Q:คุณเคยเกิดอาการ Stendhal Syndrome จากการมองดูเก้าอี้ไม๊คะ??
[ Stendhal syndrome หรือโรควิงเวียนอันเนื่องจาก “การถูกถาโถมด้วยศิลปะที่งดงามมากเกินไป]
TOP:ผมมีความรู้สึกแบบนั้นจากการมองดูเก้าอี้ของ Antonio Gaudiและของ Salvadore Dali ฮะเราจะสามารถพูดได้ว่ามันเป็นพลังของเฟอร์นิเจอร์ในแบบศิลปะเหนือจริง (surrealist)ที่สร้างโดยศิลปินในลัทธิ เหนือจริง (surrealist)ได้ไม๊ฮะ?? ทำไมของบางอย่างที่ทำมาจากไม้แต่กลับให้อารมณ์ที่เซ็กซี่ขนาดนั้นออกมาได้ยังไง?? ผมพบว่าความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกเดียวกับอารมณ์ที่ผมได้รับเวลาที่มองผู้หญิงสวยพราวเสน่ห์ฮะ
Q: แล้วความรู้สึกของคุณที่ได้รับเวลาสะสมเฟอร์นิจเจอร์ชิ้นพิเศษซักชิ้นละคะให้ความรู้สึกยังไง??
TOP: แน่นอนว่าผมต้องมีความสุขสิครับ และผมก็เกิดความคิดที่ว่าผมต้องทำงานให้หนักขึ้นอีก งานดีไซน์ที่สุดวิเศษนั้นจะให้พลังงานดีๆออกมาด้วย หากผมได้นั่งบนเก้าอี้ที่มีการออกแบบแบบสุดวิเศษนั้น ดูเหมือนว่าเนื้อเพลงที่ถูกเขียนออกมาก็ดูจะดีขึ้น และเมื่อผมนั่งอ่านบทบนเก้าอี้เหล่านั้น พวกบทเหล่านั้นก็ดูจะฝั่งลึกลงไปในความทรงจำได้ดีขึ้นฮะ
Q: ศิลปินผู้ออกแบบเฟอร์นิจเจอร์คนโปรดของคุณคือใครคะ??
TOP: ช่วงนี้ผมกำลังหลงใหลในงานของดีไซเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนครับ ผมชอบ Ico Parisi ด้วยครับ ระยะหลังนี้ศิลปินชาวฝรั่งเคสกำลังโด่งดังในวงการการประมูลครับ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าดีไซเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนจะเป็นที่ยอมรับในไม่ช้า
ผลงานการออกแบบในช่วงยุค 1950s ก็ได้รับความรักความสนใจในตอนนี้ด้วยเช่นกัน การออกแบบที่ดีนั้นจะเป็นที่รู้จักเองหลังจากที่เวลาผ่านไป จะเป็นการออกแบบที่ดีจริงๆหรือไม่นั้นมันก็จะถูกตัดสินเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งตรงนี้มันคล้ายกับสายงานของผมเช่นกัน
Q: ฉันจำได้ว่าคุณบอกว่าคุณจะนำเอาเก้าอี้บางส่วนในของสะสมของคุณออกมาจัดแสดงนี่คะ??
TOP: ศิลปินคุณ Yang Haegue กำลังจะจัดนิทรรศการที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะซัมซุง(Samsung Museum of Art) ในเดือนมีนาคมครับ และเธอบอกว่าจะมีส่วนพิเศษที่จะรวบรวมเอาเก้าอี้จากคนดังมาจัดแสดง ผมคิดว่ามันคงสนุกดี ดังนั้นผมเลยตัดสินใจที่จะนำเอาเก้าอี้บางชิ้นออกจัดแสดงในงานนี้
Q: มีใครช่วยเหลือคุณในการเรียนเรื่องศิลปะบ้างไม๊คะ?
TOP: ประธานพิพิธภัณฑ์ Aa (Aa Museum) คุณ Kim Younghan ได้กรุณาช่วยผมเป็นอย่างมากครับ เค้าบอกว่าในตอนที่เค้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมเค้าก็เริ่มสะสมงานศิลปะเช่นกัน ความฝันของผมคือ ผมจะสะสมเฟอร์นิจเจอร์สุดวิเศษให้ได้มากขึ้นและผมจะเก็บรักษามันไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งการออกแบบ (design museum)ครับ
Q: ทำไมต้องเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งการออกแบบ (design museum)ด้วยคะ?
TOP: บางอย่าง คือ ผมมักจะสงสัยเสมอว่าทำไมในประเทศของเรา ถึงได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่บั่นทอนลดหย่อนในเรื่องของงานดีไซน์ออกมาเสมอ ถ้าให้ผมคิดในเรื่องนี้ ผมคิดว่าเป็นเพราะเรามีสภาพแวดล้อมที่หาสิ่งที่มันเจริญหูเจริญตาดูยาก ซึ่งผมก็อยู่บนหนทางนั้นเช่นกัน คือ หาของที่มีการออกแบบดีๆดูยาก ดังนั้นผมต้องการที่จะสร้างพื้นที่ ที่ซึ่งเด็กรุ่นใหม่สามารถดูและสัมผัสความรู้สึกในงานศิลปะต่างๆได้ครับ
==================================================
เราเริ่มออกขยับตัวเพื่อเดินชมงานใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะสิงคโปร์ [Singapore Art Museum (SAM)] ที่นี่เป็นที่ที่ ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลศิลปะ Asia Pacific Breweries (APB) ครั้งที่ 3 มารวมตัวกัน
ศิลปินชาวเวียดนาม คุณ Nguyen Trinh Thi จัดแสดงวีดีโอที่มีผู้คนกำลังรับประทานสิ่งต่างๆ ซึ่งงานนี้มีชื่อว่า “Unsubtitled” (2013) เรายืนอยู่หน้าผลงานนี้พักนึงและ ชเวซึงฮยอนก็พูดขึ้นมาว่า “ผลงานนี้ทรงพลังมากจริงๆ" และในขณะที่ดูชิ้นงาน “Custos Cavum (Guardian of the hole)” ของศิลปินคุณ Choi Wooram ซึ่งดูเหมือนตัวอ่อนดักแด้ที่ทำมาจากอลูมิเนียม ซึงฮยอนก็พูดด้วยความสนใจอย่างแน่วแน่ว่า " ผมจะต้องพบกับศิลปินคนนี้ให้ได้ในวันนี้แหละฮะ"
ที่หน้าชิ้นงานศิลปะ “Golden Teardrop”ของศิลปินชาวไทย คุณ Arin Rungjang ซึงฮยอนก็โพสท่าขี้เล่นออกมา และ หน้าชิ้นงานของคุณ Lisa Reihana ที่เป็นการผสมผสานภาพอนิเมชั่นเข้ากับการประมูลสดๆที่มีชื่อว่า “In Pursuit of Venus” ซึงฮยอนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเอาไว้
==================================================
Q: ศิลปินร่วมสมัย (contemporary artist)ที่คุณชอบคือใครคะ??
TOP: (มองไปยังศิลปินที่นั่งอยู่ข้างๆเค้า) คุณ Kohei Nawa ครับ
Q: เหตุผลละคะ??
TOP: ผมชอบในทัศนคติของเค้าที่มีแนวโน้มในการค้นคว้าและแสดงออกในสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอครับ
เค้าอายุมากกว่าผม 12 ปี และผมก็พบว่าคนอื่นๆไม่ได้ทำงานศิลปะโดยใช้วัสดุหรือวิธีการในแบบที่เค้าใช้ ผมถามเค้าว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น?? และเค้าก็ตอบผมว่า " ถ้างานมันออกมาเหมือนๆกัน ผมก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำมันออกมาอีก"
คุณ Nawa เป็นเพื่อนที่ดีที่มาดูคอนเสริต์ของผมเสมอ ในอนาคตผมอยากที่จะทำงานศิลปะร่วมกับเค้าออกมาครับ
Q: ถ้าคุณสองคนร่วมทำงานด้านศิลปะ งานจะออกมาแบบไหนคะ??
TOP: “อืมมม ของผมน่าจะเป็นวีดีโออาร์ตครับ ไม่งั้นก็น่าจะเป็นรูปภาพที่เหมาะสมสามารถเอามาทำเป็นปกอัลบั้มเพลงเดี่ยวของผมได้ฮะ
Q: อ่าๆ ตอนที่ฉันดู เอ็มวีเพลง Doom Dada MV ฉันเห็นภาพวาดกวางของคุณ Kim Whanki อยู่ด้วยแต่มันมีขนาดใหญ่จริงๆเลย
TOP: เราขอไปทางพิพิธภัณฑ์ Whanki และได้รับไฟล์ของภาพวาดนั้นดังนั้นเราเลยขยายใหญ่โดยใช้ CG ครับ เป็นเพราะผมคิดว่ามันคงสนุกดีที่จะผสมเอางานศิลปะร่วมสมัยเข้ากับงานศิลปะในแบบโบราณ ซึ่งผมได้ปรึกษากับทางผู้กำกับ MV และผมก็ดีไซน์ฉากนั้นออกมาด้วยตัวเอง
คือความหมายของคำว่า “Doom” เป็นคำสแลงที่มีความหมายว่า "เสียสติ" และคำว่า “Dada” เป็นคำที่มีความหมายถึง “Dadaism.” (ศิลปะแบบดาดาอิสม์ คือ ศิลปินกลุ่มดาดาที่มีแนวคิดและปฏิกริยาต่อต้านงาน ศิลปกรรมเก่าๆในอดีต โดยมีแนวคิดว่า สิ่งเหล่านั้น เกิดจากการสร้างของศิลปินที่มีจิตใจคับแคบ ) มันเป็นงานที่ถากถางสภาวะการณ์ที่ไล่ตาม Massmedia กันอย่างหน้ามือตามัว และผมก็สื่อไปถึงพวกสื่อที่ไร้ชีวิตโดยการจัดเอากวางตัวเป็นๆ มาไว้ในฉาก
Q: เพราะคุณกลับมาสนใจในเรื่องศิลปะอีกครั้งแบบนี้ ครอบครัวของคุณคงจะดีใจกันนะคะ
TOP: พวกเค้าโล่งอกกันครับกับความจริงที่ว่า ผมได้พัฒนาทำให้งานอดิเรกของผมมีประโยชน์ขึ้นมา เพราะพวกเค้าล่วงรู้ถึงรสนิยมของผมและอารมณ์อ่อนไหวของผมด้วย ซึ่งตัวผมก็มีความสุขเช่นกันครับ
Q: คุณตาของคุณเป็นคนยังไงคะ??
TOP: สำหรับผมแล้ว เค้าเป็นคนที่อยู่เหนือเรื่องใดๆครับ เค้าเขียนจดหมายให้ผมมากมาย ในตอนนี้สมุดบันทึกของคุณตาก็อยู่กับผมครับ ดังนั้นบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลให้กับการที่ผมมักจะใช้การแสดงออกหรือสำนวณที่คนในรุ่นเดียวกันกับผมไม่ค่อยใช้กัน
เช่นคุณตาของผมมักจะส่งจดหมายของเค้ามาให้ผมในลักษณะที่เขียนแบบเร่งรีบแล้วส่งมา ในเพลงที่ชื่อว่า “Because” ซึ่งเป็นเพลงจากภาพยนตร์เรื่อง ‘19’ (2009) จะมีท่อนที่เขียนแบบเร่งรีบๆในเพลงนั้นอยู่ด้วย ซึ่งเนื้อเพลงในท่อนนั้นผมได้ขอยืมบางส่วนจากจดหมายของคุณตามาใส่ในเนื้อเพลงครับ
Q:ความเกี่ยวพันธ์ที่สำคัญ ระหว่าง ดนตรี การแสดง และศิลปะ สำหรับคุณแล้วมันคืออะไร?
TOP: งานของผมมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นครับ ซึ่งสิ่งที่คุณจะต้องทำคือ จินตนาการถึงสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณเองแล้วแสดงออกมา ผมไม่สามารถคิดกังวลว่าตัวเองจะดูออกมาเป็นยังไง สิ่งที่ผมจะต้องทำจากนั้นมีเพียงแสดงออกตัวเองออกมาในแบบที่แตกต่างจากคนอื่น
ผมคิดว่าดังนั้นมันเลยเป็นเหตุผลที่ว่าผมจะได้รับแรงกระตุ้นมากมายจากสิ่งที่ผมมองเห็น ( Visual Things) ความชอบในงานดีไซน์เป็นเหมือนกับการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผม การได้มองสิ่งที่สวยงามนั้นช่วยคลายความเครียดของผม
ผมคิดว่าศิลปะนั้นเข้ามาเต็มเติมช่องว่างที่มีอยู่ระหว่าง ดนตรีและการแสดง ครับ
Q: ฟังดูแล้วเหมือนกับว่า ศิลปะได้กลายมาเป็นแรงกระตุ้นสิ่งใหม่ๆ สำหรับคุณ
TOP: ผมเป็นสิ่งที่ผมชอบมากจริงๆ และมันเป็นแรงกระตุ้นประเภทที่ให้ความสุขและความตื่นเต้น
เมื่อคุณมีชีวิตอยู่อย่างคนดัง มันจะมีช่วงเวลาที่คุณไม่สามารถหาแรงบันดาลใจดีๆได้เลยเพราะคุณจะเริ่มขี้เกียจ หรือไม่ก็เพราะคุณขาดเหตุผลที่จะลงมือทำอะไร มันจะมีช่วงเวลาที่ความตื่นเต้นจะหายไปจากคุณ
ท่านประธานหยางเคยถามเอาไว้ก่อนหน้านี้คือ "เมื่อไหร่ที่นายรู้สึกตื่นเต้นเหรอ??" และ " เป็นผู้ที่สร้างความบันเทิงไม่ควรจะขาดความตื่นเต้นรู้ไม๊" เวลาที่ผมได้ยินคำเหล่านั้นและคิดไปถึงเรื่องเหล่านั้น มันเหมือนกับว่าช่วงเวลาที่ผมตื่นเต้นที่สุดนั้นคือเวลาที่ผมได้มองดูงานศิลปะและได้ศึกษางานศิลปะครับ
Q: คุณมีบุคคลที่เป็นแบบอย่างให้กับคุณไม๊คะ??
TOP: พวกเค้าล้วนอยู่ร่วมสมัยกับผมในตอนนี้ ดังนั้นพวกเค้าไม่ถือว่าเป็นบุคคลแบบอย่างให้กับผมหรอกครับ แต่ผมก็สังเกตการณ์ Pharrell Williams และ Kanye West ผู้ซึ่งเป็นทั้ง producers นักร้อง และเป็นคนที่มีความก้าวหน้าทางด้านงานศิลปะด้วยอยู่อย่างระมัดระวัง ผมพบว่าคนที่รักในแฟชั่นสุดท้ายก็จะเดินตามทางนี้แบบนั้นแหละครับ
Q: ฉันคงไม่ถามคำถามนี้ไม่ได้นะคะ ว่าแต่คุณจะคัมแบคเมื่อไหร่คะ??
TOP: (หัวเราะ) พวกเราหวังว่าจะปล่อยเพลงดีๆออกมาครับ มันน่าจะเร็วที่สุดในช่วงฤดูร้อนนี่แหละครับ
การสัมภาษณ์จบลงแล้วละค่ะ และเค้าก็ยืนขึ้น พร้อมพูดเหมือนกับพูดบ่นกับตัวเองว่า
"นี่ไม่ได้มาทำเพื่อแสดงให้ใครดู ผมจะทำเป็นใจเย็นทำมันไปอย่างงั้นไม่ได้ เพราะเกียรติของผมนั้นยิ่งใหญ่นัก"
===============================
English translation by Kwonaventure
Thai translation by miss mew
About "Stendhal syndrome" by www.siamintelligence.com
About " Dadaism" by www.ipesk.ac.th
Photo credit to gettyimage: gty.im
Original post : http://sunday.joins.com/article/view.asp?aid=36880
Original english translation post:http://kwonaventure.tumblr.com/post/109766591469/sunday-magazine-interview-with-choi-seunghyun
สามารถอ่านพาร์ทแรกตามนี้ค่ะ
พาร์ทแรก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น