วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ซึงจังไดอารี่ 30 ตุลาคม 2012

[รู้สึกถึงความสงบเมื่อได้ฟังเสียงคลื่น]

วันนี้ผมเดินทางมาที่เกาะ Anmyeon ในแถบชายฝั่งตะวันตก
เพื่อทำงานตามกำหนดที่เราไม่สามารถทำได้เนื่องจากการทัวร์คอนเสริต์

ตัวละครในภาพยนตร์หรือในละครมักจะไปทะเลเมื่ออกหักหรือเจอกับปัญหา ใช่ไม๊ครับ??
แต่ผมมาทะเลเพราะมาทำงาน แต่เสียงคลื่นฟังแล้วดีจังครับ 
ไม่รู้ว่าด้วยวิธีไหนแต่จิตใจของผมรู้สึกสงบลงได้
ผมไม่สามารถที่จะเก็บเสียงส่งให้ทุกคนได้ยินได้ 
แต่ก็เก็บภาพสวยๆมาฝากนะครับ 
คงจะดีมากถ้าไดอารี่นี่จะสามารถแชร์วีดีโอหรือเสียงได้ ^^
มาทำงานตามตารางหลังจากที่ไม่ได้ทำมานานเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขดีครับ 

แต่ ที่อเมริกาปลอดภัยกันดีจากเฮอร์ริเคนรึเปล่าครับ?? 
เฮอร์ริเคนครั้งนี้.....มันดูลูกใหญ่ทีเดียว ผมรู้สึกเป็นห่วงครับ 
เราเดินทางไปหลายประเทศเพื่อทำการทัวร์คอนเสริต์  
ดังนั้นผมจึงเป็นกังวลกับเรื่องแบบนี้
หวังว่ามันจะไม่รุนแรงมากนะครับ 
โลกใบนี้กำลังเริ่มพิโรธขึ้นทุกขณะเป็นแน่

ยังไงก็ตามแต่  วันนี้ทุกคนทำได้ดีมากนะครับ

Eng translation by ShrimpLJY
Thai Translation by Mew 


วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ซึงจังไดอารี่ 29 ตุลาคม 2012

[กลิ่นแห่งฤดูหนาว]

มาถึงเกาหลีตอน 6:30ครับ 
พระอาทิตย์แสนวิเศษออกมาส่องแสง แต่ก็ยังรู้สึกหนาวมากๆอยู่ดี 
เป็นแบบนี้ได้ยังไงฮะเกาหลี !! ทำไมถึงได้หนาวถึงขนาดนี้ 
เราได้เดินทางไปต่างประเทศมา ความหนาวก็คือความหนาว 
แต่ผมชอบของเย็นๆนะครับ เพราะผมเกิดในฤดูหนาว 
ผมชอบกลิ่นแห่งฤดูหนาว  หัวใจผมจะเต้นแรงในฤดูหนาว 
ทุกคนไม่ได้รู้สึกแบบนี้กันเหรอครับเนี่ย??
มีแต่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้เหรอ??

สมาชิกคนอื่นๆในวงต่างก็กลับบ้านไปนอนหลับพักผ่อนครับ 
แต่ผมกับพี่ยองเบไปทาน ซุป  SunDaeและข้าวกัน (^O^)/ 
ท้องอุ่นขึ้นมาหน่อย และผมก็นอนไปนิดนึง 
คุณแม่ก็กลับมาบ้าน ทำกับข้าว ผมทานลงไปและมุ่งตรงไปที่สตูดิโอ 
เพราะฤดูหนาวมาเยือนแล้ว ผมอยากจะมอบของขวัญบางอย่างให้กับแฟนๆ
ผมบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้ครับ แต่จะมีอะไรบางอย่างมามอบให้แน่นอน 

ดูแลตัวเองอย่าให้เป็นหวัดกันนะครับ 
พรุ่งนี้ผมต้องตื่นแต่เช้า ดังนั้นจะรีบเข้านอนเร็วๆหน่อย 
ราตรีสวัสดิ์ครับ

English translation by Jacly 
Thai Translation by Mew
Photo credit to UKBigbang 

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ซึงจังไดอารี่ 28 ตุลาคม 2012


[โอ๊ปป๊า แพนด้า สไตล์] 

คืนนี้เราจะเดินทางกลับเกาหลีครับ
การแสดงสดที่ ไต้หวัน ฟิลลิปินส์ และมาเลเซียเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจ
นอกเหนือจากนั้นประเทศเหล่านั้นยังเป็นครั้งแรกของเราด้วยครับ
ผมอยากจะกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่ให้การสนับสนุนเรา
ขอบคุณโปรโมทเตอร์ด้วยใจจริงที่ทำให้เรามีอาหารอร่อยๆทานและ
ช่วยเหลือทำให้เราสามารถตั้งสมาธิไปกับการแสดงสดของเราในทุกๆประเทศที่เราไปครับ

เมื่อไหร่ที่ผมกลายเป็นแพนด้าเหรอครับ??
สิ่งที่ประทับใจที่สุดในหัวของผมตอนนี้ มีแต่ แพนด้า
จริงๆผมก็ไม่ได้เหมือนแพนด้าเท่าไหร่นักและไม่มีความสัมพันธ์ใดกับมัน
ผมก็ไม่เคยพูด "ผมชอบแพนด้า" ด้วยนะครับ....
เมื่อไหร่กันที่ ซึงรี=แพนด้า และทุกคนก็เริ่มมอบแพนด้าให้ผมเป็นของขวัญ
ผมได้รับตุ๊กตาแพนด้าเยอะมากเลยครับ
ถึงขนาดที่ว่าจะเปิดร้านขายของแพนด้าได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เป็นเพราะรอยดำใต้ดวงตาผมใช่ไม๊ฮะ?? ผมใส่ใจกับรอยดำใต้ตานี่มากนะครับ
ผมไปพบคุณหมอเพื่อให้เค้าช่วยหาทางรักษาให้หน่อย
แต่สิ่งที่คุณหมอพูดมาเป็นสิ่งที่น่าตกใจมาก คุณหมอบอกว่า
"ซึงรีเรื่องรอยดำใต้ดวงตาของคุณ
ความเป็นไปได้ที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นไปได้น้อยมากนะครับ "
ผมคิดว่า "มันรักษาไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรเนอะ "
และนี่เป็นเหตุผลที่ผมกลายเป็นแพนด้าใช่ไม๊ครับ

ระยะหลังนี้ผมเอาใจใส่ในเรื่องของแพนด้าอย่างมากครับ
ผมมองดู สีขาวสีดำของมันและคิดว่า "นายเป็นใครกันเนี้ย"
แต่คุณรู้ไม๊ครับ แพนด้าที่ปกติแล้วดูอ่อนโยนใจดี
มันจะดุร้ายทีเดียวเมื่อเพื่อนและครอบครัวของมันตกอยู่ในอันตราย
นิสัยนี้ของมันค่อนข้างเหมือนผมครับ
ผมอยากจะปกป้องสมาชิกในวงทุกคน ทีมงาน และแฟนๆ เท่านี้แหละครับ ^___^
ผมไม่แข็งแรงพอจะปกป้องทุกคนทั้งหมดได้....แต่ผมต้องพยายามให้มาก

ด้วยเครื่องบินนี้จะพาผมไปพบกับเช้าวันรุ่งขึ้นที่เกาหลี
รออีกหน่อยนะครับ ผมจะไปอยู่ที่นั่นแล้วละ
ทำดีมากครับทุกคน

japanese to english by Jacly
Thai Trans by mewmew
photo credit to 李贤吧

ซึงจังไดอารี่ 24-26 ตุลาคม 2012

สังหรณ์ว่าจะมีคนแปลมาให้อ่านเรื่อยๆแล้วละค่ะ มิวแปลลงทวิตไปสามสี่วันแล้ว
เอามาเก็บไว้หน่อยดีกว่าคงได้แปลกันไปอีกยาว XD  

=====================

ซึงจังไดอารี่ 26 ตุลาคม 2012

[เที่ยวบินอันตราย]

เราต้องเคลื่อนย้ายจากฟิลลิปินส์ไปที่มาเลเซียครับ
วันสุดท้ายที่ฟิลลิปินส์มีฝนตกหนักมากๆ
ผมคิดว่าชาวฟิลิปินส์คงรู้สึกเหงาที่พวกเราต้องจากมา
แต่ไม่เป็นไรนะครับ เราจะได้เจอกันอีกคราวหน้า ขอบคุณครับฟิลลิปินส์
เราสนุกกันมากที่นั่น สมาชิกในวงคนอื่นก็คิดเหมือนกันครับ

แต่มีปัญหาอยู่ครับ คือ ไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน
เครื่องบินก็ยังจะขึ้นบินตรงตามเวลาแบบที่เคยเป็น
เครื่องบินสั่นอย่างแรงเลยครับ
มันยากที่จะควบคุมเครื่องบินให้ร่อนลงจอดอย่างปลอดภัยเพราะลมแรงมาก
จริงๆผมอยู่ในภาวะที่อันตรายเพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุทางเครื่องบินได้นะครับ

เช่น ครั้งก่อนที่ผมจะเดินทางกลับไปที่ประเทศเกาหลี
คุณป้าที่รู้จักกับผมได้โทรศัพท์มา
คุณป้า:ซึงฮยอนกุล สบายดีนะจ๊ะ??
(kun:เอาไว้ต่อท้ายประโยคเรียกคนที่อายุน้อยกว่า)
SR:ครับ พรุ่งนี้แล้วครับจากนั้น....
คุณป้า:พรุ่งนี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้นะจ๊ะ ระวังตัวด้วย
SR:เอ?? เดี๋ยวนะครับ??? เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย??
คุณป้า:คือฉันเห็นยองเบนั่งข้างเธอบนเครื่องบินในวันพรุ่งนี้ฉัน กังวลมากอยากให้เธอรู้ไว้นะ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันแต่ ฉันก็ไม่ได้โทรหาเธอเลยในช่วง 3 ปีนี้ฉันรู้สึกกระหงิดๆในใจและรู้สึกประหม่าเป็นห่วงนะ อยากให้เธอรู้ไว้เท่านั้นแหละจ๊ะ"

SR:พี่ยองเบครับ ขอผมดูตั๋วที่นั่งหน่อยได้ไม๊? จริงด้วยฮะ พี่ยองเบนั่งข้างผม
แล้ววันนั้นเครื่องบินก็สงเสียงดังมาก ทุกคนต่่างก็ตระหนกกันหมด
จากนั้นเราก็ได้ยินประกาศ
"เรียนท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ล้อขวาของเครื่องบินเกิดยางแบน"
ผมได้ยินประกาศแต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรครับ
ครั้งนั้นเครื่องอาจจะเกิดอุบัติเหตุก็ได้ถ้าฝืนบินขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้นละก็??...
แต่ว่ามันก็ยอดเยี่ยมมากเลยครับ ที่ทุกคนก็ปลอดภัยสบายดี
จากนั้นผมจึงจะโทรหาคุณป้าที่โทรเตือนมา แต่ปรากฏว่า
"หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"

และนี่คือเรื่องเล่าที่เหลือเชื่อของซึงจังครับ
พรุ่งนี้จะมี Alive tour ที่มาเลเซียแล้ว ผมตั้งหน้าตั้งตาคอยเลยละครับ

chinese to eng by YUKI
eng to that by mewmew

-----------------------------------------------------------------

ซึงจังไดอารี่ 25 ตุลาคม 2012

วันนี้เป็นวันที่ยอดเยี่ยมจริงๆครับ ผมอึ้งไปเลย
ปฏิกริยาตอบรับของทุกคนเยี่ยมไปเลยครับ มันทำให้ผมประหลาดใจ
พวกคุณเต้นไปกับเพลงของเรา ในทุกๆประเทศต่างก็มีสไตล์ที่ต่างกันไป
ที่ฟิลลิปินส์ให้ความรู้สึกสงบนิ่งตามถนนหนทางก็ดูจะเงียบเชียบ
ในตอนแรกผมคิิดว่าอาจจะมีปัญหาแล้วละ แต่ทุกคนกลับกระตือรือร้นกันมาก
ผมรู้สึกดีใจมากๆครับ ฟิลลิปินส์ครับ ขอบคุณมากๆเลย
น่าเสียดายครับเป็นเพราะมีกำแพงในเรื่องภาษามาขวาง
ในครั้งแรกนี้ผมอยากจะพูดกับพวกคุณให้มากกว่านี้
มันเป็นเรื่องจำเป็นนะครับ ผมอยากส่งผ่านความในใจไปยังแฟนๆที่คอยสนับสนุนเรา
แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจำภาษาต่างๆในประเทศต่างๆได้หมด
ดังนั้นผมหวังว่าพวกคุณจะยกโทษให้กับพวกเรานะครับ
ว่าแต่ว่า เมื่อไหร่กันน้าที่ผมเริ่มพูดภาษาญี่ปุ่นได้เยอะขนาดนี้??
ผมยังพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยเก่งเลยใน DVD Live ที่ญี่ปุ่น
จากนั้นก็จะเริ่มคิดว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกไปบ้างนะ??
แต่ตอนนี้ผมกลับมาเขียนไดอารี่ด้วยตัวเองแบบนี้ได้!! มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมครับ
บิกแบงอาจจะมีรายการเป็นของตัวเองก็ได้
ถ้าสมาชิกทุกคนสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้

พี่ท็อปน่ารักมากเลยละครับตอนนี้
เค้าเหมือนกับนักเรียนชั้นเด็กเล็กแม้ว่าจริงๆจะเป็นหนุ่มหล่อมาก
บางทีนี่อาจจะเป็นจุดที่ทำให้เค้าน่าหลงใหลนะฮะ??
พี่ท็อปกำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่ครับในตอนนี้
เค้ามักจะไม่มีเวลาได้นอนเลยเพราะยุ่งมาก
ผมคิดว่าเค้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ผมตั้งตารออยากดูหนังเรื่องนี้มากครับ

เราจะมีทัวร์คอนเสริ์ตต่อที่มาเลเซียครับ ผมได้ยินมาว่าตอนนี้เป็นฤดูฝนที่นั่น
ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นปัญหารึเปล่า
แฟนๆที่มาเลเซียคงต้องกำลังรอพวกเราอยู่แน่ๆ ผมมั่นใจว่าเราจะทำได้ครับ
ผมเป็นหนุ่มสดใสเหมือนพระอาทิตย์ ดังนั้นมันจะต้องเป็นวันที่สดใสแน่
ท้องฟ้าโปรดกรุณาเข้าข้างเราด้วยเถอะ!!

ตั้งใจทำงานนะครับวันนี้

English Translation by Yuki 
thai Translation by mew 

------------------------------------------------------------

 ซึงจังไดอารี่ 24 ตุลาคม 2012

การเริ่มเขียนไดอารี่นี้ .....เขียนมาได้พักใหญ่แล้วนะครับ
มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น......การทำกิจกรรมต่างๆด้วยตัวเองที่ประเทศญี่ปุ่นนี้
น่าแปลกใจเหมือนกันนะครับที่ผ่านมาได้ 3 เดือนแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ความทรงจำจากประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผม
งานแฟนมีตติ้ง และ งานละคร มีการเริ่มต้นหลายอย่างจริงๆ
ปีนี้ผมได้ทำอะไรหลายอย่าง นอกจากนี้ตอนนี้ผมก็มีทัวร์คอนเสริต์รอบโลกอยู่ด้วย
ทั้งประเทศไทย ทั้งที่ไต้หวัน และตอนนี้ผมมาอยู่ที่ฟิลิปินส์ครับ
ในขณะที่เราไปตามประเทศต่างๆ ผมรู้สึกได้ถึงแรงเชียร์ที่ทุกคนมีให้ บิกแบง
มีแฟนๆที่รอคอยเรามากมายแม้ว่าเราจะไปเยือนประเทศนั้นเป็นครั้งแรกก็ตาม
เรามีความสุขจริงๆครับ ผมคิดจริงๆว่าเราเป็นที่รักไปทั่วโลก
ในตอนที่ผมทำรายการ "LOKE กับซึงจัง"ที่ญี่ปุ่น ผมคิดว่าร้อนจังเลย
แต่ก็ได้กลิ่นลมหนาวโชยมาแล้วละครับ
ทุกคนแข็งแรงกันดีนะครับ?? จะเป็นอะไรไม๊ครับถ้าผมจะเขียนไดอารี่นี้ต่อไป??
ผมรู้สึกเหงาจังเพราะอยู่แต่ในห้องโรงแรมเป็นเวลายาวนาน
เรื่องราวที่ญี่ปุ่น.......ผมอาจจะลืมมันไปได้นะฮะ
ผมอยากจะเจอทุกคนจัง เพราะผมแยกจากทุกคนมา
ยังไงก็ตามแต่ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากจริงๆใน 3 เดือนที่ผ่านมา
ขอบคุณที่สนับสนุนผมเสมอมานะครับ
ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนจริงๆ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ
ขอบคุณมากๆ ครับ
ไม่ได้เขียนไดอารี่นานดังนั้นวันนี้เลยเขียนซะยาวเลย ขอโทษครับ
ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานในวันนี้เหมือนกันนะครับ

english translation by  HOO 
Thai Translation by Mew 

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ จีดราก้อน GQ [Korea] พฤจิกายน 2012


ในระหว่างการถ่ายแบบ คุณดูจริงจังมากกว่าแต่ก่อนนะครับ??
GD:ผมดูเหลาะแหละไปไม๊ฮะ??

ผมคิดว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่สนุกสนานกว่านี้ซะอีกครับ??
GD:ผมมีความสุขเวลาที่ได้ทำเพลงครับ แต่ว่าการถ่ายแบบมันเป็นสิ่งที่มีความแตกต่างจากการทำงานเพลง ดังนั้นผมมักจะรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่จะพยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเวลาที่ถ่ายแบบครับ

ผมยังจำคุณเมื่อครั้งที่ร้องเพลง“I’m 13 years old.” ได้อยู่เลยครับ มีอะไรที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนบ้างรึเปล่า??
GD:อืมม.... ผมไ่ม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยครับในเรื่องของความคิดเห็นของผม ผมก็ยังอยากที่จะทำงานเพลงต่อไปเมื่ออายุมากขึ้นแม้ว่าเงื่อนไขแวดล้อมต่างๆจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อน มันยากที่จะหาเพลงดีๆฟังและยากที่จะแสดงบนเวที แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขมากที่สามารถทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ ตอนนี้สภาพแวดล้อมทุกอย่างเอื้อให้ผมไปหมด บางคนอาจจะดูแล้วอิจฉาผม แต่ผมคิดว่าผมเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ดังนั้นสิ่งนี้ก็เหมือนกับเป็น รางวัลให้ักับผมครับ ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆในช่วงนี้

ในเพลง “I’m 13 years old” และในเพลง “The boy” คุณพูดว่า "เป็นจีดราก้อนไม่ว่าใครจะพูดยัังไงก็ตาม" ประโยคนี้ยังไม่เปลี่ยนไปใช่ไม๊ครับ??
GD: ครับ ในตอนนั้นผมชอบที่จะแสดงตัวตนออกมาแม้ว่าจะไม่มีข้างในให้โชว์ก็เถอะ แต่ตอนนี้ อืมม.. ผมว่ามีบางอย่างในตัวผมนะ

คุณได้ทำงานร่วมกับยี่ห้อ Ambush ของ Verbal ด้วยอะไรที่ทำให้คุณชอบยี่ห้อนี้ครับ??
GD: เพราะว่ามันไม่ใช่อะไรที่เป็นกระแสหลักมากจนเกินไปครับ นักดนตรีมีของยี่ห้อตัวเอง เพิ่มอิทธิพลให้กับตัวเอง มันดูเท่มากครับและมันก็เป็นอะไรที่ผมอยากจะทำบ้างในอนาคต ดังนั้นตอนที่ผมเจอ verbal ผมจึงเข้าไปถามคำถามมากมายจากเค้าก่อน

Q. มันดูเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันดีที่คนอื่นจะมาร้องฟีทในเพลงของจีดราก้อน แต่กลับไม่ค่อยคุ้นเลยถ้าจีดราก้อนจะไปร้องฟีทกับคนอื่น ทำไมเป็นแบบนั้นละครับ กรณีที่มาร่วมงานกับverbalในครั้งนี้คงเป็นกรณีอย่างหลังนะคือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ที่เราไม่ค่อยจะได้เห็น
GD: มันก็เป็นเรื่องที่ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ผมพยายามที่จะเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเพราะพวกเค้าก็ต่างเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้วทั้งนั้น พวกเค้าเหมือนกับรุ่นพี่ที่สามารถสอนอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับผมได้หากผมจะสร้างยี่ห้อของตัวเองขึ้นมา

ยังมีอะไรที่คุณอยากได้อยู่ไม๊ครับ??
GD: สิ่งที่ผมอยากได้ตอนนี้เหรอครับ........ผมอยากได้ของยี่ห้อ Yves Saint Laurent ครับแต่ว่ามันยังไม่ออกวางขาย เป็นเพราะผมชอบ Hedi Slimane มาตั้งแต่ยังเด็ก ผมยังไม่เห็นคอลเลคชั่นนี้เลยนะครับแต่ผมอยากจะเห็นและซื้อมันให้เร็วที่สุดเลยละครับถ้ามันออกมา

ท่ามกลางสิ่งที่จับต้องได้ ไม่มีอะไรที่คุณจะไม่สามารถครอบครองมันได้ใช่ไม๊ครับ??
GD: พูดตามตรงนะครับ ไม่มีอะไรเลยที่ผมไม่สามารถครอบครองมันได้ครับ ผมจะสามารถหามันมาได้ทุกอย่างถ้าผมพยายามอยากจะได้มัน

ดูเหมือนว่าบิกแบงจะกลับเข้าสู่ความเป็นฮิบฮอบอีกครั้งหลังจากออกเพลง BadBoy มานะครับ
GD: ตั้งแต่แรกเริ่ม บิกแบงเป็นวงฮิบฮอบนะครับถึงแม้ว่าจะใช้เวลายาวนานถึง 5-6 ปีในการที่จะกลับไปเป็นวงฮิบฮอบอีกครั้ง เราคิดว่าผู้คนน่าจะติดตามเรามากกว่าถ้าเราทำเำพลงออกมาในแนวไอดอลก่อน การที่ทำในสิ่งที่ผู้คนชอบเพื่อระดมความนิยมก่อน และหลังจากนั้นเราถึงทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการอยากจะทำครับ ดังนั้นผมคิดว่าเราพยายามทำเพลงให้เป็นฮิบฮอบทีละเล็กทีละน้อยอย่างลับๆมานานแล้วละครับ และจุดมุ่งหมายสุดท้ายของเราคือ ทำให้เพลงฮิบฮอบเป็นที่นิยมอีกครั้ง

เสียงเพลงและแฟชั่นเป็นเรื่องเดียวกันใช่ไม๊ครับ??
GD: ครับ คนมักจะเรียกผมว่าเป็น เจ้าแห่งแฟชั่น( fashionista) แต่ก็ อืม....ก็รู้สึกเขินนิดหน่อยครับ แน่นอนว่าผมรู้สึกขอบคุณมากเลยเพราะผมชอบดนตรีและชอบแฟชั่นด้วย แต่ก็มีคนหลายคนที่สามารถแต่งตัวได้ดีเหมือนกัน สำหรับผมบางทีผมเห็นชาวต่างชาติที่แต่งตัวดีก็จะเลียนแบบเค้าเป็นบางครั้งครับ

คุณรู้สึกว่าใครแต่งตัวดูเป็นแฟชั่นมากในช่วงนี้ครับ??
GD: อืมม......ช่วงนี้ผมว่า M.I.A ดูเท่ดีครับ เธอเป็นผู้หญิงแต่ดูหล่อครับ ถ้าเป็นผู้ชาย มีผู้ชายเท่ๆเจ๋งๆเยอะเลยครับ ส่วนตัวแล้วผมชอบ  Pharrell.

มิวสิควีดีโอ ‘One of a kind’ ทำให้ผมนึกถึง ASAP Rocky นะครับ .
GD: เมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้ดู MV เพลง  ‘Peso’ ของเค้าอยู่ครับ มันดีมากจริงๆ ให้ความรู้สึกเป็นฮิบฮอบรุ่นเก่า ผมรู้สึกดีมากๆที่ได้เห็นใครบางคนทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำ ถ้าผมพูดว่าผมไม่ได้รับแรงบันดาลใจอะไรเลยจากเค้า นั่นคงจะเป็นการโกหกแล้วละครับ แต่ผมคิดว่ามันเป็นเพลงโปรดของผม มิวสิควีดีโอโปรดของผม ดังนั้นมันจึงมีความแตกต่างไปจากคำว่า"ให้แรงบันดาลใจ"นิดหน่อยนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณจะคิดยังไงกับความเห็นของผมนะ ผมจะไม่ประหลาดใจอะไรเวลาที่ผมดูมิวสิควีดีโอของชาวต่างชาติ ทั้งเพลงและบรรยากาศทั้งหมดของตลาดดนตรีในตอนนี้ดูแล้วไม่เกิดแรงบันดาลใจใดๆ แต่เพลง “Peso” เป็นMVที่แปลกใหม่และเท่ดีครับ 


หมวก COMME des FUCKDOWN เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมาแล้ว คุณคิดยังไงเวลาที่เห็นผู้คนสวมใส่เสื้อผ้าที่คุณเคยสวมมาก่อน??
GD: เท่ดีฮะ เยี่ยมไปเลย

มันให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมแต่เหมือนกับว่าจะไม่อยากใส่มันอีกไม๊ครับ??
GD: ครับผมจะไม่ใส่อีก ถ้าผมใส่เสื้อผ้าที่มีดีไซเนอร์ออกแบบแล้วต่อมามีศิลปินคนอื่นใส่ด้วยเหมือนกันผมจะไม่ใส่มันอีกเลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่ชอบเหมือนกัน แต่มันให้ความรู้สึกเยี่ยมจริงๆนะครับที่ได้เห็นคนใส่เสื้อผ้าที่ผมใส่มาก่อน

อย่างหมวก  ‘Giyongchy’ ที่แปลงชื่อมาจาก  Givenchyไม๊ครับ??
GD: ครับ เป็นตัวอย่างนึงครับ (5555) ผมรู้สึกดีใจเวลาเห็นคนใส่หมวกหรือเสื้อฮู้ดที่ดีไซน์ด้วยตัวหนังสือแบบเรียบๆ แม้ว่าของนั้นจะไม่ได้ทำออกมาขายก็ตามครับ

คุณดูตลกดีใน MV นะครับ ที่สวมเสื้อที่ดูแล้วไม่ค่อยเท่เท่าไหร่ในMVและเต้นตลกๆ มันดูแปลกใหม่และดูมีความสุขดี ตอนนี้คุณดูจะไม่ค่อยใส่ใจแล้วใช่ไม๊ครับ??
GD:ผมคิดว่าเมื่อก่อนผมใส่ใจในเรื่องต่างๆมากเกินไปครับ ผมไม่อยากจะแสดงออกตัวตนของตัวเองที่ดูไม่ดีออกมาและคิดว่าผมไม่ควรทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ ผมคิดว่ามันเป็นการดีที่ผมจะบรรยายเพลงของผมและแสดงออกถึงตัวเองผ่านเสียงเพลง ผู้คนไม่เคยเห็นฉากที่ผมโกนหนวดมาก่อน การที่ทำท่าเท่ๆมันดูเกลื่อนแล้วละครับมันอาจจะทำให้น่าเบื่อได้ 

คุณเป็นคนที่รู้จักการโพสท่าเป็นอย่างดี การที่จะทำตัวตลกๆนั้นคุณได้ตั้งขอบเขตเอาไว้ไม๊ครับ? 
GD: อืม....มีเหมือนกันนะครับแต่น่าจะเป็นแบบไม่รู้ตัวนะ คือ อย่างที่วง Lonely Island ทำออกมาครับมันจะดีกว่าถ้าคุณทำมันอย่างถูกต้องนะ ผมจะดูแปลกประหลาดถ้าผมทำมันออกไปแบบลวกๆไม่ตั้งใจ ดังนั้นผมพยายามอย่างมากนะครับที่จะให้มันดูตลก แต่ก็นะ  โดยที่ไม่รู้ตัวผมคิดว่าในตัวผมก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน 

คุณเปรียบตัวเองว่าเป็นหมาป่าเมื่อปีก่อน ในตอนนี้คุณเขียนเพลงออกมาว่า " หมาจิ้งจอก ย่อมดีกว่าหมี" ใช่ไม๊ครับ?? 
 GD: ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆในช่วงการเตรียมการงานในอัลบั้มนี้ครับ เมื่อปีที่แล้วมีช่วงระยะเวลาที่ผมควรจะพักผ่อน ผมได้เก็บกักพลังได้มากมายในช่วงนั้น มันเป็นครั้งแรกที่ผมอยู่ตัวคนเดียวดังนั้นผมได้คิดมากมายและเติบโตขึ้น ผมรู้สึกเสียใจและขอโทษมากๆครับเพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมจำเป็นจะต้องมีจริงๆ  ผมได้ทิ้งความโลภที่ผมมีในบางอย่างที่ไม่เคยจะทิ้งได้ในช่วงนั้นครับ

คุณเคยล้มเหลวผิดหวังในเรื่องสำคัญๆบ้างไม๊ครับ??
GD: อืม....เคยครับแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเคยครับ ผมมีความรักที่ไม่สมหวังกับใครบางคน และผมก็เป็นคนเรียนไม่เก่งเท่าไหร่ด้วย

แต่ถึงยังไงจีดราก้อนก็ดูจะคว้าชัยชนะมาได้เสมอนะครับ คุณพูดว่า " ขอโทษนะ แต่ผมมันเป็นของยอดฮิต" ประโยคนี้ฟังดูแล้วออกมาแบบธรรมชาติมากนะครับ
GD: ในตอนนี้ผมคิดว่าเป็นแบบนั้นครับ ผมมีความมั่นใจในทุกเรื่อง ผมเคยขาดความมั่นใจมาก่อน ผมเคยรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อตอนที่อายุยังน้อยเพราะผมไม่สูงและมีชื่อเสียงน้อยมากในตอนนั้น 

การออกอัลบั้มในครั้งนี้ ไม่มีการใช้แผนเพลงโปรโมททีเดียว 3 เพลงไม่มีการถ่ายMV เยอะๆ มีเพียงเพลงของคุณเท่านั้น นั่นเป็นเพราะคุณมีความมั่นใจกับมันใช่ไม๊ครับ??
GD: นี่เป็นอัลบั้มเดี่ยวของผมและเป็นมินิอัลบั้มด้วยผมจึงทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำครับ อัลบั้มนี้ไม่มีคอนเซ็บซ์ มีการเรียงเพลงแปลกๆ อย่างเพลงที่ 1 กับเพลงที่ 2 ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกันเลย ผมใส่สิ่งที่ผมต้องการลงไปในอัลบั้มนี้และทำมันออกมา ดังนั้นผู้คนสามารถเลือกและฟังแต่ละเพลงได้ตามอารมณ์ของพวกเค้า อืม...จริงๆชีวิตของผมก็เป็นแบบนี้ในช่วงนี้ ไม่ใช่เพราะความมั่นใจหรอกครับ และผมคิดว่าผู้คนก็น่าจะชอบในแนวทางที่ผมทำอยู่นี้ด้วย

ผมคิดเหมือนกันว่าคุณแสดงออกถึงสิ่งที่คุณต้องการจะแสดงออกมา ถ้าคุณต้องการจะแสดงออกให้เหมาะที่สุดนะ ผมว่าคุณควรจะเอาเพลง “One of a kind” ไว้เป็นจุดจบมากกว่านะครับ
GD: ครับ คุณพูดถูกครับ ผมแสดงออกถึงสิ่งที่ผมสามารถทำได้ดีออกมาก่อน และผมคิดว่าเพลง “One of a kind” บรรยายทุกอย่างที่ผมต้องการจะบอกผ่านอัลบั้มนี้ออกมา ทั้ง มิวสิควีดีโอ สไตล์ เนื้อเพลง อารมณ์ และทุกอย่างเลยครับ

ผมได้ยินมาว่า ท่านยางฮยอนซอกเป็นคนเลือกเพลงโปรโมทเองใช่ไม๊ครับ มีในเรื่องไหนไม๊ครับที่คุณไม่เห็นด้วยไม่ยอมเค้ามีไม๊ครับ??
GD: ผมเป็นคนลงมือเขียนเนื้อเพลงเองครับ ผมคิดว่าการเขียนเนื้อเพลงก็เป็นงานที่คล้ายๆกับนักเขียนเขียนหนังสือ ทางท่านยางได้ขอให้ผมเปลื่ยนเนื้อเพลงที่จะมีผลกระทบต่อจิตใจของคนอื่น แต่ผมก็ยืนยันจะทำตามที่ผมเขียนครับ เช่น คำว่า "ไอ้เฮงซวย" 

คุณจะให้คะแนนอัลบั้มนี้ของตัวเองเท่าไหร่ครับ??
GD: อืม... 70คะแนนไม๊ครับ?
Q. แค่ 70 คะแนนเองเหรอครับ?
GD: 70 ไม๊ฮะ? 77แล้วกัน! 70… อืมๆๆผมไม่สามารถให้คะแนนได้้ตอนนี้ฮะ ผมคิดว่าจะรอ 3-5 ปีแล้วกัน ถึงจะตัดสินได้นะครับ 

Korea to English Translated by LueKim@twitter
English to Thai Translated by mew mini museum
Picture credit to GKGD via DCGD 


วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จีดราก้อน อยากเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวง GirlGroup


จีดราก้อนได้เปิดเผยถึงความตั้งใจในการที่จะเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวง GG ในอนาคต จีดราก้อนดูตื่นเต้นมาก เมื่อเปิดเผยถึงความหวังของเค้าที่จะเป็นผู้ทำเพลงให้กับวงนักร้องหญิงในระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับนึงที่มีขึ้นที่บริษัท YG ในโซล กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา 

"ผมมักจะรู้สึกอิจฉาพี่เท็ดดี้อยู่เสมอๆครับ มันเป็นเรื่องยากที่จะเขียนและแต่งเพลงจากมุมมองของผู้หญิงออกมาได้แต่พี่เค้าทำได้ดีมากจริงๆ ผมหวังว่าการที่ผมจะได้มีโอกาสเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวงนักร้องหญิงมันจะทำให้ผมได้เรียนรู้และมีพัฒนาการมากขึ้นในฐานะที่เป็นศิลปินคนนึงและหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือพวกเค้าได้ด้วย " จีดราก้อนเสริมว่าการทำงานร่วมกับไอดอลรุ่นน้องจะเป็นอีกประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเค้า 
 
ความฝันในการที่จะเป็นโปรดิวเซอร์วงนักร้องหญิงของจีดราก้อนดูจะมาเร็วกว่าที่เค้าคาดเนื่องจาก บริษัทต้นสังกัด บริษัทวายจีเอนเตอร์เทนเม้นซ กำลังจะเดบิววงนักร้องหญิงตามรอยนักร้องกลุ่มรุ่นพี่อย่าง 2ne1 ออกมาเร็วๆนี้  

"ท่านยางบอกกับผมให้เขียนเพลงให้กับพวกเค้า เดาๆเอาว่ามันเป็น"คำสั่ง"อะนะครับ(หัวเราะ) แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกดีสำหรับผมครับ"  

นอกจากจะมีส่วนในวงไอดอลรุ่นใหม่ ในอัลบั้มเดี่ยวของเค้าในครั้งนี้เค้าได้ร่วมงานกับนักร้องมากมาย 

"ผมเรียนรู้มากมายจากพวกเค้าครับ โดยเฉพาะในเรื่องที่จับต้องได้อย่างเรื่องของการบันทึกเสียงในรูปแบบต่างๆ เป็นเพราะพวกเค้ามักจะทำเต็มที่เกินกว่าที่ผมออกปากขอร้องออกไปซะอีก ทำให้ผมไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวลเลยในการทำงานกับพวกเค้าครับ (หมายถึงการทำงานกับคุณ Kim Yuna และ Nell)"

※ Any copying, republication or redistribution of 10Asia's content is expressly prohibited without prior consent of 10Asia. Copyright infringement is subject to criminal and civil penalties.



Source: Kstar10
ThaiTranslation : mew mini museum

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ G-dragon เกี่ยวกับอัลบั้มเดี่ยว One of a kind


จีดราก้อนผู้ซึ่งอยู่เหนือการคาดเดา ผู้ซึ่งหลงใหลในดนตรี นำเพลงขึ้นแท่นเพลงฮิตได้อีกครั้งแล้วกับการคัมแบคในครั้งนี้ กลุ่มแฟนเพลงของวงไอดอลนั้นเปอร์เซ็นต์หลักๆจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น แต่อัลบั้มของจีดราก้อนครั้งนี้กลับติดเรท 19+ เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นสิ่งที่แร๊พเปอร์นักแต่งเพลงคนนี้ไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่มันยังสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนอื่นๆที่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ด้วย

หนึ่งในเพลงใหม่ของเค้าในการคัมแบคครั้งนี้ ที่มีชื่อเพลง “That XX” ถูกตั้งคำถามว่ามีเนื้อเพลงที่ไม่เหมาะสมรึไม่ ในท่อนที่ว่า " ไอ้*** คนนั้นมีอะไรที่ฉันไม่มีเหรอ??" คำที่ฟังดูออกจะหยาบไปซักนิด ขัดกับทำนองเพลงที่เป็นอะคลูติกนิ่มๆสร้างความผสมผสานที่น่าสนใจแต่ลงตัวเป็นที่สุด จริงๆแล้วถ้าเราตัดคำว่า " ไอ้ XXX" ออกไป เนื้อเพลงค่อนข้างจะเป็นเรื่องรักที่เหลวไหลและห่างไกลจากคำ่ว่า " ไม่เหมาะสม" อย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม จีดราก้อนก็ยังคงยืดหยัดจะใช้คำนี้ โดยกล่าวว่า เค้าเกลียดที่จะต้องร้องเพลงนี้ถ้าประโยคนั้นถูกตัดออกไปจากเพลง

คุณคัมแบคในครั้งนี้หลังจากที่ห่างจากงานเดี่ยวไปกว่า 3 ปี ช่วยอธิบายเกี่ยวกับคอนเซ็บซ์ของอัลบั้ม One of a kind หน่อยค่ะ?? 
จริงๆคอนเซ็ปซ์ไม่ได้ตั้งไว้ว่าจะเป็นแบบไหนเฉพาะเจาะจงครับ มันเป็นอิสรภาพที่ไร้ขีดจำกัด เหมือนกับที่ชื่ออัลบั้มบอกไว้ครับ มันเป็นสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด ทำได้ดีกว่าคนอื่น ผมพยายามอย่างมากที่จะเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวครับ

สิ่งที่คุณบอกว่าทำได้ดีที่สุด มันคืออะไรคะ??
ผมคิดว่าลักษณะที่ดีที่สุดของผม คือ การที่ผมไม่ตามค่ามาตรฐานต่างๆครับ ผมพยายามที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าต่างออกไป และผมก็พยายามที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างนั้นให้เป็นในแบบของผมเอง ด้วยMV และด้วยเสียงเพลง ในขณะที่เพลงทั่วๆไปดูเหมือนๆกันและน่าเบื่อ ผมคิดว่าผมจะหาทางทำให้มันสนุก และพยายามที่จะพูดถึงในสิ่งที่แตกต่างออกไปด้วยเช่นกัน 

มีอะไรในอัลบั้มที่แตกต่างไปจากอัลบั้มเดี่ยวครั้งที่แล้วเมื่อ 3 ปีก่อนบ้างไม๊คะ??
ก่อนหน้านี้ผมใส่ความคิดลงไปในสิ่งต่างๆเยอะมากๆ ผมคิดลึกลงไปถึงความหมายต่างๆและข้อความในเพลงรวมถึงตัวเพลงจะออกไปสู่ผู้ฟังและถูกยอมรับอย่างไร แต่ยิ่งทำเพลงมากขึ้นเท่าไหร่ผมก็เริ่มคิดได้ว่าการทำเพลงโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายเป็นลักษณะส่วนตัวของผมและเข้ากับบุคคลิกของผมได้ดีที่สุด เสียงเพลงก็คือเสียงเพลง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สนุกกับมัน แทนที่จะคิดเรื่องการส่งข้อความหรือทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ ผมพยายามจะใส่อารมณ์ความรู้สึกที่ผมรู้สึกในแต่ละวันลงไปในเพลง ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องสนุกสำหรับผู้ฟัง และ การแสดงบนเวทีครับ

มีอะไรอีกไม๊คะ??ที่มีอิทธิพลต่อคุณนอกเหนือจาก ประสบการณ์และความรู้สึกของคุณเอง?? 
มันเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่มันสามารถที่จะดึงเอาคำที่ตรงใจออกมาได้นะครับ มันเป็นนิสัยที่แปลกๆของผมเอง แต่ผมก็พยายามที่จะตีความออกมาในรูปแบบที่ต่างออกไปด้วย ผมชอบที่จะจินตนาการในเรื่องต่างๆแม้กระทั่งตอนที่ดูหนังก็ยังคิด, คำว่า "Crayon" แค่เฉพาะคำนี้ก็เป็นคนที่ทรงพลังในตัวของผมเองอยู่แล้ว ผมเริ่มแต่งเพลงนี้โดยพยายามที่จะวางคำต่างๆลงไปในเพลง รวมถึงคำพูดอันโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง แบทแมนตอน The Dark Night คำว่า “Why so serious” ซึ่งเป็นธีมของหนังลงไปในเพลงของผมด้วย ส่วนตัวแล้วคำคำนี้เป็นข้อความที่ผมได้จากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงนำเอามาปรับใช้ในการทำเพลงเพลงนี้ครับ

เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการจำกัดอายุคนฟังอัลบั้มนี้ให้อยู่ที่ 19+ คืออะไรคะ??
เห็นชัดๆว่านี่กำลังจะกลายเป็นปัญหาที่ผมจะต้องเผชิญกับมันนะครับ ดังนั้นผมต้องการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านั้นขึ้นเลยจัดการติดเรทไปก่อน ผมรู้ว่ามันก็แค่คำคำเดียว แม้จะมีความแตกต่างนิดเดียว แต่เพราะเพลงถูกสร้างมาจากคำที่มีความแตกต่างนิดเดียวคำนี้แหละ ผมคงไม่อยากจะร้องนี้ถ้าในเพลงไม่มีคำคำนี้ ผมคิดว่าคนที่ฟังเพลงแล้วจะเข้าใจครับ

ทุกๆเพลง ทุกๆอัลบั้มที่คุณทำออกมาผู้คนล้วนมีความคาดหวังสูงมากๆ คุณรู้สึกกดดันบ้างรึเปล่าคะ?? 
มีความกดดันครับ แต่มันไม่ได้รบกวนอะไรผมเท่าไหร่ ถ้าผมเป็นคนประเภทที่กังวลว่าสายตาคนข้างนอกจะมองมายังไงและขีดกรอบตัวเองเพราะสายตาของคนเหล่านั้นผมคงไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่ผมทำออกมาได้ครับ หากผมทำงานอย่างหนักและเพียงพอ ผู้คนจะยอมรับผมเอง ใช่ไม๊ฮะ?? 


คุณพยายามที่จะทำให้งานเดี่ยวของคุณมีความแตกต่างออกไปจากงานของบิกแบงไม๊คะ??
ก่อนหน้านี้ผมพยายามที่จะแยกสไตล์เพลงของบิกแบงก็ส่วนบิกแบงงานเดี่ยวก็ส่วนงานเดี่ยว แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้นแล้วละครับ ความคิดเดียวที่ผมมีคือ ทำเพลงที่ดีออกมา การที่ไปกะเกณฑ์แบ่งแยกสไตล์เป็นการปิดกั้นตัวเองนะครับ เป้าหมายเดียวที่มีคือการที่ผู้คนมีความสุขไปกับเพลงไม่มีเป้าหมายที่เหนือกว่านั้นแล้วครับ

ผู้คนมักจะคาดหวังสิ่งใหม่ๆและสิ่งที่ดีที่สุดจากจีดราก้อนเสมอนะคะ
ความโดดเด่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเสมอไปครับ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคนมากกว่า เป็นเพราะผมได้รับความรักมากมายจากคนฟังเพลงของผมและแฟนๆมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นมันเหมือนกับเป็นความรับผิดชอบอย่างนึงที่ผมจะต้องตอบสนองเติมเต็มความคาดหวังนั้นของพวกเค้า ในตอนนี้ทุกอย่างยังคงดำเนินไปได้ด้วยดีแบบนี้ แต่ต่อไปในอนาคตก็ยังคงเป็นเรื่องที่เราต้องกังวลกันอยู่ มันยังคงมีภูเขาลูกใหม่ๆที่ต้องปีนขึ้นไปเสมอ มันยากครับ แต่ผมยังอายุน้อยและโชคยังเข้าข้างผมอยู่เสมอในตอนนี้ ดังนั้นผมต้องการที่จะทุ่มเทสิ่งที่ผมมีทั้งหมดลงไปในสิ่งที่ผมพอจะทำได้ครับ

คุณเคยคิดบ้างไม๊คะว่า มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก มันต้องมีช่วงเวลา"ขาลง"ในอาชีพนี้บ้าง??
ผมคิดเรื่องนั้นเสมอเลยครับ เรื่องของชีวิตคุณไม่มีทางล่วงรู้อะไรได้เลย หากผมจู่ๆก็ต้องตกลงมาผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่หนักหนาจนผมไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่ได้ทำเพลงด้วยความกลัวที่จะตกลงมา แต่หากอาชีพในฐานะนักแสดงของผมถึงจุดที่ตกต่ำลง ผมก็คิดเรื่องที่จะไปทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ครับ เหนือกว่าการทำเพื่อได้เงินมา เป้าหมายของผมคือการได้ทำเพลงในระยะยาว ผมอาจจะดูเหมือนเด็กบ้าๆบนเวทีคนนึงในตอนนี้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำไปตลอด 10-15 ปีนี้หรอกครับ ผมอยากที่จะเห็นตัวเองทำเพลงดีๆออกมา เพลงที่มีความสัมพันธ์กับอายุของผมในตอนนั้นๆ

จีดราก้อนที่ไม่ได้ทำเพลงจะเป็นยังไงคะ??
ผมคิดว่ามันมีช่องว่างที่ใหญ่มหาศาลระหว่างบุคคลิกของผมในตอนที่ทำดนตรีกับตอนที่ไม่ได้ทำเพลงครับ บนเวทีจะมีส่วนนึงในตัวของผมที่ต้องการอยากจะดูมั่นใจซึ่งก็เป็นส่วนนึงของการสร้างภาพลักษณ์แบบนั้นขึ้นมา เมื่อผมลงจากเวทีผมจะประหม่าและเหมือนเด็กซะเป็นส่วนใหญ่ ในช่วงเวลาที่ผมไม่ได้ทำงานเพลง เวลาออกไปทานข้าวกับเพื่อนๆหรือดูหนัง ผมมักจะพูดเยอะเลยครับ

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เมื่อไม่ได้อยู่บนเวทีตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณเป็นอิสระในการที่จะทำในสิ่งที่คุณต้องการทำมากขึ้นนะคะ
ผมก็คิดแบบนั้นครับ มันอาจจะเพิ่มขึ้นเมื่อปีนึงๆผ่านไป เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้วเมื่อผมโตขึ้นอีก 1 ปี ผมก็ได้รับอนุญาติให้ทำอะไรๆเพิ่มมากขึ้น เมื่อก่อนนี้ในรายการต่างๆผมมักจะง่วนอยู่กับการทักทายรุ่นพี่ แต่ในตอนนี้ขนาดคนที่โตกว่าก็มักจะมาทักทายผมก่อน ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นครับ

คุณคิดยังไงกับรุ่นพี่ร่วมค่าย อย่างคุณ PSY ที่กำลังสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก??

ผมนับถือเค้ามากครับ ในตอนที่เพลงนี้ของเค้าออกวางแผงผมไม่คิดมาก่อนว่ามันจะกลายเป็นเพลงดังมากถึงขนาดนี้ ผมไม่สามารถที่จะรู้สึกหรือเข้าใจได้ 100%ในสิ่งที่พี่ไซกำลังเผชิญในตอนนี้ได้  แต่ผมจินตนาการว่าพี่เค้าคงใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในฝันทุกๆวันแน่ๆ ในฐานะเพื่อนร่วมงานและศิลปินร่วมค่ายบางส่วนในตัวผมรู้สึกอิจฉาเค้านิดๆครับ แต่ผมก็รู้สึกดีใจด้วยอย่างแท้จริงในสิ่งที่พี่เค้าประสบความสำเร็จ หากพี่ไซได้ระมัดระวังตระเตรียมทางในฐานะผู้ที่กรุ่ยทางไปล่วงหน้าก่อน ผมคิดว่า รุ่นน้องของเค้าก็มีทางเข้าใกล้เป้าหมายของพวกเค้าในตลาดนี้เข้ามาอีกก้าวด้วยเหมือนกัน สถานการณ์ทั้งหมดนี้น่าสนใจทีเดียวครับ  

งานของคุณก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีในต่างประเทศด้วยเช่นกัน  มีแผนการอย่างเป็นทางการที่จะออกไปสู่ตลาดในระดับนานาชาติบ้างไม๊คะ??
มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เกิดขึ้นได้จากการวางแผนนะครับและผมก็คิดว่าอย่าลองเลยจะดีกว่าถ้าความพยายามของคุณมีไม่มากพอ เป้าหมายของผมคือ การทำเพลงออกมาให้ผู้คนทั่วโลกสามารถที่จะสนุกมีความสุขไปกับมันได้ และนั่นคือสิ่งที่ผมเตรียมการเอาไว้ และผมคิดว่าผมคงจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้โดยปริยายหากผมทำเพลงที่พวกเค้าชอบได้และทำในสิ่งที่ผมมั่นใจออกมา ผมกำลังเรียนรู้อย่างมากระหว่างที่เราทำ World tour ครั้งนี้ครับ

Source: soompi
Thai Translation by mew mini museum