ฉันกำลังอ่านข่าวจากสื่อเกี่ยวกับรายการใหม่ของทางช่อง Mnet อยู่ สิ่งที่เข้ามาสะดุดตาของฉันมากที่สุดคือ รายการ Danny From LA ที่มี Danny Im หรือ แทบิน หนึ่งในสมาชิกวงฮิบฮอบ 1TYM จากค่าย YG entertainment มันทำให้ฉันเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่า เดนนี่เป็นยังไงบ้างหลังจากที่วง 1tym หยุดงานในวงการบันเทิงไปในปี 2006 เราได้ยังพอได้ยินเรื่องของ Teddy อยู่ตลอดเวลา ในฐานะที่เป็น นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ แต่นักร้องนำและแร๊พเปอร์หน้าหวานประจำวงละเป็นยังไงทำอะไรอยู่กันน้า
ถ้าคุณต้องการการรื้อฟื้นความจำละก็ นี่เป็น MV เพลง “One Love”
จากอัลบั้มชุดที่สองของพวกเค้าในปี 2000
ฉันทำงานที่ soompi มาได้ 14 ปีแล้วละค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะไปสัมภาษณ์ใครด้วยตัวเองเป็นพิเศษ แต่คราวนี้ฉันกลับพบว่าตัวเองรู้สึกประหม่าจริงๆในการคุยกับเดนนี่ทางโทรศัพท์ ทั้ง soompi และ 1TYM ต่างก็เดบิวในปีเดียวกันคือ 1998 และฉันก็มีความผูกพันเป็นพิเศษกับพวกพ้องเราเกาหลีที่ถือสัญชาติอเมริกันที่เป็นส่วนหนึ่งของยุค Kpop ที่ฉันตกหลุมรัก
เป็นปกติที่ฉันจะกังวลว่าเค้าจะตอบคำถามแบบส่งๆขอไปที หรือ ตอบคำถามเหล่านั้นแต่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่โชคดีจริงๆที่เค้าตอบได้เหนือความคาดหมายของฉันมาก เราได้ปรึกษาถกเถียงกันอย่างจริงจังในเรื่อง ความสัมพันธ์ที่ยาวนานของเค้ากับ YG Entertainment และวงการอุตสาหกรรมเพลง kpop และเรื่องสมัยก่อนจนกระทั่งบัดนี้และเรื่องที่เค้าวางแผนสำหรับอนาคต ด้วย
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาคุณทำอะไรอยู่คะ?? เกือบๆจะ 7 ปีแล้วละนะจากที่ 1tym ออกอัลบั้มสุดท้ายออกมา
ผมทำงานในวายจีแหละครับ เป็นงานเบื้องหลังในส่วนของ การพัฒนาพรสวรรค์ (talent development department) ผมมีส่วนร่วมในการออดิชั่นศิลปินของค่ายในประเทศไทย ทำงานเป็นครูที่ปรึกษาศิลปินหน้าใหม่ เด็กๆเดี๋ยวนี้เก่งกันมากๆจากสมัยของพวกเรานะครับ ถ้าย้อนกลับไปในตอนนั้นเรายังไม่มีระบบที่ดีให้กับเรื่องแบบนี้ ก็นะ 1tym เป็นวงที่2 ของค่ายเองนี่ครับหลังจากที่มีวงแรกของค่าย คืออ Jinusean
ในตอนนั้นคุณมีวิธียังไงที่ทำให้ตัวเองถูกค้นพบและได้เดบิวคะ?? สมัยนั้นระบบการออดิชั่นในระดับนานาชาติก็ดูจะมีแข่งขันกันอย่างรุนแรงเหมือนกับสมัยนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ??
จริงๆแล้วคือเราโชคดีนะครับ เท็ดดี้และผมถูกแนะนำให้รู้จักกับ ท่านยางในตอนที่เค้าเดินทางมาที่ LA เราเป็นแค่เด็กธรรมดาๆจาก โรงเรียน Diamond
Bar ที่จู่ก็ได้เข้ามาสู่วงการ Kpop เป็นเพราะในย่านนั้นมีคนเอเซียอยู่กันเยอะ มันไม่ใช่ว่าเราตั้งเป้าหมายว่าอยากจะเป็นนักร้องในวงการ Kpop ไปตลอดชีวิต แต่โอกาสมันอยู่ตรงหน้าแล้ว และกระบวนการต่อจากนั้นก็ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สำเร็จครับ
แล้วคุณพ่อคุณแม่ของคุณมีความเห็นยังไงบ้างคะที่จู่ๆคุณก็ถูกชักนำให้กลับประเทศเกาหลีในวัย 17 ปีเพื่อกลับไปเป็นนักร้อง??
พวกเค้าสนับสนุนเต็มที่ครับ จริงๆแล้วผมถูกเลี้ยงมากับความคิดที่ว่าครอบครัวอยากจะย้ายกลับมาที่ประเทศเกาหลีอยู่แล้วครับ ว่ากันว่ามันเป็นที่ที่จะทำให้ผมไม่ออกนอกลู่นอกทางได้ (หัวเราะ)
[NOTE:ระบบโรงเรียนมัธยมในประเทศเกาหลีมีความเป็นระเบียบและเข้มงวดอย่างมาก]
คุณยังคงติดต่อกับสมาชิกในวง 1TYM อยู่บ้างไม๊คะ??
จริงๆคือ วายจีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเราไปกว่าครึ่งนึงแล้วละครับ เราเหมือนกับเป็นคนในครอบครัว แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน แต่พอถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วละก็เราก็พูดคุยกันได้เหมือนเดิม จริงๆแล้วผมพึ่งจะได้คุยกับ Baekyung ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะครับ
นี่เป็นการบอกใบ้รึเปล่าคะว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของวง 1TYM??
เราไม่มีแผนการณ์ในเรื่องนี้ครับ แต่เป็นเพราะวงของเราไม่เคยมีการยุบวงอย่างเป็นทางการด้วย เรื่องที่จะกลับมารวมตัวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เลยนะครับ
มีเรื่องสนุกๆเล่าให้ฟังบ้างไม๊คะในฐานะที่คุณก็เป็นไอดอลชาวเกาหลีสัญชาติอเมริกันคนนึง ฉันชอบคิดว่าพวกคุณมีการรวมกลุ่มกันแบบลับๆกับพวกศิลปินเกาหลีสัญชาติอเมริกันด้วยกันเองรึเปล่า?? อย่าง Eric และ Andy จากวง Shinhwa, Yoo Seung Jun, Tony An จากวง H.O.T’s, Mickeyและ Eun Ji Won จาก Sechs Kies, Mikey จาก
Turbo, และอีกหลายๆคนเลย??
เท็ดดี้และผม จริงๆแล้วพวกเราเป็นพวกไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ครับ หนึ่งในอุปสรรคของเราคือ เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ดื่ม และอย่างที่คุณรู้ที่เกาหลีทุกคนทำความรู้จักกันผ่านแอลกฮอลล์ แล้วอีกอย่างนะครับถ้าเราไม่อยู่ในช่วงโปรโมทหรือมีงาน เราก็จะกลับอเมริกาไปอยู่ครอบครัวของเราครับในตอนนั้น การไปออกรายการวาไรตี้สร้างความกดดันให้กับเหล่าไอดอลเหมือนในสมัยนี้ไม๊คะ??
สิ่งนึงที่ทำให้วงเราไม่ได้ดังระเบิดในช่วงนั้นเหมือนกับวงอื่นๆน่าจะเป็นเพราะเรื่องการไปออกรายการวาไรตี้นี่แหละครับ แน่นอนว่าในช่วงแรกที่เราเดบิวเราไม่มีทางเลือกก็ต้องไปบ้าง แต่พอเราเริ่มตั้งตัวได้และเริ่มคุมเกมได้เราก็เลือกที่จะไม่ไปออกครับ ข้อดีของมันคือ เป็นเพราะเราไม่ออกรายการทีวีเยอะคนก็ยังจำหน้าเราไม่ค่อยได้เราก็ยังสามารถเดินตามท้องถนนได้อยู่โดยที่ไม่มีใครมาคอยสังเกต แต่แน่นอนว่าข้อเสียก็คือ เราจะต้องเริ่มการโปรโมทใหม่ทั้งหมดทุกครั้งที่เราออกอัลบั้มใหม่ มันทำให้เราต้องทำงานอย่างหนักและตั้งใจมากๆ บางทีมันก็ดีเหมือนกันนะครับที่จะไม่รู้สึกสบายๆเกินไป
เรามาคุยกันเรื่องประเด็นร้อนๆใน KPOP ตอนนี้กันดีกว่านะคะ คุณคิดยังไงบ้างกับการที่ศิลปิน KPOP ตอนนี้กำลังพยายามที่จะเข้าไปบุกตลาดที่อเมริกา?? อย่าง Wonder Girls และ Girls’ Generation?
คืออย่างงี้นะครับ การที่จะกลายเป็นศิลปินที่เป็นที่รู้จักในอเมริกา คุณจำเป็นต้องรู้วัฒนธรรมและจังหวะการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันด้วย ความเฉลียวฉลาดและพรสวรรค์ความสามารถทุกคนล้วนพกไปเต็มกระเป๋า แต่พวกเค้าจะไม่สามารถจับคนฟังได้ถ้าไม่เข้าใจว่าอะไรจะทำให้พวกเค้าหันมาสนใจได้
อีกอย่างคือ พวกเค้าพยายามที่จะทำเพลงในแบบ ชาวอเมริกันทำกัน ซึ่งเอาเข้าจริงๆสุดท้ายก็ถูกมองว่า เราเป็นพวกชาวต่างชาติที่พยายามตะเกียดตระกายจะเอาอย่างพวกเค้า ในกรณีของ Girls’
Generation แรงเชียร์สาวๆวงนี้ถือว่าน่าพอใจนะครับ แต่ต้องยอมรับนะครับว่า สำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองแค่ว่า พวกเธอเป็นสาว 9 คนที่ดูเหมือนกันไปหมด มันทำให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แต่ละคนมีเปล่าประโยชน์ไปเลย
คุณคิดยังไงกับกระแสปรากฏการณ์ Gangnam Style ในตอนนี้คะ??
สิ่งที่ผู้คนไม่รู้เกี่ยวกับไซ คือ เบื้องหลังท่าทางเปิ่นๆฮาๆนั้น ผู้ชายคนนี้มีพรสวรรค์ในหลายๆด้าน เค้าเป็นคนที่ทุ่มเทความคิด เวลา และพลังงานมากมายลงไปในเพลงของเค้า เค้าจับจังหวะของชาวเกาหลีได้ เค้าผูกพันธ์เกี่ยวเนื่องกับผู้คนและผู้คนก็เชื่อมโยงกับเค้าได้ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่ารายการ reality และรายการวาไรตี้ถึงเป็นรายการที่ได้รับความโด่งดังมาก มันทำให้ผู้คนมองว่า ศิลปินดาราก็เป็นคนเหมือนกับพวกเค้า กระแสที่ไซไปโด่งดังนอกเกาหลีนั้นเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ไซเค้ามอบสิ่งที่แปลกใหม่และแตกต่างสู่ชาวโลก สิ่งที่ไม่ทำให้ชาวเกาหลีต้องขายหน้า
คุณมีความคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องกรณีพิพากษาที่สมาชิกคนนึงของวง T-ara โดนกลั่นแกล้งคะ??
ขนาดเรา 1TYM มีกัน 4 คนเรายังมีความเห็นไม่ตรงกันเยอะครับ วงที่มีขนาดใหญ่กว่าก็ต้องมีความยากลำบากมากขึ้นอีกที่จะให้เข้ากันได้ดีตลอดเวลา คุณจำเป็นต้องอยู่กับคนกลุ่มนี้ไปตลอด 24 ชั่วโมงอาทิตย์ละ 7 วัน อยู่ในสถานการณ์ที่เครียดมากๆบ่อยๆและอดหลับอดนอน ความขัดแย้งต่างๆย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น เรื่องแบบนี้ขนาดเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด เป็นสามีภรรยาก็ยังมีปัญหานี้ เรื่องจริงก็คือว่าพวกเราคนนอกไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นยังไง ไม่รู้ในรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้น เราเป็นเพียงคนนอกที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงครับ
คุณมีรายการใหม่ที่กำลังจะออกอากาศทาง Mnet America ในชื่อรายการ Danny From LA ใช่ไม๊คะ?? ไปยังไงมายังไงถึงได้มาทำรายการนี้ได้คะ??
ระยะหลังนี้ผมย้ายกลับไปอยู่ที่อเมริกาครับตั้งใจว่าจะอยู่ที่นั่นพักใหญ่ๆเลย ผมจะได้ไปอยู่กับครอบครัวและใช้ชีวิตในแบบธรรมดาๆอีกครั้ง นอกเหนือจากคนในวายจี ผมได้คุยกับโปรดิวเซอร์รายการ 2NE1TV ซึ่งในตอนนี้เค้าก็อยู่ที่ LA เหมือนกัน และเราก็ตัดสินใจที่จะทำรายการร่วมกัน เราจะนำเสนอเรื่องสุดยอดต่างๆในวัฒนธรรมป็อปและวงการบันเทิงฝั่งเอเซียในมุมมองของคนที่อยู่ในวงการเอง รายการจะเริ่มออกอากาศในวันพฤหัสที่ 13 กันยายน ตอน 1 ทุ่มตรงทาง Mnet ครับ
เท่านี้แหละคะ ฉันหวังว่าพวกคุณจะชอบงานสัมภาษณ์งานแรกและอาจจะเป็นงานสุดท้ายของฉันนะ ฉันคงต้องยอมรับว่าสิ่งที่ฉันปลื้มมากคือ ตอนที่ฉันบอกเดนนี่ว่าฉันในนามsoompiและ 1tym เริ่มเดบิวพร้อมกัน เค้าตกใจและ บอกว่าเค้านึกว่าจะมีคนอื่นมาสัมภาษณ์เค้าไม่ใช่ฉันซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเวปไซด์ลงมาสัมภาษณ์เอง คริคริ อยากลืมติดตามรายการของเค้าและfollow เค้าได้ทาง facebook และทวิตเตอร์นะคะ
source:Soompi
Thai Translation by mew mini museum
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น