วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Part2] สัมภาษณ์ TOP จากนิตยสาร Arena: Korea ฉบับเดือน กันยายน2014


Q: ในการ์ตูนฉบับดั้งเดิม มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศอยู่บ้าง บางทีคุณอาจจะต้องแสดงฉากนั้นบ้างรึเปล่าคะ? แล้วในฐานะที่เป็นไอดอลคุณกังวลใจบ้างไม๊?? TOP: ไม่เคยมีซักครั้งที่ผมจะพูดว่า"ผมทำไม่ได้" ครับ ผู้กำกับก็ไม่อยากจะแสดงออกให้มันดูโจ่งครึ่มหยาบโลนเกินไปด้วยเช่นกัน ผมคิดว่า เค้าคงคิดว่าเป็นเพราะเนื้อเรื่องก็มีเรื่องหยาบโลนมากพอแล้ว มันจะทำให้ต้นฉบับดูด้อยราคาลงไปมากถ้าพวกเราถ่ายทำฉบับภาพยนตร์กันอย่างโจ่งครึ่ม 

แต่ก็ถือว่ายังมีบางฉากที่เป็นแบบนั้นเหมือนกันนะครับ ผมได้ถ่ายทำฉากที่นักแสดงทั้งหมดต้องเปลือยกาย และผมก็ได้ถ่ายทำฉากบนเตียงด้วย ผมถ่ายทำฉากเหล่านั้นโดยสวมแค่กางเกงชั้นในเท่านั้นซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเคยทำแบบนี้ตั้งแต่เกิดมา ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนที่ขนาดเสื้อแขนสั้นยังไม่ใส่เลยก็ตามฮะ 

Q: คุณรู้สึกถึงการได้ปลดปล่อยเป็นอิสระไม๊คะหลังจากที่ได้ลองทำแบบนั้นดู??
TOP: ไม่เลยฮะ ผมประหม่ามากๆ แต่ผมก็ไม่สามารถจะแสดงความประหม่าเหล่านั้นออกมาได้ ถ้าผมเกิดเครียดขึ้นมา ทีมงานและรุ่นพี่ทุกคนก็จะรับรู้ได้ถึงความเครียดและพลังด้านลบและประหม่าเช่นกัน 

ด้านนอกผมแสดงเหมือนกับว่าผมสบายดีทุกอย่างโอเค แต่จริงๆแล้วผมประหม่ามากๆเลยละครับ อย่างที่ผมบอกแหละครับ ผมไม่ชอบการโชว์ร่างกายหรือผิวพรรณมากๆ ผมไม่สวมเสื้อยืดแขนสั้นด้วยซ้ำทั้งๆที่อยู่ในฤดูร้อน แต่ในตอนที่ถ่ายทำฉากที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีความคิดใดๆผ่านเข้ามาในหัวผมหรอกนะครับ (หัวเราะ) บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะถ่ายทำฉากที่เปิดเผยมากขนาดนี้ 

Q: ทำไมถึงพูด ด่วนสรุปแบบนั้นละคะ??
TOP: มันมีเหตุผลอยู่นะครับในการที่ผมตัดสินใจที่จะโชว์ร่างกายบ้างในภาพยนตร์เรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์แอคชั่นอย่างเรื่อง <The Commitment> มันคงจะให้ความรู้สึกที่มากเกินไปถ้ามันจะมีฉากให้ถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อเพื่อจะได้ดูเท่ ผู้คนอาจจะพูดกันว่า "ที่เค้าตัดสินใจถอดเสื้อเพราะอยากจะดูเท่ในหนังใช่ไม๊นะ?? " แต่ในภาพยนตร์เรื่อง <Tazza- Hand of God> พวกเค้าไม่ได้จัดแสงเพื่อให้รูปร่างผมดูเท่เลยครับ มันไม่ใช่ฉากแบบนั้น 

ในตอนที่ผมอ่านบท ผมคิดว่า ยิ่งผมถอดเสื้อได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความสนุกให้กับเนื้อเรื่องมากเท่านั้น ผมคิดว่าการถอดเสื้อผ้าออกในครั้งนี้เป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับเนื้อเรื่องครับ 

Q: จริงค่ะ ฉากที่พวกคุณต้องเปลือยกายเล่นไพ่ Hwatu มันเป็นสัญลักษณ์ของความเคลือบแคลงสงสัยและความละโมบโลภมาก TOP: เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ ผมจึงได้รับกำลังใจและเต็มใจที่จะถอดเสื้อผ้าออกครับ อืม..... เมื่อฟังๆดูสิ่งที่ผมได้พูดออกไป ผมพูดเหมือนกับนักแสดงหญิงเลยครับ (หัวเราะ)

Q: ฮาาา งั้นคุณคงตั้งสมาธิไปที่บทบาทมากกว่าที่จะมัวมาคิดเรื่องฉากนั้น ??
TOP: ผมคิดว่าผมคงจะไม่ถอดเสื้อผ้าออกหรอกครับถ้าฉากนั้นมันไม่ได้มีส่วนจำเป็นต่อการดำเนินเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ คือผมรู้สึกมากกว่าการที่ต้องถอดเสื้อผ้าออกในภาพยนตร์นะครับ ผมคิดว่าตัวเองเกลียดการเปิดเผยร่างกายในแบบที่เป็นอาการทางจิตครับ ผมมักจะสวมแต่เสื้อแขนยาวเวลาอยู่บ้าน ผมเกลียดเวลาที่ผิวของผมไปสัมผัสโดนสิ่งต่างๆ เป็นเวลากว่า 10 ปีมาแล้วที่ผมไม่ได้สวมกางเกงขาสั้นเลย 

ผมจะไม่พูดว่าตัวเองอ่อนไหวเกินไปหรอกนะครับ เอาเป็นว่าผมขี้อายมากๆๆ สำหรับผม การเปิดเผยผิวพรรณ เป็นการกระทำที่น่าอายมาก ในตอนที่ผมถ่ายทำฉากบนเตียง ผมถามผู้กำกับว่า "คุณอยากให้ผมถอดกางเกงชั้นในออกด้วยรึเปล่าครับ??" (หัวเราะ) ผมคิดว่ามันคงไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ในการที่จะสวมหรือถอดกางเกงในในตอนนั้นเพราะผมต้องถอดเสื้อผ้าโชว์ร่างกายอยู่แล้ว (หัวเราะ) 

มันสนุกดีครับ การที่ได้รับประสบการณ์ในบางอย่างแบบนี้ครั้งนึงในชีวิต 


Q: จริงๆมีเรื่องให้น่ากังวลมากอยู่ในนะคะเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เช่น คำวิจารณ์ต่างๆ TOP: ผมอ่านคำวิจารณ์นะครับแต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าถูกทำร้ายจากพวกมันเลยครับ ขนาดในตอนที่บิกแบงออกอัลบั้ม ก็มักจะมีคอมเม้นซ์ที่เกลียดชังเสมอครับ แต่หลังจากนั้น ผมเรียนรู้ว่าผู้คนก็มักจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไป มันค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวนะครับในการมองดูการเปลี่ยนแปลงนี้ 

ผมรู้สึกว่าตัวเองมีแอนตี้แฟนน้อยลงๆจนถึงตอนนี้ (หัวเราะ) อ่าาา ครั้งนี้ในตอนที่ผมอ่านคำวิจารณ์ต่างๆผมได้เห็นว่าผู้ตนได้วิจารณ์ผมในบางอย่างที่ผมไม่เคยโดนวิจารณ์มาก่อน (หัวเราะ) 

Q: ทั้งงานนักดนตรีและนักแสดง คุณคิดว่าตัวเองสร้างความสมดุลในงานทั้งสองได้เป็นอย่างดี คุณไม่ได้เอนเอียงไปทางไหนเป็นพิเศษและก็ไม่ได้ลงมือทำในด้านไหนด้านหนึ่งมากเป็นพิเศษ??
TOP:อาชีพหลักของผมคือนักดนตรีครับ แต่ผมพยายามที่จะทำให้งานทั้งสองอย่างนี้มันสมดุลกันครับ 
ผมคิดว่าผมปรากฏตัวในละครเป็นครั้งแรกเมื่อ 8 ปีก่อน ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ระมัดระวังในการที่จะทุ่มตัวเองทั้งหมดลงไปในสิ่งสิ่งเดียว ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะชอบลองอะไรที่หลากหลายและค้นพบสิ่งที่ชอบเพียงอย่างเดียว   แต่ผมเป็นคนประเภทที่จะทุ่มเทพลังงานทั้งหมดลงไปจัดการเตรียมงานทุ่มทั้งใจลงไปกับงานเป็นชิ้นเป็นชิ้นไป ดังนั้นผมว่าผมน่าจะสามารถหาทางสมดุลกับงานทั้งสองอย่างนี้ได้ดีนะครับ  

Q: ถ้าสถานการณ์เอื้อให้คุณทำได้แบบนั้นก็ดีสิคะ
TOP: อืมม ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่นะครับ ผมรู้ว่าครั้งนี้ผมควรจะขยันทำงานให้มากขึ้นอีก แต่ผมเป็นพวกที่ไม่ง่ายนักนะครับที่จะลงมือทำอะไร ผมรู้สึกว่าตัวเองมักจะเก็บรักษาอะไรบางอย่างไว้เสมอ ในตอนที่ผมทำการแสดงมันก็ยังมีบางครั้งที่ผมแอบดูรายการเพลง และผมมักจะมองดูว่าผู้คนในตอนนี้เค้าทำอะไรกันบ้าง คือผมไม่ชอบการกระโดดเอาตัวลงไปลอง ผมเกลียดการที่จะต้องยอมแสดงด้านอ่อนแอของตัวเองออกมา ดังนั้นผมจะไม่ลงไปลองหรือกระโดดลงไปลงมือทำในสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นครับ 

Q: เพราะมันยังคงมีความเสี่ยงในการที่จะล้มเหลวได้ ทั้งๆที่ตัวคุณก็เป็นคนมีทักษะอยู่มากเหรอคะ??
TOP:ผมหมายถึงในทางตรงกันข้ามเลยละครับ ผมไม่อยากที่จะลงมือทำในสิ่งที่ในสาขานั้นๆไม่มีคนที่เก่งๆอยู่เลยครับ อืมมม ผมพูดตรงไปรึเปล่าครับ?? (หัวเราะ) ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำการสัมภาษณ์แบบนี้หลังจากที่ผมห่างไปนาน  

คือครับ ผมเป็นคนประเภทที่จะขยับตัวลงมือทำถ้าผมรู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างในตัวผมครับ ผมค่อยๆกลายเป็นคนแบบนี้ไปแล้วครับ ความจริงที่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเสี่ยงมากก็ยิ่งกระตุ้นตัวผมมากขึ้นอีก มันทำให้ผมถูกดึงดูดด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้นอีก 

Q: เพราะว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่"เสี่ยงสูงแต่ถ้าฮิตก็จะได้รับกลับคืนสูง" แบบนั้นเหรอคะ?
TOP:ผมยังคงไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าจะได้รับอะไรกลับมาจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงต่างๆที่ผมพูดมา ผมคิดจริงๆว่าผมคงไม่ได้รับอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆจากมันหรอกครับ หากผมทำออกมาดีไม่พอสำหรับการได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมทุกคน  มันเป็นภาพยนตร์ที่เสี่ยงสูงครับ 

ผมรู้ดีว่างานการ์ตูนชุดฉบับดั้งเดิมนั้นเป็นชิ้นงานที่ได้รับความรักจากผู้คนมากมาย แต่ผมก็ยังคงต้องการที่จะท้าทายตัวเองอยู่ดี

Q: เท่าที่ฟังคุณมาคุณเป็นคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักมากจริงๆนะคะ
TOP:ผมพยายามที่จะไม่ขี้เกียจนะครับ เพราะตัวเองยังอายุน้อยอยู่ ผมพยายามที่จะทำงานในขณะเดียวกันก็มองไปยังอนาคต หากผมไม่ยอมเสี่ยงและลองอะไรใหม่ๆในตอนนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองคงกลายเป็นคนล้าสมัยแน่ๆในอีก 10 20 30 ปีข้างหน้า 

ถึงแม้ว่าคุณจะต้องล้มเหลว หากคุณยังคงพยายามมองหาอะไรใหม่ๆต่อไป ก็ยังจะเป็นคุณไม่ใช่เหรอที่จะเป็นคนที่นำกระแสได้เมื่อเวลาผ่านไป ? หากคนเราเอาแต่เลือกเดินทางที่ปลอดภัยโดยไม่ยอมรับความเสี่ยงเลย เค้าก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในชีวิต ผู้คนก็จะเริ่มเบื่อหน่ายคนคนนั้น  

Q: เพราะโอกาสในการเปลื่ยนแปลงนั้น มักจะหมดลงง่ายๆ นะคะหากมองในแง่นี้ กลยุทธิ์ของคุณที่มักจะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่แสดงตัวออกมาบ่อยจนเกินไป ก็ดูไม่เลวนะคะ?
TOP: แต่มันเป็นกลยุทธิ์ที่ยากต่อการปฏิบัติมากๆโดยเฉพาะในทุกวันนี้นะครับ ผมไม่ได้แสดงตัวออกมาบ่อยนักเป็นเพราะผมไม่มีอะไรในตัวที่จะเอาออกมาโชว์ได้เท่าไหร่ หากผมเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากๆ ผมคงถ่ายรูปตัวเองและโพสให้คนดูกัน แต่นี่เป็นเพราะ ผมเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป ปัญหาของผมคือ ผมเป็นคนที่คิดเยอะคิดมากเกินไปครับ 


 Q: คุณต้องกลายเป็นคนที่คิดมากรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากภายนอกเหรอคะ การที่คุณปรากฏกายออกมาบ่อยเกินไป มันอาจจะเกิดความเสี่ยงได้? 
TOP:ผมไม่เคยทำอะไรที่จะนำไปสู่สถานการณ์ที่อันตรายเลยครับ เวลาที่ผมพักผ่อน ผมจะเอาแต่อยู่ในบ้านหากผมได้รับวันหยุด 2 อาทิตย์ ผมก็จะอยู่แต่ในบ้านตลอดสองอาทิตย์นั้น ขนาดเวลาที่ผมจะนัดเจอเพื่อ ผมจะพาพวกเค้ามาที่บ้านและมาดื่มไวน์ด้วยกัน 

ผมพยายามที่จะไม่ไปทำผิดพลาดอะไรที่ไหน ผมรู้ว่าตัวเองเป็นเหมือนตัวอันตรายที่คาดเดาอะไรไม่ได้ ดังนั้นผมจึงพยายามที่จะควบคุมตัวเองมากขึ้นอีกนะครับ (หัวเราะ) 

Q: มันคงเป็นการยากในการที่ต้องรอคอยนะคะ 
TOP: มันมีคำกล่าวที่ว่า "ให้แบไพ่ในมือออกมาให้หมดหน้าตัก" (หมายถึงการที่แสดงออกตัวตนของตัวเองออกมาจนหมด)แต่ผมมักจะมั่นใจอยู่เสมอว่าตัวเองยังมีไพ่ที่ยังไม่ได้ใช้อยู่ในมืออีกเสมอ ผมพยายามที่จะเก็บรักษามันเอาไว้เสมอ 

ในฐานะที่เป็นศิลปินของประชาชน ผมสามารถเห็นภาพได้ว่าในครั้งนี้ผมควรจะลงมือทำอะไร เป็นเพราะแบบนี้ผมถึงไม่รู้สึกกระวนกระวายหรืออะไรทั้งนั้น มันยังคงมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมสามารถที่จะแสดงออกมาได้ 

ในเรื่องเพลงก็เช่นกันมันมีเหตุผลว่าทำไมผมไม่เคยออกอัลบั้มเดี่ยวเลยทั้งๆที่พวกเราบิกแบงฟอร์มวงมากว่า 10 ปีแล้ว แต่แน่นอนแหละครับ ผมพลาดช่วงเวลาที่จะทำอัลบั้มเดี่ยวเพราะผมมัวโปรโมทในฐานะนักแสดงและในนามของบิกแบงทำให้พลาดโอกาสไปแต่มันไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกครับ 

ดังนั้นในตอนนี้ผมกำลังสะสมไพ่ในมืออย่างต่อเนื่องครับ และผมก็สะสมเพลงเอาไว้ทำอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน  

Q: งั้นคุณก็คำนวณอย่างดีเลยว่าเมื่อถึงเวลาคุณก็จะงัดเอาไพ่ในมือที่สะสมเอาไว้ออกมา เมื่อถึงเวลาจำเป็น?? 
TOP:ผมไม่ใช่คนที่จะคำนวณอะไรแบบนั้นได้ครับ จริงๆแล้วตัวผมเป็นคนที่อ่อนไหวเอามากๆ พูดตรงๆคือ ผมคิดว่าตัวเองหนักไปในทางขี้ขลาดด้วย และเพราะ ผมเป็นคนขี้ขลาดที่อ่อนไหวผู้ซึ่งไม่สามารถใช้ชีวิตในแบบที่ผ่านการคำนวณหรือวางแผนไว้ได้ผมจึงมักจะเอาแต่หลบซ่อน นอกจากนี้ผมยังคิดว่าตัวเองขาดความมั่นใจในตัวเองเอามากๆ

ผมจะรอคอยอย่างต่อเนื่องและจะแสดงออกเพิ่มขึ้นต่อหน้าผู้คนเมื่อผมแข็งแรงขึ้น หากจะให้ผมคำนวณพรสววรค์และทักษะต่างๆของตัวเองที่ผมได้แสดงออกไปแล้วนับได้แค่ 5%ของสิ่งที่มีทั้งหมดในตัวผมครับ เรื่องนี้ผมมั่นใจมาก 

Q: ตอนนี้คุณกำลังรอคอยช่วงเวลาที่จะระเบิดหลังการที่ปะทุเดือดๆมาแล้ว??
TOP: ผมชอบที่จะรอคอยอย่างอดทนนะครับ จริงๆแล้วตัวผมเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นสูงมากๆ แต่เพราะผมกดความกระตือรือร้นนั้นไว้ ผมจึงรู้สึกถึงอารมณ์ที่จะต้องปลดปล่อย 

บางครั้งเวลาที่ผมมองไปที่คนบางคน ผมจะรู้สึกว่าพวกเค้าไม่มีอะไรเหลือในตัวเลยเพราะพวกเค้าแสดงออกมามากเกินไป คุณจะบอกได้เลยถ้าคุณทำงานในสาขาเดียวกัน แต่สำหรับตัวผมมักจะยึดเกาะสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ ขนาดที่เวลาผู้คนรอบข้างผมบอกให้ผมลงมือทำมากขึ้นและกระตุ้นผม ผมก็จะยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้นอีก ผมต้องการที่จะแสดงออกตัวตนของผมมากขึ้นในตอนที่ผมอิ่มตัวมากกว่านี้ครับ 

================

Magazine Scans by criticalshot
Translated by bigbanggisvip
Thai Translated by miss mew 
Please credit when taking out!

=================

สัมภาษณ์ ทาบิจากนิตยสาร Arena : korea เดือนกันยายน 2014
Part 1 
part2 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น