วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554
พรุ่งนี้ Tomorrow ( feat. Taeyang) - by Tablo
ไม่มี ไม่มี ไม่มี อีกแล้ววันพรุ่งนี้
แม้คุณเคยได้รับความรักของใครซักคน มันไม่ได้แปลว่าคุณมีมันไว้ในครอบครอง
แม้คุณกำลังเดินอยู่ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเวลาจะผ่านไป
แม้คุณยังคงหายใจ แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณมีชีวิตอยู่
ที่รัก มันไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไปแล้ว
ฉันยังคงเหมือนเดิมทุกประการจากคราวนั้น
เวลาหยุดนิ่งอยู่ตรงช่วงเวลาสุดท้าย
ถึงแม้ว่าสำหรับเธอแล้วมันเป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น
ที่รัก มันไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
( จนกว่าเธอจะกลับมา ทุกวันก็เหมือนวันวาน)
ที่รัก มันไม่มี ไม่มีอีกแล้ว ไม่มี วันพรุ่งนี้
ความทรงจำที่เคยทำให้ใจของฉันแตกสลาย
ตอนนี้พวกมันได้ฉีกหน้าปฏิทิน
พวกมันกำลังเลือนลางเมื่อเดือนปีผ่านไป
ฉันแสร้งใช้ชีวิตอยู่พยายามลืมเธอ
โลกของฉันยังคงเหมือนเดิม (เพียงแต่ว่าไม่มีเธออยู่)
มีคนบอกกับฉันว่า หลังจากนี้ไป ฉันจะยิ้มได้เมื่อย้อนกลับมาคิดเรื่องในอดีตนี้
แต่สำหรับฉันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้กระทั่งการเงยหน้าขึ้นเพือเผชิญหน้ากับเธอ
ทำไมพวกเค้ายังคงเอาแต่พูดอยู่ได้ทั้งๆที่ฉันไม่อยากจะได้ยินมัน
ฉันจะอยู่ตรงนี้แหละ
ไม่ต้องมาบอกว่าพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันใหม่แล้ว
(ยามเช้ายิ่งมืดมนมากกว่ายามค่ำคืนที่มีเธอเคียงข้าง)
ไม่ต้องมาบอกว่าหลังพายุกระหน่ำความสงบจะเข้ามาแทนที่
(ความสงบ ยิ่งร้อนรนมากกว่ายามที่ร่วมวิตกกังวลไปกับเธอ)
ทุกอย่างล้วนโกลาหล
มันคือฤดูใบไม้ผลิสำหรับเธอนะแต่ฤดูกาลของฉันมันไม่เปลี่ยนไป
แม้ว่าในใจของฉันจะเบ่งบาน ( แต่มันก็ไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับฉัน)
มันเป็นรอยยิ้มที่ตายด้านซึ่งว่างเปล่าภายใน
พวกเค้าต่างพูดกันว่าฉันดูดีขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่กับเธอ
และพวกเค้าก็เลิกกังวลในตัวฉันแล้วตอนนี้
แต่ฉันหายใจไม่ออก
รอยยิ้มนี้ไม่อาจจะหลอกฉันได้
ฉันเริ่มที่จะปกติแล้ว
ฉันทำใจให้ว่างเปล่าได้มากแล้วเพราะมันกลายเป็นภาระ
ฉันกำลังจะบ้าแล้ว
หยุดพูดปลอบใจฉันได้แล้ว ฉันไม่อยากจะได้ยินมัน ( ได้โปรดหยุดเถิด)
พวกเค้าพูดว่า การเยียวยาบาดแผลทางใจมันก็คือ รักในรูปแบบนึง
( สำหรับฉันการพบหน้ายังสร้างความเดียวดายได้มากกว่าการเอ่ยคำลาเสียอีก)
พวกเค้าพูดว่า เวลาจะช่วยแก้ไขทุกอย่าง
( ชีวิตจะยังคงเหมือนเดิม ในเมื่อฉันตายทุกๆวินาที)
ใช่แล้วละ
แม้คุณเคยได้รับความรักของใครซักคน มันไม่ได้แปลว่าคุณมีมันไว้ในครอบครอง
แม้คุณยังคงหายใจ แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณมีชีวิตอยู่
ตอนนี้ฉันรู้แล้ว
ไม่มี ไม่มี ไม่มี อีกแล้ววันพรุ่งนี้
ที่รัก มันไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
( จนกว่าเธอจะกลับมาหาฉัน)
จนกว่าเธอจะกลับมา ทุกวันก็เหมือนเมื่อวาน
Eng Translated : HuisuYoon @bigbangvip.net
Shared via bbvipforum@twitter
Taken from : bbvipforum.tumblr
Credit : HuisuYoon@twitter
Thai Translation by mewmew
================
welcome to our family นะค่ะ ทาโบล
วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554
TABI Canada trip
ALL ABOUT Fan ACCOUNT TABI IN CANADA
ทาบิเดินทางไปแคนาดาตั้งแต่วันที่ 9 ที่ผ่านมาเพื่อถ่ายโฆษณาให้กับทาง Northfaceค่ะ และกลับมาถึงเกาหลีแล้วในวันนี้ ระหว่างที่ไปที่นั่น มีแฟนๆหลายกลุ่มทีเดียวได้เจอทาบิด้วยและนี่คือ แฟนแอคเค้าส์ที่แฟนๆนำมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
เมื่อไปถึงเวลาผ่านไป 2 วันได้แฟนๆเริ่มออกตามหาตัว 555 ว่าไปอยู่ตรงไหน ก็เริ่มมีข่าวจากแคนาดาค่ะ มีชายคนนึงเจอทาบิกำลังถ่ายภาพให้กับทาง north face ที่ลำธาร Jake lake ในเมือง Banff เค้าบอกว่าทาบิรูปร่างสูงใหญ่ เทียบกับหมีได้เลย
อัธยาศัยดี ขนาดน้องหมาของเค้าที่ไม่ค่อยจะชอบคนแปลกหน้ายังหลงเสน่ห์ทาบิ 55 ทาบิฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง และน่ารัก
ไปๆมาๆ ทาง North Face ก็ยืมน้องหมาถ่ายรูปกับทาบิซะเลยค่ะ
===========================
หลังจากเงียบไปสองวัน มีคนเจอทาบิอีกในเมือง Banff เหมือนเคย คราวนี้แฟนเพลงสาวคนนี้ ขับรถอยู่และเห็นทาบิกำลังเดินหิ้วถุงใส่ของทานเล่นเพิ่งกลับจากร้านขายของชำ กำลังจะกลับโรงแรมพอดีเลย รีบจอดรถลงไปหา
พอถึงหน้าโรงแรมไม่ไกลจากร้านของชำทาบิก็นั่งที่ม้านั่งหน้าโรงแรมเพื่อสูบบุหรี่ จากนั้นแฟนๆก็ขอลายเซ็น แต่พอขอถ่ายรูปทาบิก็ยิ้มน้อยๆและปฏิเสธอย่างสุภาพว่า ไม่ได้
สาวๆเลยถามว่าชอบ แคนาดาไม๊ทาบิว่าชอบและหัวเราะค่ะ ระหว่างคุยกันนั้นน่าจะใช้เวลาทั้งหมด 10 นาที ทาบิมองเค้าและเพื่อนสาวของเค้าไม่วางตา และโค้งให้หลายครั้ง สาวทั้งคู่คุยกับทาบิเป็นภาษาเกาหลีนะค่ะ จากนั้นทาบิก็ลาเข้าโรงแรมไป
สองสาวนี้บอกว่าทาบิมีดวงตาที่สวยมากและทาบิมีรูปร่างสูงค่ะ น่าจะ ประมาณ 180 ซม
============================
แฟนเพลงกลุ่มสุดท้ายที่เขียนแฟนแอคเค้าส์ในช่วงนี้คือ คนที่ตั้งใจจะไปเจอทาบิที่สนามบินค่ะ และด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะกลับไฟท์ไหนเค้าเลยไปเตร่ที่สนามบิน แล้วก็ไปถามตัวแทนบริษัททัวร์ที่พาทีมงานและทาบิไปถ่ายแบบใน Banff ว่ารู้ไม๊ว่าทาบิจะมากี่โมงแต่ที่บริษัททัวร์ก็บอกว่าไม่รู้
ระหว่างเดินเตร็ดเตร่ก็มองเห็นพี่แบงแองก่อน และก็เหลือบไปเห็น ทาบิกำลังสูบบุหรี่อยู่ตรงทางเข้า เค้าว่าตอนสูบบุหรี่ทาบิไม่ได้ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบบุหรี่แต่ใช้อีกสามนิ้วแทน ระหว่างนั้นคนก็เริ่มเห็นและจะเดินเข้าไปหา ทาบิก็รีบทิ้งบุหรี่ไปและเดินเข้ามาภายในสนามบิน
เค้าเดินเข้าไปหาทาบิ ยื่นถุงที่ใส่แซนวิชและของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้ มีคนมารับไปแทนทาบิเอาแต่ขอบคุณและโค้งให้จนแฟนๆต้องโค้งตาม แต่ระหว่างนี้ไม่ได้หยุดเดินนะค่ะ แฟนๆก็จะถ่ายรูปค่ะกดไปครั้งนึงแสงแฟชทำให้พี่แบงแองสังเกตว่ามีคนถ่ายรูปเลยรีบเข้ามาห้ามไม่ให้มีการถ่ายรูป แฟนเพลงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และ ยืนมองทาบิและพี่แบงแอง เช็คอิน
ระหว่างที่มองทาบิเชคอิน แฟนๆบอกว่า ทาบิฟัง ipod ซึ่งเป็น ipod รุ่นที่มีปุ่มวงกลมไว้กดเป็นรุ่นเก่ามากแล้ว ( มิวเดาว่าจะเป็นรุ่นแรกๆที่ 7 ทวิตรูปลงในวันที่ คุณจ็อบเสียชีวิตอะค่ะ สีขาวมีปุ่มกลมๆ) และเป็นเพราะมีคนมากมายช่วยเชคอินแทนให้แล้วทาบิก็คอยอยู่และเดินเป็นวงกลมในแบบหนุ่มแร๊พและขยับไม้ขยับมือในแบบhiphopตามจังหวะเพลงที่ฟังระหว่างคอยซึ่งทำแบบนั้นประมาณ 20-30 นาที แฟนๆก็แอบๆดูเพราะมีทีมงานมีคนคอยมองอยู่เยอะมากกลัวจะโดนไล่ค่ะ ซึ่งเค้าบอกว่า มีเค้ากลุ่มเดียวที่มาตามที่สนามบินครั้งนี้
ที่ที่เค้ายืนอยู่มองเห็นไม่ค่อยชัดค่ะ แต่ทาบิก็แฟนเซอร์วิชเหลือเกิน เดินมาใกล้ๆและโยกตามเพลงท่าเดิมให้แฟนเพลงดูกันอย่างจุใจอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง ให้แฟนๆได้แอบถ่ายรูปกัน ซึ่งพี่แบงแองไม่รู้เรื่องอะไรในตอนนี้ แต่ระหว่างนั้นแฟนๆก็ได้เดินไปถามผู้จัดการว่าถ้าถ่ายรูปด้วยไม่ได้ขอลายเซ็นได้ไม๊?? ซึ่งผู้จัดการฟังไม่เข้าใจเค้าเลยทำมือขยุกขยิกๆว่าขอลายเซ็นๆๆ ซึ่งพี่ผู้จัดการก็บอกมาว่า โอเค ซึ่งพอตรงเข้าไปขอลายเซ็นที่ทาบิทาบิก็ไม่รู้เรื่องอีกและต้องหันไปมองพี่ผู้จัดการว่าพวกแฟนๆต้องการอะไร
ตรงนี้แฟนๆได้ขยายความมาว่า ภาษาอังกฤษของทีมงานที่มาด้วยกันกับทาบิและทาบิเองค่อนข้างจะอ่อนค่ะ เพราะพี่สไตลิสต์ที่มาด้วยกันน้ำหนักกระเป๋าเกิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางสายการบินได้แจ้งให้เอาออกไปบางส่วน ตรงนี้พี่สไตลิสก็ฟังไม่เข้าใจ ทำให้เจ้าหน้าที่ของทางแอร์แคนาดาต้องขอให้นักท่องเที่ยงชาวเกาหลีที่เข้าใจช่วยสื่อสารให้แทน
แฟนๆสังเกตเห็นสาวจากค่าย SM ด้วยนะค่ะแต่เค้าบอกว่าทาง YG ก็ไม่ได้คุยอะไรกับฝ่ายนั้นมาก ก็ต่างคนต่างทำธุระของตัวเอง
สุดท้ายแล้วแฟนเพลงคนนี้เล่ามาว่า ทาบิผอมมาก มากเกินไป หน้าตาดูซีดๆด้วยเดาว่าน่าจะเป็นเพราะไม่ชินกับโซนเวลาที่ต่างกันกับทางเกาหลี นอกจากนี้ยังบอกว่า ทาบิหล่อมากๆๆ และใจดีมากๆ พี่แบงแองก็ใจดีถึงแม้ว่าพี่แบงแองจะขอให้เค้าลบภาพที่เค้าถ่ายไปทิ้งให้หมดก็ตามแต่ก็ไม่ได้ตัดสินหรือดูถูกใดๆ เป็นการทำตามหน้าที่เท่านั้นและยังยิ้มให้แฟนๆด้วยค่ะ
==============
Source: EmS 翔翔~@weibo // kspringa @ tumblr
Eng Translation: jwalkervip.tumblr.com
Thai Translation by mew
===============
วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554
[Fanaccount] DS and GD At church
แดซองและจีดราก้อนทั้งคู่ต่างก็ไปโบสถ์ในวันนั้น และเป็นเพราะน้องแดน้องจีเลยร้องไห้ น้องแดจึงไปปลอบใจน้องจีบอกว่า " พี่ฮะ อย่าร้องไห้เลย พยายามยิ้มเถอะฮะ " ทำให้น้องจีพยายามที่ยิ้มออกมา
จากนั้นมีแฟนๆที่ตั้งใจจะไปโบสถ์เพื่อที่จะได้พบกับน้องแดแต่ทำยังไงๆก็มองหาน้องไม่เจอ แต่ขณะนั้นเองพอแฟนเพลงคนนั้นหันหลังกลับก็เจอน้องแดพอดี ด้วยความที่ประหลาดใจและดีใจมากจึงร้องไห้ออกมา น้องแดก็เริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นแฟนเพลงต้องมาร้องไห้เพราะเค้า เค้าจึงพยายามปลอบแฟนเพลงคนนั้น
"ไม่ต้องร้องไห้นะ อย่าร้องไห้เลย ทำไมถึงร้องไห้กับเรื่องแบบนี้ละ"ซึ่งแน่นอนแฟนเพลงคนนั้นก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก น้องแดจึงเข้าไปกอดแฟนเพลงคนนั้น และพูดว่า " ให้เวลาผมซักหน่อยนะ ผมจะกลับไปอยู่ข้างๆวีไอพีแบบเดิม กรุณารอต่อไปอีกหน่อยนะฮะ"
Source: @dliteholic//Via ygfamilly@tmblr//@rnosel//navercafe’s uhj3025님 via @永远一洋黑瓶酸 via : BBWW and BBforlife tumblr
วันนี้วันเกิดคุณแม่ของมิวด้วย ปีนี้ไม่อยากซื้ออะไรให้เลย เห็นว่าไม่มีของอะไรที่จำเป็น เลยตัดสินใจทำบุญจะดีกว่า ของขวัญให้คุณแม่ปีนี้คือ การบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ร่วมกับครอบครัวข่าว 3 หวังว่าคุณแม่จะแข็งแรงมีความสุขมากๆและอยู่กับมิวไปนานๆๆนะค่ะ รักมากมายค่ะแม่
วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554
สัมภาษณ์ GD จากนิตยสาร 1st Look (ตุลาคม 2011)
จีดราก้อนกำลังแนะนำแนวทางมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลี บอกเล่าถึงความคิดของเค้าในเรื่อง แฟชั่น เสียงเพลง นักดนตรี และ กระแส Kwave, ความคิดของเค้ายิ่งใหญ่ขึ้นและกว้างไกลมากกว่าที่เราคาดไว้
ยุค ของศิลปินที่เน้นในเรื่องเต้นและวงไอดอลนั้น เริ่มขึ้นเมื่อช่วงปี 1990 และ เนื่องจากประวัติศาตร์ในเรื่องนี้ยังถือว่าไม่ยาวไกลนัก ผู้คนที่เป็นผู้เปลี่ยนกระแสในยุคนั้นก็ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ผู้คนอย่าง Seo Taiji & Boys, Deuce, และวง H.O.T ต่างก็เคยเป็นผู้ที่ตั้งมาตรฐานผ่านทางดนตรีและการเต้นของพวกเค้ามาก่อน แล้วจีดราก้อนเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและสามารถทำเหมือนกับที่รุ่นพี่เหล่านั้นเคยทำมาได้เหรอ???
ชายผู้ที่มักจะมีพฤติกรรมทำให้คนต้องตกตะลึง ได้เสมอ คนที่เป็นหัวหน้าวง บิกแบงและยังเป็นศิลปินเดี่ยวคนนี้ มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แน่นอน จุดเริ่มต้นของเค้าไม่ได้แตกต่างไปจากดาราไอดอลคนอื่นๆที่ถูกคัดเลือกและถูก เลี้ยงดูให้ก้าวไปเป็นศิลปิน ผ่านขั้นตอนที่เรียกว่า ช่วง " เทรนนี" มาก่อน จีดราก้อนก็เดินตามขั้นตอนนั้นเหมือนทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม จีดราก้อนไม่ได้จำกัดตัวเองให้อยู่กับแค่การเต้นและการร้องเพลงเท่านั้น ในตอนนี้เค้าทำงานในส่วนของการออกแบบแนวความคิด เป็นโปรดิวเซอร์ที่สามารถควบคุมในเรื่อง แฟชั่น ทัศนคติ การออกแบบท่าเต้น การออกแบบเวที การออกแบบปกอัลบั้ม นี่ยังไม่ได้นับเรื่องของการเขียนเพลงทำเพลงด้วยตนเองอีกด้วย และนี่เป็นสาเหตุที่เราไม่สามารถจะเรียกเค้า และ วงบิกแบง ให้เป็นแค่วงไอดอลธรรมดาได้
“วาย จีทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ครับ ทั้งสภาพแวดล้อม วิธีที่ทุกคนใช้ทำงานและทุกอย่างเลย ความเป็นครอบครัวนั้นเข้มข้นมากที่นี่ฮะ พวกเราเหมือนกับเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นมันไม่เชิงว่าเรากำลัง "ทำงาน"ฮะแต่เหมือนกับเรากำลัง"เล่นสนุก"ด้วยกันมากกว่า เมื่อเราต้องทำงานและตั้งใจที่จะสร้างสรรค์งานเพลงให้ออกมาฮิต ให้เป็นเพลงที่โด่งดังนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นพูดง่ายๆคือ เราจะทำงานไปด้วยในขณะที่เราออกไปนั่งดื่มกัน หรือ ตอนที่กำลังเล่นเกมส์ จากนั้นไอเดียต่างๆมันก็จะเข้ามาหาเราเองซึ่งเพลงที่ได้ในช่วงนั้นก็จะออกมา ดีมากๆ แม้กระทั่งในช่วงวันหยุดผมก็มักจะมาที่บริษัทผมจะมาอยู่ใช้เวลาในที่ทำ งานอยู่กับพวกพี่ๆ ทำงานไปด้วยเล่นไปด้วยกับพวกเค้า ผมคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมสามารถทำงานได้มากกว่าคนอื่นและทำงานเพลง ดีๆออกมาได้ "
ในระยะหลังนี้ จีดราก้อนถูกพูดถึงในเรื่องของเป็นผู้นำแฟชั่นมากกว่าที่จะเป็นนักดนตรีด้วย ซ้ำ มีบางคนถึงกับออกมาล้อเลียนสไตล์แฟชั่นที่ดูจะกล้าหาญและโลดโผนของเค้าอีกด้วย ดังนั้นเราควรจะรู้ไว้ว่าจีดราก้อนนั้นเป็นผู้มีส่วนในความโด่งดังของ คุณ Jung Hyung-don ผู้ซึ่งวิจารณ์อย่างไม่มีความปราณีในเรื่องสไตล์การสวมใส่เสื้อผ้าในที่เป็น เอกลักษณ์และกล้าได้กล้าเสียของจีดราก้อนผ่านรายการ Infinity Chanllenge นอกจากนี้ การตูนบนเวปไซด์ อย่าง “Fashion King,” ที่มักจะล้อเลียนในเรื่องของแฟชั่นต่างๆล้วนต้องขอบคุณจีดราก้อนทั้งนั้น
“ผม เห็นว่ามันสนุกดีฮะ ในฐานะที่เป็นคนดูทีวีคนนึง รายการ Infinity Challengeเป็นรายการโปรดของผมจริงๆฮะ ส่วนเรื่อง Fashion King ผมได้ยินเรื่องนี้มาจากกลุ่มแฟนๆฮะ แต่ก็ยังไม่ได้ไปอ่านเลย ผมมั่นใจว่ามันต้องสนุกเหมือนกันนะฮะเพราะชื่อก็บอกแล้วว่า . Fashion King ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่คนดังจะถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในตัวของรายการ นะฮะ"
จี ดราก้อนไม่เพียงแต่มีความหลงใหลอย่างมากในเรื่องของดนตรีเท่านั้น แต่เค้ายังหลงใหลในเรื่องของแฟชั่นอีกด้วย ในตอนนี้เค้ากำลังวางแผนในโครงการใหม่โครงการนึง
“ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเดินทางไปต่างประเทศ ผมมักจะไปดูร้านค้าที่เต็มไปด้วยของที่มีสไตล์เปื่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์ และได้พบกับเพื่อนๆที่สุดวิเศษที่นั่นฮะ แต่ในทางตรงกันข้าม พอมานึกถึงว่าในประเทศเกาหลีมีร้านแบบนั้นบ้างไม๊?? ผมก็คิดไม่ออกว่าจะไปหาร้านแบบนั้นในเกาหลีที่ไหน ผมอยากจะสร้างพื้นที่ที่เท่ๆ เจ๋งๆและสร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อนๆที่ผมคิดว่าพวกเค้าเก่งและมีสไตล์ขึ้นมา มันจะต้องไม่ใช่ร้านทั่วไปที่ทำธุรกิจขายเสื้อผ้าและข้าวของต่างๆ แต่ว่ามันจะต้องเป็นสถานที่เชิงวัฒนธรรม ที่ที่เราจะสามารถไปสัมผัส ไปมอง ไป เรียนรู้ในเรื่องของสไตล์แบบเกาหลีจริงๆ เป็นที่ที่ทุกอย่างสวยงาม ตระการตา มีสไตล์ไปหมดตั้งแต่คนขายไปจนถึงการตบแต่งภายใน และสินค้าต่างๆ เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยียน ผมเองก็กำลังเตรียมการในโครงการนี้ไปอย่างช้าๆในใจฮะ รอเวลาเหมาะๆก่อน"
" ผมกำลังเตรียมการเรื่องต่างๆในอัลบั้มเดี่ยวของผมอยู่ครับ แต่เป็นเพราะว่าเรามีงานที่ญี่ปุ่นและตารางถ่ายโฆษณาต่างๆเยอะมากๆ ผมคิดว่าผมคงจะต้องล่าช้าไปเล็กน้อยฮะ"
อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ของเค้า อัลบั้ม Heartbreaker เป็นอัลบั้มที่โชว์ สาระข้อเท็จจริง เกี่ยวกับจีดราก้อนจากต้นจนจบ ทั้งภายนอกภายใน เราสามารถรู้สึกได้เลยว่าเค้าทุ่มเทพลังทั้งหมดของเค้าลงไปกับการทำ อัลบั้มของเค้าครั้งนี้ ทุ่มไปหมดตัวหมดใจ
และที่น่าจะเป็นจุดที่เราเรามอง จีดราก้อนในฐานะ เป็นดิวเซอร์และศิลปินอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่นักร้องไอดอลธรรมดา
" ผมคิดว่าอัลบั้มของผมเป็นเหมือนกับไดอารี่ของผมฮะ บางครั้งมันสามารถที่จะเตือนใจคุณในความคิดต่างๆของตัวเอง มันทำให้คุณนึกถึงแนวความคิดและพลังงานต่างๆในตอนที่คุณลงมือทำมันออกมา ยังไงก็ตามทุกอัลบั้มต่างก็มีพื้นที่พิเศษต่างกันไปในใจของผม แม้ว่าในตอนนี้เมื่อผมย้อนกลับไปฟังมัน มันจะฟังดูเด็กมากๆและน่าอายแค่ไหนก็ตาม ผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้ใส่พลังความรู้สึกที่ัยังไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่ลงไป ดังนั้นในอัลบั้มนี้น่าจะเป็นอะไรที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นครับ"
นอกจากอัลบั้มเดี่ยวของเค้าจะเป็นเพลงในแบบ hip hop ซะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแนวดนตรีตั้งแต่ต้นของเค้า แต่อัลบั้มชุดนี้ก็จะมีความแตกต่างไปจากอัลบั้มในชุดก่อน มันจะมีการผสมผสานดนตรีแนวต่างๆที่หลากหลายเข้ามามากขึ้น
“ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเพลงที่ดีๆล้วนถูกทำออกมาแล้วทั้งนั้น ตอนนี้กุญแจสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะต้องหาทางผสมผสานมันให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง เพราะ เหตุนี้ศิลปินทั้งในและนอกประเทศเกาหลีต่างก็พยายามที่จะทำเพลงใหม่ๆออกมาแทนที่จะมานั่งแบ่งประเภทว่ามันเป็นเพลงแนวไหน เพลงในอัลบั้มนี้จะมีส่วนประกอบที่เป็นเพลง hiphop อยู่มาก ผมมีเพลงที่เป็นเพลงจังหวะช้าๆ และเพลงในแบบป็อป ในอัลบั้มก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้ทุกเพลงจะมีพื้นฐานเป็นเพลงhiphop ทั้งหมด ทุกคนจะต้องคิดเลยว่า " โอ้ นี่มันเพลง hiphop " ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินมันเลยทีเดียวฮะ"
ความหมายของคำต่างๆเปลี่ยนไปเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป ในอดีต คำว่า " นักดนตรี" ครอบคลุมไปถึงการเขียนเพลง การแสดงออกถึงทักษะที่ยอดเยี่ยมในเรื่องการร้องเพลงหรือความตั้งใจในเรื่องของดนตรี แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ในปัจจุบัน ถ้าคุณอยากจะได้ชื่อว่าเป็น " นักดนตรี" คุณจำเป็นต้องสามารถควบคุมในเรื่องของแฟชั่น การแสดง รายละเอียดต่างๆที่สามารถมองเห็นได้ และทำให้มันเป็นไปในแบบของคุณให้ได้ด้วย ความปรารถนาของจีดราก้อนและประโยคข้างบนนี้เป็นความคล้องจ้องที่กลายเป็น "มาตรฐานใหม่" ไปแล้ว
" เหตุผลที่เคยทำให้ผมอยากจะมาเป็นนักร้องก็เป็นเพราะว่านักร้องนั้นดูเท่มากๆๆ เมื่อย้อนกลับไปในตอนนั้นไม่มีเหตุผลอื่นเลยละฮะ ผมคิดแค่ว่า พวกเค้าดูเท่มากๆจริงๆ ผมคิดว่า โว้วว ผมอยากจะมีชีวิตแบบพวกเค้า จนกระทั่งถึงตอนนี้ เพลงและการแสดงของพวกเค้าก็ยังเท่มากจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีศิลปินนักดนตรีคนไหนที่จะเท่เท่าพวกเค้าอีกแล้ว และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะกลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุดให้กับผู้คน ผมจะรู้สึกดีใจมากถ้าผมได้กลายเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการวัดเรื่องของเพลงดีๆ ที่คุณสามารถที่จะตัดสินว่าอะไรคือสิ่งที่ดีและอะไรที่ไม่ดี ท่ามกลางนักร้องที่มีหลากหลายในทุกวันนี้ และนี่แหละครับ คุณสามารถบอกได้ว่าสิ่งนี้แหละคือความฝันของผม"
ในช่วงวัยรุ่นที่อายุยังน้อย สิ่งที่คุณควรจะทำอยู่คือ กำลังยุ่งที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว มันจึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่จีดราก้อนมองเห็นอุตสาหกรรมนี้โดยรวมแล้วและพยายามที่จะหาที่ที่เป็นของเค้าเองในอุตสาหกรรมนั้น อย่างไรก็ดี ความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ของเค้าไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ซึ่งตอนนี้หน้าที่ของเค้าก็ยิ่งจะต้องหนักขึ้นอีกเนื่องจากว่าตอนนี้ กระแส Kpop และแฟชั่นเกาหลีได้รับความสนใจไปทั่วโลก ซึ่งทุกอย่างรวมเรียกว่าเป็นกระแส K wave
" สถานภาพของเกาหลีในตอนนี้คือ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผู้คนต่างก็ให้ความสนใจกันมาก แทนที่เราจะมองว่ามันเป็นแค่กระแสชั่วครั้งชั่วคราว เราควรจะทำให้กระแสนี้เติบโตขึ้นและทำให้เพลงเกาหลี มีเสียงเฉพาะของมันเองในตลาดโลก ถ้าศิลปินทุกคนสามารถที่จะทำงานร่วมกันเพื่อแสดงออกถึงเพลงดีๆและอุตสาหกรรมเพลงของเราสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เราสามารถที่จะสร้างตลาดที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับญี่ปุ่นได้หรืออาจจะกว้างไกลกว่าก็ได้ เราอาจจะสามารถที่จะเป็นผู้นำในตลาดโลก ซึ่งตอนนี้เราได้รับโอกาสที่ดีมากๆมาแล้ว และผมก็กังวลมากๆเลยว่าเราอาจจะปล่อยให้มันหลุดมือไปก้ได้ครับ"
Eng Translated by KAYLI for bigbangupdates.com
Thai Translation by mew in mew mini museum
soure http://www.firstlook.co.kr/?people=cover-story-rule-the-nation
วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554
KVIP VS YG ( issue3)
ตามสไตล์ค่ายนะค่ะ ต้องรอดูเมื่อมันเกิดเรื่องอะค่ะ ไม่มีการเตือนอะไรล่วงหน้า -_-!!
บิกแบงขึ้นสู่จุดสูงสุดในเรื่องของแฟนคาเฟ่ในปี 2008 และเริ่มตกลงไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่เดือน มกราคม ปี 2009 ซึ่งสูญเสีย สมาชิกในคลับ ประมาณ 1500 คนทุกๆเดือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเค้าว่ากันว่า เป็นเรื่องปกติของดารานักร้อง แต่ที่แน่ๆคือ จำนวนแฟนคลับที่ออกไป เหตุผลหลักๆที่ทำให้ออกมักจะเป็นเพราะว่าพวกเค้าหมดความศรัทธาในกลุ่มนั้นๆแล้ว
วายจีขึ้นชื่อเรื่องการพูดเกินจริงและสร้างแผนการมากมายที่ยิ่งใหญ่ แต่น้อยมากที่แผนการเหล่านั้นจะได้ลงมือทำให้สำเร็จ ในตอนนี้ว่ากันว่า การขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศของทุกค่ายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น SM JYP หรือกระทั่งกับ Cube เอง ก็ยังทำได้ดีกว่าวายจีมาก ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บรรดาแฟนคลับไม่พอใจในตัวท่านยาง
ในเรื่องการนำตลาดเข้าตลาดหุ้น วายจีต้องการให้ขายหุ้นได้มากๆๆ แต่ด้วยความไม่มั่นคงในการตัดสินใจของท่านยางที่เป็นข้อเสียที่ใครๆก็รู้
วีไอพีได้รวมตัวกันประชุมเพื่อที่จะทำการแอนตี้ ท่านยางกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยคิดคร่าวๆกันว่าอาจจะต้องทำการไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆของค่าย ไม่ซื้อ ไม่โหวต ไม่เชียร์ ซึ่งการหารือกันในตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้ากระทำการใดๆออกมาค่ะ
สถานการณ์เริ่มรุนแรงก่อตัวมาตั้งแต่เดือนกันยายนมาแล้ว ซึ่ง ในเดือนนั้นมีวีไอพีลาออกกว่า 2000 คน
การรวมตัวกันและการกระทำครั้งนี้ ไม่ใช่ KVIP อย่างเป็นทางการที่จ่ายเงินเสียค่าสมาชิกจะลงมามีส่วนทุกคน แต่คนที่เป็น ผู้นำหรือกลุ่มใหญ่หลักๆๆเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นและนั่นทำให้เกิดเป็นเรื่องราวกันขึ้น คนกลุ่มหลักนี้ เป็นคนกลุ่มที่ช่วยซื้อช่วยโหวต ให้กับบิกแบง
ตามที่บอกในโพสแรกนะค่ะ บล็อคนี้เป็นบล็อคส่วนตัวของมิว ขออย่า copy และ paste ไปลงที่ไหนให้ลิงค์เข้ามาอ่านนะค่ะ เพราะเจ้าของคนที่มาเล่าเค้าก็ไม่ให้นำออกเหมือนกันแต่มิวดันเอามาสรุปเป็นเวอร์ชั่นที่ได้อ่านๆกันไปนี้ มิวไม่อยากให้เรื่องยาว ไม่ชอบมาม่า 555 ใครอยากอ่านเวอร์ชั่น อังกฤษไปตามได้ตามนี้เลยค่ะ http://swaggalevel1000.tumblr.com/post/10893720932 also credit to Chantal meijer นะค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554
KVIP VS YG ( issue 2)
เอาละค่ะ มาอีกเรื่อง ค่ะ
==================
เรื่องราวที่เล่าๆกันมานะค่ะ มาจากการที่ประธาน แฟนคลับอย่างเป็นทางการ Lee Hye mi ได้เขียนไว้ในไซเวิดดิ์ของตัวเอง
นอกจากเรื่อง มงกุฏวีไอพีที่โดนวายจี เอาไปทำขายเอาตังเข้ากระเป๋าแล้ว เรื่องที่เป็นประเด็นคล้ายๆกัน คือ กรณี รอยสักใช้เชียร์คอนเสริต์เดี่ยวของ ยองเบ Solar concert เมื่อปีที่แล้ว
วีไอพีตั้งใจจะวาด เฮนน่าทำเป็นรอยสักปลอมๆขึ้นมาบนมือของวีไอพีที่จะไปดูคอนเสริ์ตในครั้งนั้น เพื่อใช้เชียร์เบ (ตามรูปทางขวาค่ะ)เลยมีความคิดว่างั้นเราลองเอารอยสักนี้ไปถามทางวายจีกันดีกว่า เผื่อวายจีจะชอบและจะได้ทำออกมาเป็นสติกทู ขึ้นมา และแจกให้ทางวีไอพีเอาไปติดกันฟรีๆ เพื่อเชียร์เบ
แต่คำตอบก็รู้ๆกันนะค่ะ ทางวายจีรู้สึกว่ามันดูปัญญาอ่อนอีกแล้วและบอกว่ามันจะดูแรงไปสำหรับคนที่ไม่นิยมชมชอบกับการสักตามร่างกาย ทางวีไอพีก็ไม่ได้ประท้วงอะไร และ ตามเคยก็ไม่มีแฟมดอมไหนก็อปปี้ไอเดียเรื่อง สติกทู หรือการเขียนเฮนน่านี่ไปใช้เชียร์ศิลปินของตัวเอง แต่ก็ซ้ำรอยกับเรื่องมงกุฏ อาทิตย์ต่อมาเมื่อถึงช่วงแสดงคอนเสริต์ วายจีออกสติกทู มาจำหน่าย (ตามรูปทางซ้ายค่ะ) และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้วีไอพีคิดว่า วายจีมองว่าบิกแบงเป็นแค่เครื่องพิมพ์แบงค์เป็นแค่ตัวหาเงินให้กับวายจีเท่านั้น
=================
ทั้ง KVIP และทางแบล็คแจ็ค รู้ดีว่า วายจีเข้าใจว่าการกระทำของแฟนคลับนั้นมีความหมายมากมายแค่ไหนต่อแฟนๆ และฝ่ายดูแลแฟนคลับของบริษัทวายจีต่างก็ตามติดคอยดูพวกเค้าทั้งสองคลับทุกย่างก้าว แต่ถึงอย่างนั้นวายจีก็ยังกล้าที่จะเมินความเห็นของวีไอพี และเฉยชามองข้ามกับปัญหาและความคิดที่พวกเค้าเสนอไปอีก
วีไอพีที่เกาหลีต่างไม่ค่อยพอใจกับความจริงที่เห็นๆกันอยู่ว่าตั้งแต่สาวๆ 2ne1 เดบิว บิกแบงก็ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกๆในลิสของวายจีอีกต่อไป ทางวีไอพีมองว่า บิกแบงต่างเอาใจและทำทุกอย่างเพื่อให้แฟนๆมีความสุข จนกระทั่งช่วงปลายปี 2008 ปีที่ 2ne1 เดบิว และบิกแบงก็ถูกส่งไปทำงานที่ญี่ปุ่นกว่า 2 ปี และตารางงานก็ยุ่งมากและเต็มไปด้วยการเดินทางไปๆมาๆ เกาหลีและญี่ปุ่น ตัวของน้องแดที่ตอนนั้นยังทำรายการ family outing อยู่ก็จำเป็นต้องเดินทางไปๆมาๆตลอดเวลาและใช้เวลา 3-4 วันต่ออาทิตย์บนเครื่องบิน
และในปี 2008 นี่เองที่ วายจีสัญญาว่าจะทำอัลบั้มเดี่ยวให้กับ ทาบิและน้องแด และจะออกวางแผงในช่วงต้นปี 2009 แถมยังประกาศว่าจะมีสาวๆมาร่วมแจมในอัลบั้มเหล่านี้ด้วย แต่สองอัลบั้มนี้ก็ไม่เคยได้ออกมาและกลายเป็นแค่แผนการโปรโมท 2ne1 เท่านั้น
ในปี 2009 ในช่วงเดือนกรกฏาคมควรจะเป็นช่วงที่ บิกแบงจะออกอัลบั้มใหม่ แต่กลายเป็นว่าปีนั้น ทูเอนี่วันได้เดบิวและน้องจีไปทำอัลบั้มเดี่ยวแทน
นอกจากนี้ รายการ YGTV ควรจะเป็นรายการทีวีที่มีทุกคนในค่ายแต่กลายเป็นว่า พอปีที่สองที่ทำรายการนี้ก็เปลี่ยนเป็น 2NE1 TV แบบเต็มๆ และทำมาถึง 3 ซีซั่นแล้ว เกิดคำถามขึ้นว่าทำไม 2ne1 ถึงมีรายการทีวีของตัวเอง ในขณะที่บิกแบงไม่มีการคัมแบคเลยกินเวลายาวนานกว่า 2 ปี 3 เดือน แล้วทำไมถึงต้องใช้เวลานานขนาดนั้นในการทำอัลบั้มคัมแบค? ทุกอย่างที่วีไอพีคิดว่าเป็นเหตุผลของเรื่องนี้คือ วายจีเอาแต่คิดเรื่องของ 2ne1 และวายจีต้องการแค่เงินเท่านั้น ตอนนี้พวกเค้าสามารถสร้างวงเจ้าหญิงที่ทำเงินออกมาได้แล้ว บิกแบงก็ค่อยๆหมดบทบาทในบริษัทลง และเรื่องทั้งหมดทำให้ วีไอพี เจ็บปวดมาก
วีไอพีเชื่อว่า ส่วนหนึ่งของ แบล็คแจ็คล้วนต้องเป็นวีไอพีด้วยและเชียร์สาวๆเพราะเป็น ครอบครัววายจีด้วยกัน แต่แบล็คแจคบางกลุ่มกลับไม่ยอมรับ มีวีไอพีบางกลุ่มเอ็นดูสาวๆและเชียร์เพราะชอบในครอบครัววายจี บางคนชื่oชอบเพราะพรสวรรค์ของสาวๆ แต่ไปๆมาๆ เมื่อวายจีพยายามดันให้สาวๆขึ้นสูงกว่าที่ควรจะเป็นมันเลยเริ่มสร้างความรำคาญใจให้กับวีไอพีเหล่านั้น แถมยังใช้บิกแบงในการโปรโมทเปิดตัวสาวๆ ที่ว่า เป็นบิกแบงเวอร์ชั่นผู้หญิง แถมเพลง Lollipop ที่สาวๆทำกับบิกแบงนั้น วายจีกลับบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงของ 2ne1 โดยบรรจุขายในอัลบั้มของ สาวๆ และรายได้ที่ได้จากเพลงนี้เป็นการ 2ne1 ไป ไม่ใช่ บิกแบงและ2ne1ร่วมกัน
====================
มาถึงตอนนี้เริ่มนัวเนียกันไปมา ที่เขียนว่า วีไอพี และแบล็คแจ็คก็เป็นแค่บางส่วนนะค่ะ แต่ส่วนที่คิดกันมากๆนี้ เป็นแฟนคลับอย่างเป็นทางการ จ่ายเงินและมีอิทธิพลในการจัดการกลุ่มแฟนคลับ ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยค่อนข้างกลายเป็นปัญหาที่ วีไอพีอย่างมิวได้แต่ขมวดคิ้ว คนที่ได้ฟังก็คงจะรู้สึกว่า มันวุ่นวายดีจริงๆ
ตามที่บอกในโพสแรกนะค่ะ บล็อคนี้เป็นบล็อคส่วนตัวของมิว ขออย่า copy และ paste ไปลงที่ไหนให้ลิงค์เข้ามาอ่านนะค่ะ เพราะเจ้าของคนที่มาเล่าเค้าก็ไม่ให้นำออกเหมือนกันแต่มิวดันเอามาสรุปเป็นเวอร์ชั่นที่ได้อ่านๆกันไปนี้ มิวไม่อยากให้เรื่องยาว ไม่ชอบมาม่า 555 ใครอยากอ่านเวอร์ชั่น อังกฤษไปตามได้ตามนี้เลยค่ะ http://swaggalevel1000.tumblr.com/post/10893720932
KVIP VS YG ( issue 1 )
ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นเริ่มถึงจุดที่วีไอพีรับไม่ได้ เมื่อเห็น สินค้าที่ท่านยางวางขาย ในงานคอนเสริต์ใหญ่ครั้งแรกของสาวๆ Nolza concert ที่มีที่คาดผม ที่แลดูเหมือนที่คาดผมมงกุฏที่เหล่าวีไอพีช่วยกันทำและแจกให้วีไอพีใส่ตอนที่บิกแบง ทำการโปรโมทเพลงตามรายการทีวี และ ใส่ไปดูคอนเสริต์
==========================