วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

บิกแบงกล่าวว่า "เราใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในฝัน"


เหตุผลที่ว่าทำไมการที่บิกแบงครบรอบ10ปีถึงมีความหมายน่าจดจำมากๆเป็นเพราะ สมาชิกทั้ง 5 คนของวงอยู่ด้วยกันตลอดเวลาในการสร้างความสำเร็จที่น่าตื่นตะลึงแบบนี้ ในบรรดาวงบอยแบรนด์ยุคที่2 บิกแบงเป็นวงเดียวในบรรดาวงบอยแบรนด์ที่เดบิวต์ในช่วงเดียวกันที่ยังมีสมาชิกอยู่ครบเป็นสมาชิกเซตเดียวกับตอนเดบิวต์

เมื่อถามถึงความคิดของพวกเค้าว่าเคยคิดบ้างไม๊ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใน 10 ปีข้างหน้าในตอนที่เดบิวต์ สมาชิกวงตอบว่า "มันเป็นอะไรที่เราไม่เคยคิดจินตนาการมาก่อนเลยละครับ" ในตอนนั้น ท็อปซึ่งเป็นสมาชิกที่มีอายุมากที่สุดในวง มีอายุเพียง 20 ปี และสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดคือ ซึงรี อายุ 17 ปี มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเค้าที่จะคิดไปถึงหนทางในอีก 3-4ปีข้างหน้าอย่าว่าแต่ 10 ปีเลย 


แต่พวกเค้าก็ทำมาได้จนถึง 10 ปี ในวันนี้พวกเค้าออกอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 “MADE THE FULL ALBUM” ออกมาในตอนที่วงครบรอบเดบิวต์ 10 ปีพอดี ทุกอย่างที่พวกเค้าทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปีนั้นกลายมาเป็นประเด็น ไม่ใช่แค่ในเรื่องของดนตรีและแฟชั่น แต่เรื่องในชีวิตประจำวันของสมาชิกแต่ละคนล้วนได้รับความสนใจ บิกแบงกล่าวว่า "เราใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝันเลยครับ"

เนื้อหาของเพลง “LAST DANCE” เป็นเรื่องราวของคุณเองใช่ไม๊ครับ? ผมรู้สึกถึงความกังวลบางอย่างในเนื้อเพลงนะครับ 
G-DRAGON:มันเป็นเรื่องราวของความรู้สึกที่พวกเรากำลังรู้สึกในสถานการณ์ที่พวกเค้ากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้นะครับ ในตอนที่ผมเขียนเนื้อเพลง ผมใช้ความคิดมากมายใส่ลงไป ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมเขียนออกมาสำเร็จได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ผมมีอายุเกือบจะ 30 ปีแล้วและผมใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มคนไม่กี่คนที่คัดสรรมาแล้ว มันไม่เป็นประเด็นอะไรอีกแล้วละครับ ผมแค่อยากจะอยู่กับคนที่ผมรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ด้วย  
ในตอนที่เราทำการบันทึกเสียงเพลงนี้ผมบอกกับสมาชิกในวงว่า ให้ร้องออกมาแบบไม่ต้องพยายามเกินไปผมไม่อยากให้สมาชิกในวงร้องเพลงนี้ด้วยเทคนิคมากมาย ผมอยากให้พวกเค้าร้องเหมือนกับกำลังพูดอยู่และตั้งใจร้องไปในเนื้อหาที่ร้องออกมา ผมอยากจะให้เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์เวลาพวกเค้าร้องเพลงนี้ครับ 

ขนาดพวกคุณยังรู้สึกกังวลเลยเหรอครับ? 
T.O.P: พูดถึงสภาพจิตใจแล้ว เราไม่เคยมีความมั่นคงหรอกครับ (ทุกคนต่างก็หัวเราะ)
G-DRAGON: เราทำผลงานได้อย่างดีมาโดยตลอดครับ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเราจะทำได้ดีต่อไปเรื่อยๆ ผมรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเลยละครับ เมื่อคุณเดินทางไปสู่จุดที่สูงวันนึงคุณก็ย่อมต้องก้าวลงมา มันเป็นเรื่องของการที่เราเป็นผู้ได้รับมามากกว่าครับ ไม่ใช่ว่าเรากำลังกังวลหรือกระวนกระวาย เราแค่อยากจะอยู่ตรงนี้แบบนี้และมีความสุขกับมัน คุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่ว่าเรามีเรื่องที่จะต้องกังวลเฉพาะเจาะจงนะครับแต่เราแค่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เราสงสัยว่า ปีที่เราครบรอบวง 11 ปีจะเป็นยังไง เรากังวลว่าเราควรจะทำยังไงหลังจากที่เราเสร็จสิ้นหน้าที่ในการเข้ากรมทหารไปแล้ว คือผมเดาว่าเรามีความคิดมากมายอยู่ในหัวในตอนนี้ครับ 

ในตอนที่พวกคุณพึ่งจะเดบิวต์ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก10ปีข้างหน้าครับ? มันแตกต่างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มากไม๊? 
G-DRAGON: ในตอนที่เราเดบิวต์เราไม่รู้เลยครับว่าเราจะได้มีโอกาส ฉลองครบรอบวง 10 ปีด้วย (ยิ้ม)
T.O.P: มันเหมือนกับผมใช้ชีวิตอยู่ในความฝันครับ ความฝันของผมตั้งแต่เมื่อยังเด็กคือการทำเพลงและขึ้นแสดงตราบนานเท่านานอย่างวง Rolling Stones ผมรู้สึกขอบคุณมากๆที่ผมได้มีโอกาสทำทัวร์คอนเสริ์ตไปรอบโลกและได้ขึ้นแสดงบนเวที
TAEYANG: สถานการณ์นี้เป็นเหมือนความฝันของนักร้องทุกคนแหละครับ เราไม่เคยคิดไว้ก่อนเลยว่าเราจะได้ใช้ชีวิตแบบทุกวันนี้มาก่อนเลยในตอนที่เราพึ่งเริ่มเดบิวต์ เรายุ่งมากๆจริงๆในช่วงที่เรายังเป็นเด็กหน้าใหม่ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกคาดหวังเอาไว้ครับ แต่ในตอนนี้ผมเริ่มคิดว่า ที่เราสามารถเป็นได้อย่างทุกวันนี้เป็นเพราะเรายุ่งมากๆเมื่อย้อนกลับไปในตอนนั้น 
G-DRAGON: เมื่อเร็วๆนี้ผมไปเจอหนังสือร่วมรุ่นจบสมัยชั้นประถม ในนั้นผมเขียนเอาไว้ว่า ความฝันของผมคืออยากจะเป็นนักร้อง แล้วตอนนี้ผมก็ได้เป็นนักร้องจริงๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลยละครับ

พวกคุณจะไปออกรายการ Infinite Challenge ทางช่อง MBC และรายการ Radio Star ด้วย เห็นว่าเป็นเวลานานแล้วนะครับที่พวกคุณทั้ง 5 คนไปออกรายการวาไรตี้โชว์ด้วยกัน
TAEYANG: อย่างที่คุณรู้ครับ เราไม่ค่อยมีเวลามากนัก (ท็อปกำลังจะเข้ากรมและรับราชการเป็นตำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 นี้ และสมาชิกคนอื่นก็ต้องเข้ากรมในเร็วๆนี้) ดังนั้นเราจึงอยากจะปรากฏตัวให้แฟนๆของพวกเราเห็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณ หยางก็เห็นด้วยว่าเป็นความคิดที่ดีที่เราจะไปปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ครับ

บิกแบงไม่ได้โด่งดังแค่ในประเทศเกาหลีเท่านั้นแต่ยังโด่งดังไปทั่วโลก มีเคล็ดลับอะไรครับ? 
SEUNGRI: ในตอนที่เราเดบิวต์ ยังไม่มีการใช้โซเซี่ยลมีเดียเลยครับ แต่ในตอนที่เราออกเพลง“FANTASTIC BABY” ผู้คนมีการใช้โซเซี่ยลเนตเวริ์คกันอย่างแพร่หลายกว้างขวางซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าถึงเนื้อหาทางวัฒนธรรมต่างๆผ่านทาง Youtube, Instagram, Twitter, Facebook และอีกมากมายครับ ผู้คนมากมายกลายมาเป็นแฟนเพลงของเราหลังจากที่ดู MV ของเราครับ ฐานแฟนเพลงที่เราสร้างขึ้นมาก็ยังคงแข็งแกร่งมาก นอกจากนี้เราก็พยายามที่จะสื่อสารกับแฟนๆผ่านทาง SNS ด้วย
G-DRAGON: การสื่อสารกันแบบเริ์ยลไทม์เป็นเรื่องที่ทำได้เมื่อทำผ่าน SNS ครับมันทำให้เราใกล้ชิดกับแฟนๆได้เหมือนกับเราเป็นเพื่อน มันสนุกดีครับ ผมไม่รู้ว่าวงอื่นเค้ามีการสื่อสารกับแฟนๆรึเปล่าดังนั้นผมเลยไม่มีข้อมูลมาให้เปรียบเทียบ ในตอนนี้ เวลาเรามีคอนเสริต์ที่ญี่ปุ่น สมาชิกทุกคนจะพูดภาษาญี่ปุ่น ซึ่งพอไปอเมริกาหรือประเทศจีนก็จะพูดภาษาของประเทศนั้นๆครับ ผมคิดว่าผู้คนคงพอใจกับความจริงที่ว่าเราพยายามที่สื่อสารกับแฟนๆด้วยภาษาของพวกเค้า เราฟังในสิ่งที่พวกเค้าพูดและตอบกลับ ซึ่งการติดต่อสื่อสารมันง่ายแบบนั้นแหละครับ มันทำให้แฟนๆรู้สึกใกล้ชิดกับเรา แฟนๆของเราเรียนภาษาเกาหลีและแปลเนื้อเพลงออกมา พวกเราก็จะต้องเรียนรู้เหมือนกันครับ


คอนเสริ์ตของบิกแบงขึ้นชื่อเรื่องความสนุกใช่ไม๊ครับ
G-DRAGON: ประเด็นคือเราไม่เก่งเรื่องเต้นเป็นกลุ่มครับ เราเคยลองแล้วในตอนที่เรายังเป็นเด็กใหม่ ซึ่งการเต้นเป็นกลุ่มไม่ใช่อะไรสำหรับเราครับมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะทำให้สำเร็จ ในความเห็นของผมมันมีสิ่งที่เรากับแฟนๆของเราชอบที่สุดอยู่

เวลาที่เราเล่นคอนเสริต์ในสถานที่ใหญ่มากๆหรือที่โดม พวกเราจะดูตัวเล็กมากๆเกือบจะเหมือนนิ้วนิ้วนึงแค่นั้นเองครับสำหรับแฟนๆที่ดูจากด้านหลังฮอลส์พวกเค้าต้องมองพวกเราจากจอสกีน สำหรับคนที่ได้ตั๋วที่นั่งที่จำกัดก็แทบจะมองจอสกีนไม่เห็นด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเราจะต้องเอาตัวเองออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แม้ว่าเราจะเหนื่อยหนักแค่ไหนและดูบ้าคลั่งมากแค่ไหนก็ตามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในคอนเสริต์ของเราครับ 

แน่นอนว่าการแสดงก็ต้องสมบูรณ์แบบด้วยแต่อย่างน้อยสิ่งที่เราควรทำเพื่อแฟนๆของเราคือการมองลงไปในตาของพวกเค้าและทักทายสวัสดี ไปให้ใกล้และร้องเพลงต่อหน้าพวกเค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นความทรงจำของแฟนๆครับ 

เมื่อตอนที่ผมเป็นเด็กผมไปดูคอนเสริต์นึงที่นักร้องมองลงมาในตาของผม เค้าคงไม่ได้คิดอะไรแต่ผมคิดกับตัวเองว่า " เค้ามองมาที่ผม!!"และผมก็เริ่มฝันที่จะกลายเป็นนักร้อง ในตอนที่คุณขึ้นแสดงคุณต้องรู้สึกสนุกบนเวทีแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนดูด้วย และนั่นเป็นการสื่อสารสำหรับผมครับ

บิกแบงเคยเจอวิกฤตอะไรบ้างไม๊ครับ?
G-DRAGON: ที่ผมรู้ไม่มีนะครับ พวกเราเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกกัน เราพยายามที่จะไม่กังวลมากไป เราจะบอกกับตัวเองว่า "ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะต้องออกมาดี" และซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อเราเห็นวงที่ต้องแยกกันไป มีความคิดหลายอย่างเข้ามาในใจของพวกเรา เราอาจจะต้องมีจุดจบแบบพวกเค้าก็ได้ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่เราเคารพ รัก และเป็นห่วงกันและกัน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่มาถึง 10 ปี และเหนือสิ่งอื่นใด ผมแวดล้อมไปด้วยคนดีๆครับ ความจริงที่ว่าผมได้มาพบ T.O.P, SEUNGRI, TAEYANG, และ DAESUNG และทีมงาน ทำให้ผมรู้สึกโชคดีมาก เมื่อผู้คนที่คุณทำงานร่วมกับเค้าต่างทำงานอย่างหนักเพื่อคุณและมอบพลังงานที่ดีๆให้คุณ มันยากที่คุณจะไม่ประสบความสำเร็จนะครับ

บิกแบงเป็นวงไอดอลในยุค2วงเดียวที่ยังคงอยู่รอดมีสมาชิกครบทุกคนเหมือนเดิมตั้งแต่เดบิวต์นะครับ
T.O.P: เหตุผลหลักๆเลยคือเราแตกต่างกันมากๆ เราสามารถที่จะเข้าใจในสมาชิกแต่ละคนได้ดีและพยายามเติมเต็มซึ่งกันและกัน เราไม่เคยทะเลาะกันแรงๆเลยซักครั้งครับ 

ท็อปจะเป็นสมาชิกคนแรกที่จะต้องเข้ากรมแล้ว มีการวางแผนเรื่องโซโล่บ้างไม๊ครับ ?
T.O.P: ยังครับ
DAESUNG: มันควรจะเป็นความลับไม่ใช่เหรอฮะ?(ทุกคนหัวเราะ)
G-DRAGON: แต่เหลือเวลาไม่มากแล้วนะครับ 
T.O.P: มันเป็นความลับครับ 

Source :www.yg-life.com
Thai Translation by miss mew 

1 ความคิดเห็น: