วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Adventure of the sun

ช่วงนี้ น้องๆไม่มีตารางงานเป็นจริงเป็นจังกันเลยค่ะ มีแต่งานรับจ็อบคอนเสริต์ที่มีสปอนเซอร์เป็นสินค้าต่างๆแค่นั้น
เท่าที่เรารู้จากท่านยางเองและจากทวีตของน้องๆ ช่วงนี้เป็นช่วงของการพักผ่อน เดินทางท่องเที่ยว และทำงานเพลงไปด้วยในตัว
ตั้งแต่ต้นเดือนเราเห็น ยองเบทวีตว่าไปลัลลาเล่นอยู่แถว แอลเอ และมีคนทวีตเป็นสิบๆว่าได้เจอได้ถ่ายรูปมากมาย
อันนี้เป็นแฟนแอคเค้าส์ของวีไอพีชาวอินโดนีเซียคนนึงที่ตั้งใจวางแผนเพื่อที่ว่าจะได้เจอ ยองเบ ลองไปอ่านนะค่ะ

ตามเคยมิวออกตัวไว้ก่อน มิวตัดส่วนที่แสดงความรู้สึกของคนเขียนออกไปเล็กน้อยนะค่ะ >_<

============


วันที่ 7 กรกฎาคม 2011 พวกเราตัดสินใจว่าจะเดินไปที่ Beverly Center เพราะว่าจริงๆแล้วมันก็แค่เดินตรงไปตามถนนข้างหน้านี่เอง เบทวีตเมื่อตอนประมาณ ตี 4-5 ดังนั้นฉันเลยคิดเอาเองว่าบางทีตอนนี้เค้าอาจจะยังนอนหลับอยู่ ในที่สุดเราก็กลับไปตั้งหลักที่โรงแรมอีกครั้ง ตอนนั้นเวลา 11:45 เราพากันไปนั่งตรงส่วนนอกชานของโรงแรม ฉันตื่นเต้นมากจริงๆ ซึ่งในตอนนั้นสิ่งที่ทำได้คือ มองผู้คนเดินผ่านไปมา ส่วนหลานของฉันก็นั่งเล่นเกมส์ของเค้าไป ซักพักก็จะมีปาปารัชซี่วิ่งไปวิ่งมา เพื่อที่จะได้คอยจับภาพของนักกีฬาเบสบอล ที่จะออกจากโรงแรม

พอเวลาประมาณ 13:30 ฉันตัดสินใจที่จะไปหาน้ำมาดื่มเพราะว่าอากาศร้อนมากและหลานชายของฉันก็เริ่มหิวน้ำ ฉันเดินเข้าไปในโรงแรมและถามเจ้าหน้าที่หญิงว่า เราจะย้ายมานั่งข้างในได้ไม๊?? เธอตอบเรามาว่า เราจำเป็นต้องซื้ออะไรซักอย่าง ฉันเลยสั่งน้ำเปล่า แล้วขอใช้ห้องน้ำ ฉันเข้าไปในห้องน้ำและรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ ฉันคิดว่าน่าจะเข้าไปได้แค่ 10 นาทีเท่านั้น ฉันก็ได้ยินหลานชายตะโกนเรียกฉันออกมา
เพื่อที่จะจ่ายค่าน้ำเปล่า ซึ่ง มีราคา ถึง 13 เหรียญรวมภาษีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าฉันสามารถที่จะนั่งตรงม้านั่งด้านในได้ ฉันเลยย้ายเข้ามา

ตอนเวลาประมาณ 14:15 ฉันก็เริ่มที่จะกระวนกระวายมากขึ้นเพราะฉันต้องไปส่งหลานชายไปเรียนคาราเต้ ขณะที่กำลังภาวนาอยู่นั้น ฉันก็เห็นChoice 37 ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่รีบวิ่งลงมาตรงถนน เหมือนกับว่าเค้ากำลังจะส่งเสียงทักเรียกรถคันนึง ซึ่งก็จริงตามนั้น ฉันคิดว่าน่าจะเป็นครอบครัวของเค้านะ จริงๆเค้าอยู่ห่างจากฉันเพียงเมตรเดียวเท่านั้น ฉันส่งเสียงเรียกเค้าแต่เค้าไม่ได้ยินและรีบไปขึ้นรถที่จอดอยู่ในที่จอดรถ คลิปที่ฉันถ่ายมา เบลอไปหมดเพราะฉันกำลังตื่นเต้นมากแทบบ้าเพราะมั่นใจแล้วทีนี้ว่า ยองเบจะต้องอยู่ในโรงแรมแน่นอน ช้อยยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ในขณะที่ มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงอีกสองคนออกมาจากรถ เปิดกระโปรงท้ายและหิ้วกระเป๋าใบแล้วใบเล่าลงมา ฉันคิดว่าพวกเค้าคงออกไปช้อปปิ้งกันมาบ้างแล้ว พวกเค้ารีบเดินกันเข้าไปในโรงแรม และฉันก็พยายามที่จะให้ช้อยหันมาอีกครั้ง ซึ่งฉันรู้สึกค่อนข้างแย่เหมือนกันเพราะดูเหมือนว่าเค้าจะดูเครียดๆอยู่ แต่ก้ไม่เป็นผล

ตอนนี้เป็นเวลา 14:45 แล้วและฉันก็อยากจะยอมแพ้เหมือนกัน ซึ่งฉันได้รับข้อความจาก
Janelle Marie (janellemarie15) ข้อความมาบอกว่า ยองเบน่าจะอยู่ที่สตูดิโอ ซึ่งฉันคิดว่าฉันคงสวนทางกับเค้าแ้ล้วละ ไม่ก็เค้าอาจจะใช้ทางออกด้านหลังก็ได้ หรืออะไรก็ได้ ดังนั้นฉันเลยเก็บของและกำลังจะออกจากโรงแรม ในตอนนั้นจู่ๆ Choice37 ก็เดินออกมาอีก พร้อมกับกลุ่มคนที่ฉันเล่าไปเมื่อกี้ ตอนนี้ทุกคนมาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันตื่นเต้นมากๆๆและรีบเดินไปหาChoice37 และถามเค้าว่า

ฉัน: ขอโทษนะค่ะ?? (ช้อยหันมามองพร้อมทำตาโต) : ครับ??
ฉัน: คุณคือ Choice 37? ใช่ไม๊ค่ะ?? (ช้อยตกใจมากๆ): อ่า ใช่แล้วครับ
ฉัน: ขอฉันถ่ายรูปกับคุณได้ไม๊ค่ะ??
ช้อย: ได้เลยครับ แต่ว่าอีกไม่กี่นาทีนี่แหละ เดี๋ยวแทยังก็จะออกมาแล้วนะ คุณถ่ายรูปกับเค้าก็ได้ด้วยนะ
เจ้าหน้าที่ของโรงแรม : คุณกำลังรบกวนแขกของโรงแรมนะค่ะ ฉันก็สงสัยว่าทำไมคุณถึงมานั่งรอที่นี่ตั้งนาน
(แล้วก็เชิญฉันออกไปตรงนอกชานโรงแรมเหมือนเดิม)

ฉันนั่งอยู่ตรงม้านั่ง และมองประตูล็อบบี้ของโรงแรมเหมือนนกเหยี่ยวมองเหยื่อเลยทีเดียว ซักพักฉันก็เห็น ช้อยเดินออกมาและพยักหน้าให้ฉัน จากนั้น ยองเบก็เดินตามออกมา เค้าสวมเสื้อยืดที่ไปตัดแขนออกสีดำที่เราเห็นเค้าสวมเมื่อไม่กี่วันก่อน เหงื่อออกมากมาย และสวมหมวกแก๊ป ไม่มีแว่นกันแดด ช้อยและเค้าพูดคุยกับผู้หญิงคนนึงที่สวมชุดสีฟ้า (ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนประสานงานอะไรซักอย่าง) ภายในล็อบบี้ของโรงแรมฉันเห็นมีคนขอถ่ายรูปด้วยเพราะฉันเห็นแสงแฟรช
จากนั้นช้อยก็เดินออกมาตามมาด้วยยองเบซึ่งเค้าเปิดประตูค้างไว้ให้กับครอบครัวนึงที่มีเด็กเล็กๆมาด้วย ซึ่งเค้าต้องเปิดประตู้ค้างไว้ค่อนข้างนานทีเดียวเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งคุณแม่ของฉันที่มาด้วย ถามฉันว่า "นั่นเค้าใช่ไม๊???? ใจดีจริงๆนะเนี้ย!!"

ช้อยพูดโทรศัพท์อีกและผู้หญิงฝ่ายประสานงานก็รีบขึ้นรถ
ช้อย:(พูดโทรศัพท์) "ผมขอโทษจริงๆนะครับ เราสายมากจริงๆ ครับ เรากำลังออกเดินทางแล้วละ " จากนั้นเค้าก็เอาโทรศัพท์เก็บลงไปในกระเป๋า และฉันก็เดินเข้าไปหาเค้า เค้าก็เริ่มยิ้ม

ช้อย: โอเค ตอนนี้เราคงจะถ่ายรูปกันได้แล้วใช่ไม๊?? (เค้าถามผู้หญิงฝ่ายประสานงานก่อนที่เธอจะกระโดดขึ้นรถไป)

ซึ่งในตอนนี้ยองเบก็เดินตามช้อยมาทันและจริงๆแล้วเค้ายืนอยู่ข้างๆฉันนี่แหละ ฉันตัวสั่นและรู้สึกตกใจมากว่าหน้าของเค้าอยู่ใกล้ฉันมาก และตอนนี้เค้าสวมแว่นตากันแดดเอาไว้แล้ว
ยองเบ: แน่นอน ไม่มีปัญหาหรอก .
เค้าหันมามองฉัน และยิ้ม แต่คุณสามารถรู้สึกได้ว่าเค้าอารมณ์ไม่ดี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเค้าคงโมโหที่เค้า สาย ฉันยื่นกล้องของฉันให้กับช้อยและยองเบก็เข้ามาโอบฉันทันที เค้าจับแขนของฉันค่อนข้างแรง เราโพสท่าแบบนั้น เพื่อถ่ายรูป จากนั้นช้อยก็ยื่นกล้องคืนให้ฉัน
ช้อย: ผมคิดว่ามันเซตเป็นวีดีโอนะ

ฉันขอโทษเป็นการใหญ่และแก้ไขโหมดกล้องและโพสท่ากับยองเบอีกครั้งแต่ครั้งนี้เค้าโอบฉันไม่แน่นเท่าครั้งแรก ช้อยคืนกล้องมาและบอกลา จากนั้นก็เดินตรงไปที่รถ และตอนที่ยองเบกำลังจะออกเดินจากไป ฉันเลยขอให้เค้าเซ็นลงบนอัลบั้มของฉัน
ยองเบ: ได้สิครับ ไม่มีปัญหา
คุณแม่ของฉันเดินมาและแตะที่แขนของเค้าและหัวเราะ และพูดว่า

คุณแม่: คุณสินะที่เป็นนักร้องที่ลูกสาวฉันตกหลุมรักอยู่ คุณทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง"

ยอเบหัวเราะน้อยๆและมาโอบฉัน ยิ้มและพยักหน้า
ยองเบ: ผมเองแหละฮะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ

ฉันรีบดึงหลานชายของเราเข้ามาใกล้และบอกว่า เค้าก็เป็นแฟนเพลงตัวยงด้วยเช่นกัน หลานชายของฉันกำลังตื่นเต้นเพราะสถานการณ์ดูจะจริงจังมาก แต่ ยองเบดูจะอ่อนโยนมากๆ เมื่อเห็นหลานชายของฉันและมองเค้าตลอด ซึ่งฉันอยากจะให้พวกเค้าได้ถ่ายรุปคู่กันมากแต่เมื่อมองไปที่รถ ตอนนี้ช้อยกำลังจะขึ้นรถแล้ว ดังนั้นยองเบจึงถามว่า

ยองเบ: แล้วคุณชื่อะไรครับเนี่ย??
(ฉันก็ เอนตัวไปกำลังจะตอบ ซึ่งทำให้ปีกหมวกของเค้ามาโดนหน้าผากฉัน ฉันกล่าวขอโทษออกไป)
ยองเบหัวเราะและฉันก็ตอบไปว่า ฉันชื่อ Felicia.
ยองเบ: "Felicia."
ฉัน: "F E L I-"
ยองเบ: "F E L Y?"
ฉัน: "F E L I C I A"
Bae: "คือ ผม"

แล้วก็ยิ้มให้ฉันอีกรอบ ( มิวคิดว่า เบคงกำลังจะคิดชื่อเรียกง่ายๆให้เธออะค่ะ พอเธอพยายามสะกดเบเลยจะอธิบายซึ่งถึงตรงนี้ สาวเจ้าก็เพิ่งจะเข้าใจ)
จากนั้นเค้าก็เซ็นลายเซ็นลงบนอัลบั้มและส่งคืนมาให้ฉัน ฉันเล่าว่าตัวเองมารอเค้าตั้งแต่ 10 โมงเช้า ซึ่งยองเบถามว่า จริงเหรอ?? แล้วขอบคุณฉันไม่หยุดและบอกว่าตัวเค้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
จากนั้นก็บอกลาคุณแม่ ฉัน และหลานชาย ก่อนที่จะวิ่งไปขึ้นรถ

ฉันดีใจมากๆที่ได้เจอเค้าเพราะ ฉันเกือบจะออกจากโรงแรมแล้ว และเค้าดูอารมณ์ไม่ค่อยดีในตอนแรกและดูเหมือนว่าโดนบังคับให้ทำดีกับเรา แต่หลังจากที่ได้ถ่ายรูปแ้ล้ว เค้าดูเป็นมิตรแต่ก็ไม่ได้ดูเป็นมิตรเกินไป ไม่มีการลูบหัว 55555 ( ก่อนหน้านี้มีคนได้เจอและโดนเบลูบหัวค่ะ เค้าเลยพูดแอบแซวนิดหน่อย 555)

ยังไงก็ตามแต่มันคุ้มค่ามากจริงๆ ฉันคิดว่าเค้าคงทำงานหนักมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเค้าถึงสวมแว่นกันแดดเอาไว้

credit to daebabyy on twitter Thai Translation by mew in mini museum


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น