วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

10ASIA:GD: ไพ่โจ๊กเกอร์ของจีดราก้อน [Part2-End]


ตอนนี้คุณอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น ในเพลง Crayon คุณร้องออกมาว่า " ผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่สูญเสียความหลงใหลและแรงบันดาลใจเอง" ผมคงต้องบอกว่าคำพูดนี้ดูจะมั่นใจมากไปหน่อยไม๊ครับสำหรับคนในวัยคุณ คุณจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นยังไงครับ??
ผมเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่าผมอยากจะเป็นศิลปินอย่าง Seo Taeji & Boys, DUEX และ Roo'Ra ความชื่นชอบในแบบธรรมดาสามัญนั้นนำผมให้อยากมาเป็นนักดนตรีในทุกวันนี้ ให้เหมือนกับความประทับใจที่แสนจะสดใหม่ที่ผมมีต่อนักร้องเกาหลีเหล่านั้น ผมต้องการที่จะทำให้ผู้คนตกตะลึงเมื่อเห็นไอดอลที่มีอายุยังน้อย (ไปได้สวยและทำได้ดีในวงการเพลง) ผมอยากให้พวกเค้าคิดว่า " ถ้าเค้าทำได้แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้กันละ" ??

“Why so serious.” ประโยคนี้ตั้งใจจะพูดให้คนอื่นหรือพูดให้ตัวเองครับ??
ทั้งคู่แหละฮะ ผมทิ้งการตีความนี้ให้กับคนฟังครับ (ให้คิดไตร่ตรอง) ผมก็เป็นผมแบบนี้และผมแค่บรรยายสิ่งที่ผมต้องการจะแสดงออกก็เท่านั้น แต่บางครั้งผู้คนก็ประเมินค่าและเข้าใจผิดในสิ่งต่างๆที่ผมทำลงไป ผมแค่กำลังทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและผู้คนก็แค่มีความสุขไปกับมัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกครับ  “Why so serious” (จริงจังมากไปทำไม??)คำพูดนี้เหมือนเป็นข้อความเสียดสีไปถึงคนที่ชอบทะเลาะถกเถียงและสร้างกรณีปัญหาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง คำพูดนี้ ของโจ๊กเกอร์ ยังเป็นคำพูดที่ให้กำลังใจผมด้วยนะครับ ผมชอบคำพูดนี้ครับ เค้าเป็นตัวร้าย เค้าน่ากลัว แต่เค้าพูดอะไรบางอย่างให้โลกได้คิด ผมคิดว่าเค้าเท่กว่าแบทแมนเยอะเลยละฮะ

ในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก “Heartbreaker” คุณร้องเพลงเกี่ยวกับความเจ็บปวดและความเศร้าโศกที่คุณมีในตอนที่ยังเป็นเด็ก ในอัลบั้มชุด “ONE OF A KIND” คุณร้องเพลงเกี่ัยวกับการเลิกราอย่างสะเทือนอารมณ์ คุณตั้งใจเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เพื่อที่จะให้สาธารณชนรับรู้โดยเฉพาะรึเปล่าครับ??? เพราะคุณเคยพูดในการสัมภาษณ์ครั้งก่อนว่าคุณอยากจะทำเพลงที่ผู้คนฟังได้ไม่รู้เบื่อ
ผมเป็นศิลปินเพลงป็อปครับ ดังนั้นผมจำเป็นต้องทำในสิ่งที่สาธารณชนรู้สึกไม่ติดขัดและสบายใจเวลาที่ฟังเพลงของผม นอกจากภาพลักษณ์ที่ผมถูกมองบนเวที ผมว่าเพลงของผมเข้าถึงง่ายและปลอบใจผู้คน ดังนั้นผมจึงพยายามคิดให้มันเรียบง่ายมากขึ้น แต่นั่นเป็นส่วนที่ยากที่สุด ท่านยางเป็นคนจับลำดับเพลงในขั้นตอนสุดท้ายและดูเหมือนว่าเค้าจะมุ่งความสนใจไปยังความลื่นไหลในแต่ละเพลงให้มันเหมือนกับการดูคอนเสริต์หรือดูหนัง เพลงจะมีการเริ่มเปิดตัวอย่างงดงามยิ่งใหญ่ ไหลอย่างราบรื่น จนไปถึงใจความสำคัญและค่อยๆถอนตัวออกไป

คุณคิดว่าตัวคุณบนเวทีหรือตัวคุณในแบบที่ไม่ได้อยู่บนเวที คนไหนเท่กว่ากันครับ??
คนที่อยู่บนเวทีแน่นอนอยู่แล้วสิครับ ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนเท่ถึงขนาดนั้นเวลาที่ไม่ได้อยู่บนเวที ผมมีข้อผิดพลาดและผมคิดว่าตัวเองเหมือนเด็ก แต่.....พูดก็พูดเถอะครับผมเอาอยู่จริงๆบนเวที

ประโยค “wild and young” (เลือดร้อนและอายุยังน้อย)ที่ถูกร้องออกมาในเพลง  “ONE OF A KIND.” ฟังแล้วมันเหมือนกับเป็นคติพจน์ประจำใจสำหรับคุณเลยนะครับ คุณคิดว่าในด้านความป่าเถื่อนความเป็นกบฐ (wild)ในตัวคุณมีอะไรที่ยังจะต้องปรับปรุงไม๊ครับ??
บางทีอาจจะมีนะครับ ผมชอบคำพูดนี้ มันเป็นคติพจน์ให้กับชีวิตของผมครับ แต่มันเป็นเรื่องยากอยู่ซักหน่อยที่จะทำอะไรสุดโต่งในสังคมที่มีวิถีแบบนี้ มันย่อมจะมีขอบเขตในการที่จะทำตัวโลดโผนและผมก็ชินแล้วละครับ ผมกำลังต่อสู้กับขอบเขตที่ถูกขีดไว้นี้อย่างลับๆแต่ก็ยังไม่ได้แสดงออกอะไรนะครับ ผมกังวลในสิ่งที่ผมจะทำและวิธีที่ผมจะทำมันออกมาในอนาคต แต่ในตอนนี้ผมจะทำในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาไปเรื่อยๆครับ



พูดก็พูดนะครับ คุณมีลักษณะตรงกับคำว่า  “young and rich” (ร่ำรวยและอายุยังน้อย) [ท่อนแร๊พในเพลง "ONE OF A KIND"] บางคนมีความคิดว่าคุณอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในสาขาอาชีพนี้แล้ว เป็นเพราะคุณพึ่งพูดว่าคุณรู้สึกกังวลว่าจะประสบความสำเร็จรึเปล่า?? ผมจึงอยากจะถามว่าคุณมองเห็นว่าตัวเองในอนาคตจะเป็นยังไงครับ?? และมีแผนการณ์สำหรับอนาคตยังไง??
อย่างที่ผมมักจะพูดเสมอๆครับ คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น นี่อาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นหรือเป็นจุดสิ้นสุดแล้วก้ได้ (สำหรับความนิยมชมชอบมากมายที่ผมได้รับ) หากผู้คนคิดว่าผมทำจนสุดความสามารถของผมแล้ว ผมก็จะชมเชยตัวเองที่ทำได้ดีแล้ว หากมันได้เดินทางมาสู่จุดสูงสุดแล้ว นั่นก็หมายความว่าผมทำให้ฝันของตัวเองเป็นจริงได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และนั่นหมายความว่าผมไม่มีอะไรจะต้องกลัวว่าจะสูญเสียไปและผมสามารถที่จะฝันให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีก

แม้ว่าผมจะไม่สามารถมองเห็นอนาคตข้างหน้า ผมก็จะเตรียมการณ์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ผมคิดว่าตัวเองบ้านะครับเมื่อมองดูตัวเองในช่วงนี้ ผมสามารถเห็นตัวเองบ้าคลั่งและโลดโผนบนเวที  พวกเรา (ผมและเจ้าหน้าที่บริษัท YG) รู้สึกชอบมากๆ พลังที่จะทำตัวบ้าคลั่งนั้นมันระเบิดออกมาทุกครั้งที่ผมยืนอยู่บนเวที เหมือนอะไรบางอย่างที่อยากจะหนีออกมาจากภายใน แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกแหละครับ ผมไม่รู้ว่าพลังงานแบบนี้จะอยู่กับผมไปอีกนานเท่าไหร่??ดังนั้นผมจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เมื่อถึงเวลาที่เพลงและสไตล์ของผมไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจใดๆให้กับผู้คนผมคิดว่านั่นคงจะถึงเวลาที่ผมควรจะออกจากแสงสปอต์ไลท์นี้และไปช่วยสนับสนุนนักดนตรีหน้าใหม่ๆให้เติบโตต่อไปจะดีกว่า แต่ในตอนนี้ พลังงานที่ว่ากำลังพุ่งพล่านทีเดียวละฮะ

เริ่มจากการใฝ่ฝันที่จะอยากจะเป็นนักร้อง มาจนถึงการบรรลุเป้าหมายในวันนี้ทุกอย่างล้วนเกิดอย่างรวดเร็วจริงๆหากมองเทียบกับอายุของคุณ คุณผ่านช่วงเวลาที่ดีและเลวร้ายมากมายกว่าจะมาถึงตรงนี้ และต้องมีช่วงเวลานึงแน่ๆที่คุณมองสำรวจตัวเองอย่างจริงจังในช่วงทำงานเดี่ยวครั้งนี้  ผมอยากจะรู้ว่าในตอนนี้ความเป็นควอนจียง มีสัดส่วนเท่าไหร่ในชีวิตของ จีดราก้อนครับ ??
เมื่อ 2-3 ปีก่อน ยองเบกับผม มักจะปรึกษากันว่า เราอยู่ในร่องในรอยที่ถูกต้องแล้วใช่ไม๊?? หรือว่า เราครรจะทำยังไงถ้าเราเกิดตกจากทางที่เราตั้งใจจะเดินไป  บทสรุปที่ผมมีคือ นี่คือสิ่งที่ผมเป็น ผมไม่สามารถที่จะแยกควอนจียงและจีดราก้อนออกจากกันได้ งานของผมคือการที่จะต้องเชื่อมสะพานระหว่างชื่อ 2 ชื่อนี้ หากผมต้องแยกชีวิตของผมออกเป็นควอนจียงและจีดราก้อน ผมคงจะรู้สึกเศร้าและสับสนหมดหวัง การที่ยอมรับว่านี่เป็นสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่ยังเป็นเด้กและเป็นสิ่งที่ผมได้ดีซะด้วย มันทำให้ผมมีความสุข ผมอยากจะบอกตัวเองว่า " นายทำได้ดีแล้วนะ " (หัวเราะ)

Lee Tae-ho (myenclavies@10asiae.co.kr) contributed to this interview
Source: 10asia
Thai Translation by mew mini museum 

※ Any copying, republication or redistribution of 10Asia's content is expressly prohibited without prior consent of 10Asia. Copyright infringement is subject to criminal and civil penalties.

สามารถตามอ่านตอนแรกได้ ทีนี่ค๊า 
http://mew-mini-museum.blogspot.com/2012/09/g-dragon-part1.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น