วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
(Part 1) สัมภาษณ์ท็อป ในวันเปิดตัวภาพยนตร์ Tazza2 จาก 10Asia (2014/09/12)
Q: คุณดูเหนื่อยนะคะ และ สภาพผิวของคุณก็ดูจะแย่ด้วย นอนหลับบ้างไม๊คะเนี่ย??
CSH: ช่วงนี้ผมแทบจะไม่ได้นอนเลยครับ ผมมีงานตามตารางที่ต่างประเทศในช่วงสุดสัปดาห์ หลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศผมก็จะร่วมกิจกรรมโปรโมทภาพยนตร์ต่อ แต่วันนี้เป็นวันที่ภาพยนตร์จะออกฉายครับ ดังนั้นผมจึงตื่นเต้นมากๆ เพราะงานนี้เป็นงานที่ผมกระตือรือร้นและกังวลเกี่ยวกับมันมาตั้งแต่เริ่มแรก ผมอยากจะให้ผู้ชมได้ดูหนังเร็วๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคิดว่า ตัวเองจะรู้สึกโล่งอกนะครับ
Q: คุณบอกว่า "รู้สึกกังวล" เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ความกังวลนั้นเป็นความกังวลที่ข่มขวัญคุณ หรือยิ่งเป็นแรงกระตุ้นคุณคะ??
CSH: มันเป็นแรงกระตุ้นผมนะครับ เป็นไปในทิศทางนั้นมากกว่าที่จะข่มขวัญ
Q: ก่อนที่งานเพลงจะถูกปล่อยออกมา ความคาดหวังอยากรู้อยากเห็นรอบๆตัวคุณก็ยิ่งใหญ่ทีเดียวซึ่งดูๆไปแล้วเหมือนจะเป็นภาระที่หนักอึ้งให้กับคุณ แต่ในกรณีงานด้านการแสดงนี้ปฏิกริยาของคุณกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ซึ่งถึงยังไงๆมันก็ดูเขย่าขวัญไม่น้อยนะคะ
CSH: พูดตรงๆนะครับ สาธารณชนชอบจะที่เห็นความถ่อมตัวเข้าไว้เป็นหลัก ดังนั้นผมเลยไม่ได้แสดงออกไปให้เห็นตรงๆ แต่ตัวผมเองเป็นคนที่มีความมั่นใจอยู่เสมอ สไตล์ของผมคือ ถ้าตัวผมเองไม่มีความมั่นใจที่มั่งคงอยู่กับตัว ตัวผมเองคงไม่สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้ อีกอย่างผมรู้สึกถึงเรื่องในอนาคตได้ด้วยสัญชาตญาณระดับหนึ่ง ดังนั้นเรื่องแบบนี้น่าสนใจสำหรับผมครับ เพราะก่อนที่ผลลัพท์จะออกมา ก่อนที่ผู้คนจะได้เห็นหรือได้ฟังอะไร ผู้คนก็มักจะมีความคิดเห็นและมีเรื่องให้พูดออกมาก่อนเสมอ ซึ่งสำหรับผมมันน่าสนใจจริงๆ
Q: ในแง่ที่ผู้คนมีเรื่องพูดไปก่อนที่ได้เห็นผลงาน มีหลายกรณีนะคะที่พวกเค้าพูดออกมาจากพื้นฐานความอคติที่คิดไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว ถึงเป็นแบบนั้น คุณก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจอยู่เหรอคะ??
CSH: ผมคิดว่า เพราะการที่มีอคติอยู่ก่อนแล้วแบบนั้นเลยทำให้ผมไม่สามารถพอใจในตัวเองได้ บางทีเพราะอคตินั้นยิ่งทำให้ผมเป็นเดือดเป็นร้อนมากขึ้น ในสภาวะที่มีการตัดสินด้วยอคติมันทำให้ผมเป็นผู้กล้ามากขึ้น ผมคิดว่าการที่มีอาชีพเป็นนักแสดง หรือนักดนตรี คุณจำเป็นต้องออกไปต่อสู้กับการตัดสินที่เต็มไปด้วยอคติแบบนั้นอยู่เสมอครับ
Q: คุณพูดว่า "ถ้าคุณไม่มีความมั่นใจที่มั่งคงอยู่กับตัวแล้วละก็ คุณจะไม่สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้" เมื่อเป็นแบบนี้ ความมั่นใจอะไรที่คุณเห็นในภาพยนตร์เรื่อง Tazza2 ที่จะพาคุณก้าวไปข้างหน้าได้คะ
CSH: คงเป็นพลังงานที่มากับผู้กำกับคุณ Kang Hyeongchul มั้งครับ? ครั้งแรกที่ผมได้รับบทนี้มาผมคิดว่าตัวเองจะไม่สามารถทำได้แน่ๆ ผมคิดว่ามันมีสัญญาณบอกเอาไว้เลยว่าถ้าผมรับแสดงเรื่อง Tazza2 มันจะต้องเป็นเกมส์ที่ผมต้องสูญเสียอย่างมากแน่ๆแทนที่จะได้รับอะไรกลับมามากมาย และผมยังรู้สึกหวั่นใจด้วยว่าตัวเองจะแสดงภาพและเรื่องราวชีวิตของ Ham Daegil ออกมาได้อย่างถูกต้องรึเปล่า??
แต่ในตอนที่อ่านบทที่ผู้กำกับส่งมาให้ มันดูจะสนุกมากๆ ผมรู้สึกกลุ้มคิดหนักอยู่ประมาณ 4-5 เดือนจึงตัดสินใจไปพบผู้กำกับโดยตรง และในตอนที่ผู้กำกับยื่นบทมาให้ผมเค้าพูดว่า "บทภาพยนตร์เล่มนี้มันบรรจุชีวิตของผมในช่วงปีที่แล้วไว้ทั้งหมด โปรดตอบรับบทนี้ด้วยนะครับคุณซึงฮยอน ผมหวังจริงๆว่าบทนี้จะเป็นของคุณ คุณซึงฮยอน "
Q: โอ้, คำพูดนี้ต้องเป็นคำพูดที่จับใจคุณซะอยู่หมัดแน่ๆ
CSH:เค้าเป็นคนแรกที่พูดคำพูดทำนองนี้กับผมครับ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะเค้าพูดเอาใจผมหรือยังไง แต่ในใจของผมผมรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ
Q: ดูเหมือนผู้กำกับ Kang Hyeongchul จะเป็น ทัดช่า ตัวจริงนะคะเนี่ย (หัวเราะ)
[T/N: “tazza” (ทัดช่า) หมายถึงคนที่ใช้กลหลอกคนอื่นในเรื่องการพนันได้ดีมาก]
CSH: ดูเหมือนจะเป็นยังงั้นนะครับ (หัวเราะ) ในตอนที่ผมรับเอาบทจากมือผู้กำกับมา ผมมองตรงลงไปที่ตาของเค้าและดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เค้าดูมั่นใจกับมันมากๆ เค้าไม่แม้แต่จะแสดงออกให้เห็นถึง 0.01% ของความหวาดหวั่นออกมาเลย
มีคนเคยพูดกันอยู่ไม่ใช่เหรอครับว่า คนที่มีความมั่นใจตามธรรมชาติเต็ม 100%นั้นไม่ว่าใครก็ฉุดรั้งไว้ไม่ได้?? ดังนั้นผมจึงกลับบ้านไปและอ่านบทนั้นใหม่อีกครั้ง และ ผมไม่รู้ว่าพลังจากตัวผู้กำกับส่งผ่านมายังตัวผมหรือยังไง แต่ผมกลับสร้างความมั่นใจในตัวของบทบาทนี้ขึ้นมาและลงเอยรับแสดงภาพยนตร์เรื่อง Tazza 2 นี้ครับ
Q: พูดตรงๆ บทบาทของคนอย่าง Daegil เป็นคนที่ไม่ได้ดูอึดอัดที่จะเต้นจะร้องเพลงไปกับวงบิกแบงนะคะ แถมเสื้อผ้าของเค้าและนิสัยใจคอก็ดูจะเป็นแบบนั้นด้วย
CSH: ฮะถูกต้องครับ จริงๆนั่นเป็นเหตุผลที่ผู้กำกับกับผมได้ปรึกษากันในมุมมองนั้นเยอะมากๆ ตามแหล่งข้อมูลแล้วในหนังสือ เนื้อเรื่องถูกเซตให้เกิดขึ้นในปี 80 แต่ในเวอร์ชั่นของผุู้กำกับ Kang Hyeongchulแล้วเนื้อเรื่องดำเนินในยุคปัจจุบัน
ก็มีเรื่องที่กังวลกันอยู่เหมือนกันว่าอะไรที่จะมาเป็นตัวแยกแยะบุคคลิกของ Daegil ที่มันแตกต่างไปจากตัวของ Goni ในภาคที่แล้ว ซึ่ง Daegil นั้นเป็นคนง่ายๆไม่ยุ่งยาก เค้าชอบผู้หญิง เค้าใช้ชีวิตอย่างลำบากหาเงิน และเค้าเป็นผู้ชายที่จะแต่งเนื้อแต่งตัวเมื่อมีเงิน เราต่างก็กังวลว่า daegil ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันจะแต่งตัวออกมาในรูปแบบไหน และมาจบที่เค้าจะแต่งตัวด้วยสีสันที่สดใส ในฉากที่ Daegil เล่นพนันและชนะที่กังนัมและเปลี่ยนการแต่งตัวซะใหม่ ฉากนั้นผมรู้สึกเข้าใจในบทบาทอย่างถ่องแท้เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องราวชีวิตของตัวผมเองจริงๆ เพราะในความเป็นจริงแล้วผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ
Q: Oh Jangbeomคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากๆ จาก เรื่อง ‘Into the Fire / Lee Myunghoon ผู้เงียบขรึมและเน้นไปที่การกระทำมากกว่าคำพูดจากเรื่อง ‘Commitment / หรือ Ham Daegil ผู้ซึ่งโปรดปรานในสิ่งที่ท้าทาย จากเรื่อง ‘Tazza’ ทั้งสามบทบาทนี้ คนไหนที่มีความใกล้เคียงกับชเวซึงฮยอนที่สุดคะ ?
CSH: ผมคิดว่า ความที่เป็นคนที่ไม่เกรงกลัวเรื่องใดๆทั้งสิ้นของผมนั้นเหมือนกับ Ham Daegilครับ ผมมักจะมีความมั่นใจเสมอ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าที่ตัวเองมีความมั่นใจมากแบบนี้เป็นเพราะความจริงที่ว่าผมเป็นคนไม่ได้มองกาลไกลเท่าไหร่หรือเปล่า เหมือนกับ daegil ก็เหมือนกัน ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมากๆเพราะจนถึงตอนนี้ผมยังไม่เคยประสบกับความล้มเหลวเลย ผมสงสัยว่าที่ตัวเองมั่นใจมากๆเป็นเพราะผมไม่มีความกลัวว่าตัวเองจะล้มเหลวรึเปล่า?? หรือ พูดอีกที ที่ผมไม่มีความกลัวว่าจะล้มเหลว เพราะผมไม่มีความทะยานอยากจะสำเร็จด้วยก็เป็นได้
Q: อาจจะเป็นเพราะคุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วก็ได้นี่คะ?
CSH: ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ผมคิดว่าการที่ผมสามารถพูดออกมาแบบนั้นได้ก็เพราะผมไม่รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วตั้งหาก ถ้าผมประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ ผมคิดว่าผมคงจะมีความหวั่นใจกลัวอยู่เรื่อยๆ แต่ผมไม่มีความกลัวนั้น บางที ดูแล้วเหมือนกับว่าผมไม่กลัวที่จะต้องสูญเสียตำแหน่งใดๆไป เพราะตำแหน่งที่ผมยืนอยู่นี้ยังไม่ได้เข้าขั้นใดเลยก้ได้ฮะ
Q: คำพูดเหล่านั้นหมายความว่า "หากคุณปีนขึ้นไปสู่ยอดเขาสูงสุดได้แล้ว ก็ย่อมจะต้องมีความกังวลหวั่นใจว่าอาจจะตกจากยอดเขานั้นไป" ถูกไม๊คะ?
CSH: ถูกต้องครับ ผมคงจะคิดจินตนาการว่าตัวเองคงจะต้องกังวลใจแน่ๆ แต่ในเมื่อผมไม่มีความคิดความกังวลแบบนั้นอยู่เลย นั่นก็แสดงว่าตัวผมเองยังไม่ได้ประสบความสำเร็จใดๆเลยนั่นเอง
Q: โอ้ แล้วแบบนี้ จุดไหนกันและคะที่จะทำให้คุณคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว (หัวเราะ)
CSH: ผมไม่ได้มีจุดที่คิดไว้หรอกครับ แต่ยังไงก็ตามแต่คุณลองดูก็แล้วกันครับ ผมไม่คิดว่าตัวเองมีความคิดในเรื่องของความสำเร็จหรือความสัมเหลวเลย ผมแค่ทำทุกอย่างไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าที่มีในมือเท่านั้น อ่าา ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ทุกครั้งที่ผมเริ่มพูดมันมักจะ "ลึกซึ้ง" จนเกินไปทุกที
Q: งั้นเรามาพูดในเรื่องลึกซึ้งๆมากขึ้นดีกว่า คุณเคยพูดในการสัมภาษณ์จากภาพยนตร์เรื่อง ‘Commitment’ ว่า " ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนที่จะต้องอยู่กับความเหงา " ความรู้สึกของคุณตอนนี้ยังเหมือนเดิมไม๊คะ??
CSH: คือ แทนที่จะพูดว่าผมจะต้องอยู่อย่างเดี่ยวดายด้วยความหมายตรงๆแบบนั้น คือ จะพูดยังไงดีละครับเนี่ย?? อ่าา คือ ผมคิดว่ามันจะตรงความหมายชัดเจนมากกว่าที่จะพูดว่า ผมไม่ควรที่จะทำตัวสบายๆหรือสงบจนเกินไปมากกว่าครับ เพราะ สไตล์ของผมคือ ผมจะขี้เกียจถ้าอยู่ในภาวะที่สบายๆ ครับ
Q: Daegil เป็นคนที่มักจะกลับมาสู้ได้เสมอเหมือนกับตุ๊กตาล้มลุกแม้ว่าจะต้องตกไปสู่ขุมนรกก็ตาม แต่คนอย่างชเวซึงฮยอนผู้ซึ่งไม่เคยเผชิญกับความล้มเหลวเลยละคะ จะทำยังไงหากถึงจุดจุดนึงที่คุณต้องจบลงด้วยความเหนี่อล้าทั้งกายและจิตใจ??
CSH:ผมคิดว่าตัวเองก็สามารถที่จะกลับมายืนได้ใหม่อีกครั้งนะครับ แต่ผมคงไม่เดินไปอย่างบ้าระห่ำไม่ไตร่ตรองก่อนจนไปถึงจุดที่ต้องเหนี่ยล้าทั้งกายและจิตใจ อย่างที่Daegil ทำหรอกครับ
Q: แล้วถ้าชีวิตคนเรามันไม่ได้เป็นไปตามที่คนคนนึงคิดวางแผนไว้ละคะ?? คุณพูดว่าคุณจะไม่เดินไปอย่างบ้าระห่ำขาดการไตร่ตรองหรอก เพียงแค่คิดแบบนั้นมันไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่โดนชนด้วยหรอกนะคะ??
CSH: ผมคิดว่า Ham Daegil นั้นต่างออกไปนิดหน่อยครับ ผมรู้สึกสงสารคนคนนี้นะครับ เวลาที่ผมมองเค้าผมจะคิดว่า " โว้ว มันเป็นความจริงเลยนะ ที่ว่าสิ่งไหนได้มาง่ายๆก็จะสูญเสียไปง่ายๆเช่นเดียวกัน" ตัวผมไม่เคยพยายามที่จะคว้าอะไรมาได้อย่างง่ายๆ ผมมักจะเดินหน้าลงมือหลังจากที่ได้วางรากฐานบางอย่างเบื้องต้นระดับหนึ่งลงไปก่อนแล้ว ผมลังเลที่จะแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Tazza 2 นี้ในทีแรก แต่หลังจากที่ผมตัดสินใจไปแล้วผมก้ไม่มีความหวั่นเกรงใดๆอีก เพราะในช่วงที่เป็นกังวลกับบทก่อนหน้านั้น 2-3 เดือนผมได้วางพื้นฐานบางอย่างลงไปในโครงการนี้ไปก่อนบ้างแล้วและมันเป็นเวลาที่ผมใช้สร้างมั่นใจขึ้นมา
Q: คำพูดที่โดังดังมากจากบทของ Agui (แสดงโดยคุณKim Yoonsuk) ที่มีอยู่ว่า " ฉันจะพนันเงินทั้งหมดที่มีพร้อมกับมือของฉันด้วย" เรามาลองสมมุติกันดูดีกว่าว่า หากเกิดเหตุการณ์นึงในชีวิตคุณเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญและคุณจำเป็นต้องเลือกพนัน โดยคู่ต่อสู้ของคุณต้องการให้คุณเอาสิ่งที่มีความสำคัญจริงๆต่อคุณลงมาพนัน สิ่งสิ่งนั้นจะคืออะไรคะ??
CSH: อ่าาา เอาอะไรมาพนันดีครับ .....ผมคิดว่าผมสามารถสละชีวิตได้ทุกเวลาครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมพูดไว้ว่า หากมันเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากจริงๆ ผมพร้อมที่จะสละชีวิตตัวเอง หากผมก้าวเท้าเข้าไปในเกมพนันอะไรแบบนี้ ผมคิดว่าตัวเองจะไม่มีความกลัวใดๆแน่นอน
Q: ชีวิตของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดงั้นเหรอคะ?? งั้นแทนที่จะเอาชีวิตของคุณ ถ้าหากฉันขอให้คุณเอาเสียงลงมาพนันละคะ?? สำหรับคุณที่รักการแร๊พจะว่ายังไง??
CSH: งั้นผมยอมตายดีกว่าจะมาตัดเส้นเสียงของผมนะครับ (หัวเราะ)
Q: พูดตามตรงนะคะ ในชีวิตของเราการที่จะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่เราต้องเอาอะไรในชีวิตลงมาพนันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่หายากนะคะ แต่สำหรับพวกคนดังแล้ว ฉันคิดว่ามันคงจะแตกต่างไปอยู่เหมือนกัน เพราะฉันสงสัยว่าพวกนักแสดงหรือนักร้องคงจะต้องเอาตัวลงไปเสี่ยงอยู่ตลอดไม๊คะ??
CSH: อืมมม ผมคิดว่า คนที่เอาตัวลงไปเสี่ยงแบบนั้นมักจะมีอายุขัยสั้นนะครับ เพราะดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วการที่ยอมเสี่ยงก็เพราะมีความต้องการมักใหญ่ใฝ่สูงอยู่ และเพราะคนที่มีความปรารถนาแรงกล้าแบบนั้นก็มักจะเสี่ยงโดยไม่คิดชีวิต หากคุณได้พบคนแบบนั้นคุณจะเห็นว่าพวกเค้ามีชีวิตอยู่อย่างลำบาก นัยตาไม่มีสมาธิ ในความรู้สึกแล้วผมว่าน่าสงสารนะครับ เพราะคนที่มีแรงมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นตัวชักนำชีวิตแล้วแทนที่จะได้ดีกลับจากหายไปอย่างรวดเร็วมากกว่า
================
English translation by kwonaventure
Thai Translation by miss mew
(Please take out with credit)
สามารถอ่านพาร์ทสองตามลิงก์นี้ค่ะ พาร์ทสอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น