ท่ามกลางตารางอันแสนจะยุ่งเหยิงในการสำรวจดูแกลลอรี่และพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง และไหนจะการพบปะกับศิลปินที่สิงคโปร์อีก ทางนิตยสาร Sunday ของเราก็ได้พบกับท็อป แต่แทนที่จะเรียกว่าท็อป จากวงบิกแบง เราว่าเราได้พบกับ ชเวซึงฮยอนผู้ซึ่งมีความกระตือรือร้นหลงใหลในงานศิลปะมากกว่า
แม้เรายังคงรู้สึกว่าการที่ท็อปแห่งวงบิกแบงได้รับรางวัลในงานประกาศรางวัลทางศิลปะแนว Contemporary เป็นส่วนผสมที่แปลกๆยังไม่หาย ฉันจึงไปทำการค้นคว้าเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะมาพูดคุยกับท้อป และพบว่า จิตรกรผู้ซึ่งเป็นคนบุกเบิกศิลปะในแนว Abstract ของเกาหลีคุณ Kim WhanKi (1913-1974) มีหลานที่ชื่อ ชเวซึงฮยอน และ ยังเป็นหลานตา ของนักเขียน คุณ SeoGunBae (1928-2007) มันทำให้ฉันสนใจที่จะคุยเรื่องครอบครัวของเค้ามากกว่านี้
TOP:คุณแม่ พี่สาว คุณป้า ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพี่สาว และอีกหลายคนในบ้านของผม คือ ผู้หญิงทุกคนในครอบครัวของผมล้วนแล้วแต่ทำงานทางด้านศิลปะเป็นหลักครับ พี่สาวคุณแม่ที่เป็นพี่คนโตก็แต่งงานโดยมีคุณพ่อสามีเป็นจิตรกรคือคุณ LeeInSung (1912-1950 จิตรกรอัจฉริยะชาวเกาหลีที่วาดภาพในแนว โมเดริ์น) มันมีบรรยากาศในบ้านมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับว่าผมจะต้อง ทำงานศิลปะด้วยเช่นเดียวกัน
แต่เพราะความที่ผมรักดนตรีมากกว่า เลยดื้อต่อต้านโดยพูดว่าผมเกลียดการวาดรูป จริงๆการที่ผมเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงได้ก็เนื่องมาจากผลของความเบี่ยงเบนไปในแนวศิลปะแบบนี้ ในบ้านเหมือนกัน
ตอนนี้เมื่อมาคิดถึงมันแล้ว ดูเหมือนว่าผมก็ได้ทำงานในเรื่องของ Visual ออกมาเยอะเหมือนกัน แทนที่จะทำงานศิลปะผมมีความสนใจในเรื่องของเสื้อผ้าและแฟชั่นมาก ผมเริ่มสะสมรองเท้าผ้าใบในตอนที่ผมอายุ 13
Q:งั้นคุณก็เป็นพวกบ้าสะสมมาตั้งแต่ยังเด็กใช่ไม๊คะ
TOP:ผมชอบในตัวของที่จะสะสมครับ ผมยังสะสมพวกหุ่น Bearbrick อย่างเอาจริงเอาจังด้วย ผมพบว่าเวลาที่ผมสะสมสิ่งที่มีรูปแบบเหมือนกันแต่มีความแตกต่างกันที่สี การที่ได้มองสิ่งที่จัดทำมาอย่างสมบูรณ์แบบแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกดีครับ
Q:แล้วอะไรเป็นตัวเร่งปฏิกริยาในความสนใจในเรื่อง ศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art) และเรื่องของการออกแบบในตัวคุณคะ?
TOP:ผมเดบิวกับวงบิกแบง เมื่อตอนอายุ 19 แต่ผมเริ่มสะสมเฟอร์นิจเจอร์ของดีไซเนอร์เมื่ออายุ 22 ผมชอบเก้าอี้เป็นพิเศษครับ นอกจากนี้ผมก็พบว่าตัวเองกำลังศึกษาในเรื่องของสถาปัตยกรรมด้วย คือ คุณรู้ใช่ไม๊ฮะ สิ่งที่เราเรียกว่าเก้าอี้ก็ถือว่าเป็นส่วนที่เล็กที่สุดของสถาปัตยกรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วงนั้นผมก็เริ่มสะสมงานศิลปะไปด้วยทีละชิ้นสองชิ้น
Q:คุณศึกษาเรื่องศิลปะยังไงคะ?
TOP:เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมหลงใหลใฝ่รู้ในเรื่องอะไรก็ตาม ผมจะค้นหาดูในอินเตอร์เนตครับ ผมวิเคราะห์แนวทางของราคาชิ้นงานศิลปะในตลาดการประมูล และถึงขนาดที่ตรวจสอบดูว่างานศิลปะชิ้นไหนที่ทันสมัยเป็นที่ต้องการ ผมศึกษาแบบนี้ครับ อย่าง ตรรกะอะไรในงานศิลปะที่มีผลต่ออุปสงค์อุปทานในตลาดงานศิลปะ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้งานศิลปะบางชิ้นกลายมาเป็นงานที่โด่งดัง และอะไรทำนองนี้ฮะ
Q:คุณใช้เวลาว่างในช่วงที่ออกทัวร์ที่ต่างประเทศเหรอคะ??
TOP: ครับ เมื่อผมมีเวลาว่าง เกือบจะตลอดเวลาผมจะไปพิพิธภัณฑ์ครับ ในการทัวร์โดมที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ผมก็มีโอกาสได้ไป พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Mori (Mori Art Museum)
Q:เหตุผลอะไรทำให้คุณศึกษาในเรื่องของศิลปะคะ??
TOP: เพราะตัวของผมเองจะกลายเป็นชิ้นงานศิลปะด้วยแขนงนึง ผมจำเป็นต้องเข้าใจเป็นอย่างดีถึงกระแสของสิ่งที่ผู้คนกำลังคลั่งไคล้หลงใหล เพราะงานเพลงที่ผมทำก็ถือว่าเป็นงานที่จะบรรยายแสดงออกถึงสิ่งที่ผู้คนชอบออกมาด้วยเช่นกัน
Q: แต่นักร้องที่อายุยังน้อยแต่กลับมีความสนใจเรื่องของศิลปะร่วมสมัย (contemporary art)ถือว่ามีเอกลักษณ์มากนะคะ
TOP: จริงๆผมอยากจะศึกษาเรื่องนี้ต่อไปอย่างเงียบๆจนกว่าผมจะมีอายุมากขึ้นอีกหน่อย เมื่อไหร่ที่คณเปิดเผยว่าคุณชอบ ศิลปะ ความสนใจจากคนรอบข้างที่คุณจะได้รับมันน่ากลัวครับ มันเหมือนกับว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่อะไรแบบนั้น
รุ่นพี่ Lee Jungjae ก็เคยพูดในทำนองนี้เหมือนกัน จริงๆแล้วเรื่องของอายุของเรามีความต่างกันอยู่ แต่ความสนใจของเราทั้งคู่ต่างก็สนใจในเรื่องศิลปะและเฟอร์นิจเจอร์ครับ และเราก็สนิทกันและโทรหากันวันละหน รุ่นพี่เล่าว่าเมื่อก่อนเค้าไม่สามารถที่จะไปเที่ยวบอกใครต่อใครได้ว่าเค้าชอบศิลปะ เพราะมันจะเหมือนว่าเค้ากำลังเสแสร้งทำเป็นชอบงานพวกนี้
Q: แต่ตอนนี้คุณได้รับรางวัลเชียวนะคะ
TOP: ในตอนแรกผมไม่อยากจะเปิดเผยเลยครับและจะตั้งใจติดตามความชอบในงานศิลปะของตัวเองไปอย่างเงียบๆ แต่มันกลับกลายออกมาในรูปแบบนี้
เรื่องศิลปะและการออกแบบนั้นไม่ใช่เรื่องยากและผมน้อมรับรางวัลในครั้งนี้ด้วยความต้องการที่จะแบ่งปันในสิ่งที่ผมชอบ นอกจากนี้ งานแสดง Asia Artist Award Group Show ที่จะเริ่มในเดือนเมษายนจะมีผมทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลนิทรรศการร่วมกับ ประธาน PMG คุณ Serenella Ciclitira และ คุณ Lee Yeongju ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์อิสระ ทำให้ผมลงเอยที่จะมาร่วมงานประกาศรางวัลนี้เพื่อทั้งที่จะได้พบปะกับศิลปินชาวเอเซียและเพื่อตรวจสอบดูสถานที่ในการทำงานนิทรรศการด้วย เมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ผมก็อยากจะลงมือทำด้วยตัวเองให้มากที่สุด ครับ
Q: คุณมีการวางแผนเต็มๆในเรื่องของศิลปะบ้างไม๊คะ?
TOP: ไม่ใช่แบบว่าผมมีแผนกลยุทธิ์ทางธุรกิจอะไรแบบนั้นหรอกฮะ ผมคิดว่างานทางศิลปะชิ้นแรกของผมคงจะเป็นการทำเก้าอี้ซึ่งเป็นโครงการการร่วมงานกันกับทางพิพิธภัณฑ์ Vitra คือมีคนจากทางพิพิธภัณฑ์ส่วนหนึ่งได้ยินมาว่าผมชอบเก้าอี้ และเมื่อ 2-3 ปีก่อนพวกเค้าก็ได้ส่งโครงการมาให้ผมลองลงสีเก้าอี้พลาสติก ซึ่งตัวผมไม่อยากจะไปแค่ต่อเติมงานดีไซน์ของคนอื่น และผมก็บอกพวกเค้าว่าผมอยากที่จะทำอะไรออกมาด้วยตัวเองและสื่อถึงตัวผม ดังนั้นผมเลยส่งแบบร่างเก้าอี้ที่ตัวเองออกแบบไป ซึ่งตอนนี้แบบสเก็ตของผมก็อยู่ที่หน่วนสะสมงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ Vitra และพวกเค้ากำลังอยู่ในขั้นตอนที่จะผลิตออกมันออกมาจริงๆแล้วครับ
Q: คุณจะโชว์แบบสเก็ตนั้นให้เราดูได้ไม๊คะ??
TOP: ผมไม่สามารถที่จะเปิดเผยแบบสเก็ตนั้นได้ในตอนนี้ครับ จริงๆแล้วแต่เดิมตามตารางเก้าอี้พวกนั้นควรจะออกมาในช่วงปลายปีที่แล้วครับ แต่ขั้นตอนในการทำ 3D เกิดการล่าช้าทำให้ตัวอย่างแซมเบิลยังไม่ออกมาซักที
พวกมันเป็นเก้าอี้เหล็ก แต่จะสามารถจับอารมณ์สื่อไปถึงสิ่งที่ลื่นไหล และเพราะผมเกิดในปี 87 ผมคิดว่าจะสร้างคอลเลคชั่นจำนวนจำกัด ซึ่งในคอลเลคชั่นนี้จะมีเก้าอี้ 87 ตัวครับ
Q: ตอนนี้มีเก้าอี้กี่ตัวที่คุณสะสมอยู่คะ??
TOP: น่าจะประมาณ 80 ตัวครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของผม ผมยังอยู่ในขั้นแรกๆของการสะสมอยู่ครับ แต่เพราะสมาชิกในวงคนอื่นๆไม่ค่อยรู้ในเรื่องการออกแบบมากเท่าไหร่ พวกเค้าแซวผมในเรื่องที่ผม "มีรสนิยมแบบแม่บ้าน" นี้ฮะ ตอนนี้เวลาที่พวกเค้าซื้อเก้าอี้หรือเฟอร์นิเจอร์ พวกเค้าจะมาหาผมโดยตรงและถามว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งท่านประธานหยางฮยอนซอกก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันฮะ (หัวเราะ)
English translation by Kwonaventure
Thai translation by miss mew
======================
สามารถอ่านพาร์ทต่อไปตามนี้ค่ะ : พาร์ทสอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น