เป็นเวลากว่า 5ปีแล้วที่ แร๊พเปอร์ ชเวซึงฮยอน หรือที่เป็นที่รู้จักกันดีในนาม T.O.P จากวงดนตรีชื่อดัง บิกแบงได้หายไปจากสื่อต่างๆ ตอนนี้เค้ากลับมาแล้วพร้อมกับมีหลายๆสิ่งที่อยากจะพูด ว่าที่ผ่านมาเค้าไปไหนและทำอะไร
T.O.P:ดวงดาวถือกำเนิดอีกครั้ง
ในบรรดาผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการศิลปะทั่วเอเซีย มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่จะเป็นศิลปิน ที่เหลือล้วนเป็นนักสะสมงานศิลปะที่ไม่น้อยเลยเป็นผู้ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ ผู้คนกลุ่มนี้เติมเต็มพื้นที่ว่างของพวกเค้าด้วยงานศิลปะที่แพงที่สุด หายากที่สุด และชิ้นงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด
ชเวซึงฮยอนเป็นคนนึงในคนจำนวนน้อยที่มีเอกลักษณ์และควบบทบาทเป็นทั้งศิลปินและนักสะสม แต่งานที่เป็นสื่อกลางของเค้ากลับไม่ใช่ ภาพวาดหรือประติมากรรม แต่เป็นดนตรี (นอกจากนี้เค้ายังทำงานสายการแสดงด้วย) คุณน่าจะรู้จักเค้าดีมากกว่าในนาม ที.โอ.พี สมาชิกของวงระดับตำนานจากเกาหลี บิกแบง
คุณชเวถือเป็นหนึ่งในนักสะสมอายุน้อยที่มีชื่อเสียงในวงการ contempory art ในภูมิภาคนี้ เค้าเริ่มฉายแววในวงการธุรกิจนี้เมื่อ 10 ปีก่อน เมื่อเค้าถูกเชิญให้นำงานศิลปะที่เค้าสะสมมาใช้ยืมจัดงานที่พิพิธภัณฑ์ Leeum Samsung พิพิธภัณฑ์ศิลปะในโซล นอกจากนี้เค้ายังเป็น ภัณฑารักษ์รับเชิญให้ร่วมจัดนิทรรศการศิลปะที่ พิพิธภัณฑ์ ArtScience ในสิงคโปร์ และที่ฮ่องกงเค้าร่วมทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ในการจัดงานประมูล Asain and Western Art ให้กับทาง Sotheby ซึ่งทำเงินได้ในระดับหลักล้านเพื่อที่จะนำไปช่วยเหลือศิลปินในภูมิภาคเอเซีย
คนที่จะเป็นทั้งนักร้องดังและเป็นผู้อุปถัมภ์งานศิลปะแบบคุณชเวเป็นคนประเภทที่หายาก ถ้าคุณจะมองหาคนที่จะสามารถจับเอาชื่อของ Mark Grotjahn และ Piet
Mondrian ให้เป็นที่รู้จักในหมู่แฟนๆคนรุ่นใหม่ ใครจะทำหน้าที่นี้ดีไปกว่าตัวของคนที่เป็นทั้งผู้สร้างสรรค์งานและนักสะสมที่สามารถพูดถึงอนาคตของวงการศิลปะในเอเซียได้อย่างเค้าอีก
แต่คุณชเวได้ก้าวถอยจากแสงสปอตไลท์ออกมาเมื่อ 5 ปีก่อน การหายตัวไปของเค้าทีแรกไม่ได้คาดว่าจะกินระยะเวลายาวนานขนาดนี้ การต้องรับหน้าที่ในกรมทหารของชายในประเทศเกาหลี คือ คำสาปที่กินเวลา 2 ปีเท่านั้น แต่หลังจากที่คุณชเวรับหน้าที่นั้นจบสิ้น เค้ากลับยังคงหายไปจากการรับรู้ของแฟนๆ จากการสัมภาษณ์ จากวงการบันเทิง ปล่อยให้หลายๆคนสงสัยว่าเค้าจะรู้สึกยังไงและเค้าจะกลับมารึเปล่า??
ในตอนที่เรา ติดต่อไปหาคุณชเวเพื่อทำนิตยสาร Prestige ในฉบับงานศิลปะ เค้าเปิดใจพูดคุยในเรื่องความหลงใหลที่เค้ามีต่องานศิลปะซึ่งเค้าเรียกมันว่าแรงขับเคลื่อนของเค้า และ จากนั้นหนึ่งวันก่อนที่จะมีการสัมภาษณ์ มีข่าวใหญ่ประกาศออกมาว่า วงบิกแบงจะคัมแบคหลังจากปล่อยให้ผู้คนรอคอยมาเป็นเวลายาวนานด้วยซิงเกิลใหม่ และ T.O.P จะไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดหลังจากที่อยู่สังกัดนี้มากว่า 16 ปี
ตอนที่เจอหน้ากันผ่านโปรแกรม Zoom คุณชเวแต่งตัวสบายๆ ด้วยหมวกสีดำและเสื้อมีฮู้ดสีฟ้า แต่เห็นได้ชัดว่าเค้าได้เตรียมตัวเพื่อการสัมภาษณ์นี้มาอย่างยาวนาน ดาราที่มีความโด่งดังในระดับนี้หายากที่จะชอบพูดความเห็นของตัวเองในที่สาธารณะโดยเฉพาะกับการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร แต่วันนี้กลับมีเค้าคนเดียว ไม่มีกองทัพประชาสัมพันธ์และทีมงานผู้ดูแลแต่อย่างใด มีเพียงเค้ากับผู้ช่วยแปล (ซึ่งเค้าเรียกว่า "คุณครูสอนภาษาอังกฤษของผม" ) ผู้ช่วยแปลจะมาอยู่กับเราในการสัมภาษณ์เพื่อเน้นย้ำว่าทุกคำพูดจะมีความหมายตรงกับความตั้งใจของเค้า บางสิ่งที่เค้าบอกกับเราว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่เค้าตั้งหน้าตั้งตาที่อยากจะเปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรกในวันนี้
"นี่เป็นเวลาที่ผมจะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปในอาชีพการงานและชีวิตของผมครับ" เค้าพูดพร้อมรอยยิ้ม ความทะเยอทะยานของคุณชเวมีมากกว่าที่เคยมีมา และ นี่คือจุดเริ่มต้น
ในปี 2017 หนึ่งในศิลปินเพลงป็อปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนึงยืนบนเวทีและกล่าวคำอำลาต่อหน้าแฟนๆของเค้า มันไม่ใช่การบอกลาที่ลาแล้วลาเลยตลอดไปแต่เป็นการบอกลาที่จะเอนไปในทาง แล้วเราจะเจอกันใหม่ มากกว่า อย่างน้อยในตอนนั้นแผนการก็ถูกวางมาแบบนั้น มันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ก้โหดร้ายสำหรับชีวิตของแฟนคลับวงบอยแบรนด์เกาหลี ที่เด็กหนุ่มชายทุกคนจะต้องเข้ารับหน้าที่ในกรมทหารโดยกฏหมาย และเมื่อไอดอลของคุณจากไป พวกเค้าไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมเสมอไป
ในขณะที่ คุณชเวรับใช้ชาติในกรมทหาร มีเรื่องน่าตกใจซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้กัญชา ออกข่าวอย่างครึกโครม มันถูกพูดถึงในข่าว ในโลกออนไลน์ และถูกนำมาตัดสินบนศาลเตี้ยผ่านความคิดเห็นของสาธารณชน และถูกนำไปตัดสินบนศาลยุติธรรมจริงๆด้วยเช่นกัน ซึ่งเราต้องมองเรื่องนี้ผ่านสายตาของชาวเกาหลีที่การใช้กัญชายังคงเป็นข้อหาร้ายแรง การใช้เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจยังมีโทษจำคุกมากกว่า 5 ปีและปรับสูงสุดที่ 50 ล้านวอน
เค้าอธิบายถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่าเป็น "เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด"ในชีวิตของเค้า จากนั้นเค้าค่อยๆหายตัวไปจากหน้าสื่อสาธารณะ ทิ้งไว้แต่ข่าวลือและการคาดเดาเหตุการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
"นี่เป็นครั้งแรกที่ผมออกมาพูดเรื่องนี้ผ่านสื่อครับ ผมพยายามที่จะฆ่าตัวตายเมื่อ 5 ปีก่อน" คุณชเวเล่าพร้อมมองไปที่อื่นและลดเสียงลง "ผมมาตระหนักได้ทีหลังว่าผมได้มอบความเจ็บปวดและความทรงจำที่เลวร้ายมากมายขนาดไหนให้กับผู้คนรอบข้างผม ครอบครัวของผม และแฟนๆของผมข้างนอกนั่น "
"จริงๆแล้ว ผมตั้งใจอย่างจริงจังที่จะหยุดทำงานเพลงและเลิกเป็นนักดนตรี แต่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้น ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น แรงผลักดันที่ทำให้ผมก้าวต่อไปข้างหน้า คือ ดนตรี ผมเขียนเพลงมากกว่า 100 เพลงในช่วงเวลา 5 ปีให้หลังมานี้ มันคือแรงจูงใจของผมเหมือนกับความต้องการที่จะเติมเต็มชั้นหนังสือด้วยงานของผม มันคือความหลงใหล ผมตระหนักดีว่าการตอบแทนสิ่งที่ผมได้รับมานั้นมีค่ามากเพียงใด" เค้ากล่าว “ผมรู้สึกว่าผมได้เกิดใหม่”
คุณชเวผ่อนไหล่ลงและยิ้ม น้ำหนักทั้งมวลได้รับการยกออกไปแล้ว
ศิลปะและดนตรีเป็นภาคส่วนที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของคุณชเวมาตั้งแต่เริ่มแรก เค้าถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวศิลปิน คุณปู่ทวดของเค้าเป็นผู้บุกเบิกศิลปะในแนว abstract ในเกาหลีคุณ Kim Whanki เค้าได้ค้นพบความรู้สึกรื่นรมย์ที่ยิ่งใหญ่ จากความสวยงามและงานที่เปี่ยมไปด้วยสุนทรีย ศิลปะกลายเป็นพลังที่สมดุลให้กับเค้าที่อยู่ตรงศูนย์กลาง
"ตั้งแต่ผมยังอายุน้อย ผมต้องทุกข์ทรมานกับอาการซึมเศร้าครับ แต่การได้มองดูสิ่งที่สวยงาม โดยเฉพาะงานศิลปะ ผมจะรู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกสบายใจ " คุณชเวกล่าว เค้ายอมรับว่าเค้ามักจะมีสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง
"ผมเกิดมาเพื่อรับความเศร้าครับ" เค้าพูดพร้อมหัวเราะ "ผมจะรู้สึกอ่อนไหวมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นๆตั้งแต่ผมยังอายุน้อย ผมรู้จักมัน และรู้สึกถึงมันได้ ผมใช้เวลาและความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะเอาชนะมันโดยการใช้เวลาอยู่กับศิลปะ "
ในฐานะที่เป็นทั้งนักดนตรีและนักแสดง เค้าชอบงานทั้ง 2 อย่างนี้เท่าๆกัน คุณชเวมีความสุขที่ถูกเรียกว่า ศิลปิน แต่เค้าชอบมากกว่าที่จะปล่อยงานศิลปะในแขนงอื่นๆให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ "ผมคิดว่าคนที่เป็นที่สุดในงานแขนงนั้นๆควรจะเป็นผู้ที่ลงมือสร้างสรรค์งานออกมาครับ" เค้ากล่าว "ผมคิดว่าผมมีสายตาที่จะมองออกว่างานศิลปะชิ้นไหนที่เรียกได้ว่าเป็นงานที่ดี แต่ ผมไม่จำเป็นจะต้องวาดรูประบายสีเก่ง "
ไม่ใช่ว่าคนอื่นๆจะไม่ได้พยายามจะชักจูงเค้าให้เข้าสู่วงการสร้างสรรค์งานศิลปะ ครอบครัวของคุณชเวได้สนับสนุนให้กำลังใจให้เค้าเดินตามเส้นทางศิลปะและสร้างสรรค์ชิ้นงานสวยๆสิ่งที่เค้ารักออกมา แต่เค้ากลับมีแผนการที่ต่างไป
"ตั้งแต่ผมอายุได้ 5 ขวบ ผมก็เริ่มฝันเรื่องงานเพลงและการได้เป็นนักดนตรี ซึ่งความฝันนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย"
คุณชเวตกหลุมรักการแร๊พ การแร๊พ ที่เค้าเรียกมันว่าแนวเพลงที่สร้างสรรค์มากที่สุด และเค้าก็เดินไปตามเส้นทางนี้ แต่ในขณะที่เค้ากำลังไล่ตามความฝันทางด้านดนตรีของเค้า คุณชเวก็ไม่ได้ทิ้งความรักที่เค้ามีให้กับ "สุนทรียภาพ" เงินที่เค้าเริ่มได้มาจากการทำงานเพลงทำให้เค้าสามารถที่จะไล่ตามสิ่งเหล่านั้นได้ เค้าเริ่มซื้อและสะสมสิ่งที่เค้ามองว่าสวยงาม เค้าเริ่มจาก การซื้อรองเท้าผ้าใบ จากนั้นก็ขยายไปวงการเฟอร์นิเจอร์ งานดีไซน์ รูปวาด และ ประติมากรรม ภาพ Mondrian homage โดย Tom Sachs และ Concetto spaziale โดย Lucio Fontana ถูกแขวนไว้อยู่ด้านหลังของเค้าในขณะที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่
เมื่อพูดถึงเรื่องการศึกษาและการฝึกฝนเกี่ยวกับรสนิยมทางศิลปะของเค้า สำหรับคุณชเวแล้วมันไม่มีทางลัด ในขณะที่อินเตอร์เนตสามารถเสนอแรงบันดาลใจที่ไม่มีวันจบให้เราในโลกปัจจุบัน แต่เค้าชอบมากกว่าที่จะจมหายไปกับกองหนังสือศิลปะที่เค้าสะสมเอาไว้ที่บ้าน เค้าชอบกระบวนการที่ได้ค้นคว้าและค้นพบ วันนึงนะ เค้ากล่าว เค้าจะเพิ่มงานของนักวาดภาพ abstract ชาวอเมริกันคุณ Barnett Newman ไว้ในคอลเลคชั่นของเค้า
จากรายงานข่าวอ้างว่าเค้าใช้เงินรายได้ของเค้ากว่า 95 เปอร์เซ็นต์ไปกับงานศิลปะ แต่เค้าบอกกับผมว่าจริงๆแล้วมากกว่านั้นอีก สำหรับคุณชเว ศิลปะมีความหมายถึงบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นเอาได้ แต่ต้องอาศับความรู้สึกเท่านั้น มันไม่ใช่แค่การเดินทางเพื่อค้นพบตัวตนของตัวเอง แต่เป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น
สำหรับคุณชเว มันเป็นแหล่งกำเนิดความคิดสร้างสรรค์ของเค้าด้วย
"ผมเชื่อว่าการที่มีงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ในการสะสมของผมมันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำเพลงที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดออกมา" คุณชเวกล่าว "ศิลปะคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของผม แรงบันดาลใจที่ได้จากการมองเห็นและพลังงานที่ได้รับจากงานศิลปะกระตุ้นผมและกลายเป็นแรงผลักดันที่ขับเคลื่อนผมในรูปแบบใหม่"
เนื่องจากดนตรีทำให้เค้ามีโอกาสสะสมงานศิลปะ ศิลปะจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เค้าสร้างสรรค์งานดนตรีมากขึ้น และในขณะที่ดนตรีส่องสว่างฉายทางให้เค้าในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต คงไม่เป็นการกล่าวมากเกินไปที่เราจะต้องขอบคุณงานศิลปะ ที่ทำให้คุณชเวยังอยู่กับเราในวันนี้
เนื่องจากเค้าเป็นนักสะสมที่สะสมงานมากมาย จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจถ้าคุณชเวจะนับศิลปินส่วนหนึ่งว่าเป็นเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน
"ผมชอบที่จะพูดคุยกับเหล่าศิลปินครับ ไม่ใช่เพราะเรื่องงานสะสมอย่างเดียว แต่ในฐานะที่ผมเป็นศิลปินและนักดนตรี ผมเข้าหาศิลปินเหล่านั้นด้วยความหลงใหลล้วนๆ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงมีเพื่อนเป็นศิลปินมากมาย และพวกเค้าเปิดใจกับผม แม้ว่าบางครั้งพวกเค้าจะเป็นคนที่ปิดกั้นเอามากๆก็ตาม"
"เค้าเหมือนกับพี่น้องทางจิตวิญญาณของผมครับ" คุณชเวกล่าว "ดูเหมือนว่าพวกเรากำลังจะร่วมเสนองานที่น่าสนใจชิ้นนึงออกมาเร็วๆนี้" เอ๊ะ อะไรบางอย่างเหรอ?? โปรเจค NFT แน่ๆ
ในขณะที่เค้ายังไม่เคยซื้อจาก NFT ใดๆเลยที่ปรากฏอยู่ในตลาดในตอนนี้ (ผมคิดว่าผมจะสร้างงานที่ผมอยากซื้อออกมาเองครับ) เค้ากล่าวว่า เทรนนี้ที่กำลังเติบโตเป็นเรื่องที่ดี ง่ายๆเพียงเพราะว่า มันหมายความถึง ความสวยงามที่ได้จากสิ่งที่มองเห็นได้จะเพิ่มมากขึ้นบนโลกใบนี้
ในตอนนี้เค้ายังไม่สามารถที่จะเปิดเผยรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับงาน NFT ของเค้าได้ แต่เค้าได้พูดถึงอีกหนึ่งโปรเจคที่เค้าได้ทำร่วมกับคุณ Nawa นั่นคือ ยี่ห้อไวน์ของคุณชเวนั่นเอง ยี่ห้อไวน์ที่จะมีงานศิลปะของคุณ Kohei Nawa รวมอยู่ด้วย
ถัดจากงานศิลปะและแฟนๆของเค้า ความรักยิ่งใหญ่ที่คุณชเวมีต่อมาก็คือ ไวน์ดีๆ ทำไมเราไม่หาวิธีที่จะรวมเอาความรักทั้ง3นี้เข้าไว้ด้วยกันซะเลย เครื่องดื่มสีขาวแดงของเค้าถูกเลือกและผลิตที่ประเทศฝรั่งเคส
"มันเริ่มมาจากในช่วงที่ผมกำลังเผชิญกับความยากลำบากในตอนนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนแรงสนับสนุนที่แฟนๆมีให้ ผมเริ่มเกิดความคิดนี้ขึ้นมาว่า ผมต้องการที่จะแบ่งปันไวน์รสชาติดีๆที่ราคาเป็นกันเองออกมา ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มนึง แต่สามารถที่จะแบ่งปันให้กับทุกๆคนได้"
คุณชเวตั้งเป้าหมายไว้ว่าเค้าจะทำไวน์ที่คนสามารถเข้าถึงและจับต้องได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยกำไรส่วนหนึ่งจากการทำไวน์จะนำไปสนับสนุนมูลนิธิศิลปะ เป็นการตอบแทนตามที่เค้าวางแผนไว้
สุขภาพจิต เป็นหัวข้อใหญ่ในใจของคุณชเว และเป็นสิ่งที่เขาทุ่มเทเวลาที่มีค่าของเค้าในการค้นคว้าในช่วงปีที่ผ่านมา จากประสบการณ์ของเค้าเองก็เป็นเรื่องที่ยากจะต้านทาน นอกจากนี้เค้ายังเห็นเพื่อน ๆ ของเค้าต้องดิ้นรนเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ และเค้าก็สูญเสียเพื่อนอีกจำนวนนึงจากการฆ่าตัวตาย เฉพาะสถิติในประเทศบ้านเกิดของเค้าเพียงอย่างเดียวก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะสามารถละเลยปัญหานี้ไป
“น่าเศร้าที่เกาหลีเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ” เค้ากล่าว “ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมได้ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มขึ้น และในสตูดิโอของผม ผมก็พยายามใส่ความคิดนั้นเข้าไปในดนตรีของผม ผ่านดนตรีของผม ผมต้องการมอบความหวังและความฝันให้กับคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่กำลังสิ้นหวังในขณะนี้”
ในเกาหลีมีระบบนึงที่คุณชเวคิดว่าน่าจะต้องมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมากนั่นคือ วงการ K-POP
“ระบบเคป๊อป” เค้ากล่าว “ตัวผมเองโชคดีมากที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีในฐานะเด็กฝึกก่อนที่จะเดบิวต์" เป็นเวลาที่ค่อนข้างสั้น "แต่หลังจากนั้น ผมเห็นเด็กฝึกทั้งหมด ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง พวกเค้าอยู่ภายใต้ระบบที่โหดมาก พวกเค้าได้รับคำสั่งว่าจะต้องทำอะไรและฝึกฝนเหมือนหุ่นยนต์ วันนึงพวกเค้าอาจโด่งดัง เป็นใหญ่เป็นโต แต่ในหัวใจของพวกเค้าในทิศทางที่เราไม่อาจจะมองเห็นได้ พวกเค้าถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว และรู้สึกอ้างว้างเงียบเหงาอยู่ภายใน"
ความรู้สึกเหล่านั้นเป็นความรู้สึกที่เค้าสามารถเชื่อมโยงกับตัวเองได้อย่างดี ทางออกของเค้าในเรื่องนี้หน่ะเหรอ?? บริษัทค่ายเพลงในรูปแบบใหม่ “ผมไม่ต้องการที่จะเป็นผู้ผลิตหุ่นยนต์ครับ” คุณชเวกล่าว “ผมต้องการสร้างศิลปินตัวจริงและช่วยเหลือศิลปินตัวจริง ผมมั่นใจมากว่าสามารถสร้างวงที่แตกต่างจาก BIGBANG อย่างสิ้นเชิงออกมาได้ในอนาคต” ด้วยประสบการณ์กว่า 16 ปีในธุรกิจนี้ มั่นใจได้ว่าเค้ารู้ว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่
สำหรับคุณชเว ระบบเคป้อบเป็นที่ที่เดียวที่เขารู้สึกว่าเค้ามีความสามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้เกิดขึ้นได้ ในขณะที่ก็เสริมว่าเรื่องของสุขภาพจิตสมควรจะได้รับการยอมรับและได้รับการตระหนักรู้มากขึ้นกว่านี้ในทุกๆวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อคนหนุ่มสาว “ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมบันเทิงเท่านั้น แต่ผมต้องการที่จะเริ่มกิจกรรมแบบใหม่ที่สามารถมอบข้อความที่เปี่ยมความหวังและการมองโลกในแง่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่บนโลกในขณะนี้ " เค้ากล่าว
หากย้อนไปได้ เค้าอยากจะบอกตัวเองเมื่อครั้งยังเด็กกว่านี้ว่ายังไง คุณชเวตอบว่าเค้าจะบอกตัวเองว่า "กล้าหาญเข้าไว้นะ"
หากคุณไม่ได้อยู่ร่วมเป็นพยานรับรู้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายได้ว่าบิกแบงนั้นเคยโด่งดังมากแค่ไหน ก่อนที่ Squid game จะฉีกทุกสถิติที่มีจากการเข้าชมซี่รีย์ผ่านการสตรีมมิ่ง ก่อนที่ Parasite จะได้รับรางวัลออสการ์ ก่อนที่ Blackpink จะเข้ามาสถิตอยู่ในทุกพื้นที่ของเรา ในตอนนั้นเรามี บิกแบง และนั่นคือ Korean Wave ที่ยังคงโลดแล่นสูงขึ้นในตอนนี้เป็นผลมาจาก พวกเค้าในตอนนั้น
"ผมคิดถึงเรื่องนี้ในแง่บวกมากๆนะครับ " คุณชเวกล่าวถึงบทบาทของบิกแบงในตอนนี้ที่จู่ๆกระแสความหลงใหลในเกาหลีกลายมาเป็นกระแสที่ครอบงำคนไปทั้งโลก "ผมคิดว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นครับ มันจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีก”
แม้แต่นักดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ยังมีปัญหาในการก้าวออกจากแนวเพลงของตัวเอง แต่ บิกแบง กลับทำให้มันดูเป็นเรื่องง่าย อัลบั้มที่ออกมาล้วนมีองค์ประกอบของการแร็พ, R&B, เพลงแด้นช์ , การเต้นแทร็ป , ร็อค หรือแม้แต่เพลงดิสโก้ เปิดโอกาสให้สมาชิกวงที่มีความต่างกันแต่ละคนมีช่วงเวลาที่จะเปล่งประกายจากเพลงหนึ่งไปยังอีกเพลงหนึ่ง พวกเค้าไม่เพียงแต่ทำให้ประเทศบ้านเกิดของตนดูทันสมัยเท่านั้น แต่พวกเค้ายัง เขียนกฎเกณฑ์ของดนตรีป๊อปขึ้นมาใหม่ ด้วยความสำเร็จเชิงพาณิชย์ระดับปรากฏการณ์หนุนหลังพวกเค้า และฐานของแฟนๆที่อยู่ในมือทั่วโลก
สำหรับนักดนตรีบางคน นี่คือสิ่งที่สร้างขึ้นจากความฝัน แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความฝันนั้นไม่สามารถแบ่งปันออกไปได้อีกแล้ว?? จากซิงเกิลล่าสุด Flower Road 4ปีที่ผ่านไป คำถามนี้ก็ยังติดอยู่ในใจของคุณชเวตลอด
"ตั้งแต่แรกเริ่ม ผมมักจะแบ่งปันกับแฟนๆของผมเสมอว่าผมภูมิใจมากๆกับการได้เป็น T.O.P จากบิกแบง แต่ในช่วง2-3ปีให้หลังผมเริ่มคิดว่าบางทีนี่คงจะเป็นจุดจบแล้ว บางทีอาจจะต้องไม่มี T.O.P จากบิกแบงไปซักพัก" เค้ากล่าว"บิกแบงเป็นวงไอดอล" เค้าพูดพร้อมหัวเราะ "แต่ตอนนี้ผมแก่เกินไปแล้วและทุกๆคนก็แก่ด้วย"
ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยมุขหรือพูดจริงเค้าก็มีเหตุผลของเค้า เด็กชายย่อมเป็นเด็กชายจนกว่าพวกเค้าจะโตขึ้นและไม่ได้เป็นเด้กอีกแล้ว คุณชเวกล่าวเสริมว่าการคัมแบคในเร็วนี้ๆ เพลงที่เค้าทำกับวงบิกแบงจะมีข้อความที่เค้าอยากมอบให้กับแฟนๆ และ บางข้อความที่จะบอกถึงเหตุผลที่ทำไมเค้าถึงจะหยุดพักจากเป็นบิกแบงไปก่อน
"ด้วยความซื่อสัตย์ที่ผมมีต่อแฟนๆอย่างที่สุด ผมไม่อยากบอกเลยว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของผม แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ มันคงจะอีกนานทีเดียวกว่าที่ผมจะกลับมาอีกครั้งในฐานะ T.O.P จากบิกแบง ในช่วงกว่า 5ปีนี้ รสนิยมทางดนตรีและกิจกรรมของพวกเราน่าจะต่างกันออกไปมาก และตอนนี้เพลงของบิกแบงและเพลงของ T.O.P นั้นก็ค่อนข้างแตกต่างกัน ผมอยู่ในจุดนึงของชีวิตที่ผมอยากจะตื่นรับกับสิ่งท้าทายใหม่ๆทั้งการกระตือรือร้นที่จะรับและส่งผ่านออกไป"
เค้าเปิดช่องเอาไว้ในอนาคตว่าน่าจะมีโอกาสที่ บิกแบงจะได้มารวมตัวกันอีก โดยกล่าวว่า เค้ารักวงของเค้ามากและมีสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่ตัดไม่ขาดกับสมาชิกวงแต่ละคน
"ผมเคยพูดกับแฟนๆตั้งแต่ผมเดบิวต์แล้วว่าผมวางแผนที่จะคัมแบคด้วยอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองไม่วันใดก็วันนึงในอนาคต เมื่อผมพร้อม และตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่าผมพร้อมแล้ว" เค้ากล่าว "อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกของผมจะออกมาในเร็วๆนี้ครับ และนี่จะเป็นการเดินทางครั้งแรกสุดของผมที่จะออกมาแบ่งปันว่าจริงๆแล้วตัวตนของผมเป็นยังไง"
รายละเอียดของอัลบั้มเดี่ยวของเค้าในตอนนี้ยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ แต่มีสิ่งนึงที่เค้าสามารถพูดได้คือ
“พวกคุณจะต้องประหลาดใจครับเพราะผมเริ่มอัดเพลงมาเรื่อยๆในช่วงที่หยุดพักไปและจะมีดนตรีหลายๆแนวรวมอยู่ในอัลบั้ม เพลงทุกเพลงมาจากหัวใจล้วนๆ ผมใช้หยาดเหงื่อและแรงพยายามมากมายเท่าที่จะเป็นไปได้ทำอัลบั้มนี้ขึ้น" เค้ากล่าว เพลงที่บรรจุในอัลบั้มนี้ถูกเลือกมาจากเพลงกว่า100เพลงที่เค้าแต่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังจะมีภาพยนตร์ที่ถ่ายทำขั้นตอนการทำงานที่รวมเอาทีมงานและนักแสดงระดับโลกมาถ่ายทำจับคู่ไปพร้อมๆกับอัลบั้มนี้ออกมาด้วย
"เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมเดบิวต์เมื่อ 16 ปีก่อน อัลบั้มเดี่ยวแรกของผมจะได้ออกมาอย่างเป็นทางการและอัลบั้มนี้จะถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ด้วยครับ"
หลังจาก5ปีที่หายไปและการฝ่าฟันเพื่อที่จะกลับมาให้ได้จากสถานที่ที่มืดมิด คุณชเวได้กลับมาสู่แสงสว่าง มีอิสระเป็นครั้งแรกในชีวิตวัยผู้ใหญ่ของเค้าที่จะควบคุมและเล่าเรื่องด้วยตัวเอง เค้ารู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะดีใจไปกับการกลับมาครั้งนี้ "ตอนนี้ผมอายุ 34 ปีแล้วครับดังนั้นผมผ่านอะไรมาเยอะและได้เรียนรู้ที่จะ "ไม่สนแม่ง" ผมอยู่ในจุดที่ผมสามารถที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผมได้พูดออกไปครับ"
เค้าได้อธิบายเพิ่มเติมถึง เจ้าของค่ายเพลงในอนาคตที่กำลังจะก่อตั้งขึ้น ว่าหากศิลปินที่อายุน้อยกว่าอาจจะไม่อยากฟังคำแนะนำในตอนนี้ "พวกเค้ายังต้องเติบโต พวกเค้ายังต้องฝึกฝนต่อไป " เค้ากล่าว "พวกเค้าจำเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะฟังและรับคำแนะนำเพราะหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ดังนั้นผมจะไม่บอกให้ศิลปินรุ่นใหม่ที่ยังอายุน้อยๆว่า "ช่างแม่ง" เพราะนั่นจะทำให้เกิดผลลบกับพวกเค้าได้จริงๆ"
ตอนนี้มีโปรเจคมากมายที่เค้าทุ่มเทหัวใจเต็มที่ให้กับพวกมัน ไม่ว่าจะเป็น อัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของเค้า งานภาพยนตร์ ค่ายเพลง งาน NFT การสร้างยี่ห้อไวน์ และแน่นอน การสะสมงานศิลปะ
สำหรับคุณชเวขีดจำกัดอยู่บนฟากฟ้า และเค้าใฝ่ฝันเสมอที่จะหาวิธีมาคืนตอบแทนให้กับคนที่เขารัก ให้กับแฟนๆ และให้กับคนทั้งหลายที่ยังอยู่ตรงนี้เพื่อเค้า แม้จะรู้สึกราวกับว่าไม่มีใครอยู่ แต่บนเส้นทางชีวิตของเค้าเองดูเหมือนว่าเค้าจะพบหนทางที่จะอยู่ที่นั่นด้วยตัวเค้าเองเช่นกัน
ดังนั้นมันจะเป็นยังไงนะกับการที่อายุ 34 ปี เป็นดาราดังระดับโลกที่ไร้สังกัดกับอาชีพสดใสข้างหน้าที่รออยู่
"ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งจะเริ่มต้น และกำลังจะเริ่มต้นในฐานะศิลปินที่แท้จริงครับ ”
และเค้ารู้สึกยังไงกัน??
เขายิ้มและกล่าวว่า “ผมแค่มีความสุขครับ ”
-------------------------------------------------Words Nathan Erickson
Creative direction and styling Alvin Goh
Photography Ji Yong Yoon
Videography Jinyoul Lim
Make-up Shin Mi Sug
Hairstyling MZW by Taehyun
Styling Kim Tae Rin, Jong Hyun Lee
Styling Assistant Hwang Mose
Lighting Assistant Wonyoung Ki
Visual Imaging Yoon Studio
Manager Kim Jae Seog
Trainer Kim Jong Jin
Translator Young Go
Coordinator Mia Hur
------------------------------------------------
Thai Translation by miss mew
------------------------------------------------
From : https://www.prestigeonline.com/hk/people-events/people/top-choi-seung-hyun-interview-march-2022/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น