วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องราวการแต่งเพลงของ GD ในรายการ Go show 20042012


ออนแอร์กันไปแล้วเมื่อคืนนะค่ะ รายการ Go show ทางช่อง SBS แม้ว่าเรทติ้งจะไม่ได้พุ่งทะลุเพดานแต่ก็มีเรื่องน่ารักๆมาเล่าเพียบอีกแล้วในรายการนี้ รอดูซับเต็มๆกันเนอะค่ะ 

จากตอนที่ออกอากาศมีบางส่วนที่โดนตัดออกไปไม่ได้ออกอากาศ ซึ่งวีไอพีที่ไปดูการถ่ายทำ ถ่ายคลิปมาแบ่งกันและมีคนใจดีแปลมาเล่าให้เราฟังด้วย หลักๆเป็นเรื่องการแต่งเพลงของน้องจีนะค่ะ ในรายการตัดไปเยอะ กลายเป็นช่องให้แอนตี้เม้าส์อีกแล้วว่าน้องจีหลงตัวเอง และ หยิ่ง แต่เท่าที่อ่านในคำแปลตัวเต็มอันนี้แล้ว น้องจีแค่อธิบายการทำงานของตัวเองให้ฟัง และ ยังออกจะถ่อมตัวซะด้วยซ้ำ 

ลองอ่านกันดูค่ะ จริงๆมิวว่าจะแปลแล้วทวิตไปแค่นั้น ทำไปทำมา ชอบแฮะสัมภาษณ์นี้อยากจะเก็บไว้ เลยแปะรวมในบ้านด้วยเลยดีกว่า

=====================

Go show น้องจี แบบไม่ตัด (ตอน 1 เรื่องทำงานกับเท็ดดี้)

YJS: คุณมีความสามารถพิเศษที่เหนือคนอื่นในเรื่องใดบ้างครับ??
GD: ความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติของผมคือ ผมสามารถเขียนเพลงฮิตๆได้เพียงแค่กระพริบตาเท่านั้น ผมเลยพยายามไม่ค่อยกระพริบตาเท่าไหร่นะครับ
YJS:หมายถึงว่าสามารถเขียนเพลงได้ในเวลาอันรวดเร็วใช่ไม๊ครับ??
GD: ผมยังคงเขียนเพลงออกมาจากแรงบันดาลใจชั่วขณะที่จู่ๆก็จะแล่นเข้ามาในหัว ไม่ใช่ว่าผมเขียนเพลงเก่งหรือว่ายังไงนะครับแต่ว่าเมื่อผมเขียนเพลงออกมาทุก คนก็ชอบกันเท่านั้นเองครับ

YJS: คุณตั้งใจจะเขียนเพลงในตอนที่คุณคิดว่า จะตั้งใจเขียน หรือมักจะเขียนเมื่อมีแรงบันดาลใจเข้ามาครับ??
GD: ผมจะเขียนเวลาที่ผมมีแรงบันดาลใจเข้ามาครับ แต่ก็ ถ้ามีคนมาบอกให้เขียนก็สามารถเขียนได้เหมือนกัน
YJS: งั้นเมื่อพอนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ คุณมักจะมีแรงบันดาลใจบ่อยๆเลยไม๊??
GD: การเขียนเพลงของผมมันใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวเท่านั้นแหละครับ เมื่อผมนั่งลง ซักพักก็ได้มาออกมาแล้ว

YJS:ผมอยากจะเอาพลังพิเศษนี้ออกมาจากตัวคุณได้จัง
GD:ตอนนี้ผมได้มาอยู่ต่อหน้ารุ่นพี่ YJS แล้ว ผมชอบเพลงของรุ่นพี่มากครับ

YJS: คุณสามารถเขียนเพลงที่มีทำนองติดหูออกมาได้ ผมชอบเพลง คอจิมาลมากๆ พอผมได้ยินเพลงคอจิมาลที่จียงเขียนผมก็รู้เลยว่า เค้าเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และบอกได้เลยว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ถูกเขียนออกมาด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์

GHJ: คุณร่วมทำออกมากับเท็ดดี้ใช้ไม๊ค่ะ??
GD: ครับ ทุกครั้งครับ บางคนอาจจะเข้าใจผิดกันไปเอง แต่เพลงที่ออกมาสู่สาธารณชนจนถึงตอนนี้ผมไม่ได้ทำมันออกมาเอง "ทั้งหมด" ด้วยตัวของผมเองคนเดียว ผมมีเขียนเพลงเอาไว้ที่ไม่ได้ออกมาก็เยอะครับ

YJS: แล้วทำงานร่วมกันยังไงครับ?
GD: อธิบายง่ายๆคือ ผมจะคลุกตัวอยู่ในสตูดิโอตลอดเวลาครับ ในสตูดิโอเราไม่ได้วางแผนไว้ว่า "เอาละวันนี้เราต้องทำงานนะ เราต้องรีบทำเพลงให้เสร็จแล้วละ เพลงที่ออกมาต้องฮิตระเบิดแน่ " ไม่ใช่แบบนั้นครับ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้ชายด้วยกันหมด แต่เราก็ชอบคุยกันเยอะมากๆ เราพูดคุยในเรื่องต่างๆร่วมกันมากมาย บางทีเป็นเรื่องตลก เรื่องสาวๆ เรื่องชีวิต ผมเรียนรู้อะไรมากมายจากพี่เท็ดดี้ เวลาเราคุยกันไปมาจู่ๆก็จะเกิดไอเดียขึ้นว่า " ความคิดนี้เข้าท่านะ " ทำนองนี้

YJS: คุณเป็นฝ่ายพูดก่อนเหรอครับ??
GD: เราต่างก็พูดคุยกันก่อนแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตลกหรือเรื่องอะไร เราคุยกันเยอะมาก จากนั้นก็จะเป็นว่า " ผมว่าเราใช้เรื่องนี้มาเป็นธีมได้นะฮะ ดีมากแน่นอน" แล้วพี่เท็ดดี้ก็จะ " เหรอ แล้วถ้าใช้คอร์ดนี้ละ?? " จากนั้นเค้าก็จะเดินไปเล่นที่คีย์บอร์ด จากนั้นก็ " แล้วถ้าใช้จังหวะแบบนี้ละ??" "เรียบเรียงออกมาแบบนี้ละ??" จากนั้นผมก็จะ " แล้วถ้าผมใส่ท่อนแร๊พสไตล์นี้เข้าไปละฮะ??" เราร่วมงานกันแบบนั้นครับ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะแค่พี่เท็ดดี้ที่ผมทำแบบนี้ด้วย แต่ผมจะพูดคุยแบบนี้กับนักแต่งเพลงและโปรดิเซอร์ทุกคนในวายจีแบบนี้อย่างต่อ เนื่อง

YJS:เยี่ยมไปเลยนะครับที่สามารถทำเพลงออกมาได้ผ่านการสนทนากันแบบนั้น เป็นเรื่องจริงที่ว่าเวลาแต่งเพลง การพูดคุยกันเรื่องคอร์ดและทำนองของเพลงนั้นเป็นจุดกำหนดกระบวนการทำเพลง ทั้งหมดออกมา มันไม่ใช่ว่าการเขียนเพลงจะต้องยึดติดอยู่กับอะไรที่ตายตัว 

---------------------------------

(ตอน 2 เรื่องเพลงain't no fun +having an affair)

JHD: แล้วการคุยกับสมาชิกในวงบิกแบงละครับ ได้แรงบันดาลใจบ้างไม๊??
GD: ครับ ได้เยอะเลย
JHD: เพลงไหนครับ??
VI: เพลง Ain't No Fun ที่อยู่ในอัลบั้มล่าสุดของเราก็ใช่ฮะ
GHJ:ฉันชอบเพลงนี้เหมือนกันนะ
VI: เพลงนี้เราเขียนขึ้นมาในตอนที่เราเบื่อๆฮะ

GD: ตอนที่ผมเขียนเพลง Ain’t No Fun เรากำลังพูดถึงเรื่องแฟนกับประสบการณ์ความรักที่ผ่านมากันฮะ เวลาที่คุณออกเดท ฝ่ายชายมักจะเข้ามาเป็นฝ่ายคุมเกมเสมอๆ แต่พอเวลาที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้าคุณก็อยากจะให้ฝ่ายหญิงทำหน้าที่ปลอบโยนคุณ บ้าง ในกรณีขอบิกแบงเรามักจะทำงานหนักและเหนื่อยกับตารางงานที่ยุ่งตลอดเวลา เราก็อยากจะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แต่ถ้าฝ่ายหญิงเหนื่อยด้วย คุณก็ไม่อยากจะเอ่ยปากพูด ซึ่งมันไม่สนุกแล้วละครับแบบนั้น

มันเลยกลายมาเป็นเรื่องราวของเพลงนี้ ผมคิดว่าคุณจำเป็นต้องใส่ความรู้สึกที่แท้จริงของคุณออกมาในเพลงเพื่อที่จะ ได้สื่อสารอย่างเปิดอกกับผู้คนที่มาฟังเพลง ให้พวกเค้าได้รับรู้และเข้าถึงอารมณ์ของเพลงจริงๆ ถ้าคุณใส่อะไรที่เป็นเรื่องแต่งเติมลงไปในเพลง ผมเชื่อว่าผู้ฟังก็ต้องรู้แน่ว่าเรื่องที่เติมเข้าไปเป็นเรื่องปลอมๆและดู ไม่ปกติ ดังนั้นผมจึงพยายามที่จะเขียนเอาประสบการณ์จริงของตัวเองลงไปให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นได้ ครับ

VI: ผมอยู่ในวงเดียวกับพี่จียงก็จริงนะครับ แต่ก็มีมุมมองของแฟนเพลงด้วย ผมเลยมีคำถามครับ
YJS: อ่า....ซึงรีในมุมมองของผู้ชมนะครับ
VI: อย่างที่รู้ๆกันนะครับเพลง Having an Affair ที่พี่จียงร้องร่วมกับคุณ Park Myung Sooเพื่อรายการ Infinite Challengeเป็นเพลงฮิตเลยใช่ไม๊ครับ
JHD: ครับ เพลงฮิตดังเลยครับ
VI: ฮิตมากเกินกว่าที่คิดไว้เลยใช่ไม๊ละครับ
JHD:เป็นเพลงฮิตอันดับ 1 ประจำชาร์ตเพลงออนไลน์แห่งปีเลยครับ
VI:ผมไม่เคยคิดว่าพี่ PMS จะแร๊พได้ออกมาดีขนาดนั้นเลยครับอยากจะรู้มากๆเลยว่า พี่จียงโปรดิวเพลงออกมาได้ยังไงที่ทำให้พี่PMS ร้องแร๊พออกมาได้เก๋ไก๋ขนาดนั้นครับ
JHD: ซึงรีนี่ช่างสงสัยนะครับ
VI: คือเป็นเพราะผมอยู่วงเดียวกับพี่จียงไงครับผมเลยถามออกมาไม่ได้ และผมก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะเลยไม่กล้าถาม ควรจะถามเหรอครับ??
YJS: แต่มาถามออกอากาศเนี่ยนะ

YJS:จียงครับคุณโปรดิวคุณ PMS ยังไงครับ??
GD: เพลงนั้นผมทำออกมาเพราะรายการ Infinite Challenge จริงๆมีเพลงอีกเพลงนึงที่ผมทำออกมาเพื่อรายการนี้แต่คุณ PMS บอกว่ามันดูอ่อนไป ดังนั้นเราเลยเปลี่ยนมาเป็นเพลง 바람났어 [Having an Affair] ผมอยู่กับพี่เท็ดดี้ฮะในตอนนั้น และเราใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงในการทำเดโมเพลงนี้ เขียนเนื้อเพลงฉบับเต็ม ใส่ทำนอง และเรียบเรียง ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลา 6 ชั่วโมง มันถูกเขียนขึ้นมาโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากเท่าไหร่ฮะ ผมคิดแค่ว่า อยากจะได้เพลงที่สนุกและตลกๆฮะ

------------------------------------

(ตอน 3  การแบ่งท่อนในเพลง+ความสำคัญของเนื้อเพลง(จบ))
GD:ทุกครั้งเวลาที่ผมอัดเสียงไกด์ในเดโม ผมจะตั้งใจเลียนแบบเสียงของสมาชิกในวง เพื่อร้องในท่อนนั้นๆให้เสียงเหมือนพวกเค้า เพราะผมโปรดิวเพลงให้กับบิกแบง ผมจึงรู้ว่าเสียงของแต่ละคนมีบุคคลิกยังไงและวิธีเปล่งเสียงยังไงที่จะเป็น วิธีที่ดีที่สุดในการร้องเพลงในท่อนนั้นๆออกมา และ เสียงของใครเหมาะที่สุดที่จะปรากฏออกมาในช่วงไหนของเพลง เสียงพี่ท็อปจะดีที่สุดถ้าออกมาในช่วง verse 2 และตัวผมถ้าได้ร้องท่อนแรกจะดีที่สุด ของแดซองจะมาช่วยเสริมพลังในช่วงกลางเพลง แทยังจำเป็นจะต้องโผล่มาในท่อนคอรัส และผมจะเพิ่มน้ำหนักต่างๆลงไปในเพลง แบบนั้นครับ

JHD: คุณยังไม่ได้พูดถึง ท่อนของซึงรีเลยนะครับ??
GD: ผมไม่รู้ว่าผู้คนภายนอกคิดยังไงกับเสียงของซึงรีนะครับ แต่ผมชอบเสียงของเค้า แต่เรื่องนึงที่ต้องเข้าใจคือ เสียงแบบนี้ไม่สามารถใช้ในเพลงได้เยอะครับ
GHJ: ทำไมละค่ะ?
VI: ถ้าเทียบกับเสียงของสมาชิกในวงคนอื่น เสียงผมค่อนข้างจะอ่อนไปครับ
GD: คือถ้าเสียงของซึงรีออกมาเยอะมากในเพลงบ่อยๆ ผมไม่รู้ว่าแฟนๆจะเข้าใจมันออกมายังไงอะครับ
VI: เพลงจะเบาไปครับ
GD:ครับเพลงมันจะให้พลังน้อย เพราะเสียงของเค้ายัง.......
VI: เนื้อเสียง บาง ครับ
GD:เสียงเค้าหวานนะครับ ดังนั้นในความคิดของผม ถ้าได้เสียงที่นุ่มลึกมาอยู่ในท่อนกลางและเสียงของซึงรีเป็นตัวเข้ามาเสริม เพลงจะออกมาดีกว่าครับ

YJS: คือ ไม่ใช่ว่าจียงจะแบ่งท่อนของทุกคนให้เท่าๆกันในทุกเพลง แต่จะใช้การคิดว่าเสียงของใครจะดีที่สุดสำหรับเพลงในท่อนไหนๆมากกว่า
GD:ครับ เป็นแบบนั้นฮะ ทุกวันนี้ถ้าคุณถูกเรียกว่าเป็น ไอดอล เพลงที่ออกมาเป็นเพลงที่ทำ เพื่อแสดงออกถึงปัจจุบันนี้เท่านั้น ทุกเพลงต่างก็สะท้อนและแสดงออกในเรื่องเดียวกัน

ตอนที่ผมเป็นเด็กผมมักจะฟังเพลงของศิลปินต่างประเทศด้วยและอยากจะมาเป็น ศิลปิน และผมก็ชอบศิลปินรุ่นเก่าๆของเกาหลีด้วย ผมฟังเพลงเหล่านั้นเยอะมาก และมันก็มีอิทธิพลต่อผมมากเลย เพลงของรุ่นพี่ YJS มีเนื้อเพลงที่สวยงามมากครับ

JHD: ทำไมเนื้อเพลงของ YJS ทำให้คุณชอบครับ??
GD:มันเป็นบางอย่างที่ทำให้คุณเขียนภาพออกมาได้ในหัวหนะครับ
GHJ: ใช่ๆ ฉันเห็นด้วยนะ
GD: ผมคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ เนื้อเพลง นะครับ ผมไม่รุ้เหมือนกันว่ามันจะเหมือนกับการถ่ายภาพยนตร์หรือเปล่า เมื่อคุณดูหนัง เวลาที่คุณหยิบเอาความทรงจำในอดีตของคุณแทรกลงไปด้วย มันจะทำให้คุณเข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ในเนื้อเรื่องได้ดีขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับเนื้อเพลงของเพลงมันทำหน้าที่เป็นวีดีโอให้กับเพลง เหมือนมิวสิควีดีโอแต่ไม่ได้บอกเล่าผ่านวีดีโอแต่ด้วยเนื้อเพลง ซึงหากเราไม่มีวีดีโอมันคงเยี่ยมมากที่คุณจะสามารถสร้างภาพในหัวขึ้นมาเอง ได้เลยเพียงแค่อ่านผ่านเนื้อเพลงออกมา เนื้อเพลงมันสะท้อนภาพของมันเอง เหมือนกับเนื้อเพลงของเพลงของรุ่นพี่ YJS ทำออกมาได้ฮะ

(Cr. Bestiz and DCGD )
Eng translation by  후드 thank you
Thai Translation by mew mini museum 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น