วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สัมภาษณ์ GD จากนิตยสาร 1st Look (ตุลาคม 2011)

RULE THE NATION

จีดราก้อนกำลังแนะนำแนวทางมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลี บอกเล่าถึงความคิดของเค้าในเรื่อง แฟชั่น เสียงเพลง นักดนตรี และ กระแส Kwave, ความคิดของเค้ายิ่งใหญ่ขึ้นและกว้างไกลมากกว่าที่เราคาดไว้


ยุค ของศิลปินที่เน้นในเรื่องเต้นและวงไอดอลนั้น เริ่มขึ้นเมื่อช่วงปี 1990 และ เนื่องจากประวัติศาตร์ในเรื่องนี้ยังถือว่าไม่ยาวไกลนัก ผู้คนที่เป็นผู้เปลี่ยนกระแสในยุคนั้นก็ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ผู้คนอย่าง Seo Taiji & Boys, Deuce, และวง H.O.T ต่างก็เคยเป็นผู้ที่ตั้งมาตรฐานผ่านทางดนตรีและการเต้นของพวกเค้ามาก่อน แล้วจีดราก้อนเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและสามารถทำเหมือนกับที่รุ่นพี่เหล่านั้นเคยทำมาได้เหรอ???

ชายผู้ที่มักจะมีพฤติกรรมทำให้คนต้องตกตะลึง ได้เสมอ คนที่เป็นหัวหน้าวง บิกแบงและยังเป็นศิลปินเดี่ยวคนนี้ มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แน่นอน จุดเริ่มต้นของเค้าไม่ได้แตกต่างไปจากดาราไอดอลคนอื่นๆที่ถูกคัดเลือกและถูก เลี้ยงดูให้ก้าวไปเป็นศิลปิน ผ่านขั้นตอนที่เรียกว่า ช่วง " เทรนนี" มาก่อน จีดราก้อนก็เดินตามขั้นตอนนั้นเหมือนทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม จีดราก้อนไม่ได้จำกัดตัวเองให้อยู่กับแค่การเต้นและการร้องเพลงเท่านั้น ในตอนนี้เค้าทำงานในส่วนของการออกแบบแนวความคิด เป็นโปรดิวเซอร์ที่สามารถควบคุมในเรื่อง แฟชั่น ทัศนคติ การออกแบบท่าเต้น การออกแบบเวที การออกแบบปกอัลบั้ม นี่ยังไม่ได้นับเรื่องของการเขียนเพลงทำเพลงด้วยตนเองอีกด้วย และนี่เป็นสาเหตุที่เราไม่สามารถจะเรียกเค้า และ วงบิกแบง ให้เป็นแค่วงไอดอลธรรมดาได้


“วาย จีทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ครับ ทั้งสภาพแวดล้อม วิธีที่ทุกคนใช้ทำงานและทุกอย่างเลย ความเป็นครอบครัวนั้นเข้มข้นมากที่นี่ฮะ พวกเราเหมือนกับเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นมันไม่เชิงว่าเรากำลัง "ทำงาน"ฮะแต่เหมือนกับเรากำลัง"เล่นสนุก"ด้วยกันมากกว่า เมื่อเราต้องทำงานและตั้งใจที่จะสร้างสรรค์งานเพลงให้ออกมาฮิต ให้เป็นเพลงที่โด่งดังนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นพูดง่ายๆคือ เราจะทำงานไปด้วยในขณะที่เราออกไปนั่งดื่มกัน หรือ ตอนที่กำลังเล่นเกมส์ จากนั้นไอเดียต่างๆมันก็จะเข้ามาหาเราเองซึ่งเพลงที่ได้ในช่วงนั้นก็จะออกมา ดีมากๆ แม้กระทั่งในช่วงวันหยุดผมก็มักจะมาที่บริษัทผมจะมาอยู่ใช้เวลาในที่ทำ งานอยู่กับพวกพี่ๆ ทำงานไปด้วยเล่นไปด้วยกับพวกเค้า ผมคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมสามารถทำงานได้มากกว่าคนอื่นและทำงานเพลง ดีๆออกมาได้ "


ในระยะหลังนี้ จีดราก้อนถูกพูดถึงในเรื่องของเป็นผู้นำแฟชั่นมากกว่าที่จะเป็นนักดนตรีด้วย ซ้ำ มีบางคนถึงกับออกมาล้อเลียนสไตล์แฟชั่นที่ดูจะกล้าหาญและโลดโผนของเค้าอีกด้วย ดังนั้นเราควรจะรู้ไว้ว่าจีดราก้อนนั้นเป็นผู้มีส่วนในความโด่งดังของ คุณ Jung Hyung-don ผู้ซึ่งวิจารณ์อย่างไม่มีความปราณีในเรื่องสไตล์การสวมใส่เสื้อผ้าในที่เป็น เอกลักษณ์และกล้าได้กล้าเสียของจีดราก้อนผ่านรายการ Infinity Chanllenge นอกจากนี้ การตูนบนเวปไซด์ อย่าง “Fashion King,” ที่มักจะล้อเลียนในเรื่องของแฟชั่นต่างๆล้วนต้องขอบคุณจีดราก้อนทั้งนั้น

“ผม เห็นว่ามันสนุกดีฮะ ในฐานะที่เป็นคนดูทีวีคนนึง รายการ Infinity Challengeเป็นรายการโปรดของผมจริงๆฮะ ส่วนเรื่อง Fashion King ผมได้ยินเรื่องนี้มาจากกลุ่มแฟนๆฮะ แต่ก็ยังไม่ได้ไปอ่านเลย ผมมั่นใจว่ามันต้องสนุกเหมือนกันนะฮะเพราะชื่อก็บอกแล้วว่า
. Fashion King ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่คนดังจะถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในตัวของรายการ นะฮะ"

จี ดราก้อนไม่เพียงแต่มีความหลงใหลอย่างมากในเรื่องของดนตรีเท่านั้น แต่เค้ายังหลงใหลในเรื่องของแฟชั่นอีกด้วย ในตอนนี้เค้ากำลังวางแผนในโครงการใหม่โครงการนึง

“ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเดินทางไปต่างประเทศ ผมมักจะไปดูร้านค้าที่เต็มไปด้วยของที่มีสไตล์เปื่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์ และได้พบกับเพื่อนๆที่สุดวิเศษที่นั่นฮะ แต่ในทางตรงกันข้าม พอมานึกถึงว่าในประเทศเกาหลีมีร้านแบบนั้นบ้างไม๊?? ผมก็คิดไม่ออกว่าจะไปหาร้านแบบนั้นในเกาหลีที่ไหน ผมอยากจะสร้างพื้นที่ที่เท่ๆ เจ๋งๆและสร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อนๆที่ผมคิดว่าพวกเค้าเก่งและมีสไตล์ขึ้นมา มันจะต้องไม่ใช่ร้านทั่วไปที่ทำธุรกิจขายเสื้อผ้าและข้าวของต่างๆ แต่ว่ามันจะต้องเป็นสถานที่เชิงวัฒนธรรม ที่ที่เราจะสามารถไปสัมผัส ไปมอง ไป เรียนรู้ในเรื่องของสไตล์แบบเกาหลีจริงๆ เป็นที่ที่ทุกอย่างสวยงาม ตระการตา มีสไตล์ไปหมดตั้งแต่คนขายไปจนถึงการตบแต่งภายใน และสินค้าต่างๆ เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยียน ผมเองก็กำลังเตรียมการในโครงการนี้ไปอย่างช้าๆในใจฮะ รอเวลาเหมาะๆก่อน"


นอกจากเรื่องของแฟชั่นแล้วสิ่งที่เค้ากำลังทุ่มเทความสนใจลงไปในช่วงนี้ คือ อัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 2 ของเค้า

" ผมกำลังเตรียมการเรื่องต่างๆในอัลบั้มเดี่ยวของผมอยู่ครับ แต่เป็นเพราะว่าเรามีงานที่ญี่ปุ่นและตารางถ่ายโฆษณาต่างๆเยอะมากๆ ผมคิดว่าผมคงจะต้องล่าช้าไปเล็กน้อยฮะ"


อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ของเค้า อัลบั้ม Heartbreaker เป็นอัลบั้มที่โชว์ สาระข้อเท็จจริง เกี่ยวกับจีดราก้อนจากต้นจนจบ ทั้งภายนอกภายใน เราสามารถรู้สึกได้เลยว่าเค้าทุ่มเทพลังทั้งหมดของเค้าลงไปกับการทำ อัลบั้มของเค้าครั้งนี้ ทุ่มไปหมดตัวหมดใจ
และที่น่าจะเป็นจุดที่เราเรามอง จีดราก้อนในฐานะ เป็นดิวเซอร์และศิลปินอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่นักร้องไอดอลธรรมดา

" ผมคิดว่าอัลบั้มของผมเป็นเหมือนกับไดอารี่ของผมฮะ บางครั้งมันสามารถที่จะเตือนใจคุณในความคิดต่างๆของตัวเอง มันทำให้คุณนึกถึงแนวความคิดและพลังงานต่างๆในตอนที่คุณลงมือทำมันออกมา ยังไงก็ตามทุกอัลบั้มต่างก็มีพื้นที่พิเศษต่างกันไปในใจของผม แม้ว่าในตอนนี้เมื่อผมย้อนกลับไปฟังมัน มันจะฟังดูเด็กมากๆและน่าอายแค่ไหนก็ตาม ผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้ใส่พลังความรู้สึกที่ัยังไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่ลงไป ดังนั้นในอัลบั้มนี้น่าจะเป็นอะไรที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นครับ"

นอกจากอัลบั้มเดี่ยวของเค้าจะเป็นเพลงในแบบ hip hop ซะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแนวดนตรีตั้งแต่ต้นของเค้า แต่อัลบั้มชุดนี้ก็จะมีความแตกต่างไปจากอัลบั้มในชุดก่อน มันจะมีการผสมผสานดนตรีแนวต่างๆที่หลากหลายเข้ามามากขึ้น

“ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเพลงที่ดีๆล้วนถูกทำออกมาแล้วทั้งนั้น ตอนนี้กุญแจสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะต้องหาทางผสมผสานมันให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง เพราะ เหตุนี้ศิลปินทั้งในและนอกประเทศเกาหลีต่างก็พยายามที่จะทำเพลงใหม่ๆออกมาแทนที่จะมานั่งแบ่งประเภทว่ามันเป็นเพลงแนวไหน เพลงในอัลบั้มนี้จะมีส่วนประกอบที่เป็นเพลง hiphop อยู่มาก ผมมีเพลงที่เป็นเพลงจังหวะช้าๆ และเพลงในแบบป็อป ในอัลบั้มก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้ทุกเพลงจะมีพื้นฐานเป็นเพลงhiphop ทั้งหมด ทุกคนจะต้องคิดเลยว่า " โอ้ นี่มันเพลง hiphop " ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินมันเลยทีเดียวฮะ"


ความหมายของคำต่างๆเปลี่ยนไปเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป ในอดีต คำว่า " นักดนตรี" ครอบคลุมไปถึงการเขียนเพลง การแสดงออกถึงทักษะที่ยอดเยี่ยมในเรื่องการร้องเพลงหรือความตั้งใจในเรื่องของดนตรี แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ในปัจจุบัน ถ้าคุณอยากจะได้ชื่อว่าเป็น " นักดนตรี" คุณจำเป็นต้องสามารถควบคุมในเรื่องของแฟชั่น การแสดง รายละเอียดต่างๆที่สามารถมองเห็นได้ และทำให้มันเป็นไปในแบบของคุณให้ได้ด้วย ความปรารถนาของจีดราก้อนและประโยคข้างบนนี้เป็นความคล้องจ้องที่กลายเป็น "มาตรฐานใหม่" ไปแล้ว

" เหตุผลที่เคยทำให้ผมอยากจะมาเป็นนักร้องก็เป็นเพราะว่านักร้องนั้นดูเท่มากๆๆ เมื่อย้อนกลับไปในตอนนั้นไม่มีเหตุผลอื่นเลยละฮะ ผมคิดแค่ว่า พวกเค้าดูเท่มากๆจริงๆ ผมคิดว่า โว้วว ผมอยากจะมีชีวิตแบบพวกเค้า จนกระทั่งถึงตอนนี้ เพลงและการแสดงของพวกเค้าก็ยังเท่มากจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีศิลปินนักดนตรีคนไหนที่จะเท่เท่าพวกเค้าอีกแล้ว และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะกลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุดให้กับผู้คน ผมจะรู้สึกดีใจมากถ้าผมได้กลายเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการวัดเรื่องของเพลงดีๆ ที่คุณสามารถที่จะตัดสินว่าอะไรคือสิ่งที่ดีและอะไรที่ไม่ดี ท่ามกลางนักร้องที่มีหลากหลายในทุกวันนี้ และนี่แหละครับ คุณสามารถบอกได้ว่าสิ่งนี้แหละคือความฝันของผม"

ในช่วงวัยรุ่นที่อายุยังน้อย สิ่งที่คุณควรจะทำอยู่คือ กำลังยุ่งที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว มันจึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่จีดราก้อนมองเห็นอุตสาหกรรมนี้โดยรวมแล้วและพยายามที่จะหาที่ที่เป็นของเค้าเองในอุตสาหกรรมนั้น อย่างไรก็ดี ความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ของเค้าไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ซึ่งตอนนี้หน้าที่ของเค้าก็ยิ่งจะต้องหนักขึ้นอีกเนื่องจากว่าตอนนี้ กระแส Kpop และแฟชั่นเกาหลีได้รับความสนใจไปทั่วโลก ซึ่งทุกอย่างรวมเรียกว่าเป็นกระแส K wave

" สถานภาพของเกาหลีในตอนนี้คือ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผู้คนต่างก็ให้ความสนใจกันมาก แทนที่เราจะมองว่ามันเป็นแค่กระแสชั่วครั้งชั่วคราว เราควรจะทำให้กระแสนี้เติบโตขึ้นและทำให้เพลงเกาหลี มีเสียงเฉพาะของมันเองในตลาดโลก ถ้าศิลปินทุกคนสามารถที่จะทำงานร่วมกันเพื่อแสดงออกถึงเพลงดีๆและอุตสาหกรรมเพลงของเราสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เราสามารถที่จะสร้างตลาดที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับญี่ปุ่นได้หรืออาจจะกว้างไกลกว่าก็ได้ เราอาจจะสามารถที่จะเป็นผู้นำในตลาดโลก ซึ่งตอนนี้เราได้รับโอกาสที่ดีมากๆมาแล้ว และผมก็กังวลมากๆเลยว่าเราอาจจะปล่อยให้มันหลุดมือไปก้ได้ครับ"

และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เค้าทำงานในอัลบั้มเดี่ยวครั้งนี้ด้วยก้าวช้าๆ เค้าอยากที่จะทำงานเพลงดีๆออกมาและจะเป็นมาตรฐานต่อไป และเป็นเพราะเค้าต้องการที่จะดึงกระแสความดังของเพลงเกาหลีให้สูงขึ้นอีก เค้าจึงมีความคิดมากมายและความกังวลมากมายในขณะนี้ ไม่มีใครขอร้องหรือบังคับให้เค้าทำแบบนี้ งั้นทำไมเค้าถึงต้องแบกรับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่และแสนลำบากนี้เอาไว้บนบ่าของเค้าคนเดียวเล่า?? เราขอเป็นกำลังใจให้กับจีดราก้อนคนนี้ ที่ย่างก้าวแต่ละก้าวของเค้าจากนี้คงสาหัสน่าดู

Eng Translated by KAYLI for bigbangupdates.com

Thai Translation by mew in mew mini museum

soure http://www.firstlook.co.kr/?people=cover-story-rule-the-nation

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น