วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Part1] สัมภาษณ์ TOP จากนิตยสาร Arena: Korea ฉบับเดือน กันยายน2014

บูม! ชายคนนึงกำลังยืนอยู่หน้ากล้อง เค้ากำลังพูดคุยพร้อมๆไปกับแตะผมด้านหลังใบหู เค้าคือ ชเวซึงฮยอนนั่นเอง ในตอนนี้ชื่อนี้มีความหมายคล้ายคลึงกับคำว่า ท็อป ที่แปลว่าจุดสูงสุดแล้ว เค้าถ่ายทำภาพยนตร์ไปแล้วรวม 3 เรื่อง


เค้าโพสท่าโดยหันมือและเท้ามาทางกล้อง เค้าผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อที่ไหล่และเอาบรรยากาศทั้งหมดอยู่หมัด แว่นตากันแดดสีเหลืองนั้นดูเหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเค้าเลยทีเดียว จริงๆแล้วในความทรงจำของกองบรรณาธิการเค้าไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ในตอนนั้นเค้ามาลงปกนิตยสารของเราพร้อมกับมีงานในภาพยนตร์เรื่อง <71: Into the Fire> เค้าดูแข็งๆในตอนนั้น สายตานั้นแหลมคมเหมือนกับคมปลายธนู แต่ร่างกายกลับแข็งเหมือนเป็นท่อนไม้

แต่ก็เป้นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายว่าทำไมเค้าถึงเป็นแบบนั้น ตอนนั้นภาพนตร์เรื่องนั้นเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก
ของเค้าที่เค้าต้องประกบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งนั้น แต่ถึงยังไงเค้าก็มีตัวตนโดดเด่นไม่ได้โดนกลืนไปแต่อย่างใด

ท็อป ผู้ซึ่งลงมาจากเวทีคอนเสริต์เป็นแบบนั้นแหละค่ะ เค้าดูเหมือนปลาที่โดนตักออกมาจากน้ำ แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นอดีตไปแล้วตอนนี้เค้าชักจะเคยชินกับสภาพแวดล้อมจนถึงจุดที่เค้าจะวาดท่าทาง อย่างเริ่งร่าโดยปราศจากน้ำอีกได้แล้ว อย่างน้อยก็ดูเป็นแบบนั้นละนะ

ถ้ามองกันในแง่ของพัฒนาการ เค้าประสบความสำเร็จมากๆ เพราะเค้ายังคงเอาตัวรอดได้จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปแบบปัจจุบันทันด่วนอย่างในภาพยนตร์เรื่อง  <Tazza-Hand of God>ได้อีกด้วย.



Q: ดูเหมือนคุณจะกังวลมากๆเลยว่ามันจะออกมาดูเฉิ่มๆในระหว่างที่ถ่ายรูป ทำไมอย่างงั้นละคะ??
TOP: เราตัดสินใจกันว่าจะถ่ายรูปกันในแนวเรโทรย้อนยุคในแบบสนุกๆ โดยการจะต่อผมยาวๆนี้ให้กับผม ผมมักจะต้องสวมสูทเสมอเวลาที่จะต้องถ่ายภาพครับและเป็นเพราะผมกำลังพยายามที่จะแสดงออกด้านใหม่ๆของตัวเองออกมาด้วยผมที่ยาวๆและเสื้อผ้าในแบบย้อนยุค และทำหน้าจริงจังแมนๆ ซึ่งคอนเซ็บซ์แบบนี้มันง่ายมากเลยนะฮะที่จะออกมาดู เฉิ่มๆได้ ดังนั้นผมเลยกังวล

Q: แล้วผลที่ออกมา คุณคิดว่ามันออกมาใช้ได้ไม๊คะ?
TOP:ผมคิดว่ามันมีด้านใหม่ๆที่หลากหลายของผมปรากฏในภาพครับ ผมไม่ค่อยได้ลองถ่ายทำในคอนเซ็บซ์ใหม่ๆบ่อยๆเพราะผมอยากจะรักษามันไว้บ้างครับ ถ้าผมแสดงออกมามากเกินไป มันก็อาจจะหมดได้ ผมเลยมักจะเก็บรักษาคอนเซ็บซ์ต่างๆเอาไว้ เพื่อเพิ่มความสดใหม่อยู่เสมอแต่ครั้งนี้ผมได้พยายามลองอะไรใหม่ๆกับทาง <ARENA>.

บทบาทที่ผมแสดงในภาพยนต์เรื่องใหม่นั้นแตกต่างจากบทที่ผมเคยแสดงมาก่อนอย่างมากดังนั้นในตอนนี้ผมรู้สึกกระตือรือร้นในการที่จะแสดงออกด้านใหม่ๆของตัวเองออกมา และผมก็คิดว่าผมควรจะแสดงออกในสิ่งใหม่ๆในการถ่ายแบบเป็นครั้งแรกหลังจากห่างหายไปนานแบบนี้ด้วย

Q: การได้มองคุณในระหว่างการถ่ายแบบนั้นเป็นเรื่องใหม่เหมือนกันนะคะ คุณดูผ่อนคลายมากกว่าตอนที่คุณโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง <71:Into the Fire> มากๆเลย 
TOP:ในตอนนี้ผมรู้สึกจะผ่อนคลายมากเกินไปแล้วละครับซึ่งมันจะเป็นปัญหาเอาได้นะครับ (หัวเราะ) จริงๆแล้วพื้นฐานผมชอบการถ่ายแบบนะครับ ผมสนุกกับมันและรูปจะออกมาดีขึ้นด้วยถ้าผมสนุกไปกับมัน ถึงผมจะทำตามคอนเซ็บซ์ที่ได้รับมา แต่ผมก็เรียนรู้ที่จะแสดงออกด้านที่หรูหราของตัวเองลงไปในคอนเซ็บซ์ที่ได้รับด้วย คุณต้องมีความรู้สึกละโมบอยากให้รูปออกมาดีๆ 

จริงๆแล้วผมมักจะป้องกันไม่ให้ตัวเองขี้เกียจฮะ เพราะถ้าขี้เกียจสิ่งใหม่ๆก็จะไม่ได้ทำให้สำเร็จออกมา ผมมักจะซ่อนไพ่ของตัวเองไว้เสมอและเตรียมตัวให้พร้อม

Q: ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของคุณก็เป็นแบบที่คุณอธิบายมาเลยนะคะ มันเหมือนกับว่าคุณโชว์ไพ่ที่คุณเก็บซ่อนตลอด ออกมาให้พวกเราได้เห็น
TOP: ในตอนที่ผมให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง <The Commitment>,ผมเคยพูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะแสดงออกบุคคลิกของตัวเองออกมา และผมจะเลือกบทบาทที่น่าตกใจและคาดไม่ถึงเลยในภาพยนตร์เรื่องต่อไป

ในขณะที่กำลังมองหาบทแบบที่ตั้งใจผมก็มาเจอบทภาพยนตร์เรื่อง <Tazza-Hand of God>ครับ แต่ผมก็ลังเลในตอนแรกนะครับเพราะ ผมอาจจะโดนวิจารณ์อย่างดุเดือดจากแฟนๆการ์ตูนฉบับดั้งเดิมได้  แต่ตอนนี้ผมจะไม่สนใจในเรื่องใดเลยถ้าเรื่องนั้นมันไม่ได้กระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวผม ถึงแม้ผมจะรู้ว่ามันจะต้องหนัก ผมก็อยากจะท้าทายตัวเอง ในขณะที่ถ่ายทำผมยังคงพยายามที่จะดึงเอาด้านต่างๆที่ตัวเองไม่มี ออกมาอยู่เรื่อยๆอย่างต่อเนื่องครับ

Q: เรื่องในชีวิตประจำวัน , อารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนระหว่างเพศ, การต่อสู้ในโลกแห่งการพนัน , มนุษยธรรม และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย คุณจำเป็นต้องแสดงออกเรื่องที่กว้างมากๆแบบนี้ของมนุษย์ในระหว่างที่แสดงด้วย ซึ่งมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับบทบาทล่าสุดของคุณเลยที่จะเน้นหนักแสดงออกไปที่ความรู้สึกเท่านั้น
TOP:ขนาดในตอนที่ผมอ่านบท ผมคิดว่าผมคงจะแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆถ้าไม่ยอมละเปลือกชั้นต่างๆในตัวเองออกไปซัก สองสามชั้น และเป็นเพราะแบบนี้ผมจึงต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างมาก ถ้าหากผมพยายามเกินไปที่จะดึงเอาด้านที่ตัวเองไม่มีออกมา คนดูก็คงคิดว่า " เอ?? ทำไมคนคนนี้ถึงทำแบบนี้ละ??" และคงคิดว่าผมพยายามเกินไปและคงจะยากสำหรับพวกเค้าที่จะอินไปกับภาพยนตร์ได้ซึ่งคุณจะต้องไม่ยอมให้ผู้ชมเห็นแบบนั้นเด็ดขาด

ในคืนก่อนที่จะเริ่มการถ่ายทำ ผมมีปัญหามากเลยละครับ การที่ย้อนคิดไปว่า ผมจะบรรยายบทบาทนี้ออกมายังไงให้มันดูไม่ซ้ำซากจำเจ?? ผมคิดเรื่องนี้เยอะมากครับ ผมไม่อยากจะวาดกรอบขีีดเส้นด้วยว่าจะไปได้สุดๆที่ตรงไหน แต่ผมแค่อยากจะลอกเปลือกชั้นที่ห่อหุ้มตัวเองออกไปให้หมด  



Q: คุณชอบการพนันรึเปล่า??
TOP:ผมเป็นคนไม่ชอบเล่นเกมเลยครับ รวมถึงไพ่ด้วย ถึงขนาดที่ว่าผมไม่เคยเล่นเกมไพ่ในคอมพิวเตอร์ด้วยตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการที่จะเอาชนะครับ ดังนั้นผมมีความรู้สึกว่าผมต้องมองเห็นจุดจบของมันให้ได้ทันทีที่เริ่มเล่น ผมมักจะเตือนตัวเองอยู่เสมอและไม่เคยเล่นเกมใดๆเลย

ผมฝึกเล่นไพ่ Hwatu หนักมากๆในครั้งนี้ แต่ผมก็มีจุดประสงค์ว่าจะเป็นแบบนี้เพื่อการแสดงเท่านั้น ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ไม่ว่าผมจะเล่นไพ่นี้เก่งแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะไม่มีทางเล่น Hwatu เด็ดขาดครับ

Q:คือคุณไม่ต้องการจะเล่นเลยเพราะมันจะทำให้คุณโกรธมากถ้าหากว่าเกิดแพ้ขึ้นมาใช่ไม๊คะ? ฉันเข้าใจนะว่าคุณหมายถึงอะไร 
TOP: ใช่ครับ ผมอาจจะต้องเอาชีวิตตัวเองลงมาเลยละฮะ (หัวเราะ)

Q: จริงๆแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ของคุณก็เหมือนกับการเล่นพนันเหมือนกันนะคะ
TOP:ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ผมจะได้เติบโตอย่างแน่นอนครับ เพราะผมต้องแสดงออกถึงด้านที่ผมไม่เคยแสดงออกมาก่อนหรือด้านที่ไม่มีในตัวผมด้วยซ้ำออกมา ผมรู้ว่าผมกำลังจะต้องเสี่ยงอย่างมาก แต่เพราะผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยง ผมจึงถูกมันดึงดูดมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ผมจะไม่สนใจในสิ่งที่ไม่เสี่ยงเลยละครับ 

Q: ตอนนี้การถ่ายทำภาพยนตร์ก็เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ในด้านไหนที่ทำให้คุณเติบโตขึ้นคะ?? 
TOP: พูดตรงๆนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า ตรงนี้มีเส้นของความเหมาะสมอยู่ตรงไหนมันจะเหมาะไม๊ (555)   ในตอนที่ถ่ายทำผมพยายามที่จะจับเอาความจำเพาะของนักแสดงแต่ละคนเอาไว้และผมมั่นใจว่าจะสามารถโชว์ในสิ่งที่เรียนรู้มานี้ได้ในภาพยนตร์เรื่องต่อไป ผมได้รับความมั่นใจมากขึ้นนิดนึงในทางที่ดีนะครับ

มีคนกล่าวไว้ว่า เมื่อคุณทำงานกับคนคนนึงคุณจะสามารถเห็นด้านที่หลากหลายของการใช้ชีวิตของเค้าได้ ด้วยประสบการณ์อันนี้ ผมสามารถมองเห็นด้านที่หลากหลายนั้นในระดับนึงเลยครับและมันทำให้ผมได้รับพลังที่ดีๆมามากมาย 

Q: เป็นเพราะมีนักแสดงรุ่นพี่มากมายร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ในตอนแรกคุณรู้สึกกลัวเหมือนโดนข่มขวัญบ้างไม๊คะ?? 
TOP: จริงๆแล้วมันทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นซะอีกครับ เป็นเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ผมได้พบกับคนที่คล่องแคล่วเชี่ยวชาญ คนที่น่าทึ่งแสนวิเศษหลายๆคนที่ช่วยกระตุ้นความปรารถนาในการที่จะเอาชนะในตัวผมให้ลุกโชน ดังนั้นผมจึงได้รับพลังดีๆจากพวกเค้าครับ 

พวกเค้ากล่าวว่ามันมักจะมีสงครามประสาทระหว่างนักแสดงในระหว่างถ่ายทำ และระหว่างนักร้องเวลาที่ขึ้นเวที แต่ผมไม่เก่งที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ ในทางตรงกันข้าม ผมพยายามที่จะรับรู้เอาพลังดีๆจากคนอื่นมากกว่า ผมพยายามรับเอาส่วนที่ดีที่ทรงพลังเอาไว้และส่งมันกลับคืนไปให้พวกเค้าเช่นกัน ผมทำแบบนั้นบ่อยมากๆในระหว่างที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ 



Q: <Tazza-Hand of God>เป็นหนังประจำเทศกาลชูชอก เมื่อไหร่ที่คนพูดกันว่า "เป็นหนังประจำเทศกาลชูชอก" นั่นหมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับความสนใจและถูกจับตามองเป็นพิเศษ มันคงเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปนะคะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์แบบนี้ 
TOP: ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยละครับ มันยังคงให้ความรู้สึกเหนือจริงอยู่นะครับในการได้ฟังคำว่า "หนังประจำเทศกาลชูชอก" หรือคำว่า"หนังที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ" 

เฉพาะตัวหนังก็สร้างความหนักใจให้กับผมอยู่แล้วละครับดังนั้นผมจะไม่เอาพลังงานของผมไปกังวลในเรื่องนั้นเพิ่ม เพราะผมรู้อยู่แล้วละฮะว่ามีความเสี่ยงสูง

Ham Daegil เป็นตัวละครจากการตูนชุดของคุณ Heo Young Man เรื่อง <Tazza>ซึ่งถูกอ่านและได้รับความรักมากมายจากคนในรุ่นผู้ใหญ่ ผมคิดแล้วคิดอีกคิดแล้วคิดอีกว่าผมควรจะทำให้บทบาทนี้น่าสนใจขึ้นได้ยังไง ผมยังคงรู้สึกอยู่เลยว่า ผมเป็นตัวแทนของ Daegil ที่ผสมผสานมาจากการสร้างของผู้กำกับ Kang Hyung Cheol และคุณ Heo Young Man.

Q: ดัวยความหนักใจทั้งหมดที่ว่ามา คุณคงรู้สึกผ่อนคลายแล้วในเมื่อการถ่ายทำจบลงซักที
TOP: ก็ไม่เชิงครับ ใบหน้าผมดูแย่มากๆในช่วงนี้ ปกติแล้วผมเป็นคนที่สิวไม่ขึ้นนะครับ ผมรู้สึกตกใจเลยฮะเมื่อมองหน้าตัวเองในการถ่ายภาพครังนี้ 

ช่วงก่อนที่ภาพยนตร์จะออกฉายหรือช่วงก่อนที่อัลบั้มจะออกวางแผงจะเป็นช่วงที่ใบหน้าผมจะแย่ที่สุดครับ การที่ทำงานเสร็จสิ้นและต้องรอที่จะนำเสนองานนั้นสู่สายตาผู้คน เป็นช่วงที่น่ากระวนกระวายใจที่สุดในโลก 

มันเป็นช่วงที่ประสาทจะเล่นงานเอาครับ ผมจะกลายเป็นคนที่อ่อนไหวมากขึ้นในช่วงนี้ ผมจะประหม่า ผมจะนอนไม่หลับ ดังนั้นผมจะนั่งดื่มคนเดียวเยอะมากเลยฮะ  ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่น่ากระวนกระวายใจที่สุดสำหรับผม เพราะมันเป็นภาพยนตร์ที่ผมทุ่มเทเอาพลังงานและความรู้สึกทั้งหมดในช่วงกว่า 1 ปีของชีวิตตัวเองลงไปในนั้นนะครับ

=====================


Magazine Scans by criticalshot
Translated by bigbanggisvip
Thai Translated by miss mew 
Please credit when taking out!

=================

สัมภาษณ์ ทาบิจากนิตยสาร Arena : korea เดือนกันยายน 2014
Part 1 
part2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น