วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ Bigbang จากนิตยสาร Oricon Style June Issue 2012


Q:อัลบั้ม Alive ของพวกคุณได้รับคำวิจารณ์ดีมากๆเลยนะครับ ได้ยินมาว่า จีดราก้อนได้ร่วมทำในส่วนของการโปรดิวซ์ เขียนเนื้อร้องและทำนองในทุกๆเพลงในอัลบั้มเลยใช่ไม๊ครับ??

GD: ครับ ผมรู้สึกดีใจมากๆที่ได้มีส่วนร่วมในอัลบั้มนี้ในฐานะของโปรดิวเซอร์ แต่ยังไงก็ตามถ้าจะพูดถึงจุดประสงค์จริงๆแล้วผมต้องการที่จะแสดงออกด้านใหม่ๆของพวกเราให้กับทุกคน ดังนั้นผมมีปัญหามากๆเมื่อคิดถึงในส่วนนี้ ผมอยากจะส่งผ่านข้อความไปถึงทุกคนว่า "บิกแบงยังมีชีวิตอยู่นะ" และอยากจะสือให้ทุกคนได้รู้สึกถึง "ความเจ็บปวด" และ "อุปสรรคที่เกิดขึ้นภายในใจของเรา" ที่พวกเราต่างก็ต้องเผชิญกันมาในปีที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงเขียนเพลง BLUE ขึ้นมาครับ


Q:ด้วยแนวคิดแบบนี้ พวกคุณจึงเขียนเพลง BLUE ออกมา ซึ่งเพลงนี้เตือนพวกเราให้รู้ว่า บิกแบงกลับมาแล้วและดูเหมือนว่ามันทำให้ช่วงเวลาที่พวกคุณห่างหายไปจากการโปรโมทมันสั้นลงทันทีทันใดทีเดียว เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่เปื่ยมไปด้วยความหมายและกลายเป็นหนึ่งในเพลงคลาสลิกที่สุดของบิกแบงไปแล้วด้วย
 
GD: นี่เป็นผลกระทบมาจากการที่ผมอยากจะประสบความสำเร็จครับ (หัวเราะ) "ฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไปฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาเยือน" แม้ว่าท่อนนี้จะบรรยายถึงความรักที่ขมขื่นที่ใครบางคนกำลังประสบในชีวิตรักของเค้าแต่มันก็สามารถบรรยายถึงสถานการณ์ที่บิกแบงเป็นอยู่ได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน พวกเราต้องการที่จะสื่อถึงความรู้สึกของพวกเราไปยังแฟนๆที่คอยสนับสนุนพวกเรามาเป็นเวลายาวนานและในขณะเดียวกันก็อยากจะสื่อถึง"ความหวัง"ให้กับทุกคนด้วยครับ

Q: ได้อ่านเนื้อเพลงที่จีดราก้อนเป็นคนเขียนแล้ว สามารถรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและการก้าวผ่านอุปสรรคภายในใจต่างๆที่คุณพูดถึงได้เลยนะครับ มันเป็นความรู้สึกอ่อนโยนในแบบที่มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่จะสามารถบรรยายออกมาได้นะครับ

GD: ไม่ว่าจะเป็นเพลงรักหรือเพลงที่ผมอยากจะบรรยายความรู้สึกอื่นๆออกมา ผมจะไม่ใส่ความรู้สึกปลอมๆลงไปเด็ดขาดครับ ผมคิดว่าการที่ใส่ความรู้สึกที่แท้จริงลงไปในเพลงไม่เพียงแต่ช่วยให้เราสื่อความรู้สึกจริงๆออกไปได้แล้วมันยังช่วยย่นระยะทางความห่างระหว่างเรากับคนฟังได้ด้วย วิธีนี้ทำให้เราสร้างแรงกระทบต่อกันและกันได้ครับ

Q: บางทีอาจจะเป็นเพราะสมาชิกของบิกแบงทั้ง 5 คนต่างก็มีพรสวรรค์และเสน่ห์ที่พิเศษแตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้ฟังที่พึ่งจะเคยฟังเพลงของบิกแบงครั้งแรกอาจจะรู้สึกไม่ชินและรู้สึกห่างเหินได้ แต่นี่เป็นเวทมนตร์ในแบบบิกแบงจริงๆที่ว่าเมื่อคุณฟังเพลงไปจนจบ คุณจะรู้สึกเหมือนต้องมนต์เลยทีเดียว นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงบิกแบงแล้วเราจะสังเกตเห็นว่า มันมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเลยระหว่างช่องเสียงที่จีดราก้อนใช้กับช่องเสียงที่ท็อปใช้ คุณตั้งใจให้มันแตกต่างกันแบบนั้นเหรอครับ?

TOP: การที่จะทำเพลงออกมาให้เป็นเอกลักษณ์และตรงกับตัวของเราคือเราต้องเน้นเสียงของตัวเองให้มากที่สุดในเพลง ดังนั้นเพลงของพวกเราจะไม่มีเสียงเรียบๆและสิ่งที่สำคัญที่สุดนะครับผมทำงานเข้ากันได้ดีกับจีดราก้อนนะครับ

=====================

Q:งั้น มาพูดถึงเพลงโปรดในอัลบั้มของแต่ละคนดีกว่านะครับ

VI:ผมก็ยังจะขอตอบว่าเป็นเพลง BLUE นะครับ แม้ว่ามันจะเป็นเพลงเศร้าแต่ผมก็ยังคงรักอารมณ์เรียบๆสงบๆที่เพลงสื่อออกมาอยู่ดีครับ ทำไมผมถึงตอบแบบนี้เหรอครับ?? ก็เพราะท่อนที่ผมร้องครับ (หัวเราะ) " ฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไป ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาเยือน " ( จู่ๆก็ร้องท่อนนี้ขึ้นมา) เหมือนกับที่เขียนไว้ในเนื้อเพลงครับ เราได้ประสบกับเหตุการณ์ที่ยากลำบากมากๆเมื่อปีที่แล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่หนักจริงๆผมหวังเป็นอย่างยิ่งให้ฤดูหนาวนี้จบลงในตอนนี้เลยและฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นจะเริ่มต้นขึ้น ผมบันทึกเสียงเพลงนี้ด้วยความรู้สึกแบบนี้ครับ

Q:คุณสามารถรับมือกับ ความเศร้า ได้หลังจากที่ต้องผ่านกับความยากลำบากมามากมายนะครับ

VI: ผมคิดว่ามีแฟนๆมากมายที่เป็นห่วงเป็นกังวลในเรื่องของบิกแบงและพวกเค้าก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับพวกเราและต้องมีความทรงจำที่โศกเศร้าเหมือนกับที่เรามีด้วยเหมือนกัน เป็นเพราะแบบนี้ หากเราจะสามารถทำให้ใจที่เยือกเย็นอบอุ่นขึ้นเหมือนกับที่ฤดูใบไม้ผลิได้ขับไล่ความหนาวเย็นออกไป มันคงจะดีมากเลยครับ

GD: ผมมีความประทับใจลึกๆกับเพลง  ‘Fantastic Baby’ ครับเพราะจริงๆแล้วผมถนัดที่จะเขียนเพลงที่มีเนื้อเพลงสอดคล้องกันเหมือนบทกลอนและทำเพลงที่มีทำนองโรแมนติก เวลาที่ผมจะทำเพลงเต้นรำผมก็ยังจะต้องใส่ความรู้สึกแบบนั้นลงไปด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากจริงๆสำหรับผมครับ หลังจากที่ผมทำเพลงนี้มากว่า 2-3 เดือน ผมก็ต้องมาทำเพลง BLUE ด้วย มันยากมากสำหรับผมที่จะต้องเปลี่ยนอารมณ์ในแบบกะทันหัน การที่จะย้ายจากอารมณ์สนุกๆเต้้นรำๆในเพลง  ‘Fantastic Baby’ มาเป็นเพลง ‘Blue’ ผมต้องดูหนังเศร้าหลายเรื่องและฟังเพลงเศร้าๆติดต่อกัน เพื่อที่จะได้ทำเพลงนี้ออกมาได้ ผมถึงกับต้องทำให้ตัวเองเศร้าให้ได้จริงๆและลืมตัวเองไปในตอนที่ร้องเพลงนี้ครับ

SOL: ผมรักเพลง ‘Bad Boy’ มากที่สุดครับ เพราะส่วนตัวแล้วมันชอบเพลง HipHop ครับ เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงในแบบ HipHop เท่านั้นแต่มันยังมีท่วงทำนองที่ดีมากๆด้วยครับ

TOP: ผมชอบเพลง ‘Feeling’ มากที่สุดครับ เพลงนี้ไม่ค่อยได้โปรโมทที่ญี่ปุ่นเท่าไหร่ , เพลงนี้เราได้ร่วมงานกับ BOYS NOIZE ( ดีเจระดับโลกและโปรดิวเซอร์มือดีจากเยอรมัน) ทำให้ท่อนแร๊พกับทำนองเข้ากันได้อย่างกลมกลืนสมบูรณ์แบบที่สุดครับ

================

Q: เนื้อเพลงของเพลง ‘Fantastic Baby’ มีอยู่ท่อนนึงที่ร้องว่า " ฉันมันสมบูรณ์แบบหากอยากจะหาจุดอ่อนของฉันละก้อรอไปอีก 100 ปีเถอะนะ" อะไรที่พวกคุณคิดว่าเป็นจุดอ่อนของตัวเองกันครับ

VI: ผมมีรอยดำรอบดวงตาที่ย่ำแย่มากๆเลยละครับ แต่ว่าสิ่งนี้เป็นอะไรที่ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ดังนั้นผมจะเน้นให้มันเป็นจุดเด่นแสนเสน่ห์ของผมก็แล้วกัน
Dlite:จุดอ่อนของผมคือ ผมมักจะกังวลในเรื่องของคนอื่นเสมอครับ
SOL: ของผม ผมมีเยอะเลยครับ ทุกอย่างล้วนเป็นจุดอ่อนทั้งนั้นเลย
TOP: บางครั้งผมคิดว่าผมไม่มีใครให้พึ่งพาเลยครับ โดยเฉพาะก่อนที่ผมจะต้องทำงานผมจะรู้สึกอ่อนไหวมากๆและอารมณ์แปรปรวนมากๆ บางครั้งผมก็จะยอมแพ้เอาดื้อๆเพราะความรู้สึกเหล่านี้ครับ

Q:จริงเหรอครับ??ผมคิดว่าคุณเป็นคนที่จะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆในสิ่งที่คุณอยากจะทำ พูดตรงๆนะครับผมรู้สึกประหลาดใจนะเนี่ย
 TOP: จุดอ่อนของผมคือ ถ้าผมล้มเลิกยอมแพ้ไปครั้งนึงแล้วผมจะไม่พยายามอีกเป็นครั้งที่สองครับ
GD: สำหรับผม… (เงียบไปพักใหญ่)

Q:~อ่าา~ จีดราก้อนไม่มีจุดอ่อนอะไรเลยเหรอครับ?
 GD: ไม่หรอกครับ(หัวเราะ) ผมเป็นคนที่บางทีจะอ่อนไหวมากไปเหมือนกันครับ

Q: หมายถึงว่าบางทีก็เิกิดอารมณ์ลึกซึ้งมากไปใช่ไม๊ครับ??
GD: ถ้าเกิดนำเอาความรู้สึกไปใช้อย่างเหมาะสมมันก็คงดีนะครับแต่ผมไม่ค่อยเป็นแบบนั้นครับ เหมือนกับที่พี่ท็อปเป็นนะครับคืออารมณ์ของผมจะไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ มันมีความแตกต่างกันมากระหว่างผมที่อารมณ์ดีกับผมที่อารมณ์ไม่ดีนะครับ

Q: บนเวที จีดราก้อนมักจะมอบความรู้สึกที่แข็งแกร่งแบบผู้ชายเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างมากออกมาตลอดเลยนะครับ
GD: ผมไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลยครับ ผมมักจะเป็นคนที่อ่อนไหวตลอด ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เปราะบางนะครับ

Q: ไม่รู้ทำไมการสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำให้เราได้เปิดเผยแง่มุมบางแง่มุมของพวกคุณที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนได้นะครับเนี่ย
GD: อารมณ์ของผมมีการเปลี่ยนแปลงไปยังไง คุณสามารถจะหามันได้จากในอัลบั้มนี้นะครับ
 
====================



Q: เมื่อพูดถึงบิกแบง สไตล์ของพวกคุณก็น่าหลงใหลอย่างมากช่วยเล่าให้เราฟังถึงสไตล์ของพวกคุณหน่อยครับและภาพลักษณ์ช่วงฤดูใบไม้ผลินี้จะเป็นยังไง 

TOP: ช่วงนี้ผมชอบ สไตล์ย้อนยุควินเทจที่มีสีสันครับ
SOL: ผมชอบสไตล์ ฮิบฮอบครับ และผมก็สะสมหมวกและผ้าพันคอเยอะมาก ผมชอบผ้าพันคอที่มีลายพิมพ์และลายในแบบชนเผ่าครับ ถึงแม้ว่าคุณจะสวมชุดมาอย่างดีแล้วแต่ถ้าได้พันผ้าพันคอลงไปอีก สไตล์ของคุณก็จะเป็นที่แตะตามากขึ้นนะครับ ผมแนะนำเลยครับ 
Dlite: ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ผมชอบเสื้อถักครับเพราะไม่ว่าจะเป็นคนใส่หรือคนที่มองมาก็รู้สึกถึงความอบอุ่น ตอนนี้ผมของผมทำสีเป็นสีบลอนด์ด้วยซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นทีเดียวครับ

Q: เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความประทับใจให้กับเราอย่างมากนะครับ
DLITE: เป็นเพราะผมได้ลองทำอะไรเยอะเลยครับแต่ความรู้สึกของผมก็ยังไม่ดีขึ้นดังนั้นผมจึงทำสีผมให้สว่างขึ้นครับ

Q: โดยเฉพาะกับจีดราก้อนแล้วมันเป็นเรื่องจริงนะครับที่ทุกครั้งที่คุณออกเพลงใหม่ก็จะต้องมีสไตล์ใหม่ๆออกมาด้วย ทั้งทรงผมและเสื้อผ้า 
GD: ผมชอบมากๆที่จะเรียกความอยากรู้อยากเห็นจากผู้คนออกมาให้ได้ อย่างเช่น ผมทรงสาหร่ายในเพลง BadBoy และผมสั้นๆในเพลง BLUE การได้เปลี่ยนแปลงสไตล์ไปไม่เพียงแต่ทำให้เราสนุกเท่านั้นนะครับแต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้แฟนๆของเราได้จินตนาการถึงเราในแง่ที่หลุดโลกไปเลยอีกด้วย

Q: คุณคิดไปไกลขนาดนั้นเลยนะครับ
GD: ครับ มีคนมากมายที่เอาสไตล์ของเราไปใส่เลียนแบบเลยนะครับ มันเป็นเรื่องน่าสนใจมากที่ได้คอยดูแฟนๆแต่งตัวแบบเรา เวลาที่เราลงไปสบตากับแฟนๆเราสังเกตเห็นว่ามีคนแต่งตัวสไตล์เราทุกๆที่เลยละครับ น่ารักมากๆครับ 

Q: มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆนะครับเมื่อมองจากมุมมองของบิกแบงแล้วนอกจากนี้สาวๆก็แต่งตัวเลียนแบบบิกแบงด้วยนะครับ
TOP: คนที่แต่งตัวเลียนแบบพวกเราคือ ผู้หญิงของผมครับ
VI: เจ้าสาวของผมฮะ

Q: แล้วกับแฟนๆผู้ชายละครับ?
TOP: เป็นผู้หญิงของผมเหมือนกันครับ(หัวเราะ) เอาแบบนี้ดีกว่าครับ มีคนหลากหลายมากมายที่เป็นแฟนเพลงของผม ผมรักทุกคนอย่างเท่าเทียมกันครับ
VI: เป็นเรื่องจริงครับ พี่ท็อปดังมากๆทั้งในหมู่สาวๆและหนุ่มๆครับ ทุกคนจะพูดว่า " อ่า หล่อจริงๆๆ " พี่เค้าดังมากครับ
TOP: แต่ผมก็ยังโลภอยู่นะครับ… (หัวเราะ)

Q: สไตล์ล่าสุดของจีดราก้อน มีภาพรวมยังไงครับ??
GD: จริงๆก็ไม่ได้มีสไตล์อะไรที่เจาะจงเฉพาะลงไปนะครับ ก็เหมือนกับนักแสดงครับ ผมอยากจะลองสไตล์ที่จะเรียกความสนใจอยากรู้อยากเห็นจากทุกคนไ้ด้มากกว่า

Q: แล้ว VI ละครับ?
VI: ผมจะมีสไตล์ที่เป็นแบบคนหนุ่มน้องเล็กสุดประจำวงมาโดยตลอดครับ (หัวเราะ) แต่ระยะหลังผมต้องการที่จะมอบภาพลักษณ์ในแบบแมนๆและเป็นผู้ใหญ่ออกมา ผมจึงไปตัดผมสั้น ใส่ตุ้มหู ซึ่งมันเจ็บนะฮะเนี่ย (หัวเราะ)

Q: เพื่อที่จะได้เป็นผู้ชายเต็มตัว คุณคงต้องอดทนกับความเจ็บปวดนะครับ
VI: แทนที่จะทำไปเพราะอยากจะเป็นผู้ชายเต็มตัว ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นสไตล์นี้เพื่ออัลบั้มใหม่ครับผมต้องการจะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความแน่วแน่ของผม ผมจึงอดทนกับความเจ็บปวดครับ 

====================

Q: ไม่เพียงแต่ตัวของเพลงในอัลบั้มนี้เท่านั้น แต่เราสามารถรู้สึกได้ถึงความหลงใหลของแฟนๆและความรักที่พวกเค้ามอบให้บิกแบงด้วยนะครับ

GD: คอนเสริต์  ‘Big Show’ เป็นงานที่พวกเราทำกันเองครับ ในขณะที่ ‘Alive Tour’ เป็นการร่วมงานกันระหว่างบิกแบงและคุณ Laurieann Gibson (ทีมงานสร้างสรรค์คอนเสริต์ Lady GaGa ) เราอยากจะสร้างคอนเสริต์ที่เป็นการรวมเอาฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตกเข้าด้วยกัน  เราไม่เพียงแต่ต้องการที่จะสร้างโชว์ที่แฟนๆสามารถสนุกไปกับมันได้เท่านั้นแต่เรายังอยากที่จะสร้างโชว์ที่มีความแตกต่างเป็นพิเศษออกมาด้วย ซึ่งคุณภาพของดนตรีที่ดีขึ้นและเวทีที่พัฒนาไปอีกขั้น ยังไงก็กรุณาติดตามด้วยนะครับ

Q:จะมีส่วนของรายละเอียดพิเศษที่จะมีแต่คอนเสริต์ในญี่ปุ่นแต่จะไม่มีในประเทศอื่นๆไม๊ครับ??

VI: เรายังคงปรึกษากันในเรื่องนี้อยู่นะครับ
SOL: เราจะร้องเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นนะครับแต่ในเรื่องรายละเอียดต่างๆคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก เพราะเรากำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการทัวร์รอบโลกกันอยู่ด้วย ดังนั้นแฟนๆชาวญี่ปุ่นก็จะได้เห็นภาพรวมทั้งหมดของคอนเสริต์และสนุกไปกับมันนะครับ
VI: ผมคิดว่าแน่นอนเลยสิ่งที่สำคัญคือ เราจะต้องโชว์ออกมาให้แฟนๆชาวญี่ปุ่นเห็นถึงการแสดงที่เปี่ยมเสน่ห์ ในขณะเดียวกันผมว่าพวกเค้าก็อยากจะเห็นด้านที่เป็นคนธรรมดาๆของเราด้วย ดังนั้นผมอยากจะปล่อยมุขตลกเพื่อที่พวกเค้าจะได้ตลกสนุกกันในขณะเดียวกันก็จะได้เห็นด้านที่เป็นมิตรของบิกแบงได้ด้วยครับ

Q: นี่เป็นภารกิจที่ VI ตั้งใจจะทำเหรอครับ?
VI: ครับ ก็เพราะผมเป็นน้องเล็กนี่นา

Q: คุณพยายามอย่างหนักในการเรียนภาษาญี่ปุ่นและมุขตลกญี่ปุ่นเพราะจะเอามาใช้บนเวทีคอนเสริต์เหรอครับ??

VI: ผมไม่ได้ทำอะไรที่มีความลึกซึ้งหรอกครับ ผมแค่อยากจะให้คนสามารถรู้จักบิกแบงได้และตกหลุมรักพวกเรา ผมทำแบบนี้เพราะผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่ผมจำเป็นต้องทำครับ
SOL: วีไอคุงพยายามอย่างหนักจริงๆครับ
VI: ไม่หรอกครับ เปล่าหรอกครับ ( ยิ้มสดใส) คำชมนี้จริงๆควรจะชมทุกคนในวงเลยนะครับทุกคนต่างก็พยายามอย่างหนักในการเรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน ผมคิดว่าคอนเสริต์ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ผมว่าทุกคนในวงต้องพูดภาษาอังกฤษกันคล่องแล้วแน่ๆ ( หัวเราะ)
TOP: ผมจะพยายามอย่างหนักครับ

Q: บนเวที เมื่อมองถึงจุดเด่นแล้ว ท็อปมีการปรากฏตัวที่ไม่ว่าใครก็เทียบไม่ได้นะครับ

TOP: (หัวเราะสดใส) ขอบคุณครับ จริงๆการแสดงบนเวทีของผม ผมไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองหรือวางแผนอะไรอย่างซับซ้อนหรอกนะครับ ผมแค่ทุ่มเทตัวตนของตัวเองลงไปในการแสดง และแค่แสดงออกถึงความรู้สึกและอารมณ์จริงๆที่ตัวเองรู้สึกลงไป แต่ผมจะคิดในเรื่องที่ทำยังไงจะดูเข้าทีทันสมัยซ้ำแล้วซ้ำอีกครับ
VI: สมาชิกทุกคนในวงบิกแบงรักในความเป็น "บิกแบง" ดังนั้นพวกเราต่างเต็มใจที่จะเสียสละเวลานอนของเราเพื่อทีมครับ
GD:โดยเฉพาะในปีนี้ ความรักที่พวกเรามีให้กันและกันและความรักของบิกแบงกับแฟนๆนั้นยิ่งเพิ่มความลึกซึ้งมากขึ้นไปอีกครับ
DLITE: เราต่างก็ตื่นเต้นรอคอยคอนเสริต์  Alive ที่ญี่ปุ่นกันอย่างมากเพราะมันจะต้องสนุกและเป็นการแสดงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยละครับ
VI: ในคอนเสริต์คราวนี้ นักดนตรีในวงก็มีอายุใกล้เคียงกับพวกเราครับดังนั้นมันจึงน่าตืนเต้นมากๆ ผมคิดว่าการร่วมงานกันในครั้งนี้จะต้องเป็นไปด้วยดีกว่าที่เราคิดไว้อีกครับ นี่จะไม่ใช่แค่งานรื่นเริงแห่งโสตประสาทเท่านั้นแต่ผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงที่สนุกสนานด้วย ดังนั้นผมหวังว่าจะมีคนมาชมกันเยอะๆนะครับ
TOP: ผมรักคุณครับ ผมอยากจะเจอคุณนะ เจอกันที่คอนเสริต์ครับ 

Japan to mandarin Translation: www.bigbangfamily.com
Mandarin to English by Forever G-dragon
English to Thai by mew mini museum
picture credit to negimax via BBU

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น