วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

(Part1) สัมภาษณ์ GDYB จากนิตยสาร Bazaar's Man (มีนาคม 2014)


DOUBLE EDGE
กลางเดือนมกราคมที่ผ่าน จีดราก้อนและแทยังเดินทางมาถึงที่ปารีสทันทีที่แฟชั่นวีคประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปี 2014 ได้เริ่มขึ้น จากนั้นมาจากที่อพาร์ตเม้นซ์ในถนนย่าน Champs-Élysées จนถึง  Palais de Tokyo จาก ฟร้อนซ์โรลโชว์ของ Saint Laurent ช่างภาพและอินสตาแกรมของแฟนๆทั่วโลกต่างจับจ้องอยู่ที่ผู้ชายทั้งสองคนนี้ 



GD: นิสัยใจคอของเราทั้งคู่ต่างก็ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงฮะ ดังนั้นเราถึงเข้ากันได้ดี ถ้าหากว่าเราเหมือนกันเราอาจจะมีข้อขัดแย้งกันมากก็ได้ แต่นี่ตั้งแต่ยังเด็กๆเราก็แตกต่างกันแล้วตั้งแต่เริ่ม ก็มีเรื่องใหม่ๆเกี่ยวกับเค้าที่ผมพึ่งจะค้นพบอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ตามผมรู้จักเค้ามานานมากๆ และเราต่างก็เป็นแรงในด้านบวกให้กันและกันฮะ 

Taeyang: ผมคิดว่ามีคำนึงที่จะอธิบายมันออกมาได้ครอบคลุมที่สุดนะ นั่นคือ "ครอบครัว" ฮะ 

GD: เรามีเรื่องพูดคุยกันได้ไม่รู้จบ เราทั้งคู่ต่างก็ชอบพูดคุยกันโดยเฉพาะเรื่องราวในอดีตของเรา

Taeyang: ผมคิดว่าเราพูดคุยกันในหลายๆเรื่อง เวลาเราอยู่ในสถานการณ์บางอย่างเราก็มักจะคุยกันว่า " ฉันเคยผ่านสถานการณ์แบบนี้มานะ " ไม่ก็ "ย้อนกลับไปในตอนนั้น มันเป็นแบบนี้นะ" เวลาที่เราขับรถผ่านร้านอาหารที่เราเคยไปทานกันเมื่อตอนเป็นเด็กฝึก เราจะคิดเลยไปถึงเมนูที่เราเคยสั่งทานกันในอดีต บางครั้งเราก็ถึงกับแวะไปที่นั่นและสั่งเมนูนั้นมาทาน จนถึงตอนนี้ สำหรับผมมันก็ยังอร่อยมากฮะ (หัวเราะ) 


RENAISSANCE MAN
ฉันเคยอ่านจากที่ไหนซักแห่งว่า ความหมายของความเป็นคนนั้นไม่ได้อยู่ที่ความสำเร็จของเค้าแต่อยู่ที่สิ่งที่เค้าพยายามมุมานะทำให้ประสบความสำเร็จตั้งหากและเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันมองไปที่ แทยังฉันจะนึกถึงคำพูดนี้อยู่เสมอ ทัศนคติของแทยังนั้นมีแต่การถ่อมตัวอยู่เสมอ เมื่อเทียบกับการแสดงที่แสนวิเศษเหล่านั้นที่เค้าทำออกมา ในหัวเค้าเต็มไปด้วยความหลงใหลและแผนการที่มีไว้สำหรับการแสดงของเค้าเท่านั้น ดังนั้นแทนที่จะเอนหลังและสนุกผ่อนคลายไปกับการแสดงของแทยัง ฉันกลับนั่งตัวตรงและตั้งสมาธิในการดู 
แต่เพลงของเค้าเพลง Ringa Linga เพลงที่ดูเหมือนเป็นเพลงเรียกน้ำย่อยให้กับอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มที่สองของเค้า กลับสร้างความท่วมท้นให้กับฉันและเพลงนี้มันดูผ่อนคลายมากขึ้นจริงๆ 

Taeyang: ผมก็คิดเรื่องนั้นมามากเหมือนกันครับ ผมรู้นะว่ามีคนมากมายชอบที่จะได้เห็นการแสดงของผมที่มีความตั้งใจมากๆและเตรียมการมาอย่างดี แต่เพื่อที่จะทำให้เพลงของผมและการแสดงบนเวทีของผมดูใกล้ชิดกับผู้ชมมากขึ้นซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมว่าผู้ชมก็น่าจะสนุกกับมันเล่นกับมันได้ดีเหมือนกัน ดังนั้นการแสดงบนเวทีเพลง RingaLinga จึงออกมาแบบที่เห็นเพราะผมมีความคิดแบบนี้อยู่ในใจฮะ 

แทยังไม่เหมือนกับคนอื่นทั่วไปที่มักจะเอาใจปัจจัยแวดล้อมภายนอกและหาแรงบันดาลใจเอาจากคนอื่นหรือสิ่งอื่นๆในโลก แต่แทยังกลับเรียนรู้มากมายเอาจากตัวตนที่แท้จริงภายในตัวเอง และที่นั่นเป็นที่มาของความดื้อดึงหัวแข็งของเค้า 

Teayang: สารภาพนะครับ ในทุกๆวันของผม....คือผมเกลียดที่จะต้องพูดมันออกมานะฮะ แต่ทุกๆวันของผมเต็มไปด้วยปัญหาและความกังวลใจ ความรู้สึกที่ผมปล่อยออกไปบนเวที " นี่มันผ่อนคลายพอรึยัง?? " นี่มันให้พลังออกมารึเปล่า?? " คือผมไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องสำหรับเรื่องเหล่านี้คืออะไร ผมเคยต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในตอนที่ผมเป็นเด็กเพราะผมไม่รู้จริงๆเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้และทำให้เกิดความขัดแย้งกันในตัวตนของผม  แต่ในตอนนี้ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ ผมโตขึ้นและผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมสามารถที่จะแก้ข้อขัดแย้งในใจต่างๆออกไปได้แล้ว แต่ผมคิดว่ายังไงๆผมก็ยังต้องสู้ต่อไปอยู่ดี สำหรับผมอย่างเร็วก็คงจะใช้เวลาซัก 5 ปี อย่างช้าก็ 10 ปีในการที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งพอครับ

และนั่นเป็นเหตุผลที่มีคำพูดที่ว่า ปีทองของช่วงชีวิตคนเรานั้นอยู่ในช่วงอายุ กลางๆสามสิบเพราะในช่วงอายุนั้นคุณจะสามารถเห็นผลลัพท์จากสิ่งที่คุณต่อสู้มาในชีวิตได้ 

 
Taeyang: ผมตั้งใจเอาไว้ว่าผมจะสามารถทำเพลงที่เป็นตัวเองได้มากขึ้นหากผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น ผมคิดว่านี่คือชะตากรรมของคนเป็นศิลปินนะฮะ คือคุณต้องพยายามที่จะหาโลกของตัวเองต่อไปเรื่อยๆและบรรยายโลกนั้นออกมา
 แรงบันดาลใจที่แทยังได้จากโลกใบนี้อาจจะแตกต่างไปจากผู้สร้างสรรค์ผลงานคนอื่นๆในรุ่นเดียวกับเค้าเล็กน้อย แทยังได้รับแรงบันดาลใจจากซากปรักหักพังของวัฒนธรรมต่างๆ ธรรมชาติและจักรวาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลและแสดงออกมาให้เห็นในดนตรีและภาพลักษณ์ของเค้าด้วย

 Taeyang: ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆมากมายระหว่างที่เราทำ world tour ระหว่างช่วงเวลานั้นผมได้แรงบันดาลใจมากมายจากการใช้ชีวิตของผู้คนที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป นอกจากนี้ผมยังค้นพบสิ่งที่ผมเคยสนใจแต่ลืมมันไปแล้วอีกด้วย ในตอนที่ผมไปที่ เปรู ผมได้เดินทางไปยังแหล่งอารยธรรมอินคาและได้ไปตลาดของพวกเค้า ที่ตลาดพวกเค้าขายของทำมือที่ชาวพื้นเมืองทำขึ้นมา และผมคิดว่ามันเยี่ยมจริงๆ  ผมชอบสัญลักษณ์ หรือเครื่องประดับพื้นเมืองของชาวพื้นเมือง และผมยังได้แรงบันดาลใจให้กับทรงผมของตัวเองมาจากสัตว์อีกด้วย เช่น ครั้งนึงผมเคยทำทรงแมลงป่องด้วยนะฮะ (หัวเราะ)

 แทยังเป็นคนที่เหมาะที่สุดที่จะนั่งลงและคุยกับเค้า เค้าเป็นคนที่จริงจังและเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ นอกจากนี้เค้ายังเป็นคนที่จู่ๆก็จะฮัมเพลงและเต้นออกมาซะดื้อๆ แทยังยังเป็นคนที่กังวลว่าถ้าเค้าเอาพรสวรรค์ที่มีมากมายของเค้าออกมาเล่นสนุกมากเกินไป พรสวรรค์เหล่านั้นจะไม่เหลือให้กับการแสดงบนเวที 

Taeyang:คงต้องพูดว่าผมกังวลเรื่องนั้นจริงๆครับแต่ผมคิดว่ามันจะดีที่สุดถ้าผมใช้พลังลงไปกับการแสดงบนเวที ถ้าเกิดว่าผมชอบที่จะเล่นสนุกมากขึ้นเรื่อยๆจากนั้นผมก็จะเอาแต่ทุ่มเทพลังลงไปกับการเล่น แต่ผมจะมีความสุขมากกว่าที่จะได้เล่นสนุกบนสนามเด็กเล่นของผมที่มีชื่อว่า"เวที" นะฮะ 

ฉันคิดว่าสิ่งที่เค้าพูดออกมานั้นถูกต้องทีเดียว ที่คอนเสริต์ของบิกแบงที่จัดขึ้นหลังจากที่เค้ากลับจากปารีสเพียง 2 วัน ที่นั่น พรสวรรค์ของแทยังที่เปรียบเหมือนดั่งธนูทองคำได้ยิงไปโดนผู้ชมมากมาย 

 
 FANTASTIC MAN
ฉันไม่อยากจะเห็นจีดราก้อนในละครหรือภาพยนตร์ใดๆเลย แทนที่จะมองเค้าแสดงออกบุคคลิกที่เป็นตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นโดยบทละคร การได้มองดูตัวตนที่เรียบง่ายและการแสดงออกอย่างเป็นเอกลักษณ์ของเค้าผ่านเสียงเพลงเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่าตั้งเยอะ
จีดราก้อนในรายการทางช่อง MBC รายการ<Infinite Challenge> เป็นอีกตัวตนของจีดราก้อนที่น่าสนใจมากๆ ไม่ว่าเค้าจะทำเพลง ไม่ว่าเค้าจะไปออกรายการวาไรตี้โชว์ เค้าก็แสดงออกเป็นจีดราก้อนในแบบจีดราก้อนออกมา

GD: ครั้งแรกที่ผมเข้ามาที่บริษัทวายจี ผมอายุแค่ 5 ขวบเองครับยังเด็กมากๆ จากนั้นผมก็ไปที่วายจีเหมือนกับไปโรงเรียนและผมก็จะเขียนเพลงแร๊พและฝึกซ้อมไป และผมมักจะเลียนแบบแร๊พเปอร์ที่เค้ามี swag ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเค้าเองการทำแบบนี้เป็นการเรียนสำหรับผมฮะ คำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เปรียบเป็นตัวแทนการกระทำของผมและเพลงของผมคือ คำว่า Gangster ฮะ ในตอนแรกผมอาจจะแค่ลอกเลียนแบบสิ่งที่รุ่นพี่ในค่ายทำกัน พอถึงจุดหนึ่งสิ่งเหล่านั้นเริ่มมีอิทธิพลต่อผมและผมเองก็เริ่มหาสไตล์ที่เป็นของตัวเอง ผมเริ่มพัฒนาจุดยืนของตัวเองออกไป

ไม่ว่าผมจะอยู่บนเวที หรือในมิวสิควีดีโอ หรือในรายการอย่าง <Infinite Challenge> บางคนอาจจะคิดว่าพวกเค้าได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของจีดราก้อนอยู่ในขณะที่บางคนก็อาจจะคิดว่าเห็นด้านปลอมๆของจีดราก้อนอยู่ แต่สิ่งที่ผมคิดในตอนนี้คือผมเป็นตัวของตัวเองอยู่ตลอดเวลาและผมก็เป็นตัวผมจริงๆในทุกๆสถานการณ์ในชีวิตของผม

 การเป็นแฟนเพลงของจีดราก้อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะคุณจะต้องมีแหล่งข่าวสารที่ดีและต้องมีความหลงใหลใจรักด้วย เพลงที่หลากหลายจากอัลบั้มเต็ม 2 อัลบั้มและ 1 มินิอัลบั้มที่ออกมาจนถึงตอนนี้ มิวสิควีดีโอและแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และการโปรโมทของเค้าที่แตกต่างจากนักร้องคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง สิ่งที่จีดราก้อนสนใจที่เค้าแสดงออกผ่าน SNS ก็ดูจะยากที่แฟนๆจะตามเค้าทัน
ครั้งนึงจีดราก้อนเคยพูดว่าเค้าเข้าใจเหตุผลของ Kanye west ที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงสไตล์เพลงที่ทำอย่างที่ใจต้องการไปเรื่อยๆ ซึ่งจีดราก้อนก็เกือบจะเหมือนกับ Kanye west เหมือนกันเพราะเค้าก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรที่ท้าทายๆมากขึ้นไปเรื่อยๆ 

 GD: ที่ทั้งหมดเป็นแบบนั้น เป็นเพราะ ภาวะ ‘Narcissism’.( ภาวะการหลงตัวเอง) เรื่องแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับการถ่อมตัวหรอกครับ  ผมรู้ว่าผมทำอะไรได้ดีที่สุด แต่ผมก็ยังคงต้องการอยากจะทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป เพราะสำหรับผมแล้วมันสนุกดีครับ ถึงแม้ว่าผมจะทำเรื่องนึงได้ดีมากๆอยู่แล้ว แต่มันก็น่าเบื่อนะฮะที่จะต้องทำอะไรแบบเดิมในทุกๆครั้งและมันก็จะทำให้คนที่ฟังเพลงของผมเบื่อไปด้วย 

ทุกครั้งที่ผมทำงานในงานอะไรก็ตาม ความสนุกจะต้องมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามผมต้องคิดก่อนว่าคุณทำแล้วมีความสนุกรึเปล่า?ถ้ามี สิ่งอื่นๆก็จะตามมา ยอดขายอัลบั้มหรือยอดบนชาร์ตไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย คนอื่นก็จะมองแต่ยอดขายแล้วคิดต่อไปว่า " เค้าจบเห่แล้วละ" หรือไม่ก็ " เค้าล้ำเส้นไปแล้วนะ" แต่ผมพนันได้เลยว่า Kanye ไม่สนใจหรอกครับซึ่งก็เหมือนผม ผมไม่สนใจมันเลย เวลาที่ผมออกอัลบั้มใหม่ ผมไม่มีอะไรที่จะต้องมานั่งเสียใจเลยถ้าคนอื่นไม่ชอบมัน เพราะว่าผมได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำครับ" 

ศิลปินในโลกสมัยใหม่นี้ทัศนคติและผลงานของพวกเค้าถูกมองว่าเป็นศิลปะและมันก้แสดงออกให้เห็นว่าเค้าเป็นศิลปินและentertainerตัวจริงและศิลปินที่ทำงานเหล่านี้ก็ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะ 
จีดราก้อนพยายามที่จะทำให้ความรู้สึกของเค้า การกระทำของเค้า หรือแม้แต่การดำรงอยู่ของเค้าใส่ลงในศิลปะ 
ในทุกๆชั่วขณะเค้าจะกลายเป็นคนใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย มันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ตลอดกาลที่เราจะเข้าใจจีดราก้อนได้อย่างถ่องแท้สมบูรณ์ ทุกครั้งที่คุณคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเค้า เค้าก็จะเผยโฉมด้านใหม่ที่คุณไม่เคยเห็นอย่างสิ้นเชิงออกมา เสน่ห์ที่แสนวิเศษของผู้ชายคนนี้ก็คือ เค้ามักจะคิดค้นสิ่งใหม่ๆที่เกี่ยวกับตัวเค้าเองออกมาเสมอ 



English Translated by Dana a.k.a bigbanggisvip 
Magazine Scans by Joey + special thanks to Joey for the interview scans
Thai Translated by miss mew 

สัมภาษณ์ GDYB จากนิตยสาร Bazaar's Man เดือนมีนาคม 2014
Part2


============================================

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น