วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ท่านยางเล่าถึงเกณฑ์ในการคัดเลือก trainee


ท่านยางฮยอนซอกแห่งบริษัทวายจีเอนเตอร์เทนเม้นซ์ ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการในรายการคัดเลือก pop star หน้าใหม่ทางช่อง SBS ซึ่งตอนนี้ผู้คนต่างสนใจรายการนี้กันมากโดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการ
เมื่อไม่นานมานี้ท่านยางได้มีโอกาสมานั่งคุยกับทาง Osen ในเรื่องรายละเอียดที่เค้าใช้ในการคัดเลือกศิลปินฝึกหัดของ วายจี เค้าเปิดเผยว่า การที่จะรับเด็กเข้ามาฝึกหัดในวายจีได้นั้นมีวิธีการที่แตกต่างกันไปสองทาง ซึ่งก่อนอื่นเลย เรื่องของพรสวรรค์และความสามารถนั้นจะต้องเป็นที่เข้าตาบริษัทก่อนเป็นอย่างแรก และอย่างที่สองคือ จะคัดเลือกมาจากคนเป็นร้อยๆคนที่เข้ามาสมัครกับทางบริษัทเอง เค้ากล่าวว่า

" วายจีไม่ค่อยได้มีการรับศิลปินฝึกหัดเท่าไหร่ครับ แต่เราได้เพิ่มจำนวนในการรับให้มากขึ้นในปี 2011 ถ้าคุณมองดูแค่ด้านเดียว คงคิดว่า เราได้คนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมาแบบฟรีๆเลยนะถ้าเปิดรับศิลปินฝึกหัดมากๆ ถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากมากๆในการที่จะเข้ามาฝึกในบริษัทวายจี แต่ก็ยังมีเด็กจากทั่วประเทศเข้ามาพยายามและลองยื่นเรื่องด้วยตัวเองมากมาย เหตุผลที่ผมเปิดรับเด็กฝึกหัดมากขึ้นในปี 2011 นี้เนื่องมาจากว่า ตั้งแต่ 2ne1 เดบิวออกไปผมก็ตระหนักได้ว่าเราไม่มีเด็กฝึกหัดเหลืออยู่เลย ในตอนนี้เรามีเด็กฝึกหัดประมาณ 40 คนครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่ทางเราติดต่อให้มาฝึกกับเราก่อนทั้งนั้นเนื่องจากว่าพวกเค้าต่างมีชื่อเสียงในด้านทักษะความสามารถในด้านต่างๆ ที่โดดเด่น มีบางส่วนในจำนวนนี้ที่สามารถจะไปต่อและสามารถที่จะเป็นบิกแบงหรือ2ne1 คนต่อไปได้แน่นอน แม่ว่าดนตรีและสไตล์จะแตกต่างออกไปก็ตาม "

แล้วในกรณีของ Kang Seung Yoon ผู้เข้าแข่งขันในรายการ Superstar K2 ที่ตอนนี้เป็นศิลปินฝึกหัดอยู่กับทาง วายจี ละมีความเป็นมายังไง ท่านยางได้กล่าวว่า " ไม่ว่าจะต้องฝึกไปอีก 2 หรือ 3 ปีมันเป็นเรื่องของตัวคนคนนั้นและขึ้นอยู่กับทักษะของแต่ละคนมากกว่า" เมื่อเราถามถึงว่าเมื่อไหร่เค้าจะได้เดบิว ท่านยางก็ตอบทันทีเหมือนกับเค้าได้ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่อนุญาติให้ศิลปินฝึกหัดได้ขึ้นเวทีจนกว่าจะได้รับการเตรียมพร้อมมาอย่างดีในฐานะนักร้องแล้วเป็นอันขาด

ไม่เพียงแต่ Kand Seung Yoon เท่านั้นที่จะต้องอดทนอย่างมากในการฝึกหัดที่ยาวนานกว่าจะได้เดบิว รุ่นพี่ในค่ายอย่าง Se7en, Big Bang, 2NE1, และ Gummy ต่างก็ต้องผ่านขั้นตอนแบบนี้มาก่อนแล้วทั้งนั้น และมันเป็นเรื่องจริงที่ว่า เมื่อมีเด็กฝึกหัดคนไหนที่โดดเด่นออกมาเหมือนดาวจรัสแสง มันก็จะทำให้คนอื่นๆนั้นจบลงที่เป็นแค่ฝุ่นผงเหมือนกับดอกไม้ที่ไม่มีโอกาสจะได้เบ่งบาน

" เด็กฝึกหัดของเรานั้น ต่างก็เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้วไม่ใช่ได้มันมาด้วยความพยายามแต่อย่างใด ถ้าพูดง่ายๆคือ คนที่มีความสามารถเท่านั้นที่จะอยู่ต่อไปได้ มีเด็กมากมายที่ปล่อยให้พรสวรรค์ที่ได้ติดตัวมานี่สูญเปล่าและยอมแพ้ไป เด็กที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์เหล่านี้สามารถแบ่งได้เป็นสองพวกคือ พวกแรกเป็นพวกที่พยายามอย่างมากและจะขึ้นสู่ระดับที่"ยอดเยี่ยม"เพราะพวกเค้ามีการพยายามอย่างหนักที่จะพัฒนาทักษะและพรสวรรค์ของตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง

อีกพวกคือ พวกเด็กฝึกหัดที่ไม่ยอมฝึกซ้อมเพราะพวกเค้ารู้ว่าตัวเองเก่งและมีพรสวรรค์ แน่นอนว่าทางวายจีก็ไม่ได้ปล่อยให้คนขี้เกียจแบบนี้ผ่านไปได้ง่ายๆ แต่ทางเราจะให้เค้าพยายามแก้ไขหรือไม่เช่นนั้นเราก็คงต้องตัดพวกเค้าออกไป ซึ่งนี่เป็นระบบที่ยอดเยี่ยมที่เรารู้จัก "

ท่านยางยังได้อธิบายผ่านการสัมภาษณ์นี้ว่า " มีคนบอกว่าผมมักจะประหยัดคำชมไม่ค่อยได้ออกปากชมใคร แต่ผมคิดจริงๆว่าศิลปินฝึกหัดของวายจีนั้นมีพรสวรรค์และเก่ง ผมจำเป็นต้องรับบทผู้ร้ายที่ต้องคอยตำหนิและตักเตือนพวกเค้าในสิ่งที่พวกเค้าขาดไป แต่วัยรุ่นมักจะต้องการคำชมอยู่เสมอลึกๆในใจดังนั้นพอผมเอาแต่ตำหนิว่ากล่าวตักเตือนมันเลยเป็นการไปทำร้ายความรู้สึกของพวกเค้า แต่หากผมเอาแต่ชมพวกเค้า ด้วยความเป็นวัยรุ่นนี่เองอีก ที่จะทำให้พวกเค้าเหลิงไปกับคำพูดจนลืม จุดยืนของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างที่เค้าได้เรียนรู้ในตอนที่เป็นศิลปินฝึกหัดนั้นจะช่วยพวกเค้าไปตลอดชีวิตการทำงานในฐานะนักร้อง เพราะเมื่อคุณได้เดบิวไปแล้ว เวลาที่จะมาฝึกซ้อมลองผิดลองถูกจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ซึ่งตอนนี้มีทั้งเวลา สถานที่ให้สำหรับฝึกซ้อมก็ควรทำให้ดีที่สุด "

Source + Photos: OSEN
Eng Translation by : allkpop
Thai Translation by mew in mew mini museum

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554


เป็นแฟนแอคเค้าส์อีกแล้วนะค่ะ เจ้าตัวบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ
และออกตัวว่า ใครไม่เชื่อก็ขอให้ข้ามไปนะค่ะ มิวว่าน่ารักดีค่ะเรื่องอะไรเกี่ยวกับทาบิก็อยากแปล 55

===========

ท็อป ช่วยชีวิตฉันไว้

ตอนนี้ฉันอายุ 26 แล้วค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2006 ซึ่งในตอนนั้นบิกแบงยังไม่ได้เดบิวเป็นนักร้องเลย

คนที่อาศัยอยู่ในเขต Sinsa-dong คงรู้ดีว่าที่สี่แยกจะมีร้านกาแฟ Caffe Bene ร้านใหญ่ๆอยู่ ซึ่งที่ที่ฉันได้รับการช่วยเหลือจากท็อปก็ตรงนี้แหละค่ะ ซึ่งถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นนานมาแล้วแต่ร้านกาแฟร้านเดิมก็ยังคงอยู่ให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ ฉันเลยเขียนเล่าลงมาด้วย

ในตอนนั้น ฉันต้องการที่จะข้ามถนนตรงสี่แยกนั้น โดยที่ฉันมีหูฟังสวมอยู่และก็กำลังพิมพ์ข้อความหาเพื่อนไปด้วย ดังนั้นฉันจึงมัวแต่พุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่โทรศัพท์มือถือของฉัน ในตอนที่ฉันเดินข้ามถนนอยู่มีผู้ชายคนนึงมาสะกิดที่ไหล่ฉันฉันจึงถอดหูฟังออกและหันไปมอง เค้ามีอายุน่าจะราวๆ 20 ต้นๆ จู่ๆเค้าก็พูดว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันและเราก็เคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว และพูดเรื่องไม่เข้าท่าอีกหลายอย่างพร้อมกับดึงอย่างแรงให้ฉันออกไปกับเค้า

แถวนั้นมีร้านอาหารทานเล่นเยอะมากถ้าคุณเดินออกไปไกลอีกซักนิดจากสี่แยก เค้าลากฉันไปในถนนเส้นนั้น ฉันรู้สึกกลัวมากๆๆและเหนื่อยมากจากการที่ถูกดึงมาไกลแบบนี้ หลังจากที่ลากฉันมาอยู่ในตรอกตรงมุมแล้ว เค้าก็เอามือมาปิดปากฉันไว้ ฉันกลัวมากเหลือเกินจนไม่มีแรงจะทำอะไร ผู้หญิงแบบฉันจะไปสู้ผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าฉันถึง 2 เท่าแบบนี้ได้ยังไงกัน ?? ฉันพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อจะสู้แล้วแต่ก็ไม่มีอะไรที่ฉันจะทำได้ ผู้ชายคนนั้นดึงเสื้อของฉันขึ้นและลากมือเข้าไปในชุดชั้นในของฉัน ฉันรู้สึกกลัวมากและขยะแขยงมาก แต่สิ่งเดียวที่ทำได้คือ แค่ร้องไห้

ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงของ ผู้ชายหนุ่มคนนึงตะโกนว่า " นี่ นายจะทำอะไรหนะ?? " ในตอนนั้นฉันคิดว่ามีคนมาช่วยแล้วและรวบรวมพลังทั้งหมดผลักชายคนร้ายออกไป แต่ชายคนร้ายกลับพูดออกมาว่า " เธอเป็นแฟนฉัน อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้านหน่อยเลย" ฉันจึงบอกกับชายที่มาช่วยว่า นี่เป็นคร้งแรกที่ฉันเจอชายคนร้าย ฉันทั้งกรีดร้องและร้องไห้และอธิบายกับชายคนที่มาช่วยว่าฉันกำลังจะถูกข่มขืน

ชายที่มาช่วยจึงพูดกับชายคนร้ายว่า "นายควรจะทำตัวให้สมกับอายุหน่อยนะ ทำไมมาทำอะไรแบบนี้" จากนั้นชายคนที่มาช่วยก็ดึงฉันออกมาและพากลับมาที่สี่แยกเดิม ฉันรู้สึกปลื้มใจมากแต่ก็ยังไม่หายตกใจกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันเอาแต่ตัวสั่นแบบควบคุมไม่ได้เพราะยังคงกลัวอยู่มาก ชายคนนั้น พูดปลอบว่า " เธอคงจะกลัวมากสินะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วละ จำไว้นะว่าเวลาเดินคนเดียวต้องเดินในที่ที่มีคนมากๆๆ ที่ตรอกนั้นมีเหตุการณ์คล้ายๆกับเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นบ่อยมากเลยละ " จากนั้นเค้าก็พาฉันไปส่งที่ใกล้ๆบ้าน

ใช่แล้วค่ะ ชายคนที่มาช่วยฉันคือ ท็อปแห่งวงบิกแบง ถึงแม้ว่าเค้าจะอายุน้อยกว่าฉันแต่ก็มีความกล้าหาญมากกว่าฉัน เหตุผลที่ฉันมาเล่าให้ฟังในตอนนี้ทั้งๆที่เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว นั่นเป็นเพราะฉันอยากจะขอบคุณเค้า ซึ่งเค้าอาจจะกำลังอ่านเรื่องนี้อยู่ก็เป็นได้ ขอบคุณมากนะท็อป ฉันได้สมัครเป็นแฟนคลับบิกแบงและติดตามผลงานของบิกแบงอย่างใกล้ชิด นูน่าอยากจะขอบคุณมากๆที่กล้าหาญและมาช่วยนูน่าไว้ ฉันเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆของฉันฟังถึงความกล้าหาญของเธอในครั้งนั้นด้วยนะ

ท็อปแห่งวงบิกแบงได้ช่วยฉันไว้เมื่อนานมาแล้ว ฉันฟังเพลงของเธอนะ ดังนั้นตั้งใจทำงานและทำงานเพลงต่อไปนะ เมื่อไหร่ที่มีคอนเสริต์ฉันไปดูแน่นอนรับรอง ขอบคุณมากๆจริงๆจากใจ

Eng Translation: jwalkervip.tumblr.com
Thai Translation by mew in mew mini museum