วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

GD and SR with Bare foot project


G-Dragon: ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนกับมอเตอร์ไซด์นั่นละ

ผู้ใหญ่มักจะบอกว่ารถมอเตอร์ไซด์นั่นอันตรายและบอกกับเราว่าอย่าไปขับมันนะ แต่ยังไงๆพวกเด็กๆก็ชอบไปขับอยู่ดีใช่ไม๊?? พวกเค้าชอบที่จะไล่ตามความเร็ว ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนแบบนั้นเหมือนกัน พวกคุณอยู่ในวัยที่คุณไม่อยากทำในสิ่งที่พวกคุณได้รับอนุญาติให้ทำและต้องการทำในสิ่งที่ถูกห้ามทำ เมื่อคุณทำเกินเลยขอบเขตไป คุณไม่รู้ว่าจะไปในทางที่ถูกได้ยังไงและรู้สึกหมดหนทางว่าจะไปต่อได้ยังไง มันมีทางแยกทางโค้งมากมาย ตามทางที่จะเดินไป

ผมในตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นแหละฮะ และการที่ผมเป็นนักร้องก็ดูเหมือนว่าผมไม่สามารถที่จะมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรมากไปได้ แต่ผมก็ยังมีความกังวลเหมือนกัน ผมเคยที่จะทำอะไรหลายๆอย่างโดยไม่ลังเลใจเลย แต่ในตอนนี้ ผมจำเป็นต้องคิดพิจารณาทางเลือกทั้งหมดที่ผมมีในมือก่อน

มันดูเหมือนว่านี้เป็นกระบวนการของการที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นเลย


Seungri: ผมไม่ชอบที่จะแพ้ จริงๆผมมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะเอาชนะและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าผมได้ชื่อว่า " seungri" ที่แปลว่าชัยชนะมา

หากมีคนมาบอกผมว่าอย่าทำอะไรบางอย่างผมจะต้องการที่จะทำมัน ถ้าพวกเค้ายังคงบอกว่าผมทำมันไม่ได้หรอกผมจะต้องการทำมันมากขึ้นไปอีก ถ้าผมพยายามทำแล้วจนถึงที่สุดและไม่มีอะไรอีกแล้วที่ผมจะทำได้อีก นั่นจะเป็นเวลาที่น้ำตาผมจะไหลออกมา ผมคิดว่านี่แหละ วัยรุ่น

เหนือกว่าพวกที่จะปฏิบัติตามกฏต่างๆ คนที่ทำออกมาได้เกินความคาดหมายเป็นพวกที่เต็มไปด้วยความเยาว์วัยและมีพลัง ผมหวังว่าผมจะสามารถที่จะมีความสุขได้ในทุกช่วงเวลาและสามารถมีความสุขตลอดไปไม่ว่าจะภายใต้สถานการณ์ไหนก็ตาม

Translation from: jwalkervip.tumblr.com
thai tranlation by mew in mew mini museum

====================

หลังจากที่มีไข้เฉยๆอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่มีอาการอย่างอื่นจนอาหมอสงสัย และมิวก็จิตตกอย่างโคม่าเนื่องจากอาการไข้ด้วยและกำลังว่ายน้ำลงทะเลแดง ชีวิตเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป ตอนนี้หลังจากที่อาหมอต้องเจาะเลือดไปตรวจดู และมิวว่ายน้ำออกจากช่วงทะเลแดง ไข้ก็ลดลงแต่อาการ จิตตกยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่มิวกำลังพยายามคิดว่ามันดีขึ้นมากๆๆ จนมิวมานั่งหน้าคอมได้มาทำงานได้ก็เก่งแล้ว ตอนนี้พยายามไม่ใจร้อน เดี๋ยวเครียดทรุดลงไปอีกจะแย่อีก

คิดถึงน้องๆบิกแบงและสาวๆและเจย์ด้วยมากๆๆๆ คิดถึงน้องๆพี่ๆที่เคยคุยกันอย่างมาก อยากกลับมานั่งอ่าน TL แล้วหัวเราะแล้วยิ้ม อยากมาออนเอ็มแล้วคุยไปสนุกไปอีก หวังว่าคงจะไม่นานนี้นะค่ะ ที่มิวจะกลับมาปกติอีกครั้ง

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Happy Birthday น้องจี

ช่วงนี้ป่วยมากเลยค่ะ ป่วยจนไม่รู้ว่าตัวเองจะรอดจากอาการนี้ไปได้ไม๊?? ยังไงอาจจะหายตัวไปบ้างนะค่ะ



น้องจีบริจาคเงิน 50 ล้านวอนเพื่อโรงพยาบาลเด็ก ฉลองวันเกิด

จีดราก้อนประทับใจกับการที่แฟนๆบริจาคเงินถึง 20 ล้านวอนในนามของเค้า เค้าเลยตัดสินใจที่จะบริจาคเงินก้อนโตบริจาคเพื่อการกุศลเพื่อฉลองวันเกิดในปีนี้ด้วย

ในวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันเกิดปีที่ 24 ของจีดราก้อน มีรายงานข่าวออกมาว่าแฟนๆได้บริจาคเงิน 20 ล้านวอนเพื่อ โรงพยาบาลเด็กแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติในกรุงโซล ตามที่ทาง YGE แจ้งข่าวมาเมื่อจีดราก้อนรู้เรื่องนี้เค้าก็ต้องการที่จะบริจาคเงินของตัวเองด้วยเช่นกัน เค้าจึงบริจาครวมแล้วเป็นเงิน 50 ล้านวอน

ก่อนหน้านี้จีดราก้อนบอกกับแฟนๆว่าเค้าจะไม่รับของขวัญวันเกิดในปีนี้ เนื่องจากเค้าไม่อยากจะเป็นภาระให้กับแฟนๆ ที่คอยเลือกสรรของขวัญอย่างดีและรอบคอบอย่างมากที่จะซื้อมามอบให้เค้าในวันเกิดทุกๆปี
ความห่วงใยที่อบอุ่นนี้ของจีดราก้อนทำให้แฟนๆเดินหน้าที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆบ้าง แทนที่จะซื้อของขวัญให้เค้า แฟนๆได้รวมเงินกว่า 20 ล้านวอน บริจาคให้กับโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งทำให้สื่อสนใจอย่างมาก

จีดราก้อนกล่าวว่า " มันเป็นเรื่องดีมากๆเลยครับที่ได้เห็นแฟนๆคิดถึงคนที่อยู่รอบๆเราและการบริจาคครั้งนี้ของพวกเค้ามีความหมายมากสำหรับผม"นอกจากนี้เค้ายังกล่าวว่า เค้าตั้งใจอยากจะทำงานอาสาสมัครต่างๆ ซึ่งการกระทำของเค้านั้นเหมือนกับการสร้างจุดสำคัญขึ้นมาในหมู่แฟนดอมของไอดอลครั้ใหญ่
จีดราก้อนยังกล่าวต่อไปว่า " มันเป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงจริงๆครับ และผมรู้สึกประทับใจมากๆกับสิ่งที่แฟนทำ ผมรู้สึกขอบคุณเสมอในการสนับสนุนทุกครั้งที่พวกเค้ามอบให้มา พวกเค้ามีจิตใจดีมากที่สนใจว่าคนอื่นจะต้องผ่านความยากลำบากมากมายแค่ไหนและเพราะเรื่องนี้ผมอยากจะบริจาคเงินตัวเองด้วยจำนวน 50 ล้านวอนให้กับ โรงพยาบาลเด็กของมหาวิทยาลัยโซลด้วย
วันเกิดปีนี้เป็นวันเกิดที่น่าจดจำมากที่สุดครั้งนึง ที่ผมเคยมีมาเลยทีเดียว "

จริงๆแล้ว จีดราก้อนได้ร่วมกับ YGE ในโครงการ WITH และทำการกุศลทุกปีอยู่แล้วซึ่งโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งทางวายจีได้แบ่งเงินจากรายได้ของศิลปินและการจำหน่ายสินค้าต่างๆของบริษัทเพื่อบริจาค

จีดราก้อนกล่าวว่า " ในช่วงนี้เราต่างก็กำลังยุ่งๆมากกับการทำงานเพลงของเราและมันยากสำหรับเรา ที่จะติดต่อกับแฟนๆบ่อยๆดังนั้นผมอยากที่จะใช้โอกาสนี้ทำอะไรในแง่ดีๆให้กับสังคมบ้างครับ"

นอกจากนี้ วันที่ 19 ก็เป็นวันที่บิกแบงครบรอบการเดบิววงมา 5 ปีแล้ว ดังนั้นการกระทำของทั้งแฟนๆและน้องจี นำมาซึ่งความหมายที่ดีมากจริงๆในวันดีๆนี้ค่ะ


Source: DaumEng Translated by: Rice @ bigbangupdates.comThai Translation by mew

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เหตุผลที่ผมต้องเข้มงวดกับเหล่าสมาชิกวงเมื่อย้อนกลับไปในเวลานั้น (shout3)


"เหตุผลที่ทำไมผมถึงต้องเข้มงวดกับสมาชิกในวงมากเมื่อย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น....."

" ฉันไม่คิดว่านายจะประสบความสำเร็จได้นะถ้ายังเอาแต่ทำตามมาตรฐานแค่ระดับนี้้อยู่" "ถึงแม้ว่านายจะพยายามมาแล้วหลายรอบก็ตอบมันก็มาจบที่ความล้มเหลวอยู่ดี" "โอเค ฉันรู้แล้วนายกลัวความเจ็บปวดใช่ไม๊เลยไม่คิดแม้แต่จะพยายามด้วยซ้ำ ฉันคิดว่านายควรจะต้องพยายามที่จะหมุนตัวแบบจริงๆเลยในการเต้น มันเป็นเรื่องน่าขายหน้านะที่นายไม่อยากจะทำมันเพราะกลัวที่จะเจ็บ นายแน่ใจนะว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่นายสามารถแสดงออกมาแล้วหลังจากจะต้องเผชิญกับการประเมินผลพรุ่งนี้?? นี่นายเป็นพวกเฉื่อยชาแบบนี้จริงๆเหรอ?? "

คุณจะได้ขึ้นถ้อยคำเหล่านี้ตลอดเวลาเมื่อดู รายการเพื่อการเดบิวของบิกแบง Bigbang documentary คนจะพูดว่าผมเข้มงวดกับเหล่าสมาชิกมาก ดังนั้นผมถึงได้ ฉายา "จียงผู้ก้าวร้าว" ไม่ก็ " ควอนจียงใจหิน" มาหลังจากที่เข้มงวดกับทุกคน

ในเดือน มิถุนายนในปี 2006 เราได้มีโอกาสได้ขึ้นแสดงในคอนเสริต์ของ เซเว่น และ การแสดงที่เราจะทำลงไปในวันนั้นจะเป็นตัวที่ท่านประธานยางของเราจะตัดสินใจว่าใครที่จะสามารถอยู่ต่อไปได้ ดังนั้นเราเลยตัดสินใจที่จะงัดทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ทุกอย่างที่เราได้เรียนมาและสะสมมาโดยตลอดเพื่อโอกาสในครั้งนี้ ขนาดพี่เซเว่นยังเป็นกังวลกับเรามากๆในวันนั้นเลยฮะ

และแล้วการฝึกซ้อมก็เริ่มขึ้นและเราต่างก็ตั้งสมาธิอย่างมากกับมันเพราะเราต้องการให้ทุกส่วนออกมาอย่างดีที่สุด ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ยองเบเกิดการบาดเจ็บอย่างร้ายแรงเมื่อเค้ากระโดดหมุนตัว ไม่เพียงแต่เค้าจะหมดสติไปตรงนั้นเลยแต่มือของเค้ายังมีเลือดออกมามากทีเดียว เราต่างก็เป็นกังวลกับบาดแผลของเค้ามากเพราะเราก็จะต้องเตรียมแผนการแสดงบางอย่างที่แตกต่างไปจากที่เราได้ซ้อมเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น

ผมรู้สึกดีใจมากที่ยองเบ ซึ่งในตอนนั้นยังคงบาดเจ็บมาก พูดปลอบใจพวกเราว่า " ฉันไม่เป็นไรหรอก" ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนั้นเค้าเจ็บมากแต่เค้าก็ยังตัดสินใจที่จะทำการแสดงกับพวกเราตามแบบที่วางไว้ เรา่เข้มแข็งขึ้นเพราะเค้าและจบการซ้อมอย่างราบรื่น

แต่ยังไงก้ดี หลังจากที่ซ้อมเสร็จ ผมเข้าไปถามสมาชิกในวงอย่างจริงจังมากทันทีว่า " ทำไมพวกนายถึงเป็นแบบนั้นละ "เหมือนโลกทั้งโลกมันถล่มลงมา"แบบนั้นนแหละตอนที่พวกนายเห็นมือของยองเบได้รับบาดเจ็บ มันจะเป็นยังไงถ้าเราอยู่ในการแสดงจริงๆ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพวกนายเป็นอะไรกันไป "

ผมรู้ครับว่าผมควรจะอดทนกับพวกเค้า แต่สิ่งที่อยู่ในใจผมในตอนนั้นคือ "ผมไม่อยากให้ใครซักคนในทีมนี้ต้องถูกคัดออกเลย จริงๆนะครับ"

ตามเคยนะค่ะ มิวทิ้งนี่ไว้เพื่อคุณ rice ค่ะ
[Note: If you want to repost it elsewhere, please include the following disclaimer: I am not doing close translation of every word in the book, just quoting here and there from the sections. And I have paraphrased and summarized so it might contain errors. I am just sharing to spread the love, not hate. If you don’t feel comfortable reading it, please ignore me.And my works has nothing related to any profit making purpose. You are not allowed to reproduce it in any material forms for such a purpose. Thanks for your understanding.]

Source: Shout To The World (Chinese Version)
Eng Translated by: godlovesrice@tumblr.com/rice@bbu

Thai Translation by mew in mew mini museum

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จดหมายน้องจีถึง VIP ( 08082011)



สวัสดีครับ VIP .. ^^

นานมากแล้วนะเนี่ย......ทุกคนสบายดีกันไม๊ฮะ??
ผมควรจะเขียนจดหมายหาพวกคุณบ่อยๆหรืออะไรทำนองนี้ออกมาบ่อยๆแต่ก็ได้แต่พูด ผมขอโทษนะฮะ

ตอนนี้ บิกแบงกำลังจะครบรอบการเดบิววง 5 ปีแล้ว แล้ววันเกิดของผมก็กำลังใกล้เข้ามาทุกที
ขอบคุณนะครับที่มีการแสดงความยินดีให้กับผมและเราเข้ามาแล้ว ขอบคุณจริงๆ

เมื่อผมคิดเรื่องนี้ทีไร ผมมักจะรู้สึกถึงความรักที่มันเอ่อล้นออกมา ซึ่งมากเกินกว่าที่ผมสมควรจะได้รับ ในทุกๆวันเกิด
แต่เนื่องด้วยเป็นเพราะการที่บิกแบงจะฉลองครบ 5 ปีและอะไรต่างๆผมคิดว่าผมจะทำอะไรบางอย่างที่ดีและมีความหมายในปีนี้
เหมือนกับตอนนี้ผมพยายามที่จะเขียนจดหมายซึ่งผมไม่เคยที่จะเก่งในเรื่องการเขียนจดหมายเลยจริงๆ
ด้วยลายมือที่น่าเกลียดและหัวใจที่เต็มไปด้วยความอาย ผมรู้ว่าจนถึงตอนนี้แฟนๆที่แสนสวยของผมได้ลงมือทำความดีเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นในนามของผม
(ผมรู้สึกโชคดีจริงๆที่มีแฟนๆที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้)

แต่ในปีนี้ แฟนๆที่รักครับ ผมอยากจะตอบแทนพวกคุณบ้าง ในฐานะ VIP ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง
ในวันเกิดปีนี้ ผมขอปฏิเสธที่จะรับของขวัญทั้งหมดด้วยความเคารพนะครับ
แค่หัวใจน่ารักๆ ความรู้สึกแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นขอแค่ อวยพรให้ผมสุขสันต์วันเกิด ด้วยหัวใจที่อบอุ่น แค่นั้นก็พอไม่ต้องมีอย่างอื่น ^^

จากนี้ต่อไป ผมหวังว่าผมจะไม่ได้แค่เป็นฝ่ายรับจากพวกคุณแต่เราจะมาร่วมสร้างเวลาและความทรงจำที่มีความหมายร่วมกันแทน
ด้วยใจที่แสนจะสุขนี้ ผมคงต้องกล่าวคำลาแล้วละครับ

ผมจะไม่มีวันนี้เลยถ้าไม่มีพวกคุณ VIP

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าวงบิกแบง และ เป็นจีดราก้อนเสมอ ผมจะทำงานอย่างหนัก ทุกวันทุกวัน
เพื่อแสดงให้พวกคุณเห็นผมและพวกเราที่สุดยอดขึ้นและโตขึ้น

รักษาสุขภาพด้วยนะครับในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ ห้ามนอกใจด้วยนะ !

บายครับ~ ♥

Source: BIGBANG Official Daum Cafe
Eng Translation by toptopia.tumblr.com
Thai Translation by mew in mew museum

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

GD : ย้อนไปเมื่อตอนที่ผมเป็นศิลปินฝึกหัด (shout2)

โพสก่อนหน้านี้ ที่มิวบอกว่ามีแม่ยกจะแปลหนังสือน้องๆอะค่ะ shout to the world ตอนนี้โครงการเป็นรูปร่างออกมาแล้วละค่ะ แบ่งกันทำเป็นทีม มีของทาบิน้องจี และยองเบ แต่ยังไม่เห็นของเน่และน้องแด ยังไงเราก้ทยอยๆนะค่ะ มิวเห็นเค้าแปลออกมาเป็นสิบๆตอนแล้ว เพราะแค่น้องจีคนเดียว แม่ยกฟิตจริงอะไรจริง มิวเลยจะวงเล็บไว้นะค่ะว่า เป็น (Shout ....) จะได้รู้กันว่ามาจากหนังสือเล่มนี้

มิวตั้งใจว่าจะแปลเท่าที่เค้าแปลทั้งหมดเหมือนกันค่ะ ไปขออนุญาติมาเรียบร้อยแล้ว แต่มิวคงต้องทยอยๆทำไปเรื่อยๆเพราะรู้สึกว่าสภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นขึ้นมาอีกไม๊?? ตามนี้นะค่ะ >_<

เพราะจริงๆไม่จำเป็นต้องแปลต่อเนื่องก็ได้เพราะมันเป็นหัวข้อๆไปค่ะ ลองอ่านกันดูหวังว่าจะชอบกันค่ะ

===============ย้อนไปเมื่อตอนที่ผมเป็นศิลปินฝึกหัด
ผมจะตั้งใจและตั้งสมาธิทั้งหมดของตัวเองไปในทุกสิ่งที่ผมทำ ผมจะเล่นสนุกเต็มที่เมื่ออยู่กับเพื่อนๆและผมจะทำงานของผมด้วยใจและมุ่งสมาธิไปในอาชีพของผม ผมเป็นคนประเภทที่ว่าจะเสียสละเวลานอนเพื่อทำงานที่จะทำให้เสร็จก่อน นี่แหละฮะคนที่อยู่ต่อหน้าทุกคนในตอนนี้

คุณอาจจะได้ยินมาว่าผมเป็นคนที่ " หยาบคายและแปลกไปจากคนอื่น" แต่ผมคิดว่าที่เค้ามองว่าผมเป็นคนแบบนั้นเป็นเพราะ ผมจะเกลียดคนที่ขาดความรับผิดชอบและไม่ทุ่มเทตัวเองอย่างเต็มที่ลงไปในงานที่พวกเค้าต้องทำ ผมจะพูดความคิดที่ผมคิดออกไปตรงๆต่อหน้าคุณเลยถ้าผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคุณไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม และนี่คงเป็นสาเหตุที่ว่าผมมักจะทิ้งเอาความประทับใจแรกที่รุนแรงลงไปในใจของคนที่เจอผมในครั้งแรก

ผมมักจะตอบคำถามว่า "อยากเป็นนักร้อง" เมื่อถูกถามถึงอาชีพในฝันตั้งแต่ตอนยังเด็ก มันดูเป็นหนทางที่ยาวไกลมากสำหรับเด็กที่เริ่มฝึกหัดตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ แต่ผมไม่เคยคิดถึงอาชีพอื่นที่ผมจะสนใจอีกจริงๆนะครับ

ดนตรีเปรียบเสมือนเป็นอากาศที่ผมหายใจเข้าไป มันเข้าไปในร่างกายและผสมผสานกับร่างกายตัวตนของผมด้วย ผมชอบเวทีที่แสนจะงดงามนั้น มันอนุญาติให้ผมได้แสดงสิ่งที่ผมมีออกมา และนั่นเป็นสาเหตุที่ว่าผมไม่สามารถที่จะจินตนาการงานอื่นที่ผมจะสามารถทำได้นอกเหนือจากการเป็นนักร้อง

แต่เดิมนั้น จะต้องมีคน 6 คนที่เตรียมตัวจะเดบิวในฐานะวง บิกแบง ระหว่างที่เรากำลังฝึกหัดกันอยู่นั้นเราไม่เคยรู้เลยว่าจะมีกี่คนที่จะผ่าน และกลายเป็นสมาชิกวงในท้ายที่สุดแล้วจริงๆ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะทำได้คือ ผมจะต้องแสดงออกทุกอย่างที่ผมมีออกมาให้เห็นว่าผมนี่แหละเป็นคนที่มี คุณสมบัติสำหรับงานนี้

ในมุมมองของท่านประธานของเรามันไม่สำคัญเลยว่าเราจะฝึกหัดมาแล้วกว่า 6 ปี หรือ 60 ปี(ในตอนนั้นผมเป็นศิลปินฝึกหัดมาแล้วหกปีฮะ) ถ้าเราไม่ได้เป็นเจ้าของความสามารถที่จะสามารถทำให้เราเยี่ยมยอดในวงการนี้ ได้ เค้าก็จะไม่เลือกใครเลยให้เดบิว ดังนั้น ตอนนั้นผมและยองเบต่างก็ใช้เวลาแบบเครียดหนัก พูดง่ายๆคือ การที่เราฝึกหัดมานานกว่าคนอื่นนั้นไม่ได้ทำให้เราจะได้เปรียบพวกเค้าเลยแม้ แต่น้อย

ในตอนนั้น เราต้องฝึกหัดอะไรที่หลากหลายมากในวันวันนึง การเต้น การรร้องเพลง การเรียนภาษาต่างประเทศ2 ภาษาและอะไรอีกมาก ในขณะที่วัยรุ่นคนอื่นๆในวัยเดียวกับเราในตอนนั้นกำลังสนุกกับชีวิตในรั้ว โรงเรียนและใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ กำลังยุ่งท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อจะไปสอบ แต่สิ่งที่เราต้องทำในตอนนั้นหนะเหรอ?? เราเอาแต่คลุกตัวอยู่ในชั้นใต้ดินที่แทบจะไม่มีที่ระบายอากาศฝึกซ้อม ฝึกซ้อม แล้วก็ฝึกซ้อม

ในขณะที่วัยรุ่นในวัยเดียวกับเราในตอนนั้น รำคาญที่คุณแม่ของพวกเค้าเอาแต่พูดว่า " นี่ลูกอย่าลืมทานข้าวเช้านะ" แต่เรากลับเอาแต่กลัวว่าคุณแม่ของพวกเราจะมาเห็นว่าเราจะเหนื่อยแทบหมดแรงเพราะการที่จะต้องฝึกซ้อมทุกอย่างนี้เมื่อคุณแม่มาเยี่ยมเราอาทิตย์ละครั้ง

สิ่งที่เราทำได้คือ เช็ดน้ำตาให้แห้งเมื่อพวกเค้ากลับมาเยี่ยมเราอีกครั้ง สำหรับเราแล้วคำว่าจะย้อนหลังกลับนั้นไม่มีอยู่เลยหลังจากที่เราเลือกที่จะเดินมาบนเส้นทางนี้

ตามเคยนะค่ะ มิวทิ้งนี่ไว้เพื่อคุณ rice ค่ะ
[Note: If you want to repost it elsewhere, please include the following disclaimer: I am not doing close translation of every word in the book, just quoting here and there from the sections. And I have paraphrased and summarized so it might contain errors. I am just sharing to spread the love, not hate. If you don’t feel comfortable reading it, please ignore me.And my works has nothing related to any profit making purpose. You are not allowed to reproduce it in any material forms for such a purpose. Thanks for your understanding.]

Source: Shout To The World (Chinese Version)
Eng Translated by: godlovesrice@tumblr.com/rice@bbu

Thai Translation by mew in mew mini museum


วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สัมภาษณ์ TOP ในนิตยสาร GQ เกาหลีฉบับ April 2011


สัมภาษณ์ ทาบิ ในนิตยสาร GQ ค่ะ เป็รนิตยสารที่ถามแล้วได้แง่มุมแปลกๆมาเยอะทีเดียว ขนาดตาจะปิดเพราะฤทธิ์ยากมิวก็ยังอุตส่าห์ปั่นซะเรียบร้อย เหวังว่าจะชอบกันนะค่ะ >_<


GQ: มีคนกล่าวว่า คุณเป็นผู้ชายที่ "ดูยอดเยี่ยมมากเวลาสวมสูท" ผมคิดว่าคุณจะต้องภูมิใจมากๆแน่กับคำชมนี้ในฐานะผู้ชายคนนึง

TOP: ผมคิดว่าที่เค้าพูดแบบนั้นเป็นเพราะผมสวมสูทบ่อยไม๊ฮะ?? (หัวเราะ) ผมชอบสูทและมีความสุขที่ได้สวมใส่มันนะฮะ ขนาดในรูปเก่าๆตอนที่ผมอายุได้แค่ 5-6 ขวบ ผมก็ยังสวมเสื้อนอกเลยละฮะ แบบที่มีสีสดใสๆหนะครับ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าผมมักจะขอให้เธอซื้อสูทให้ผมสวมตั้งแต่เด็กๆเลยละฮะ ผมหวังว่าผมจะดูภูมิฐานและเป็นสง่าขึ้น ดังนั้นผมเลยมักจะที่จะสวมสูทครับ


GQ: งั้น คุณก็สามารถที่จะรักษาร่างกายของคุณให้เข้ากับสูทได้สินะครับ

TOP: ผมก็มีคิดเรื่องนี้อยู่บ้างนะฮะ แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังนัก ผมเป็นคนที่ควบคุมน้ำหนักด้วยนะครับ อย่างบางทีแขนก็เริ่มที่จะใหญ่ไปแล้วหรือหน้าท้องเลยเริ่มจะหายไปแล้ว คือรูปร่างของผมไม่สามารถที่จะคงที่ได้ตลอดเวลาหรอกครับ


GQ: อ่า เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง

TOP: ผมเลยชอบที่จะสวมใส่เครื่องแต่งกายที่ค่อนข้างสบายๆในสมัยก่อนครับแต่ตอนนี้ผมคิดว่าชุดในแบบคลาสลิกมันยากที่จะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงมันครับและมันเป็นสาเหตุที่ทำให้มันน่าสนใจมากด้วย นอกจากนี้ผมก็รู้สึกตื่นเต้นด้วยนะครับเพราะมีเพื่อนไม่กี่คนในวัยเดียวกับผมที่จะหลงใหลในเรื่องนี้ครับ


GQ: เมื่อก่อนดูเหมือนว่าคุณจะคอยปฤิเสธมันอยู่เรื่อยๆนะแม้ว่าคุณจะดูดีมากจริงๆ แต่จู่ๆคุณก็กลับยอมรับและมีความสุขกับความจริงที่ว่าคุณเป็นคนที่ดูดีและคุณก็เริ่มมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
TOP:มันเป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นเกินกว่าจะรับได้ในตอนแรกๆที่อาชีที่ผมทำอยู่นี้จะต้องแสดงออกตัวตนและรูปร่างของผมต่อหน้าสาธารณชนครับ ผมมีความเครียดมากๆๆในตอนที่เดบิวผมไม่ชอบที่จะต้องอยู่ต่อหน้ากล้องผมกลัวว่าคนอื่นจะเข้ามารู้จักตัวตนของผมมากเกินไป ซึ่งตอนนี้ผมเลิกความคิดแบบนั้นออกไปและยอมสูญเสียอะไรหลายอย่าง คือผมหมายความว่่าตอนนี้ผมคิดว่าผมควรจะเป็นคนที่พิเศษ ที่ดูดีที่เพื่อแฟนๆที่ชื่นชอบผมครับ


GQ: ผมได้ยินคุณพูดบ่อยมากๆว่า " กลัวว่าคนอื่นจะเข้ามารู้จักตัวคุณดีเกินไป "

TOP:ครับผมไม่คิดว่าผมจะทำอะไรแบบนั้นได้จริงๆนะครับ เพราะว่าด้วยบุคลิกของผมเอง แต่ผมคิดว่าผมสามารถที่จะทำสิ่งที่มันมาจากสิ่งที่มันเกิดขึ้นการจิตใต้สำนักธรรมดาๆๆได้ ผมไม่อยากจะให้ผู้คนมามองผมว่าเป็นคนที่ถูกต้องทำนองตามคลองธรรมและคาดหวังกับภาพแบบนั้น ผมต้องการที่จะเป็นอิสระและดูใหม่เสมอๆ ผมไม่ต้องการที่จะมีภาพ " หนุ่มน้อยเกาหลี" ผมกลัวที่ผมจะมีภาพที่ "ยอดเยี่ยมเกินไป" ดังนั้นผมเลยชอบที่จะหลบเลี่ยงภาพลักษณ์บบนั้นมากกว่า

GQ: นี่เป็นเหตุผลที่คุณมักจะเน้นแยกบุลลิกของ "ท็อป" และ"ชเวซึงฮยอน" ออกจากกันไม๊ฮะ??

TOP: บางทีมันเหมือนกับเป็นประโยคที่คอยจะประท้วงอยู่ในใจและทำให้คุณต้องรู้สึกเจ็บปวดในตอนเด็กหนะครับ คือ ถ้าเปรียบกับคนที่รักกันเป็นแฟนกัน คุณจะไม่รู้สึกเบื่อเหรอถ้าแฟนของคุณแสดงออกทุกอย่างของตัวตนของเค้าออกมาทีเดียวเลย?? ผมอยากจะให้คนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในตัวผมมากกว่าที่จะเห็นจนหมดและเกิดอาการเบื่อแทนครับ


GQ: ผมคิดว่าบทบาทของ ท็อป ที่ผู้คนต้องการอยากจะให้คุณเป็นและบทบาทที่สมาชิกคนอื่นๆในวงบิกแบงอยากให้คุณเป็น คือ เป็นคนที่ดูเป็นผู้ชายที่แมนมากๆๆ นะครับ

TOP: ผมไม่ได้เป็นผู้ชายที่แมนมากๆอย่างที่คุณคิดว่าผมเป็นหรอกครับ เวลามีคนเข้ามามีโอกาสรู้จักกับผมเค้าจะรู้สึกแปลประหลาดใจมากว่าผมเป็นคนที่อ่อนโยนและตลกมากๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายแบบแมนๆหรอกนะครับ(หัวเราะ) แต่มันก็ไม่ได้สร้างความรำคาญใจอะไรกับผมนะฮะ ผมคิดว่าผู้คนเข้าใจผิดว่าเป็นแบบนั้นเพราะ สไตล์การแร๊พของผม มันจะแมนมากๆไม่ก็่อ่อนหวานมากๆอย่างละนิดอย่างละหน่อยเป็นไประหว่างสองแบบนี้แหละฮะ มันต่างจากการที่ผมร้องแร๊พเมื่อวานนี้และมันก็จะเปลื่ยนไปในอนาคตฮะ


GQ: คุณคิดยังไงกับการแสดงออกที่ทำให้คุณดูป็นผู้ใหญ่??

TOP: ไม่ฮะ ผมไม่ชอบมัน ไม่อีกต่อไป


GQ: ผมคิดว่าคุณคงได้ยินมาเยอะนะครับ

TOP: คือว่า มันเป็นความคิดที่มากเกินไปอะครับ ถ้ามันมากแบบนี้จากนี้ไปผมก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรที่มันดูเป็นเด็กๆได้อีกถ้าผมมีภาพลักษณ์แบบนี้ติดตัวไป ผมอยากจะอยู่แบบอ่อนเยาว์และยังเล่นซุกซนไ้ด้ฮะ


GQ: คุณเป็นสมาชิกที่มีอายุมากที่สุดในบิกแบง แต่ถ้าภายนอกในสังคมแล้วคุณก็ยังถือว่าเป็นเด็กอยู่ คุณรู้สึกว่ามีช่องเว้นระหว่างสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ้างไม๊????

TOP: ผมไม่มีความรู้สึกว่าหยิ่งหรืออวดตัวเองเลยละฮะทั้งในวงและในส่วนตัวเองแล้ว ผมคิดว่าคนที่ฉลาดนั้นจำเป็นจะต้องรู้ว่าเวลาไหนที่เค้าควรจะแสดงความสุภาพและเวลาไหนที่เค้าควรจะทำตัวสนิทสนมใกล้ชิด ในวันปกติธรรมดาทุกวันผมไม่ได้คิดว่ามผมเป็นบิกแบงหรือผมเป็นคนดังเลยละฮะ


GQ: ผมคิดว่าในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ มีเพียง 3 วิธีในการจัดการกับรุ่นน้องคือ 1 มองว่าเค้าต้อยกว่า 2.มองเค้าในระดับเดียวกับเรา 3. หลับหูหลับตาไม่สนใจพวกเค้าเลย สำหรับคุณแล้วคุณเลือกปฏิบัติแบบไหนกับรุ่นน้องของคุณครับ

TOP:ผมมักจะมองพวกเค้าในระดับเดียวกันครับ ในทุกๆปีพวกเค้าก็จะต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผมคิดว่าสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับผู้ชายด้วยกันคือ การที่เค้าจะยอมรับว่าคุณเป็น "พี่" ดังน้้นผมเลยเข้าใจดีมากๆว่า ตราบใดที่ผมต้องการมากๆที่จะข่มพวกเค้าให้นับถือผมในฐานะ " พี่" พวกเค้าก็่ย่อมไม่อยากจะปฏิบัติกับผมแบบนั้นมากเท่านั้นแหละฮะ


GQ: มีเวลาไหนไม๊ครับที่คุณเคยคิดขึ้นมาว่าสมาชิกคนอื่นๆในวง ทำไมทำตัวเป็นเด็กมากจังเลยเมื่อเทียบกับคุณ ??

TOP: พวกเค้ามักคิดว่าผมเป็น น้องเล็กสุดในวงมากกว่าฮะ (หัวเราะ) มันเป็นเพราะว่าพวกเราต่่างก็แตกต่างกันมากเลยและเราต่างก็รู้ในข้อนี้ ดังนั้นผมคิดว่านี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่ค่อยได้ทะเลาะกันเลยฮะ เราแค่แค่ยอมรับการตัดสินใจของกันและกันและแก้ปัญหาครับ


GQ: บนเวที ผมคิดว่าท็อปหัวเราะออกมาเหมือนกลบเกลี่อนในสิ่งที่เค้าทำพลาดไม๊ฮะ?
?

TOP:ผมแค่ทำมันออกมาตามสัณชาตญานนะครับ ถ้ามันเป็นสิ่งที่เตี๊ยมกันมาแล้ว ทุกคนย่อมต้องสังเกตเห็นได้แน่ว่ามันไม่ใช่ของจริง ผมคิดว่านี่เป็นอีกเรื่องนึงของสัญชาตญาณของผมเป็นแนวของผมอะครับ


GQ: เวทีนั้นสามารถที่จะเป็นสนามเด็กเล่นของใครบางคนหรือเป็นห้องห้องนึงสำหรับคนอื่นๆ แต่การที่จะต้องไปเผชิญกับสิ่งที่อยู่บนเวทีสำหรับบางคนแล้วเหมือนกับกำลังจัเข้าไปสู่สนามรบนะครับ

TOP: ผมเป็นคนที่มักจะไม่ค่อยออกๆไปใช้เวลาเที่ยวเล่นข้างนอกครับและผมก็มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงผู้คนด้วย ผมไม่ค่อยได้ปลดปล่อยพลังแบบนั้นในชีวิตประจำวันดังนั้นผมเลยที่จะไปปลดปล่อยบนเวที เมื่ออยู่บนเวทีแล้ว จะมีผมอีกคนนึงที่แตกต่างจากผมที่ไม่ได้อยู่เวทีออกมาให้เห็น มันไม่ใช่ผมขึ้นไปบนเวทีเพื่อหาความสนุกเท่านั้นนะฮะ แต่ผมอยากจะให้คนมีความคิดอย่างเช่นว่า " อ่า เราเกลียดผู้ชายบนเวทีคนนั้นไม่ได้เลยเนอะแม้ว่าเค้าจะทำหน้าทำตาแบบนั้นก็ตาม"

GQ: คุณหมายถึง ความพอใจของแต่ละคนก็หลากหลายออกไปใช่ไม๊ครับ

TOP: แบบนั้นแหละฮะ การทำให้เกิดความพึงพอใจที่มาจากประสบการณ์ที่หลากหลายครับ ผมคิดว่าสิ่งที่ัที่สังคมต้องการคือคนที่มีความมั่นใจบนเวที พวกเค้าจะรู้สึกสบายใจจากความมั่นใจนั้น เมื่อตอนที่ผมยังอายุน้อยกว่านี้ผมจะได้รับความมั่นใจจากศิลปินจากต่างประเทศ ความเซ็กซี่ก็เป็นอย่างนึงนะฮะ มันอาจจะเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวนิดๆก้ได้ แต่แทนที่ผมจะคิดว่าผมจะแสดงออกบางอย่างให้กับผู้คนได้เห็นในเวลานั้น ผมคิดว่าผมควรจะเก็บช่วงเวลานั้นเอาไว้ในตัวผมตลอดไปจะดีกว่า ไม่ว่าผมจะอยู่บนเวที หรือจะแสดงละคร หรือแสดงภาพยนตร์ผมจะทำมันด้วยชื่อของผม ดังนั้นถ้าผมไม่ใส่ลงไปอย่างเต็มที่ให้มันเป็นความสมบูรณ์แบบที่สุด มันก็จะเหมือนกับจะกลายเป็นการเรื่องเล่นตลกไป ดังนั้น นี่เป็นเวทีของผมผมต้องเป็นตัวหลักครับเป็นคนตัดสินครับ


GQ: คุณคิดรึเปล่าว่าคุณเอาความรับผิดชอบในตัวเองมาแบกรับเอาไว้และไม่ลำเอียงเข้าข้างตัวเองอีกด้วย เราจะสามารถเรียกคนที่มีความคิดแบบนี้ว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นชายเต็มตัวได้ไม๊??

TOP: ผมมักจะพยายามที่จะไม่เข้าข้างตัวเองและรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองครับ ผมเห็นว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยจะพูดเท่าไหร่แต่เมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มที่จะมีชื่อเสียงแล้วและมีคนเริ่มสังเกตเห็นผมบ้างแล้วผมก็ค่อยจะเริ่มเล่นมุขออกมาบ้าง แต่ผมมักจะระมัดระวังอย่างมากกับคำพูดของผมครับ


GQ: ผมคิดว่าผมสามารถสรุปได้ว่า ผู้ชายคนนี้เมื่อถึงวัยที่เค้าจะต้องเข้าสังคมเค้าก็ได้กลายเป้นมาเป็นส่วนนึงของวงไอดอลซะแล้ว เค้าต้องก้าวเข้ามาอยู่ในระดับนี้ในสังคมแบบทันทีและเริ่มทำงานเร็วกว่าคนอื่นๆ แต่ในใจของเค้ายังไงๆก็ยังคงอยู่ในระดับเดิมของเด็กชายคนนั้นที่คอยยืนมองและต้องได้รับประสบการณ์ต่างๆในสถานการณ์ที่หลากหลายอีก ต้องรู้จักผู้คน เข้าถึงผู้คนในสถานการณ์ที่มากมาย และสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมคิดว่าบางทีมันก็ทำให้คุณเกิดความรู้สึกท้อแท้ใช่ไม๊ครับ

TOP: ผมรู้สึกจริงๆว่าตัวเองนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วมากแต่ผมกลับไม่คิดว่าผมต้องการที่จะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ผมไม่ได้กลัวว่ารูปร่างหน้าตาของผมจะเปลี่ยนแปลงไป ผมหมายความว่าผมอยากจะมีชีวิตอยู่ด้วยจิตใจที่ยังเป็นเด็กแบบนี้ ยังคงความไร้เดียวสาบริสุทธิ์เอาไว้ ผมคิดว่าเพราะแบบนี้แหละงานสร้างสรรค์ต่างๆมันจึงเกิดขึ้นก็เพราะเรายังมีแง่คิดแบบเด็กๆในตัว แต่ในขณะเดียวกันผมคิดว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือการที่เรามีอายุมากขึ้นเราโตขึ้น เราไม่สามารถที่จะทำท่าว่าเราเป็นผู้ใหญ่เกินอายุของเราใช่ไม๊ฮะในขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถที่จะทำตัวเด็กกว่าอายุของเราเช่นกัน ดังนั้นผมก็แค่อยากที่จะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในหมู่คนที่มีอายุเท่ากันก็เท่านั้นเองฮะ


GQ: ดังนั้นคุณกำัลังจะบอกว่ามันสำคัญมากๆใช่ไม๊ครับในการใช้ชีวิตเมื่อเรามีอายุมากขึ้น
??

TOP: ก็ใช่ไม๊ละครับ?? ยกตัวอย่างนะครับ ผมไม่สามารถที่จะไปคลุกตัวอยู่กับเพื่อนๆและออกไปดื่มข้างนอกได้ใช่ไม๊ครับ มันแลดูจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่
การที่ผมเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในวงบิกแบง ถ้าเกิดข่าวลือขึ้นมาว่า มีคนเห็นท็อปออกมาดื่มข้างนอกหรือออกไปที่ไหน พวกเ้ค้าจะไม่ได้หมายความว่า ท็อปออกมา แต่มันจะกลายเป็นว่า บิกแบงออกมาเที่ยว นะครับ

GQ: อัลบัมของบิกแบงคราวนี้ดูเหมือนว่าจะถอยหลังไปหน่อยนะครับถ้าเทียบกับอัลบั้มของยูนิตพิเศษ
GDTOP ที่จะดูคลาสลิกกว่า สำหรับผมนะ ผมคิดอัลบั้มของบิกแบงคราวนี้ค่อนข้างจะไร้มิติไปหน่อย

TOP: เราได้ทำทุกอย่างที่เราอยากจะทำลงไปในอัลบั้ม GDTOP ครับ เราเขียนในสิ่งที่เราต้องการ เราทำในสิ่งที่เราต้องการ แต่สำหรับบิกแบงแล้วผู้คนคาดหวังกับมันว่าจะต้องแตกต่างออกไปจาก GDTOP ยกตัวอย่างนะครับ ถ้ามีผู้กำกับคนนึงอยากจะทำโฆษณาที่ออกมาในแนวศิลปะ ผมคิดว่าต้องมีคนจำนวนน้อยมากเท่านั้นที่จะชอบสีสันที่จะออกมาในโฆษณานี้ ซึ่งถ้าผู้กำกับคาดหวังว่าจะให้มันโดนใจสาธารณชนมันคงยาก ผมคิดว่ามันก็เป็นความรับผิดชอบของผู้กำกับนะครับที่จะต้องพยายามแสดงสิ่งที่เค้าต้องการจะทำให้ออกมาโดนใจคนดูด้วย


GQ: ผมไม่ปฏิเสธว่าคุณอยู่ในตำแหน่งไหนและไม่ได้ขัดแย้งความเห็นของคุณด้วยนะครับ แต่ผมแค่คาดหวังกับมันมากกว่านี้เพราะเรากำลังพูดถึงบิกแบง เชียวนะครับใช่ไม๊?? และหลังจากที่ผมได้มีโอกาสฟังเพลงเดี่ยวของแต่ละสมาชิกในวงมาแล้วด้วย ผมเลยคาดหวังและคิดว่ามันจะต้องมีพลังมาก ต้องมีความแตกต่างออกไปมาก

TOP: แต่ผมมีความคิดเห็นที่ต่างออกไปนะครับ เมื่อตอนที่อัลบั้ม GDTOP จะออกมาผมตรวจสอบ credit เนื้อเพลงที่ผมได้ทำมันออกมาเองและเมื่อผมเห็นมัน ผมรู้สึกสบายใจฮะ เพราะผมได้ทำทุกสิ่งที่ผมต้องการไปแล้ว
แต่กับบิกแบงอัลบั้มจะเป็นอัลบั้มที่ทุกคนอยากรู้อยากเห็น ซึ่งผมคิดว่ามันก้โอเคนะ อัลบั้ม GDTOP มันสร้างขึ้นมาจากผู้ชายสองคนที่มีสไตล์ที่แตกต่างกันมากมาก ดังนั้นมันก็ไม่ได้สร้างผลอะไรถ้ามันจะโดดเด่นออกมาหรือว่าเราจะทำอะไรกับมันก็ได้ แต่กลับบิกแบงแล้วถ้าเกิดมีใครซักคนใดคนนึงโดดเด่นขึ้นมามันก็จะไม่ใช่เราแล้ว เราก็จะไปด้วยกันไม่ได้ ซึงตรงนี้ผมคิดว่ามันก็เป็นจุดอ่อนของเราเหมือนกันนะครับ เราต่างมีบุคคลิกที่แข็งแกร่งกันมาก

GQ: คนมากมายต่างยกรับแล้วว่าบิกแบงนั้นไม่ใช่ไอดอลทั่วๆไป ขนาดในกลุ่มของแวดวงไอดอลด้วยกันยังพูดกันแบบนั้นด้วย มีคำกล่าวว่าว่าการเป็นไอดอลนั้น " ไอดอลจะต้องขยันออกรายการทีวีและออกอัลบั้มบ่อยๆ และนั่นจะทำให้พวกเค้ากลายเป็นศิลปินได้" ซึ่งวงเกาหลีชั้นนำต่างก็ทำแบบนั้นทั้งไม๊ครับ?? แล้วสำหรับบิกแบงคุณคิดไม๊ครับว่าบิกแบงก็กำลังเจริญรอยตามทางที่จะกลายเป็นศิลปินอยู่

TOP: ครับ พูดแบบนี้จะดีกว่าครับ เรา บิกแบง กำลังเป็นรุ่นพี่ที่กำลังสร้าง พิมพ์เขียวที่จะสร้างทางเดินทางใหม่ที่แตกต่างออกไปอยู่ ซักวันนึงเราจะสร้างฝันให้กับรุ่นน้องให้ฝันถึงเส้นทางในแบบของเรา ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดกับบิกแบงแต่ว่าถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เราก็อยากจะเป็นวงที่ดีที่ไม่ได้มีช่วงเวลารุ่งไรจน์อยู่แต่ในอดีตเท่านั้น แต่ว่าเราอยู่เหนือขึ้นไป เราไม่ได้เมินเฉยต่อรุ่นพี่ของเราในตอนนี้นะครับแต่สิ่งที่ผมอยากจะสื่อคือ เราสามารถที่จะทำให้มันดีขึ้นได้


GQ: คุณจะผิดหวังไม๊ถ้าเราจะเรียกบิกแบงในทุกวันนี้ว่า เป็น"วงไอดอล"??

TOP: ไม่ครับ ผมชอบที่จะให้คนมาเรียกเราว่าเป็นไอดอล ตอนนี้ผมอายุ 25 แล้วละครับแล้วถ้าผมอายุ 30 ก็คงไม่สามารถที่จะถูกเรียกว่าเป็นไอดอลได้อีกต่อไป (หัวเราะ)


GQ: คิดว่าคุณอยากจะใช้ชีวิตให้เข้ากับอายุซะอีก??

TOP: จริงๆคำคำนี้มันดีนะครับ ผมมักจะต้องการเป็นไอดอลในใจของใครซักคนอยู่แล้ว แต่ผมก็หวังว่าภาพลักษณ์นี้จะไม่ทำให้ชาวเกาหลีคิดกับผมแบบนั้นหนะครับ


GQ: เป้าหมายของคุณนั้นคือการหลุดจากภาพไอดอล แต่แผนการต่างๆของคุณนั้นล้วนแล้วแต่เป็นแผนการเพื่อไอดอล การลดน้ำหนัก การเต้น และการแสดง แล้วอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณแตกต่างจากไอดอลคนอื่นๆละครับ??

TOP: ผมต้องการที่จะถูกเรียกว่า เป็นคนที่ทำงานเพลง แทนที่จะเป็นผู้ชายที่ร้องเพลงไปตลอดทั้งชีวิต

GQ: คุณกำลังมองในภาพที่กว้างออกไปใช่ไม๊ครับ การทำงานเพลงที่กว้างออกไป

TOP:ครับ ผมอยากจะได้ยินมากขึ้นว่าผู้ชายคนนี้ทำงานเพลงและเค้าพยายามที่จะพัฒนาความสามารถของเค้าด้วยการหันไปลองงานแสดง มากกว่าที่จะต้องการความโด่งดัง ผมแค่อยากจะทำในสิ่งที่ผมสามารถที่จะทำมันให้ลึกซึ้งได้ ผมอยากที่จะทำอะไรบางอย่างที่มันมีข้อความมันมีความมหมาย ไม่ใช่แค่ทำไปเพราะต้องการความโด่งดัง
GQ: วินาทีที่คุณพูดเรื่องนั้นผมคิดว่าคุณกำลังจะพูดว่าคุณกำลังจะทำเพลง hiphop ซะอีก

TOP: ผมคิดแบบนั้นเหมือนกันครับเมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็ก แต่ว่า Hiiphop นั้นก็เป็นตัวตนหนึ่่งของผมเหมือนกันเป็นเพราะผมทำมันมาตั้งแต่ยังเด้ก ผมคิดว่าคุณสามารถพูดออกมาได้ว่าคุณชอบมันรึปล่า?? แต่คุณไม่สามารถที่จะพูดได้ว่ามันดีหรือไม่ดี มันจะเป็นการไม่สุภาพนะครับและผมก็ไม่อยากจะพูดว่าตัวเองเยี่ยมที่สุดถ้าคุณยังไม่มีโอกาสได้เห็นผมจริงๆ เพราะมันไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาของผม ผมคิดว่าผมสามารถที่จะพัฒนาไปได้เรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งมันก็จะทำให้ผมทำได้ยอดเยี่ยม และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเมื่อใครที่ทำบางสิ่งเป็นเวลานานก็มักจะทำมันได้ดีฮะ


GQ: ผมคิดว่าบิกแบงคงมีจุดมุ่งหมายในบางอย่างที่จะประสบความสำเร็จในแบบที่แตกต่างออกไปจากสังคมทั่วไปนะ

TOP: จริงๆพูดตามตรงนะครับ เราไม่ได้มีความปราณีตหรือว่าคาดการณ์อะไรล่วงหน้าเลยละฮะ ผมคิดว่ามันเป็นการที่เราพยายามผลักตัวเองให้มีความมั่นใจที่จะเข้าไปพูดคุยกับคนอื่นๆได้อย่างมั่นใจ ผมคนนึงละที่ทำแบบนั้นบ่อยๆ การที่ยืนอยู่ใกล้ชิดกับสาธาณชนและหวังว่าจะได้อิสรภาพมากขึ้น ผมคิดว่าอะไรแบบนั้นมันเป็นการพยายามผลักดันตัวเอง เรารู้ว่าถ้าเราโหยหามันเราก็จะได้มันมา เราไม่ได้มีแผนฝันไปไกลว่าเราจะไปเดบิวที่อเมริกา ตอนนี้มันเพียงพอแล้วที่เรามีความมั่นใจในเพลงของเรา ไม่ว่ามันจะเป็นที่ต่างประเทศที่เกาหลี หรือแม่แต่กับตัวเราเองซึ่งมันต่างก็เป็นปัญหาของผมเองแหละครับ ผมไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น

GQ: คุณไม่ได้มองไปที่คนอื่นเลยนี่นา เรายังมีอักหลายๆอย่างที่สามารถทำให้มันเข้าทีเข้าทางได้นะ
TOP: การที่ผมไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองนั้นทำให้ผมต้องตรวจสอบตัวเองอีกครั้งเพื่อที่จะให้ผมสงบใจลง ผมไม่เคยที่จะพอใจกับตัวเองมันมีอะไรมากมายที่ผมสามารถที่จะแสดงออกมาให้คุณได้เห็น แต่ผมไม่อยากที่จะเปิดเผยทุกอย่างออกมาในครั้งเดียว เช่น การที่ได้ออกอัลบั้ม GDTOP หรือการที่ผมได้แสดงเป็นนักเรียนทหารในภาพยนตร์ มันทำให้ผมตื่นเต้นที่ให้ผู้คนเห็นผมในแบบที่พวกเค้าไม่เคยเห็นนั้น


GQ: แต่ว่าความตื่นเต้นนั้นเป็นเรื่องรองนะครับ แต่ว่าชีวิตประจำตั้งหากที่จะอยู่ตลอดไปมันจะไม่ดีต่อคุณนะที่จะต้องมาใช้ชีวิตในแบบที่คุณไม่ได้พอใจกับมัน

TOP:ผมมักจะเศร้า และทุกข์ทรมานกับความรู้สึกว่างเปล่า แต่ผมมักจะปล่อยภาระเล็กๆน้อยๆออกไป ผมคิดว่ามันไม่มีอยู่หรอก มนุษย์ที่ชื่อ ชเวซึงฮยอน ผมยกเลิกชีวิตส่วนตัวของผมออกไปและผมหวังว่าชีวิตในด้านส่วนตัวของผมจะไม่มีอยู่


GQ: โทษนะครับ?? คุณพูดว่าคุณหวังว่ามันจะไม่มีอยู่เลยเหรอ??

TOP: ครับ ผมหวังว่ามันจะไม่มีอยู่เลย ถึงแม้ว่าเมื่อผมแก่ตัวลง ผู้คนจะขี้เกียจและต้องการพักผ่อนแต่ผมหวังว่าผมจะเป็นคนนึงที่ทำงานตลอดเวลา สำหรับตอนนี้ผมขอไม่มีแง่มุมในเรื่องชีวิตส่วนตัวก่อนซักพักฮะ


GQ: ผมไม่เคยคิดเลยว่าเหตุผลที่ทำให้ท็อปมีความมั่นใจมากๆๆไม่เหมือนเมื่อก่อนเป็นเพราะท็อปเค้าได้ทิ้งชีวิตในด้านส่วนตัวอออกไปแล้ว

TOP: ครับ ผมก็คิดแบบนั้น แต่มันทำให้ผมมองโลกในแง่บวกมากกขึ้น ผู้คนพูดกันว่าผมดูสดใสขึ้นและผมก็คิดว่าผมได้เปิดใจตัวเองเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ผมคิดว่าผมละทิ้งอะไรในใจของผมไปมากแล้วละฮะ (หัวเราะ)


GQ: ดังนั้น ตอนนี้คุณคิดว่าคุณเยี่ยมยอดแล้วสินะ??

TOP:ไม่เลยฮะ

GQ:ไม่มีทางเลยเหรอ??
TOP: ผมอยากที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่นะครับ ผมมักจะหวังแบบนั้น ผมคิดว่ามันคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่จะมีคนมาเรียกว่า "คุณคือผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด" อีกแล้ว ในฐานะผู้ชายคนนึงแต่ผมคงไม่หลอกตัวเองด้วยคำคำนั้นหรอกฮะ

GQ: มันน่าจะมีอะไรที่ดีกว่าคำพูดนี้มั้งนะ??ผมคิดว่าอะนะ

TOP: (หัวเราะ) ถ้าเกิดว่า คำคำนี้เป็นเหมือนชุดที่สาธารณชนต้องการใหผมสวมใส่มัน ผมก็จะใส่ครับ ถ้าหากนั้นเป็นสิ่งที่อาชีพของผมจำเป็นจะต้องมี ทั้งเรื่องสไตล์ ทั้งเรื่องความยอดเยี่ยม งั้นมันคงต้องเต็มใจที่จะเป็นคนที่เยี่ยมยอดคนนั้น


GQ: คุณจะรู้สึกต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยบ้างไม๊?? ถ้าคนรอบข้างของคุณมากมายมาบอกว่าคุณเป็นคนที่แสนจะพิเศษ??

TOP: จริงๆผมไม่ค่อยมีคนรอบข้างๆเท่าไหร่ครับเช่นเดียวกับเพื่อนๆที่เป็นคนดังผมก็ไม่ค่อยมี แต่ว่าถ้านั่นเป็นสิ่งที่พวกเค้าพูดออกมาจริงๆหนะเหรอครับ (หัวเราะ) อืม.. ผมว่าเค้าคงจะพูดออกมาเพราะอยากให้ผมรู้สึกดีครับ


GQ: นี่จะเป็นข้อเสียอย่างนึงนะถ้าคุณตัดเอาชีวิตส่วนตัวของตัวเองออกไป คำชมต่างๆแบบที่มีมาตั้งแต่รุ่นพ่อหนะ

TOP: ถ้าผมมีแฟน ผมอยากจะเป็นแฟนที่น่าภาคภูมิใจครับแม้แต่กับเพื่อนๆของเธอ ผมอยากจะเป็นผู้ชายแบบนั้น ผมคิดว่าผมต้องการหัวใจที่บริสุทธิ์มากกว่าใช้แค่รูปร่างหน้าตาของตัวเอง ผมมักจะคิดเสมอว่าผู้ชายแบบนั้นแหละเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมาก


GQ: คุณต้องการอยากที่จะเป็นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และมีเกียรติจนได้สวมสูทมากกว่า ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าสวมสูทและดูดีใช่ไม๊??
TOP: ผมมักจะคิดเสมอว่า หัวใจจะต้องมาก่อนรูปร่างหน้าตา ครับ


Magazine scanned by: Ramel @ DCTOP Eng Translated by: HuisuYoon @ bigbangvip.net Thai Translation by mew in mew museum