้ผมเขินอายและต้องแสดงออกด้านที่อ่อนแอของตัวเองต่อหน้าคนอื่นออกมาครับ
8) ช่วงเวลาไหนที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้ามากที่สุดในการใช้ชีวิตที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ครับ??
GD:ผมคิดว่าผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดเวลาที่แต่งเพลงครับแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่าอายที่ผมต้องพูดอะไรแบบนี้ในอายุเพียงเท่านี้แต่ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเคยประสบกับความรู้สึกแบบนี้กันมาบ้าง และระดับความเจ็บปวดก็ไม่ได้น้อยลงเพียงเพราะผมเขียนเพลงฮิตออกมาได้เยอะกว่าเดิม สำหรับนักร้องเพลงใต้ดิน เป็นเพราะพวกเค้าไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกของตัวเองส่งผ่านไปยังผู้ฟังได้ พวกเค้าจะรู้สึกถึงความเจ็บปวด แบบนั้นแหละครับ แต่ยังไงก็ตาม เมื่อผมเห็นแฟนๆของผมชอบเพลงที่ผมทำ ความทรมานนั้นกลับหายไปในพริบตาราวกับฝันไปเลยทีเดียว
9)คุณมีบุคคลแบบอย่างในชีวิตบ้างไม๊ครับ??
GD: ผมเรียนรู้เรื่องราวมากมายจาก เท็ดดี้ฮยองครับ เราจะไปขอคำแนะนำจากเค้าเสมอในทุกๆอัลบั้มของบิกแบงและอัลบั้มของจีดราก้อนครับ ถึงแม้ว่าผมจะมีบุคคลแบบอย่างในงานเพลงมากมาย แต่เพราะพี่เท็ดดี้เป็นคนที่อยู่กับผมตลอดในหลายปีมานี้ เค้ามีอิทธิพลต่อผมมากครับ
10) คุณมักจะทำอะไรเพื่อฆ่าเวลาในตอนที่มีเวลาว่างครับ??
GD: ก็เหมือนกับที่ผมกำลังทำอยู่นี่แหละครับ ผมชอบที่จะเดินทางท่องเที่ยวเพราะผมมีความสุขที่ได้ใช้เวลาในวันหยุดในขณะที่สามารถได้รับแรงบันดาลใจไปด้วยได้ เป็นเพราะการทำงานทำให้ผมได้เดินทางไปในหลายๆที่ต่างประเทศ วิวทิวทัศน์และวัฒนธรรรมที่แตกต่างทำให้ผมได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากเหมือนกัน ครับ
[เค้าพูดว่า บทพูดบางบทจากภาพยนตร์ก็ทำให้เค้าเกิดแรงบันดาลใจด้วยเช่นกัน ]
11) มีอะไรอีกไม๊ครับในเรื่องของดนตรีที่คุณอยากจะรู้อีก??
GD:ผมหวังว่าผู้คนจะไม่ฟังเพลงของพวกเราเพียงเพราะมันเป็นเพลงของบิกแบงหรือเพลงของจีดราก้อนครับ ผมอยากจะสร้างเพลงที่ไม่ว่าคนฟังจะอยู่ที่ไหน พวกเค้าก็จะรักเพลงนั้นๆเพราะมันเป็นเพลงที่ดีจริงๆแล้วส่วนตัวผมไม่ได้เป็นคนที่จะมุ่งหน้าเดินตามจุดมุ่งหมายที่ตัวเองตั้งเอาไว้ท่าเดียวหรอกนะครับ แต่จุดมุ่งหมายของผมคือการเดินหน้าำทำงานเพลงที่ปราศจากข้อผิดพลาดและนั่นจะเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของผม อ่า~~~ผมหวังว่าเมื่อผมเริ่มแก่ตัวลง ผมคงจะไม่ทำความใฝ่ฝันเหล่านี้สูญหายไปไหนนะครับ
[พวกเราพยายามที่จะถามเค้าว่าเค้าเคยคิดที่จะเป็นนักร้องที่ลงมือมาจัดการในเรื่องธุรกิจด้วยตัวเองรึเปล่า และเค้าก็ตอบกลับมาว่า "ผมไม่เคยคิดถึงเรื่อนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวครับ" มีรายการทีวีเคยทำการเลือกให้เค้าเป็น ลีซูมาน หยางฮยอกซอก และ ปาร์กจินยอง แห่งวงการเกาหลีคนใหม่ แต่เค้ากลับพูดว่า " ผมรู้สึกกลัวครับ" เค้าเล่าว่าแม้ว่าเค้าจะอยู่กับวายจีมานานแล้ว เค้าก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะเอาดีทางด้านธุรกิจได้ เค้าบอกว่าถ้าเค้าอยากจะทำธุรกิจมันจะต้องจบลงที่เค้าต้องสูญเสียท่านประธานยางไปด้วยรึเปล่า?? (หัวเราะ) เค้ากล่าวว่าคนที่ทำงานเพลงก็จะดูหล่อที่สุดเมื่อได้ทำงานเพลงใช่ไม๊?? แต่แน่นอนละ มันคงจะเป็นการดีกับเค้ามากกว่าไม๊ถ้าเค้าธุรกิจนี้จะทำร่วมกับคนที่คอยสนับสนุนช่วยเหลือเค้า??
หลังจากที่คิดซักพัก จีดราก้อนกล่าวว่า " วันนึงหากผมจะต้องทำธุรกิจจริงๆ......เป็นเพราะผมคุ้นเคยกับเรื่องของวัฒนธรรมและแฟชั่นและหากว่าเพื่อนๆที่ผมรู้จักอยากจะร่วมทำธุรกิจนี้ด้วย ผมคิดว่าในตอนนั้นผมก็อยากที่จะก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเหมือนกันครับ" สมกับเป็นจีดราก้อนที่เป็นแฟชั่นนิสต้าตัวจริง ทุกครั้งที่เค้าออกอัลบั้มใหม่ สไตล์ของเค้าก็มักจะเรียกความสนใจเป็นอย่างมากเสมอ ]
12)ช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคุณคือช่วงไหน ครับ??
GD:ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตที่ผาสุกแล้วแม้กระทั่งในตอนนี้ครับ ตัวผมเองมีบางครั้งจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นเคยชินกับการที่มีทุกสิ่งทุกอย่างแต่พอเมื่อคิดแบบนี้ปุ๊บผมจะรู้สึกถึงความกดดันที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ไปด้วย ในครั้งที่ยังเป็นเพียงศิลปินฝึกหัด ผมสามารถที่จะยืนยันเดินหน้าตามความฝันและสามารถหาเส้นทางที่ตัวเองต้องการได้ ซึ่งไม่เหมือนกับที่ตอนนี้ที่ผมมีเรื่องที่ต้องกังวลมากมายเกินไป ดังนั้นผมรู้สึกว่าช่วงที่ผมมีความสุขมากที่สุดคือ ช่วงที่ผมเป็นศิลปินฝึกหัดครับ
13)สำหรับจีดราก้อนแล้ว ดนตรี คืออะไรครับ??
GD: อืม… ดนตรีคือ … จะพูดยังไงดีละครับ… ดนตรีคือดนตรีครับ…ผมไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆออกมาได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงหรือไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนผมจะยังคงสามารถมีความสุขกับมันและรู้สึกว่าได้ฟื้นคืนชีพได้เพราะเสียงเพลงครับ ไม่ว่าเพลงนั้นจะเป็นเด็กทารกร้องหรือรุ่นพี่คนไหนก็ตาม หากคุณสามารถบอกว่า " อ่า เพลงนี้เพราะจัง" นั่นก็ถือว่าเป็นเพลงที่ดีแล้ว และผมก็จะทำงานอย่างหนักเพื่อผลิตงานบบนี้ออกมาเท่านั้น นอกจากนี้มันเป็นเรื่องที่ดีที่เสียงเพลงจะสามารถหอบหิ้วข้อความได้มากมายส่งผ่านออกไป มันจะเป็นเสียงเพลงที่หากคุณนั่งรถเมล์และได้ยินเพลงนี้มันจะนำเอาความทรงจำของคุณกลับคืนมาใหม่ได้
[ จีดราก้อนวางแผนว่าจะกลับเกาหลีทันทีและจะร่วมซ้อมคอนเสริต์ อังกอร์ของบิกแบงในโซลและเค้าจะเริ่มทัวร์คอนเสริต์ของตัวเองในเดือนเมษายน
ทางบริษัท วายจีกล่าวว่า "พวกเราจะเริ่มทัวร์คอนเสริต์รอบโลกของเค้าที่เมืองหลักๆในญี่ปุ่นและเค้าจะเริ่มเดินทางออกไปยังต่างประเทศอื่นๆต่อไป เค้าจะมีคอนเสริต์ที่ Fukuoka, Niigata และ Osaka และในการทัวร์คอนเสริ์ตครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ชมไม่ต่ำกว่า 2แสน 3 หมื่นคน
Source: 7仔 from www.bigbangnus.com
Chinese to English translation by RiceKwon
English to Thai translation by mew
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น