วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557
[Part2] สัมภาษณ์ TOP จากนิตยสาร Arena: Korea ฉบับเดือน กันยายน2014
Q: ในการ์ตูนฉบับดั้งเดิม มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศอยู่บ้าง บางทีคุณอาจจะต้องแสดงฉากนั้นบ้างรึเปล่าคะ? แล้วในฐานะที่เป็นไอดอลคุณกังวลใจบ้างไม๊?? TOP: ไม่เคยมีซักครั้งที่ผมจะพูดว่า"ผมทำไม่ได้" ครับ ผู้กำกับก็ไม่อยากจะแสดงออกให้มันดูโจ่งครึ่มหยาบโลนเกินไปด้วยเช่นกัน ผมคิดว่า เค้าคงคิดว่าเป็นเพราะเนื้อเรื่องก็มีเรื่องหยาบโลนมากพอแล้ว มันจะทำให้ต้นฉบับดูด้อยราคาลงไปมากถ้าพวกเราถ่ายทำฉบับภาพยนตร์กันอย่างโจ่งครึ่ม
แต่ก็ถือว่ายังมีบางฉากที่เป็นแบบนั้นเหมือนกันนะครับ ผมได้ถ่ายทำฉากที่นักแสดงทั้งหมดต้องเปลือยกาย และผมก็ได้ถ่ายทำฉากบนเตียงด้วย ผมถ่ายทำฉากเหล่านั้นโดยสวมแค่กางเกงชั้นในเท่านั้นซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเคยทำแบบนี้ตั้งแต่เกิดมา ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนที่ขนาดเสื้อแขนสั้นยังไม่ใส่เลยก็ตามฮะ
Q: คุณรู้สึกถึงการได้ปลดปล่อยเป็นอิสระไม๊คะหลังจากที่ได้ลองทำแบบนั้นดู??
TOP: ไม่เลยฮะ ผมประหม่ามากๆ แต่ผมก็ไม่สามารถจะแสดงความประหม่าเหล่านั้นออกมาได้ ถ้าผมเกิดเครียดขึ้นมา ทีมงานและรุ่นพี่ทุกคนก็จะรับรู้ได้ถึงความเครียดและพลังด้านลบและประหม่าเช่นกัน
ด้านนอกผมแสดงเหมือนกับว่าผมสบายดีทุกอย่างโอเค แต่จริงๆแล้วผมประหม่ามากๆเลยละครับ อย่างที่ผมบอกแหละครับ ผมไม่ชอบการโชว์ร่างกายหรือผิวพรรณมากๆ ผมไม่สวมเสื้อยืดแขนสั้นด้วยซ้ำทั้งๆที่อยู่ในฤดูร้อน แต่ในตอนที่ถ่ายทำฉากที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีความคิดใดๆผ่านเข้ามาในหัวผมหรอกนะครับ (หัวเราะ) บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะถ่ายทำฉากที่เปิดเผยมากขนาดนี้
Q: ทำไมถึงพูด ด่วนสรุปแบบนั้นละคะ??
TOP: มันมีเหตุผลอยู่นะครับในการที่ผมตัดสินใจที่จะโชว์ร่างกายบ้างในภาพยนตร์เรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์แอคชั่นอย่างเรื่อง <The Commitment> มันคงจะให้ความรู้สึกที่มากเกินไปถ้ามันจะมีฉากให้ถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อเพื่อจะได้ดูเท่ ผู้คนอาจจะพูดกันว่า "ที่เค้าตัดสินใจถอดเสื้อเพราะอยากจะดูเท่ในหนังใช่ไม๊นะ?? " แต่ในภาพยนตร์เรื่อง <Tazza- Hand of God> พวกเค้าไม่ได้จัดแสงเพื่อให้รูปร่างผมดูเท่เลยครับ มันไม่ใช่ฉากแบบนั้น
ในตอนที่ผมอ่านบท ผมคิดว่า ยิ่งผมถอดเสื้อได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความสนุกให้กับเนื้อเรื่องมากเท่านั้น ผมคิดว่าการถอดเสื้อผ้าออกในครั้งนี้เป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับเนื้อเรื่องครับ
Q: จริงค่ะ ฉากที่พวกคุณต้องเปลือยกายเล่นไพ่ Hwatu มันเป็นสัญลักษณ์ของความเคลือบแคลงสงสัยและความละโมบโลภมาก TOP: เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ ผมจึงได้รับกำลังใจและเต็มใจที่จะถอดเสื้อผ้าออกครับ อืม..... เมื่อฟังๆดูสิ่งที่ผมได้พูดออกไป ผมพูดเหมือนกับนักแสดงหญิงเลยครับ (หัวเราะ)
Q: ฮาาา งั้นคุณคงตั้งสมาธิไปที่บทบาทมากกว่าที่จะมัวมาคิดเรื่องฉากนั้น ??
TOP: ผมคิดว่าผมคงจะไม่ถอดเสื้อผ้าออกหรอกครับถ้าฉากนั้นมันไม่ได้มีส่วนจำเป็นต่อการดำเนินเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ คือผมรู้สึกมากกว่าการที่ต้องถอดเสื้อผ้าออกในภาพยนตร์นะครับ ผมคิดว่าตัวเองเกลียดการเปิดเผยร่างกายในแบบที่เป็นอาการทางจิตครับ ผมมักจะสวมแต่เสื้อแขนยาวเวลาอยู่บ้าน ผมเกลียดเวลาที่ผิวของผมไปสัมผัสโดนสิ่งต่างๆ เป็นเวลากว่า 10 ปีมาแล้วที่ผมไม่ได้สวมกางเกงขาสั้นเลย
ผมจะไม่พูดว่าตัวเองอ่อนไหวเกินไปหรอกนะครับ เอาเป็นว่าผมขี้อายมากๆๆ สำหรับผม การเปิดเผยผิวพรรณ เป็นการกระทำที่น่าอายมาก ในตอนที่ผมถ่ายทำฉากบนเตียง ผมถามผู้กำกับว่า "คุณอยากให้ผมถอดกางเกงชั้นในออกด้วยรึเปล่าครับ??" (หัวเราะ) ผมคิดว่ามันคงไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ในการที่จะสวมหรือถอดกางเกงในในตอนนั้นเพราะผมต้องถอดเสื้อผ้าโชว์ร่างกายอยู่แล้ว (หัวเราะ)
มันสนุกดีครับ การที่ได้รับประสบการณ์ในบางอย่างแบบนี้ครั้งนึงในชีวิต
Q: จริงๆมีเรื่องให้น่ากังวลมากอยู่ในนะคะเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เช่น คำวิจารณ์ต่างๆ TOP: ผมอ่านคำวิจารณ์นะครับแต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าถูกทำร้ายจากพวกมันเลยครับ ขนาดในตอนที่บิกแบงออกอัลบั้ม ก็มักจะมีคอมเม้นซ์ที่เกลียดชังเสมอครับ แต่หลังจากนั้น ผมเรียนรู้ว่าผู้คนก็มักจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไป มันค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวนะครับในการมองดูการเปลี่ยนแปลงนี้
ผมรู้สึกว่าตัวเองมีแอนตี้แฟนน้อยลงๆจนถึงตอนนี้ (หัวเราะ) อ่าาา ครั้งนี้ในตอนที่ผมอ่านคำวิจารณ์ต่างๆผมได้เห็นว่าผู้ตนได้วิจารณ์ผมในบางอย่างที่ผมไม่เคยโดนวิจารณ์มาก่อน (หัวเราะ)
Q: ทั้งงานนักดนตรีและนักแสดง คุณคิดว่าตัวเองสร้างความสมดุลในงานทั้งสองได้เป็นอย่างดี คุณไม่ได้เอนเอียงไปทางไหนเป็นพิเศษและก็ไม่ได้ลงมือทำในด้านไหนด้านหนึ่งมากเป็นพิเศษ??
TOP:อาชีพหลักของผมคือนักดนตรีครับ แต่ผมพยายามที่จะทำให้งานทั้งสองอย่างนี้มันสมดุลกันครับ
ผมคิดว่าผมปรากฏตัวในละครเป็นครั้งแรกเมื่อ 8 ปีก่อน ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ระมัดระวังในการที่จะทุ่มตัวเองทั้งหมดลงไปในสิ่งสิ่งเดียว ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะชอบลองอะไรที่หลากหลายและค้นพบสิ่งที่ชอบเพียงอย่างเดียว แต่ผมเป็นคนประเภทที่จะทุ่มเทพลังงานทั้งหมดลงไปจัดการเตรียมงานทุ่มทั้งใจลงไปกับงานเป็นชิ้นเป็นชิ้นไป ดังนั้นผมว่าผมน่าจะสามารถหาทางสมดุลกับงานทั้งสองอย่างนี้ได้ดีนะครับ
Q: ถ้าสถานการณ์เอื้อให้คุณทำได้แบบนั้นก็ดีสิคะ
TOP: อืมม ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่นะครับ ผมรู้ว่าครั้งนี้ผมควรจะขยันทำงานให้มากขึ้นอีก แต่ผมเป็นพวกที่ไม่ง่ายนักนะครับที่จะลงมือทำอะไร ผมรู้สึกว่าตัวเองมักจะเก็บรักษาอะไรบางอย่างไว้เสมอ ในตอนที่ผมทำการแสดงมันก็ยังมีบางครั้งที่ผมแอบดูรายการเพลง และผมมักจะมองดูว่าผู้คนในตอนนี้เค้าทำอะไรกันบ้าง คือผมไม่ชอบการกระโดดเอาตัวลงไปลอง ผมเกลียดการที่จะต้องยอมแสดงด้านอ่อนแอของตัวเองออกมา ดังนั้นผมจะไม่ลงไปลองหรือกระโดดลงไปลงมือทำในสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นครับ
Q: เพราะมันยังคงมีความเสี่ยงในการที่จะล้มเหลวได้ ทั้งๆที่ตัวคุณก็เป็นคนมีทักษะอยู่มากเหรอคะ??
TOP:ผมหมายถึงในทางตรงกันข้ามเลยละครับ ผมไม่อยากที่จะลงมือทำในสิ่งที่ในสาขานั้นๆไม่มีคนที่เก่งๆอยู่เลยครับ อืมมม ผมพูดตรงไปรึเปล่าครับ?? (หัวเราะ) ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำการสัมภาษณ์แบบนี้หลังจากที่ผมห่างไปนาน
คือครับ ผมเป็นคนประเภทที่จะขยับตัวลงมือทำถ้าผมรู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างในตัวผมครับ ผมค่อยๆกลายเป็นคนแบบนี้ไปแล้วครับ ความจริงที่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเสี่ยงมากก็ยิ่งกระตุ้นตัวผมมากขึ้นอีก มันทำให้ผมถูกดึงดูดด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้นอีก
Q: เพราะว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่"เสี่ยงสูงแต่ถ้าฮิตก็จะได้รับกลับคืนสูง" แบบนั้นเหรอคะ?
TOP:ผมยังคงไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าจะได้รับอะไรกลับมาจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงต่างๆที่ผมพูดมา ผมคิดจริงๆว่าผมคงไม่ได้รับอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆจากมันหรอกครับ หากผมทำออกมาดีไม่พอสำหรับการได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมทุกคน มันเป็นภาพยนตร์ที่เสี่ยงสูงครับ
ผมรู้ดีว่างานการ์ตูนชุดฉบับดั้งเดิมนั้นเป็นชิ้นงานที่ได้รับความรักจากผู้คนมากมาย แต่ผมก็ยังคงต้องการที่จะท้าทายตัวเองอยู่ดี
Q: เท่าที่ฟังคุณมาคุณเป็นคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักมากจริงๆนะคะ
TOP:ผมพยายามที่จะไม่ขี้เกียจนะครับ เพราะตัวเองยังอายุน้อยอยู่ ผมพยายามที่จะทำงานในขณะเดียวกันก็มองไปยังอนาคต หากผมไม่ยอมเสี่ยงและลองอะไรใหม่ๆในตอนนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองคงกลายเป็นคนล้าสมัยแน่ๆในอีก 10 20 30 ปีข้างหน้า
ถึงแม้ว่าคุณจะต้องล้มเหลว หากคุณยังคงพยายามมองหาอะไรใหม่ๆต่อไป ก็ยังจะเป็นคุณไม่ใช่เหรอที่จะเป็นคนที่นำกระแสได้เมื่อเวลาผ่านไป ? หากคนเราเอาแต่เลือกเดินทางที่ปลอดภัยโดยไม่ยอมรับความเสี่ยงเลย เค้าก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในชีวิต ผู้คนก็จะเริ่มเบื่อหน่ายคนคนนั้น
Q: เพราะโอกาสในการเปลื่ยนแปลงนั้น มักจะหมดลงง่ายๆ นะคะหากมองในแง่นี้ กลยุทธิ์ของคุณที่มักจะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่แสดงตัวออกมาบ่อยจนเกินไป ก็ดูไม่เลวนะคะ?
TOP: แต่มันเป็นกลยุทธิ์ที่ยากต่อการปฏิบัติมากๆโดยเฉพาะในทุกวันนี้นะครับ ผมไม่ได้แสดงตัวออกมาบ่อยนักเป็นเพราะผมไม่มีอะไรในตัวที่จะเอาออกมาโชว์ได้เท่าไหร่ หากผมเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากๆ ผมคงถ่ายรูปตัวเองและโพสให้คนดูกัน แต่นี่เป็นเพราะ ผมเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป ปัญหาของผมคือ ผมเป็นคนที่คิดเยอะคิดมากเกินไปครับ
Q: คุณต้องกลายเป็นคนที่คิดมากรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากภายนอกเหรอคะ การที่คุณปรากฏกายออกมาบ่อยเกินไป มันอาจจะเกิดความเสี่ยงได้?
TOP:ผมไม่เคยทำอะไรที่จะนำไปสู่สถานการณ์ที่อันตรายเลยครับ เวลาที่ผมพักผ่อน ผมจะเอาแต่อยู่ในบ้านหากผมได้รับวันหยุด 2 อาทิตย์ ผมก็จะอยู่แต่ในบ้านตลอดสองอาทิตย์นั้น ขนาดเวลาที่ผมจะนัดเจอเพื่อ ผมจะพาพวกเค้ามาที่บ้านและมาดื่มไวน์ด้วยกัน
ผมพยายามที่จะไม่ไปทำผิดพลาดอะไรที่ไหน ผมรู้ว่าตัวเองเป็นเหมือนตัวอันตรายที่คาดเดาอะไรไม่ได้ ดังนั้นผมจึงพยายามที่จะควบคุมตัวเองมากขึ้นอีกนะครับ (หัวเราะ)
Q: มันคงเป็นการยากในการที่ต้องรอคอยนะคะ
TOP: มันมีคำกล่าวที่ว่า "ให้แบไพ่ในมือออกมาให้หมดหน้าตัก" (หมายถึงการที่แสดงออกตัวตนของตัวเองออกมาจนหมด)แต่ผมมักจะมั่นใจอยู่เสมอว่าตัวเองยังมีไพ่ที่ยังไม่ได้ใช้อยู่ในมืออีกเสมอ ผมพยายามที่จะเก็บรักษามันเอาไว้เสมอ
ในฐานะที่เป็นศิลปินของประชาชน ผมสามารถเห็นภาพได้ว่าในครั้งนี้ผมควรจะลงมือทำอะไร เป็นเพราะแบบนี้ผมถึงไม่รู้สึกกระวนกระวายหรืออะไรทั้งนั้น มันยังคงมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมสามารถที่จะแสดงออกมาได้
ในเรื่องเพลงก็เช่นกันมันมีเหตุผลว่าทำไมผมไม่เคยออกอัลบั้มเดี่ยวเลยทั้งๆที่พวกเราบิกแบงฟอร์มวงมากว่า 10 ปีแล้ว แต่แน่นอนแหละครับ ผมพลาดช่วงเวลาที่จะทำอัลบั้มเดี่ยวเพราะผมมัวโปรโมทในฐานะนักแสดงและในนามของบิกแบงทำให้พลาดโอกาสไปแต่มันไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกครับ
ดังนั้นในตอนนี้ผมกำลังสะสมไพ่ในมืออย่างต่อเนื่องครับ และผมก็สะสมเพลงเอาไว้ทำอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน
Q: งั้นคุณก็คำนวณอย่างดีเลยว่าเมื่อถึงเวลาคุณก็จะงัดเอาไพ่ในมือที่สะสมเอาไว้ออกมา เมื่อถึงเวลาจำเป็น??
TOP:ผมไม่ใช่คนที่จะคำนวณอะไรแบบนั้นได้ครับ จริงๆแล้วตัวผมเป็นคนที่อ่อนไหวเอามากๆ พูดตรงๆคือ ผมคิดว่าตัวเองหนักไปในทางขี้ขลาดด้วย และเพราะ ผมเป็นคนขี้ขลาดที่อ่อนไหวผู้ซึ่งไม่สามารถใช้ชีวิตในแบบที่ผ่านการคำนวณหรือวางแผนไว้ได้ผมจึงมักจะเอาแต่หลบซ่อน นอกจากนี้ผมยังคิดว่าตัวเองขาดความมั่นใจในตัวเองเอามากๆ
ผมจะรอคอยอย่างต่อเนื่องและจะแสดงออกเพิ่มขึ้นต่อหน้าผู้คนเมื่อผมแข็งแรงขึ้น หากจะให้ผมคำนวณพรสววรค์และทักษะต่างๆของตัวเองที่ผมได้แสดงออกไปแล้วนับได้แค่ 5%ของสิ่งที่มีทั้งหมดในตัวผมครับ เรื่องนี้ผมมั่นใจมาก
Q: ตอนนี้คุณกำลังรอคอยช่วงเวลาที่จะระเบิดหลังการที่ปะทุเดือดๆมาแล้ว??
TOP: ผมชอบที่จะรอคอยอย่างอดทนนะครับ จริงๆแล้วตัวผมเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นสูงมากๆ แต่เพราะผมกดความกระตือรือร้นนั้นไว้ ผมจึงรู้สึกถึงอารมณ์ที่จะต้องปลดปล่อย
บางครั้งเวลาที่ผมมองไปที่คนบางคน ผมจะรู้สึกว่าพวกเค้าไม่มีอะไรเหลือในตัวเลยเพราะพวกเค้าแสดงออกมามากเกินไป คุณจะบอกได้เลยถ้าคุณทำงานในสาขาเดียวกัน แต่สำหรับตัวผมมักจะยึดเกาะสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ ขนาดที่เวลาผู้คนรอบข้างผมบอกให้ผมลงมือทำมากขึ้นและกระตุ้นผม ผมก็จะยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้นอีก ผมต้องการที่จะแสดงออกตัวตนของผมมากขึ้นในตอนที่ผมอิ่มตัวมากกว่านี้ครับ
================
Magazine Scans by criticalshot
Translated by bigbanggisvip
Thai Translated by miss mew
Please credit when taking out!
=================
สัมภาษณ์ ทาบิจากนิตยสาร Arena : korea เดือนกันยายน 2014
Part 1
part2
[Part1] สัมภาษณ์ TOP จากนิตยสาร Arena: Korea ฉบับเดือน กันยายน2014
บูม! ชายคนนึงกำลังยืนอยู่หน้ากล้อง เค้ากำลังพูดคุยพร้อมๆไปกับแตะผมด้านหลังใบหู เค้าคือ ชเวซึงฮยอนนั่นเอง ในตอนนี้ชื่อนี้มีความหมายคล้ายคลึงกับคำว่า ท็อป ที่แปลว่าจุดสูงสุดแล้ว เค้าถ่ายทำภาพยนตร์ไปแล้วรวม 3 เรื่อง
เค้าโพสท่าโดยหันมือและเท้ามาทางกล้อง เค้าผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อที่ไหล่และเอาบรรยากาศทั้งหมดอยู่หมัด แว่นตากันแดดสีเหลืองนั้นดูเหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเค้าเลยทีเดียว จริงๆแล้วในความทรงจำของกองบรรณาธิการเค้าไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ในตอนนั้นเค้ามาลงปกนิตยสารของเราพร้อมกับมีงานในภาพยนตร์เรื่อง <71: Into the Fire> เค้าดูแข็งๆในตอนนั้น สายตานั้นแหลมคมเหมือนกับคมปลายธนู แต่ร่างกายกลับแข็งเหมือนเป็นท่อนไม้
แต่ก็เป้นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายว่าทำไมเค้าถึงเป็นแบบนั้น ตอนนั้นภาพนตร์เรื่องนั้นเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก
ของเค้าที่เค้าต้องประกบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งนั้น แต่ถึงยังไงเค้าก็มีตัวตนโดดเด่นไม่ได้โดนกลืนไปแต่อย่างใด
ท็อป ผู้ซึ่งลงมาจากเวทีคอนเสริต์เป็นแบบนั้นแหละค่ะ เค้าดูเหมือนปลาที่โดนตักออกมาจากน้ำ แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นอดีตไปแล้วตอนนี้เค้าชักจะเคยชินกับสภาพแวดล้อมจนถึงจุดที่เค้าจะวาดท่าทาง อย่างเริ่งร่าโดยปราศจากน้ำอีกได้แล้ว อย่างน้อยก็ดูเป็นแบบนั้นละนะ
ถ้ามองกันในแง่ของพัฒนาการ เค้าประสบความสำเร็จมากๆ เพราะเค้ายังคงเอาตัวรอดได้จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปแบบปัจจุบันทันด่วนอย่างในภาพยนตร์เรื่อง <Tazza-Hand of God>ได้อีกด้วย.
Q: ดูเหมือนคุณจะกังวลมากๆเลยว่ามันจะออกมาดูเฉิ่มๆในระหว่างที่ถ่ายรูป ทำไมอย่างงั้นละคะ??
TOP: เราตัดสินใจกันว่าจะถ่ายรูปกันในแนวเรโทรย้อนยุคในแบบสนุกๆ โดยการจะต่อผมยาวๆนี้ให้กับผม ผมมักจะต้องสวมสูทเสมอเวลาที่จะต้องถ่ายภาพครับและเป็นเพราะผมกำลังพยายามที่จะแสดงออกด้านใหม่ๆของตัวเองออกมาด้วยผมที่ยาวๆและเสื้อผ้าในแบบย้อนยุค และทำหน้าจริงจังแมนๆ ซึ่งคอนเซ็บซ์แบบนี้มันง่ายมากเลยนะฮะที่จะออกมาดู เฉิ่มๆได้ ดังนั้นผมเลยกังวล
Q: แล้วผลที่ออกมา คุณคิดว่ามันออกมาใช้ได้ไม๊คะ?
TOP:ผมคิดว่ามันมีด้านใหม่ๆที่หลากหลายของผมปรากฏในภาพครับ ผมไม่ค่อยได้ลองถ่ายทำในคอนเซ็บซ์ใหม่ๆบ่อยๆเพราะผมอยากจะรักษามันไว้บ้างครับ ถ้าผมแสดงออกมามากเกินไป มันก็อาจจะหมดได้ ผมเลยมักจะเก็บรักษาคอนเซ็บซ์ต่างๆเอาไว้ เพื่อเพิ่มความสดใหม่อยู่เสมอแต่ครั้งนี้ผมได้พยายามลองอะไรใหม่ๆกับทาง <ARENA>.
บทบาทที่ผมแสดงในภาพยนต์เรื่องใหม่นั้นแตกต่างจากบทที่ผมเคยแสดงมาก่อนอย่างมากดังนั้นในตอนนี้ผมรู้สึกกระตือรือร้นในการที่จะแสดงออกด้านใหม่ๆของตัวเองออกมา และผมก็คิดว่าผมควรจะแสดงออกในสิ่งใหม่ๆในการถ่ายแบบเป็นครั้งแรกหลังจากห่างหายไปนานแบบนี้ด้วย
Q: การได้มองคุณในระหว่างการถ่ายแบบนั้นเป็นเรื่องใหม่เหมือนกันนะคะ คุณดูผ่อนคลายมากกว่าตอนที่คุณโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง <71:Into the Fire> มากๆเลย
TOP:ในตอนนี้ผมรู้สึกจะผ่อนคลายมากเกินไปแล้วละครับซึ่งมันจะเป็นปัญหาเอาได้นะครับ (หัวเราะ) จริงๆแล้วพื้นฐานผมชอบการถ่ายแบบนะครับ ผมสนุกกับมันและรูปจะออกมาดีขึ้นด้วยถ้าผมสนุกไปกับมัน ถึงผมจะทำตามคอนเซ็บซ์ที่ได้รับมา แต่ผมก็เรียนรู้ที่จะแสดงออกด้านที่หรูหราของตัวเองลงไปในคอนเซ็บซ์ที่ได้รับด้วย คุณต้องมีความรู้สึกละโมบอยากให้รูปออกมาดีๆ
จริงๆแล้วผมมักจะป้องกันไม่ให้ตัวเองขี้เกียจฮะ เพราะถ้าขี้เกียจสิ่งใหม่ๆก็จะไม่ได้ทำให้สำเร็จออกมา ผมมักจะซ่อนไพ่ของตัวเองไว้เสมอและเตรียมตัวให้พร้อม
Q: ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของคุณก็เป็นแบบที่คุณอธิบายมาเลยนะคะ มันเหมือนกับว่าคุณโชว์ไพ่ที่คุณเก็บซ่อนตลอด ออกมาให้พวกเราได้เห็น
TOP: ในตอนที่ผมให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง <The Commitment>,ผมเคยพูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะแสดงออกบุคคลิกของตัวเองออกมา และผมจะเลือกบทบาทที่น่าตกใจและคาดไม่ถึงเลยในภาพยนตร์เรื่องต่อไป
ในขณะที่กำลังมองหาบทแบบที่ตั้งใจผมก็มาเจอบทภาพยนตร์เรื่อง <Tazza-Hand of God>ครับ แต่ผมก็ลังเลในตอนแรกนะครับเพราะ ผมอาจจะโดนวิจารณ์อย่างดุเดือดจากแฟนๆการ์ตูนฉบับดั้งเดิมได้ แต่ตอนนี้ผมจะไม่สนใจในเรื่องใดเลยถ้าเรื่องนั้นมันไม่ได้กระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวผม ถึงแม้ผมจะรู้ว่ามันจะต้องหนัก ผมก็อยากจะท้าทายตัวเอง ในขณะที่ถ่ายทำผมยังคงพยายามที่จะดึงเอาด้านต่างๆที่ตัวเองไม่มี ออกมาอยู่เรื่อยๆอย่างต่อเนื่องครับ
Q: เรื่องในชีวิตประจำวัน , อารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนระหว่างเพศ, การต่อสู้ในโลกแห่งการพนัน , มนุษยธรรม และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย คุณจำเป็นต้องแสดงออกเรื่องที่กว้างมากๆแบบนี้ของมนุษย์ในระหว่างที่แสดงด้วย ซึ่งมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับบทบาทล่าสุดของคุณเลยที่จะเน้นหนักแสดงออกไปที่ความรู้สึกเท่านั้น
TOP:ขนาดในตอนที่ผมอ่านบท ผมคิดว่าผมคงจะแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆถ้าไม่ยอมละเปลือกชั้นต่างๆในตัวเองออกไปซัก สองสามชั้น และเป็นเพราะแบบนี้ผมจึงต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างมาก ถ้าหากผมพยายามเกินไปที่จะดึงเอาด้านที่ตัวเองไม่มีออกมา คนดูก็คงคิดว่า " เอ?? ทำไมคนคนนี้ถึงทำแบบนี้ละ??" และคงคิดว่าผมพยายามเกินไปและคงจะยากสำหรับพวกเค้าที่จะอินไปกับภาพยนตร์ได้ซึ่งคุณจะต้องไม่ยอมให้ผู้ชมเห็นแบบนั้นเด็ดขาด
ในคืนก่อนที่จะเริ่มการถ่ายทำ ผมมีปัญหามากเลยละครับ การที่ย้อนคิดไปว่า ผมจะบรรยายบทบาทนี้ออกมายังไงให้มันดูไม่ซ้ำซากจำเจ?? ผมคิดเรื่องนี้เยอะมากครับ ผมไม่อยากจะวาดกรอบขีีดเส้นด้วยว่าจะไปได้สุดๆที่ตรงไหน แต่ผมแค่อยากจะลอกเปลือกชั้นที่ห่อหุ้มตัวเองออกไปให้หมด
Q: คุณชอบการพนันรึเปล่า??
TOP:ผมเป็นคนไม่ชอบเล่นเกมเลยครับ รวมถึงไพ่ด้วย ถึงขนาดที่ว่าผมไม่เคยเล่นเกมไพ่ในคอมพิวเตอร์ด้วยตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการที่จะเอาชนะครับ ดังนั้นผมมีความรู้สึกว่าผมต้องมองเห็นจุดจบของมันให้ได้ทันทีที่เริ่มเล่น ผมมักจะเตือนตัวเองอยู่เสมอและไม่เคยเล่นเกมใดๆเลย
ผมฝึกเล่นไพ่ Hwatu หนักมากๆในครั้งนี้ แต่ผมก็มีจุดประสงค์ว่าจะเป็นแบบนี้เพื่อการแสดงเท่านั้น ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ไม่ว่าผมจะเล่นไพ่นี้เก่งแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะไม่มีทางเล่น Hwatu เด็ดขาดครับ
Q:คือคุณไม่ต้องการจะเล่นเลยเพราะมันจะทำให้คุณโกรธมากถ้าหากว่าเกิดแพ้ขึ้นมาใช่ไม๊คะ? ฉันเข้าใจนะว่าคุณหมายถึงอะไร
TOP: ใช่ครับ ผมอาจจะต้องเอาชีวิตตัวเองลงมาเลยละฮะ (หัวเราะ)
Q: จริงๆแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ของคุณก็เหมือนกับการเล่นพนันเหมือนกันนะคะ
TOP:ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ผมจะได้เติบโตอย่างแน่นอนครับ เพราะผมต้องแสดงออกถึงด้านที่ผมไม่เคยแสดงออกมาก่อนหรือด้านที่ไม่มีในตัวผมด้วยซ้ำออกมา ผมรู้ว่าผมกำลังจะต้องเสี่ยงอย่างมาก แต่เพราะผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยง ผมจึงถูกมันดึงดูดมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ผมจะไม่สนใจในสิ่งที่ไม่เสี่ยงเลยละครับ
Q: ตอนนี้การถ่ายทำภาพยนตร์ก็เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ในด้านไหนที่ทำให้คุณเติบโตขึ้นคะ??
TOP: พูดตรงๆนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า ตรงนี้มีเส้นของความเหมาะสมอยู่ตรงไหนมันจะเหมาะไม๊ (555) ในตอนที่ถ่ายทำผมพยายามที่จะจับเอาความจำเพาะของนักแสดงแต่ละคนเอาไว้และผมมั่นใจว่าจะสามารถโชว์ในสิ่งที่เรียนรู้มานี้ได้ในภาพยนตร์เรื่องต่อไป ผมได้รับความมั่นใจมากขึ้นนิดนึงในทางที่ดีนะครับ
มีคนกล่าวไว้ว่า เมื่อคุณทำงานกับคนคนนึงคุณจะสามารถเห็นด้านที่หลากหลายของการใช้ชีวิตของเค้าได้ ด้วยประสบการณ์อันนี้ ผมสามารถมองเห็นด้านที่หลากหลายนั้นในระดับนึงเลยครับและมันทำให้ผมได้รับพลังที่ดีๆมามากมาย
Q: เป็นเพราะมีนักแสดงรุ่นพี่มากมายร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ในตอนแรกคุณรู้สึกกลัวเหมือนโดนข่มขวัญบ้างไม๊คะ??
TOP: จริงๆแล้วมันทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นซะอีกครับ เป็นเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ผมได้พบกับคนที่คล่องแคล่วเชี่ยวชาญ คนที่น่าทึ่งแสนวิเศษหลายๆคนที่ช่วยกระตุ้นความปรารถนาในการที่จะเอาชนะในตัวผมให้ลุกโชน ดังนั้นผมจึงได้รับพลังดีๆจากพวกเค้าครับ
พวกเค้ากล่าวว่ามันมักจะมีสงครามประสาทระหว่างนักแสดงในระหว่างถ่ายทำ และระหว่างนักร้องเวลาที่ขึ้นเวที แต่ผมไม่เก่งที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ ในทางตรงกันข้าม ผมพยายามที่จะรับรู้เอาพลังดีๆจากคนอื่นมากกว่า ผมพยายามรับเอาส่วนที่ดีที่ทรงพลังเอาไว้และส่งมันกลับคืนไปให้พวกเค้าเช่นกัน ผมทำแบบนั้นบ่อยมากๆในระหว่างที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้
Q: <Tazza-Hand of God>เป็นหนังประจำเทศกาลชูชอก เมื่อไหร่ที่คนพูดกันว่า "เป็นหนังประจำเทศกาลชูชอก" นั่นหมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับความสนใจและถูกจับตามองเป็นพิเศษ มันคงเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปนะคะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์แบบนี้
TOP: ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยละครับ มันยังคงให้ความรู้สึกเหนือจริงอยู่นะครับในการได้ฟังคำว่า "หนังประจำเทศกาลชูชอก" หรือคำว่า"หนังที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ"
เฉพาะตัวหนังก็สร้างความหนักใจให้กับผมอยู่แล้วละครับดังนั้นผมจะไม่เอาพลังงานของผมไปกังวลในเรื่องนั้นเพิ่ม เพราะผมรู้อยู่แล้วละฮะว่ามีความเสี่ยงสูง
Ham Daegil เป็นตัวละครจากการตูนชุดของคุณ Heo Young Man เรื่อง <Tazza>ซึ่งถูกอ่านและได้รับความรักมากมายจากคนในรุ่นผู้ใหญ่ ผมคิดแล้วคิดอีกคิดแล้วคิดอีกว่าผมควรจะทำให้บทบาทนี้น่าสนใจขึ้นได้ยังไง ผมยังคงรู้สึกอยู่เลยว่า ผมเป็นตัวแทนของ Daegil ที่ผสมผสานมาจากการสร้างของผู้กำกับ Kang Hyung Cheol และคุณ Heo Young Man.
Q: ดัวยความหนักใจทั้งหมดที่ว่ามา คุณคงรู้สึกผ่อนคลายแล้วในเมื่อการถ่ายทำจบลงซักที
TOP: ก็ไม่เชิงครับ ใบหน้าผมดูแย่มากๆในช่วงนี้ ปกติแล้วผมเป็นคนที่สิวไม่ขึ้นนะครับ ผมรู้สึกตกใจเลยฮะเมื่อมองหน้าตัวเองในการถ่ายภาพครังนี้
ช่วงก่อนที่ภาพยนตร์จะออกฉายหรือช่วงก่อนที่อัลบั้มจะออกวางแผงจะเป็นช่วงที่ใบหน้าผมจะแย่ที่สุดครับ การที่ทำงานเสร็จสิ้นและต้องรอที่จะนำเสนองานนั้นสู่สายตาผู้คน เป็นช่วงที่น่ากระวนกระวายใจที่สุดในโลก
มันเป็นช่วงที่ประสาทจะเล่นงานเอาครับ ผมจะกลายเป็นคนที่อ่อนไหวมากขึ้นในช่วงนี้ ผมจะประหม่า ผมจะนอนไม่หลับ ดังนั้นผมจะนั่งดื่มคนเดียวเยอะมากเลยฮะ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่น่ากระวนกระวายใจที่สุดสำหรับผม เพราะมันเป็นภาพยนตร์ที่ผมทุ่มเทเอาพลังงานและความรู้สึกทั้งหมดในช่วงกว่า 1 ปีของชีวิตตัวเองลงไปในนั้นนะครับ
=====================
Magazine Scans by criticalshot
Translated by bigbanggisvip
Thai Translated by miss mew
Please credit when taking out!
=================
สัมภาษณ์ ทาบิจากนิตยสาร Arena : korea เดือนกันยายน 2014
Part 1
part2
เค้าโพสท่าโดยหันมือและเท้ามาทางกล้อง เค้าผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อที่ไหล่และเอาบรรยากาศทั้งหมดอยู่หมัด แว่นตากันแดดสีเหลืองนั้นดูเหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเค้าเลยทีเดียว จริงๆแล้วในความทรงจำของกองบรรณาธิการเค้าไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ในตอนนั้นเค้ามาลงปกนิตยสารของเราพร้อมกับมีงานในภาพยนตร์เรื่อง <71: Into the Fire> เค้าดูแข็งๆในตอนนั้น สายตานั้นแหลมคมเหมือนกับคมปลายธนู แต่ร่างกายกลับแข็งเหมือนเป็นท่อนไม้
แต่ก็เป้นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายว่าทำไมเค้าถึงเป็นแบบนั้น ตอนนั้นภาพนตร์เรื่องนั้นเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก
ของเค้าที่เค้าต้องประกบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งนั้น แต่ถึงยังไงเค้าก็มีตัวตนโดดเด่นไม่ได้โดนกลืนไปแต่อย่างใด
ท็อป ผู้ซึ่งลงมาจากเวทีคอนเสริต์เป็นแบบนั้นแหละค่ะ เค้าดูเหมือนปลาที่โดนตักออกมาจากน้ำ แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นอดีตไปแล้วตอนนี้เค้าชักจะเคยชินกับสภาพแวดล้อมจนถึงจุดที่เค้าจะวาดท่าทาง อย่างเริ่งร่าโดยปราศจากน้ำอีกได้แล้ว อย่างน้อยก็ดูเป็นแบบนั้นละนะ
ถ้ามองกันในแง่ของพัฒนาการ เค้าประสบความสำเร็จมากๆ เพราะเค้ายังคงเอาตัวรอดได้จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปแบบปัจจุบันทันด่วนอย่างในภาพยนตร์เรื่อง <Tazza-Hand of God>ได้อีกด้วย.
Q: ดูเหมือนคุณจะกังวลมากๆเลยว่ามันจะออกมาดูเฉิ่มๆในระหว่างที่ถ่ายรูป ทำไมอย่างงั้นละคะ??
TOP: เราตัดสินใจกันว่าจะถ่ายรูปกันในแนวเรโทรย้อนยุคในแบบสนุกๆ โดยการจะต่อผมยาวๆนี้ให้กับผม ผมมักจะต้องสวมสูทเสมอเวลาที่จะต้องถ่ายภาพครับและเป็นเพราะผมกำลังพยายามที่จะแสดงออกด้านใหม่ๆของตัวเองออกมาด้วยผมที่ยาวๆและเสื้อผ้าในแบบย้อนยุค และทำหน้าจริงจังแมนๆ ซึ่งคอนเซ็บซ์แบบนี้มันง่ายมากเลยนะฮะที่จะออกมาดู เฉิ่มๆได้ ดังนั้นผมเลยกังวล
Q: แล้วผลที่ออกมา คุณคิดว่ามันออกมาใช้ได้ไม๊คะ?
TOP:ผมคิดว่ามันมีด้านใหม่ๆที่หลากหลายของผมปรากฏในภาพครับ ผมไม่ค่อยได้ลองถ่ายทำในคอนเซ็บซ์ใหม่ๆบ่อยๆเพราะผมอยากจะรักษามันไว้บ้างครับ ถ้าผมแสดงออกมามากเกินไป มันก็อาจจะหมดได้ ผมเลยมักจะเก็บรักษาคอนเซ็บซ์ต่างๆเอาไว้ เพื่อเพิ่มความสดใหม่อยู่เสมอแต่ครั้งนี้ผมได้พยายามลองอะไรใหม่ๆกับทาง <ARENA>.
บทบาทที่ผมแสดงในภาพยนต์เรื่องใหม่นั้นแตกต่างจากบทที่ผมเคยแสดงมาก่อนอย่างมากดังนั้นในตอนนี้ผมรู้สึกกระตือรือร้นในการที่จะแสดงออกด้านใหม่ๆของตัวเองออกมา และผมก็คิดว่าผมควรจะแสดงออกในสิ่งใหม่ๆในการถ่ายแบบเป็นครั้งแรกหลังจากห่างหายไปนานแบบนี้ด้วย
Q: การได้มองคุณในระหว่างการถ่ายแบบนั้นเป็นเรื่องใหม่เหมือนกันนะคะ คุณดูผ่อนคลายมากกว่าตอนที่คุณโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง <71:Into the Fire> มากๆเลย
TOP:ในตอนนี้ผมรู้สึกจะผ่อนคลายมากเกินไปแล้วละครับซึ่งมันจะเป็นปัญหาเอาได้นะครับ (หัวเราะ) จริงๆแล้วพื้นฐานผมชอบการถ่ายแบบนะครับ ผมสนุกกับมันและรูปจะออกมาดีขึ้นด้วยถ้าผมสนุกไปกับมัน ถึงผมจะทำตามคอนเซ็บซ์ที่ได้รับมา แต่ผมก็เรียนรู้ที่จะแสดงออกด้านที่หรูหราของตัวเองลงไปในคอนเซ็บซ์ที่ได้รับด้วย คุณต้องมีความรู้สึกละโมบอยากให้รูปออกมาดีๆ
จริงๆแล้วผมมักจะป้องกันไม่ให้ตัวเองขี้เกียจฮะ เพราะถ้าขี้เกียจสิ่งใหม่ๆก็จะไม่ได้ทำให้สำเร็จออกมา ผมมักจะซ่อนไพ่ของตัวเองไว้เสมอและเตรียมตัวให้พร้อม
Q: ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของคุณก็เป็นแบบที่คุณอธิบายมาเลยนะคะ มันเหมือนกับว่าคุณโชว์ไพ่ที่คุณเก็บซ่อนตลอด ออกมาให้พวกเราได้เห็น
TOP: ในตอนที่ผมให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง <The Commitment>,ผมเคยพูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะแสดงออกบุคคลิกของตัวเองออกมา และผมจะเลือกบทบาทที่น่าตกใจและคาดไม่ถึงเลยในภาพยนตร์เรื่องต่อไป
ในขณะที่กำลังมองหาบทแบบที่ตั้งใจผมก็มาเจอบทภาพยนตร์เรื่อง <Tazza-Hand of God>ครับ แต่ผมก็ลังเลในตอนแรกนะครับเพราะ ผมอาจจะโดนวิจารณ์อย่างดุเดือดจากแฟนๆการ์ตูนฉบับดั้งเดิมได้ แต่ตอนนี้ผมจะไม่สนใจในเรื่องใดเลยถ้าเรื่องนั้นมันไม่ได้กระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวผม ถึงแม้ผมจะรู้ว่ามันจะต้องหนัก ผมก็อยากจะท้าทายตัวเอง ในขณะที่ถ่ายทำผมยังคงพยายามที่จะดึงเอาด้านต่างๆที่ตัวเองไม่มี ออกมาอยู่เรื่อยๆอย่างต่อเนื่องครับ
TOP:ขนาดในตอนที่ผมอ่านบท ผมคิดว่าผมคงจะแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆถ้าไม่ยอมละเปลือกชั้นต่างๆในตัวเองออกไปซัก สองสามชั้น และเป็นเพราะแบบนี้ผมจึงต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างมาก ถ้าหากผมพยายามเกินไปที่จะดึงเอาด้านที่ตัวเองไม่มีออกมา คนดูก็คงคิดว่า " เอ?? ทำไมคนคนนี้ถึงทำแบบนี้ละ??" และคงคิดว่าผมพยายามเกินไปและคงจะยากสำหรับพวกเค้าที่จะอินไปกับภาพยนตร์ได้ซึ่งคุณจะต้องไม่ยอมให้ผู้ชมเห็นแบบนั้นเด็ดขาด
ในคืนก่อนที่จะเริ่มการถ่ายทำ ผมมีปัญหามากเลยละครับ การที่ย้อนคิดไปว่า ผมจะบรรยายบทบาทนี้ออกมายังไงให้มันดูไม่ซ้ำซากจำเจ?? ผมคิดเรื่องนี้เยอะมากครับ ผมไม่อยากจะวาดกรอบขีีดเส้นด้วยว่าจะไปได้สุดๆที่ตรงไหน แต่ผมแค่อยากจะลอกเปลือกชั้นที่ห่อหุ้มตัวเองออกไปให้หมด
Q: คุณชอบการพนันรึเปล่า??
TOP:ผมเป็นคนไม่ชอบเล่นเกมเลยครับ รวมถึงไพ่ด้วย ถึงขนาดที่ว่าผมไม่เคยเล่นเกมไพ่ในคอมพิวเตอร์ด้วยตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการที่จะเอาชนะครับ ดังนั้นผมมีความรู้สึกว่าผมต้องมองเห็นจุดจบของมันให้ได้ทันทีที่เริ่มเล่น ผมมักจะเตือนตัวเองอยู่เสมอและไม่เคยเล่นเกมใดๆเลย
ผมฝึกเล่นไพ่ Hwatu หนักมากๆในครั้งนี้ แต่ผมก็มีจุดประสงค์ว่าจะเป็นแบบนี้เพื่อการแสดงเท่านั้น ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ไม่ว่าผมจะเล่นไพ่นี้เก่งแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะไม่มีทางเล่น Hwatu เด็ดขาดครับ
Q:คือคุณไม่ต้องการจะเล่นเลยเพราะมันจะทำให้คุณโกรธมากถ้าหากว่าเกิดแพ้ขึ้นมาใช่ไม๊คะ? ฉันเข้าใจนะว่าคุณหมายถึงอะไร
TOP: ใช่ครับ ผมอาจจะต้องเอาชีวิตตัวเองลงมาเลยละฮะ (หัวเราะ)
Q: จริงๆแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ของคุณก็เหมือนกับการเล่นพนันเหมือนกันนะคะ
TOP:ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ผมจะได้เติบโตอย่างแน่นอนครับ เพราะผมต้องแสดงออกถึงด้านที่ผมไม่เคยแสดงออกมาก่อนหรือด้านที่ไม่มีในตัวผมด้วยซ้ำออกมา ผมรู้ว่าผมกำลังจะต้องเสี่ยงอย่างมาก แต่เพราะผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยง ผมจึงถูกมันดึงดูดมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ผมจะไม่สนใจในสิ่งที่ไม่เสี่ยงเลยละครับ
Q: ตอนนี้การถ่ายทำภาพยนตร์ก็เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ในด้านไหนที่ทำให้คุณเติบโตขึ้นคะ??
TOP: พูดตรงๆนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า ตรงนี้มีเส้นของความเหมาะสมอยู่ตรงไหนมันจะเหมาะไม๊ (555) ในตอนที่ถ่ายทำผมพยายามที่จะจับเอาความจำเพาะของนักแสดงแต่ละคนเอาไว้และผมมั่นใจว่าจะสามารถโชว์ในสิ่งที่เรียนรู้มานี้ได้ในภาพยนตร์เรื่องต่อไป ผมได้รับความมั่นใจมากขึ้นนิดนึงในทางที่ดีนะครับ
มีคนกล่าวไว้ว่า เมื่อคุณทำงานกับคนคนนึงคุณจะสามารถเห็นด้านที่หลากหลายของการใช้ชีวิตของเค้าได้ ด้วยประสบการณ์อันนี้ ผมสามารถมองเห็นด้านที่หลากหลายนั้นในระดับนึงเลยครับและมันทำให้ผมได้รับพลังที่ดีๆมามากมาย
Q: เป็นเพราะมีนักแสดงรุ่นพี่มากมายร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ในตอนแรกคุณรู้สึกกลัวเหมือนโดนข่มขวัญบ้างไม๊คะ??
TOP: จริงๆแล้วมันทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นซะอีกครับ เป็นเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ผมได้พบกับคนที่คล่องแคล่วเชี่ยวชาญ คนที่น่าทึ่งแสนวิเศษหลายๆคนที่ช่วยกระตุ้นความปรารถนาในการที่จะเอาชนะในตัวผมให้ลุกโชน ดังนั้นผมจึงได้รับพลังดีๆจากพวกเค้าครับ
พวกเค้ากล่าวว่ามันมักจะมีสงครามประสาทระหว่างนักแสดงในระหว่างถ่ายทำ และระหว่างนักร้องเวลาที่ขึ้นเวที แต่ผมไม่เก่งที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ ในทางตรงกันข้าม ผมพยายามที่จะรับรู้เอาพลังดีๆจากคนอื่นมากกว่า ผมพยายามรับเอาส่วนที่ดีที่ทรงพลังเอาไว้และส่งมันกลับคืนไปให้พวกเค้าเช่นกัน ผมทำแบบนั้นบ่อยมากๆในระหว่างที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้
Q: <Tazza-Hand of God>เป็นหนังประจำเทศกาลชูชอก เมื่อไหร่ที่คนพูดกันว่า "เป็นหนังประจำเทศกาลชูชอก" นั่นหมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับความสนใจและถูกจับตามองเป็นพิเศษ มันคงเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปนะคะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์แบบนี้
TOP: ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยละครับ มันยังคงให้ความรู้สึกเหนือจริงอยู่นะครับในการได้ฟังคำว่า "หนังประจำเทศกาลชูชอก" หรือคำว่า"หนังที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ"
เฉพาะตัวหนังก็สร้างความหนักใจให้กับผมอยู่แล้วละครับดังนั้นผมจะไม่เอาพลังงานของผมไปกังวลในเรื่องนั้นเพิ่ม เพราะผมรู้อยู่แล้วละฮะว่ามีความเสี่ยงสูง
Ham Daegil เป็นตัวละครจากการตูนชุดของคุณ Heo Young Man เรื่อง <Tazza>ซึ่งถูกอ่านและได้รับความรักมากมายจากคนในรุ่นผู้ใหญ่ ผมคิดแล้วคิดอีกคิดแล้วคิดอีกว่าผมควรจะทำให้บทบาทนี้น่าสนใจขึ้นได้ยังไง ผมยังคงรู้สึกอยู่เลยว่า ผมเป็นตัวแทนของ Daegil ที่ผสมผสานมาจากการสร้างของผู้กำกับ Kang Hyung Cheol และคุณ Heo Young Man.
Q: ดัวยความหนักใจทั้งหมดที่ว่ามา คุณคงรู้สึกผ่อนคลายแล้วในเมื่อการถ่ายทำจบลงซักที
TOP: ก็ไม่เชิงครับ ใบหน้าผมดูแย่มากๆในช่วงนี้ ปกติแล้วผมเป็นคนที่สิวไม่ขึ้นนะครับ ผมรู้สึกตกใจเลยฮะเมื่อมองหน้าตัวเองในการถ่ายภาพครังนี้
ช่วงก่อนที่ภาพยนตร์จะออกฉายหรือช่วงก่อนที่อัลบั้มจะออกวางแผงจะเป็นช่วงที่ใบหน้าผมจะแย่ที่สุดครับ การที่ทำงานเสร็จสิ้นและต้องรอที่จะนำเสนองานนั้นสู่สายตาผู้คน เป็นช่วงที่น่ากระวนกระวายใจที่สุดในโลก
มันเป็นช่วงที่ประสาทจะเล่นงานเอาครับ ผมจะกลายเป็นคนที่อ่อนไหวมากขึ้นในช่วงนี้ ผมจะประหม่า ผมจะนอนไม่หลับ ดังนั้นผมจะนั่งดื่มคนเดียวเยอะมากเลยฮะ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่น่ากระวนกระวายใจที่สุดสำหรับผม เพราะมันเป็นภาพยนตร์ที่ผมทุ่มเทเอาพลังงานและความรู้สึกทั้งหมดในช่วงกว่า 1 ปีของชีวิตตัวเองลงไปในนั้นนะครับ
=====================
Magazine Scans by criticalshot
Translated by bigbanggisvip
Thai Translated by miss mew
Please credit when taking out!
=================
สัมภาษณ์ ทาบิจากนิตยสาร Arena : korea เดือนกันยายน 2014
Part 1
part2
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)